“ดาวเข็มทิศ” แชร์ประสบการณ์หนึ่งปี
ที่ทำให้มั่นใจว่าเขียนนิยายเป็นอาชีพได้! 

            สวัสดีค่ะชาวเด็กดีทุกคน ใครที่เป็นนักอ่าน และอยากเป็นนักเขียน ต้องไม่พลาดเรื่องราวของ ‘ดาวเข็มทิศ’ ในบทสัมภาษณ์นี้เลยค่ะ เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของนักเขียนคนหนึ่งที่แม้ว่าเธอจะมีประสบการณ์เขียนนิยายเพียงแค่หนึ่งปี แต่เธอกลับมั่นใจว่าการเขียนนิยายออนไลน์สามารถทำเป็นอาชีพได้จริงๆ แถมเธอยังคิดต่อยอดการเป็นนักเขียนด้วยการนำรายได้จากการขายนิยายไปเป็นทุนสำหรับเรียนเพิ่มเพื่อการเขียนโดยเฉพาะอีกด้วย 

            พี่แนนนี่เพนจึงอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักกับดาวเข็มทิศ พร้อมผลงานนิยายของเธอที่เพิ่งติดท็อปนิยายเด็กดีไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยหวังว่าเรื่องราวของดาวเข็มทิศจะทำให้ทั้งนักอ่าน และนักเขียนได้เห็นตัวตน แง่คิดในการสร้างสรรค์ผลงาน และมุมมองอื่นๆ ที่เราอาจจะนึกขึ้นมาได้ระหว่างที่กำลังอ่านเรื่องราวของเธออยู่ ถ้าหากพร้อมกันแล้ว มาทำความรู้จักเธอกันเลยค่ะ ^^
 

 

“ดาวเข็มทิศ” กับประสบการณ์หนึ่งปีบนเส้นทางนักเขียน 

            สวัสดีค่ะ ดาวเข็มทิศค่ะ ตอนนี้กำลังเริ่มลงนิยายเรื่องใหม่ ชื่อ สลับรัก ดวงใจท่านอ๋อง ซึ่งเป็นเรื่องที่สามในหมวดนิยายแนวจีนโบราณค่ะ ช่วงโควิดนี้เป็นช่วงที่ทำให้เรามีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น มีเวลาคิดมากขึ้น แล้วก็มีเวลาเขียนนิยายมากขึ้นด้วยค่ะ ช่วงนี้นักอ่านก็เพิ่มขึ้นมาก จากตอนแรกไม่มีคนรู้จักเลย ตอนนี้มีคนคอยให้กำลังใจถือว่าดีมากๆ ค่ะ

            เราเริ่มต้นมาจากการเป็นนักอ่าน พออ่านแล้วรู้สึกอยากลองเขียนเองดูบ้าง ซึ่งตอนแรกคือเขียนสนองความอยากอ่านของตัวเอง เขียนมาเรื่อยๆ จนตอนนี้เขียนมาครบหนึ่งปีแล้วค่ะ ส่วนนามปากกา ดาวเข็มทิศ ด้วยความที่เป็นคนชอบดวงดาว ชอบเดินทาง กลุ่มดาวชนิดนี้จึงเหมาะกับใช้แทนตัวเรามากที่สุดค่ะ

            ตอนที่เขียนแรกๆ คือลงสองเรื่องพร้อมกันค่ะ ตอนนี้ลงจบไปเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องรักวัยรุ่น อีกเรื่องยังลงไม่จบค่ะ แต่ตั้งใจจะกลับไปแก้ไขแล้วลงใหม่ให้จบทั้งสองเรื่อง ส่วนเรื่องฝีมือคิดว่ายังต้องพัฒนาอีกเยอะเลยค่ะ ยังต้องสั่งสมประสบการณ์เพราะถือว่ายังใหม่มากๆ ค่ะ

 

