ชวนรู้จัก ‘torki’ เด็กหนุ่มวัยเรียนที่แบ่งเบาภาระครอบครัวด้วยการขายนิยายออนไลน์

ชวนรู้จัก ‘torki’ เด็กหนุ่มวัยเรียนที่แบ่งบาภาระครอบครัวด้วยการขายนิยายออนไลน์

            สวัสดีค่ะชาวเด็กดีทุกคน ถ้าหากจะบอกว่าเว็บเด็กดีเป็นแพล็ตฟอร์มที่แจ้งเกิดนักเขียนมือใหม่จำนวนมาก พี่แนนนี่เพนคิดว่าคำบอกเล่านี้คงจะไม่กล่าวเกินจริงไปนัก เพราะนักเขียนเด็กดีหลายๆ คนที่พี่เคยสัมภาษณ์มา ทุกคนล้วนบอกกับพี่ว่าเริ่มต้นเขียนนิยาย และมีนิยายเรื่องแรกบนเว็บเด็กดีกันแทบทุกคนเลยค่ะ ซึ่งหนึ่งในนักเขียนที่พี่ชวนมาพูดคุยกันในวันนี้เขาก็เริ่มเขียนนิยายและมีนิยายเรื่องแรกกับเด็กดีเหมือนกัน  เขาคือเด็กหนุ่มวัยเฟรชชี่เจ้าของนามปากกา ‘torki’ ผู้เขียนนิยายเรื่อง ‘เทพมารตกสวรรค์’ และ ‘เกมพลิกชีวิตสะท้านโลก’ จนติดท็อปนิยายขายดีนานหลายสัปดาห์เลยค่ะ

            นักเขียนหนุ่มคนนี้ฝากบอกกับทุกคนว่าเขาเป็นคนอารมณ์ขันค่ะ หากเล่าเรื่องราวพร้อมตบมุกไปด้วยแล้วไม่เข้าใจ ก็ต้องกราบขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วย ซึ่งพี่ยืนยันให้เสียงหนึ่งเลยว่าบางมุกของน้องก็ตลกบ้าง บางมุกก็แอบขำแห้งไปนิดหนึ่งค่ะ (หัวเราะ) แต่หนือสิ่งอื่นใด ในบทความนี้ นอกจากเด็กหนุ่มจะมาเล่าว่าเขาแจ้งเกิดเป็นนักเขียนบนเว็บเด็กดีได้อย่างไรแล้ว เขายังมีเรื่องราวมากมายที่ได้รับจากการเขียนนิยาย และขายนิยายบนเว็บเด็กดี จนเป็นประสบการณ์ที่เขาภูมิใจ และอยากนำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ด้วยค่ะ 
 

‘torki’ คือใคร?

            สวัสดีครับ ชื่อเล่นชื่อ โอ๊ต นะครับ หรือใครจะเรียก น้องโอ๊ต หรือ พี่โอ๊ต ก็ได้ไม่ว่ากันครับ ฮ่าๆๆ ตอนนี้ก็กำลังแต่งนิยายอยู่ 2 เรื่องด้วยกันครับ เรื่องแรกคือเรื่อง ‘เทพมารตกสวรรค์’ ส่วนเรื่องที่สองคือเรื่อง ‘เกมพลิกชีวิตสะท้านโลก’ ครับ 

            ตอนนี้ผมก็กำลังเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ 1 คณะนิติศาสตร์ครับ ทุกวันนี้ก็เขียนนิยายเพิ่มครับ เรื่อยๆ แต่ตอนนี้ผมต้องจัดแจงเรื่องเวลาเขียนนิยายกับเวลาอ่านหนังสือ อาจจะทำให้เขียนลงช้าประมาณ 1-2 วันครับ แล้วตอนนี้ผมก็จะมีแผนว่าจะเปิดนิยายใหม่เร็วๆ นี้ด้วยครับ แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องที่แต่งอยู่ก่อนหน้านี้ ไม่ทิ้งหายไปไหนแน่นอนจ้า ถ้าทิ้งนักอ่านสามารถตามมาถึงบ้านได้เลยครับ ฮ่าๆๆ 
 

เริ่มเขียนนิยายตามฝันมาแล้ว 2 ปี ได้รับผลตอบรับดีเกินคาด

            การเขียนนิยายเรียกได้ว่าเป็นอีกความฝันหนึ่งของผมเลยก็ว่าได้ครับ ผมดีใจและรู้สึกดีเวลาได้เขียนนิยายหรือคิดเนื้อเรื่องขึ้นมา ถ้าถามผมว่ามาเป็นนักเขียนได้ยังไง ผมว่าผมชอบเพ้อบ่อยๆ ละมั้งครับ ผมชอบคิดมากด้วย คิดมากในที่นี้ก็คือจินตนาการไปเรื่อยครับ ในหัวมันไม่หยุดอยู่กับที่ครับ ผมก็เลยมาลงกับนิยาย มันเป็นความรู้สึกดีไปอีกแบบหนึ่งครับ เราสามารถนำจินตนาการที่เราคิดมาบรรยายเป็นตัวอักษรได้ พอเขียนมาได้สักพักก็ชอบเลยครับ ตอนนี้ก็เขียนมาได้ราวๆ 2 ปีกว่าแล้ว

            นิยายเรื่องแรกกับผลตอบรับที่ดีเกินคาด

            ‘เทพมารตกสวรรค์’ คือเรื่องแรกที่แต่งลง Dek-D ครับ ตอนนั้นคือผมเขียนโดยที่ไม่ได้นึกว่าจะมีคนมาอ่านนิยายของเรารึเปล่า เพราะตอนนั้นเราเขียนเพราะความชอบและสนุกล้วนๆ ครับ ฮ่าๆๆ แต่ตอนนี้ผลตอบรับมันดีเกินกว่าที่คาดไว้ ผมต้องขอขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ช่วยสนับสนุนผมจนมาถึงตอนนี้ แล้วก็สำหรับตัวผมนะผมคิดว่า นิยายมันสามารถช่วยให้เราคลายเครียดเหมือนกับว่าเราเข้าไปอยู่ในเนื้อเรื่องจริงๆ มันทั้งตื่นเต้นแล้วก็รู้สึกเพลิดเพลินไปอีกแบบครับ

            จากเรื่องแรกจนถึงตอนนี้

            คิดว่าพัฒนาขึ้นเล็กน้อยจากตอนแรกๆ ครับ เพราะช่วงนั้นผมบรรยายไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ฮ่าๆๆ พอกลับไปอ่านตอนแรกๆ แล้วการพูดคุย การสื่อสารในตอนนั้นของเรามันทำให้คิดว่า ทำไมตอนนั้นเราถึงบรรยายแบบนี้นะ ก็ได้แต่คิดนะครับ ฮ่าๆๆ แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามันดีกว่าเมื่อก่อนนิดหนึ่ง ก็จะพยามพัฒนาตัวเองเรื่อยๆ ครับ
 

‘เทพมารตกสวรรค์’ นิยายเรื่องแรกที่มาไกลถึงภาค 7

            นิยายเรื่อง ‘เทพมารตกสวรรค์’ ผมเขียนเพราะว่าปกติผมชอบประวัติความเป็นมาของเทพโบราณในสมัยต่างๆ อยู่แล้วครับ ผมเลยนำมาประยุกต์เข้าด้วยกันให้กลายเป็น ความรักจีนโบราณผสมผสานกำลังภายใน โดยเนื้อเรื่องจะมุ่งเน้นไปที่ ความรักที่ไม่สมหวังระหว่างเทพและมาร