ค้นหาตัวเองเจอว่าชอบแนวไหน จนเกิดนิยายที่มีคนอ่านมากกว่าครึ่งล้าน

            ถ้าชอบอ่านคือชอบแนวจีนโบราณ ตอนแรกยังไม่กล้าเขียนเพราะเป็นเรื่องไกลตัว แต่พอลองเริ่มเขียนแล้วมีนักอ่านชอบเลยรู้สึกมั่นใจขึ้น รู้สึกว่าเราก็เขียนได้ ตอนนี้แนวจีนจึงเป็นแนวที่ชอบที่สุดค่ะ ส่วนความยากของแนวจีน คือเป็นเรื่องไกลตัว เราจำเป็นต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมค่อนข้างเยอะ ทั้งในเว็บไซต์ต่างๆ หรือหนังสือ หลายครั้งได้คำแนะนำจากนักอ่านในเด็กดีทำให้สามารถปรับการเขียนมาได้เรื่อยๆ ค่ะ

            สำหรับนิยายจีนทั้งสองเรื่องของเราได้แรงบันดาลใจมาจากผู้หญิงยุคใหม่ ซึ่งลักษณะคือต้องเก่งพอตัว ต้องรู้ว่าเมื่อไรควรสู้ หรือเมื่อไรควรยอม รู้วิธีเอาตัวรอดค่ะ อย่างเรื่องแรก “ลิขิตรักแห่งกาลเวลา” เรื่องนี้ตั้งพล็อตไว้ว่านางเอกมาจากอีกโลกซึ่งแน่นอนว่าต้องเก่ง แต่ต้องทำทุกวิธีเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ ทั้งยังต้องใช้ความสามารถที่มีเอาตัวรอดให้ได้
 

 

            ส่วนเรื่อง “หลงกุ้ยอิง องค์หญิงไร้ค่าแห่งแคว้นหนาน” เราตั้งใจจะเขียนให้นางเอกไม่สมบูรณ์แบบเหมือนนางเอกคนอื่นๆ ค่ะ อยากให้พระเอกรักนางที่ความสามารถก่อนหน้าตา แล้วต้องการให้ตัวนางเอกค่อยๆ พัฒนาตัวเอง ทั้งความสามารถและหน้าตา แล้วด้วยความที่นางยังเด็กจึงจำเป็นต้องมีคนที่โตกว่าคอยแนะนำ ซึ่งนี่คือเหตุผลที่พระเอกเรื่องนี้แก่กว่านางเอกเยอะมากๆ จนนักอ่านชอบเรียกพระเอกว่าลุง

            ถ้าเทียบความร้ายของนางเอกจากทั้งสองเรื่อง เราว่าอิงอิงร้ายกว่านิดหน่อยค่ะ ด้วยความที่นางโตกว่าดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่า ส่วนกุ้ยอิงยังมีมุมเอาแต่ใจแบบเด็กๆ อยู่บ้าง แต่ถ้าความแสบน่าจะพอๆ กัน แสบทั้งคู่ ถ้าถามว่าพริกกี่เม็ดเราคงต้องให้ไปทั้งสวน เพราะนางแสบแบบยังมีคนตามใจเลยยิ่งไปกันใหญ่

            ส่วนที่คิดว่านักอ่านน่าจะชอบในนิยายของเรา น่าจะเป็นที่ตัวของหลงกุ้ยอิง ด้วยนางเอกเรื่องนี้ไม่ได้สวยหรือสมบูรณ์แบบ นักอ่านได้ดูพัฒนาการของตัวนางเอก ได้ลุ้นไปกับความรักของพระ-นาง ที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น รวมทั้งบรรดาคนรอบข้างของพระนางที่สามารถสร้างเสียงหัวเราะได้ตลอดค่ะ 
 