            คิดไหมว่าเราจะเขียนมาได้ไกลถึง 7 ภาค

            ผมก็ไม่คิดเหมือนกันนะว่าจะเขียนมาไกลถึงภาคที่ 7 ตอนนี้ยังไม่มีกำหนดการจบครับ ฮ่าๆๆ เขียนต่อเรื่อยๆ แล้วก็เหมือนที่ผมบอกผมมาไกลได้ขนาดนี้ก็เพราะนักอ่านทุกคน ตอนนี้เนื้อเรื่องดำเนินมาถึงเกือบจะครึ่งทางแล้วครับ ยังไงก็ฝากติดตามนิยายเรื่องนี้ด้วยนะครับ เพราะอย่างที่บอกว่ามันเป็นความรักที่ไม่สมหวังระหว่างเทพและมาร ความรักที่ไม่สมหวังผมรู้ว่าทุกคนเคยประสบพบเจอมา ตัวผมเองก็เหมือนกัน ฮ่าๆๆ เหมือนเอามาจากชีวิตจริง // ขำแห้ง แต่ว่าเรื่องนี้ ตัวเอกของเราจะทำทุกอย่างในปัจจุบันอย่างสุดความสามารถ ถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดในอดีตไม่ได้ก็ตามครับ 
 

‘เกมพลิกชีวิตสะท้านโลก’ เกิดขึ้นเพราะอยากลองทำอะไรที่ท้าทายเพื่อพัฒนาตัวเอง  

            เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมมีแรงบันดาลใจมาจากการเล่นเกมออนไลน์ครับ ผมเลยตัดสินใจเขียนเพราะมันเป็นแนวที่แปลกใหม่สำหรับผม มันท้าทายดีครับ อะไรที่ท้าทายมันจะทำให้เราพัฒนาตัวเองได้ครับ อันนี้แนวคิดของผมนะ ไม่เฉพาะเรื่องนิยาย ทุกคนมีสิ่งที่ไม่ถนัดเหมือนกัน เราจะใช้มาตรฐานเดียวกันในการตัดสินไม่ได้ แต่สำหรับตัวผม ผมอยากจะลองในสิ่งที่ผมไม่เคยทำและไม่ถนัด อยากจะลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับตัวเองดูครับ แต่เดี๋ยวนะคุยกันเรื่องนิยายมาประสบการณ์ชีวิตเฉยเลย ฮ่าๆๆ

            ส่วนกระแสตอบรับเรื่องนี้ดีมากครับ ดีจนแบบไม่คิดว่าจะมีคนอ่านเยอะถึงหมื่นคน ฮ่าๆส่วนคอมเมนต์ แน่นอนว่าทุกคอมเมนต์เป็นกำลังใจของผมเสมอ ถึงจะมีคอมเมนต์ที่ติชมผม ผมก็ยอมรับและขอบคุณครับ ผมดีใจนะที่มีคนคอมเมนต์มา เพราะผมจะได้ทราบจุดบกพร่องและนำไปพัฒนาการเขียนให้ดียิ่งขึ้น
 


 

นิยายทั้งสองเรื่องกลายเป็นรายได้ที่ทำให้รู้สึกภูมิใจ

            ตอนนั้นผมรู้จักเว็บเดียวที่ใช้เขียนนิยายก็คือเว็บ Dek-D พอเขียนไปเรื่อยๆ ผมก็เริ่มขายนิยายครับ เพราะเมื่อราวๆ 2 ปีที่แล้วครอบครัวผมมีปัญหาเรื่องเงิน รายจ่ายมากกว่ารายรับ ผมเลยตัดสินใจติดเหรียญซึ่งถ้าผมจำไม่ผิด ผมเคยแจ้งนักอ่านทุกท่านในตอนนั้นไปแล้วครับว่าผมจำเป็นต้องนำเงินมาช่วยเหลือครอบครัว แล้วก็แบ่งเบาภาระพ่อแม่ครับ ไม่มากก็น้อย 1 บาทมีค่าสำหรับผมเสมอครับ เพราะเมื่อรวมกันมากๆ มันจะเป็นจำนวนเงินที่มากพอที่จะช่วยครอบครัวผมครับ ผมคิดเสมอนะครับว่าถึงเราจะเป็นเด็ก แต่เราก็สามารถทำในสิ่งที่ผู้ใหญ่บางคนทำไม่ได้เช่นกัน นั่นก็คือแต่งนิยายครับ สำหรับผมตอนนั้นนะ ฮ่าๆๆ