ผลตอบรับที่ดีเกินคาดทำให้มีกำลังใจอยากเขียนต่อไปเรื่อยๆ 

            ผลตอบรับดีมาก เกินคาดมากค่ะ ตอนนี้ยังงงๆ อยู่เลยตอนมีคนเรียกเราว่านักเขียน ตอนตอบคอมเมนต์ยังไม่กล้าใช้คำว่าไรท์เตอร์ คือทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากๆ ผลตอบรับเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขียนต่อเลยค่ะ ด้วยความที่ตอนแรกคือชอบเขียน เราสนุกที่ได้เขียนแต่เราไม่รู้ว่าคนอ่านจะสนุกกับเราหรือเปล่า พอมีคนอ่าน มีคนให้กำลังใจ มีคนแนะนำ เลยมั่นใจที่จะเขียนมากขึ้นค่ะ การเขียนนิยายสำหรับเราเลยกลายเป็นการคลายเครียดที่ดีมากค่ะ ยิ่งมีคนรออ่านยิ่งรู้สึกสนุกแล้วอยากเขียนไปเรื่อย ๆ แล้วยิ่งมีคอมเมนต์เดาเหตุการณ์ในตอนต่อไปยิ่งรู้สึกสนุก

 

 

เปิดขายนิยายออนไลน์เพราะนักอ่านอยากสนับสนุน

            เราเริ่มเปิดขายก็เพราะนักอ่านแนะนำมาค่ะ มีการถามถึงการขายออนไลน์ บางท่านถามถึงรูปเล่ม ซึ่งเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากๆ เลยค่ะ มีบางท่านอ่านจบแล้วแต่ยังตามอุดหนุน ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้กำลังใจจากคนที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเยอะขนาดนี้

            ตอนเปิดขายทุกคนสนับสนุนดีค่ะ เพราะเราจะเปิดให้อ่านจนจบก่อน แล้วจึงเริ่มปิดตอน ฉะนั้นนักอ่านที่ติดตามจะทราบก่อน หลังจากเปิดขาย ตอนเห็นยอดเข้าวันแรกคือดีใจมาก สิ่งที่เราทำด้วยความชอบสามารถสร้างรายได้ให้เราได้จริงๆ ซึ่งเป็นอะไรที่ดีมากๆ เลยค่ะ ตอนแรกคือคิดแค่ว่ามีคนอ่านบ้าง มีคนแสดงความคิดเห็นบ้างพอให้มีเพื่อนคุย พอเริ่มเปิดขายก็คิดแค่ให้พอมีรายได้บ้างเป็นค่ากาแฟ สิ่งที่ได้กลับมาจึงเกินกว่าที่หวังไว้มาก 

            แล้วระบบขายเด็กดีเหมือนเป็นสื่อกลางระหว่างนักอ่านและนักเขียนที่ชอบงานประเภทเดียวกันได้มาเจอกัน เรารู้สึกขอบคุณระบบออนไลน์พวกนี้มากๆ สำหรับเรานักอ่านในเด็กดีก็ไม่ต่างจากครูที่เราส่งงานแล้วจะมีคอมเมนต์กลับมาให้เราได้แก้ไขค่ะ
 

เก็บรายได้เป็นทุนพัฒนาฝีมือการเขียน และสร้างสรรค์ผลงานนิยายต่อไป

            นักอ่านคือแรงกระตุ้นค่ะ พอเราคิดว่ามีคนรออ่าน เราจะรู้สึกว่าต้องเขียนต่อให้จบ แล้วฟีดแบ็กโดยรวมดีมาก เราไม่ค่อยกังวลกับเรื่องรายได้เพราะเรายังทำงานประจำอยู่ ได้มานิดหน่อยก็ถือว่าดีมากๆ แล้ว ส่วนยอดวิวมีก็มีกังวลบ้าง หากวิวน้อยเราจะกลับมาคิดหาเหตุผล อาจเพราะงานเรายังมีปัญหาหรืออะไรบางอย่าง 

            ส่วนรายได้ที่ได้มาส่วนใหญ่เราเก็บไว้เป็นทุนค่ะ ตอนนี้กำลังคิดจะเรียนเพิ่มเติมด้านการเขียน แล้วก็พวกทำปกหนังสือ ตอนเขียนแรกๆ คือคิดแต่ว่าสนุก ไมค่อยคำนึงถึงสิ่งอื่นๆ พอมีคนติดตามผลงานเราอยากจะรับผิดชอบต่อนักอ่านให้มากขึ้นค่ะ 
 

เป้าหมายตอนนี้คือเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อเป็นนักเขียนมืออาชีพ

            เป้าหมายของเราตอนนี้คือเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุด แล้วหวังว่าวันหนึ่งงานเขียนซึ่งเป็นสิ่งที่เรารักจะเป็นอาชีพให้เราได้ เราคิดเสมอว่าหากได้อยู่กับสิ่งที่รักในทุก ๆ วันคงมีความสุขมาก 

            สำหรับเราการเป็นนักเขียนสามารถสร้างเป็นอาชีพได้แน่นอนค่ะ แต่ต้องมีวินัยในการเขียนพอสมควร ส่วนตัวเราก็สนใจอาชีพนี้มาก แต่กว่าที่จะยึดเป็นอาชีพได้น่าจะอีกนานเพราะประสบการณ์ยังน้อยมาก แล้วน่าจะต้องมีนิยายที่เปิดขายอย่างน้อยต้องมากกว่า 10 เรื่องเลยค่ะ
 

จากดาวเข็มทิศถึงนักเขียนเด็กดีทุกคน 

            เอาเป็นวิธีที่เราใช้แล้วกันนะคะ ปกติเวลาเขียนนิยายเราจะวางเค้าโครงไว้จนจบก่อน แล้วเขียนให้ได้อย่างน้อยประมาณ 50% หลังจากนั้นจะทยอยลงเว็บไซต์ค่ะ ระหว่างนั้นก็จะแก้ไขไปเรื่อยๆ ส่วนช่วงไหนที่รู้สึกหมดหวังหรือเขียนต่อไม่ได้ให้ลองหาอย่างอื่นทำ ออกไปเที่ยวบ้าง เจอคนใหม่บ้าง ที่สำคัญให้กลับไปคิดถึงเหตุผลแรกที่เริ่มเขียน ถ้าเราเริ่มเขียนเพราะความชอบจงเขียนต่อไป สักวันเราจะเจอทางของเรา จะมีคนเห็นสิ่งที่เราทำ ทุกอย่างต้องอาศัยเวลา

            ส่วนเคล็ดลับของเรามีข้อเดียวคือ อย่าหยุดเขียน ถ้าเขียนเสร็จแล้วไม่กล้าให้คนรอบข้างอ่าน นักอ่านในเด็กดีนี่แหละจะเป็นคนครูที่ดีที่สุด เราได้คำแนะนำจากนักอ่านมาเยอะมากๆ ค่ะ 

            สุดท้ายนี้ ฝากติดตามผลงานเรื่องต่อๆ ไปด้วยนะคะ ตอนนี้กำลังเปิดเรื่องใหม่ชื่อเรื่อง สลับรักดวงใจท่านอ๋อง สามารถติดต่อพูดคุยกันได้นะคะ ทาง Facebook ดาวเข็มทิศ นิยาย หรือ e mail prachan5221@gmail.com ได้ค่ะ 
 

            เป็นประสบการณ์หนึ่งปีที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ค่ะ เป้าหมายของดาวเข็มทิศที่มุ่งมั่นเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุดเพื่อจะได้ทำในสิ่งที่รัก และทำเป็นอาชีพ ทำให้เรามองเห็นแพชชั่นและความตั้งใจของเธอได้อย่างชัดเจนเลยค่ะ หลายคนอาจจะมองว่าเธอโชคดีที่เจอแนวนิยายที่อยากเขียนได้เร็ว จนสามารถสร้างสรรค์นิยายออกมาได้อย่างทุกวันนี้ แต่พี่อยากให้ลองมองอีกมุมหนึ่งค่ะว่าจริงๆ แล้วดาวเข็มทิศเริ่มต้นเขียนนิยายเพราะอะไร และมีเหตุผลใดที่ทำให้เธอมั่นใจว่าจะสามารถเขียนนิยายเป็นอาชีพได้ ทั้งหมดนี้มีคำตอบอยู่ในบทสัมภาษณ์แล้ว หวังว่าทุกคนจะได้แรงบันดาลใจดีๆ จากเรื่องราวของเธอกันนะคะ 

            มาเริ่มลงมือเขียนนิยาย และศึกษาการขายได้ง่ายๆ ได้ที่นี่เลยค่ะ : bit.ly/writer-howto

พี่แนนนี่เพน