            ส่วนครอบครัวผมเขาจะรู้อยู่แล้วครับว่าผมเขียนนิยาย เพราะผมเป็นคนขอแม่ให้พาไปเปิดบัญชี ฮ่าๆๆๆ ตอนแรกแม่ผมก็สงสัยว่าทำไมต้องเปิดบัญชีใหม่ เพราะตอนนั้นผมมีแค่ออมสิน อย่างเดียว แต่ตอนนั้น ใน Dek-D ไม่สามารถโอนเงินผ่านออมสินได้ ผมเลยขอให้แม่พาไปเปิดบัญชีใหม่ทางบ้านก็เลยรู้ตั้งแต่ตอนนั้นครับ 

            แล้วผมก็ได้นำเงินส่วนนี้ (จากการเขียนนิยาย) ไปจ่ายค่าหอพักและใช้จ่ายสำหรับการเรียนครับ เพราะตอนนี้ตัวผมไม่ได้ขอเงินจากทางบ้านแล้ว ผมเกรงใจพ่อแม่ อยากจะทำให้พ่อแม่ภูมิใจในตัวผมครับ แล้วพอผมมีเงินจากตรงนี้ ผมก็ดีใจที่มันสามารถช่วยเหลือแบ่งเบาภาระพ่อแม่ของผมได้ครับ คำพูดที่ทำให้ผมดีใจมากๆ ก็ตอนแม่บอกว่าแม่ภูมิใจในตัวลูกนะ เพียงแค่ประโยคสั้นๆ แต่มันมีความหมายเป็นหมื่นเป็นล้านเลยครับ อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ สำหรับใครบางคนแต่สำหรับผม ถ้าเป็นพ่อแม่ยิ่งใหญ่เสมอครับ แต่ว่านะครับ ที่บ้านตอนนี้แม่ยิ่งใหญ่จนพ่อต้องยอมเลยครับ ฮ่าๆๆ 
 

นักอ่านคือแรงผลักดันที่สำคัญที่สุด

            หลังเปิดขายเหรอครับ ผมดีใจมากครับ ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าจากหลักร้อยในวันนั้นจะมาถึงขั้นนี้ได้ ตอนนั้นก็คิดบ้างเล็กน้อยครับว่าจะมีคนมาซื้อนิยายของเราบ้างรึเปล่า หรือติดเหรียญแล้วคนจะอ่านน้อยลง ก็กังวลนิดหน่อยครับ แต่ผมเอาเวลากังวลตรงนี้มาพัฒนาฝีมือการเขียนตัวเองดีกว่า ฮ่าๆๆ 

            จริงๆ ถ้าไม่มีนักอ่านที่คอยสนับสนุนผม ผมก็คงไม่มีวันนี้ครับ เห็นหลายคอมเมนต์ที่ชอบนิยายของผมแต่ไม่สามารถเติมเหรียญได้ตรงส่วนนี้ผมเข้าใจและก็ต้องขอโทษจากใจจริงครับ การสนับสนุนของผู้อ่านทุกท่านเป็นแรงผลักดันให้ผมเสมอ อย่างที่ผมได้บอกไปก่อนหน้านี้ ถ้าไม่มีผู้อ่านที่คอยสนับสนุนหรือให้กำลังใจผมก็คงไม่มีวันมาถึงจุดนี้ครับ
 

ในวันที่เรียนและเขียนนิยายไปพร้อมๆ กัน

            ตอนนี้ผมแบ่งเวลาเรียนกับเวลาเขียนนิยายครับ โดยปกตินิยาย 1 ตอน ผมใช้เวลาแต่ง 20-30 นาที ตรวจคำผิดอีกก 5-10 นาทีครับนิยายเรื่องอื่นๆ ก็ใช้หลักการเดียวกันครับ เวลาที่เหลือก็ใช้อ่านหนังสือครับ 

            สำหรับตัวผมการเขียนนิยายสามารถเป็นอาชีพได้ครับ แต่ตอนนี้ผมอยากเรียนเพื่อไปสอบตำรวจก่อน ความฝันของผมเกี่ยวกับการเขียนตอนนี้อยากจะลองส่งผลงานให้สำนักพิมพ์พิจารณาดูครับ แล้วผมก็อยากเขียนต่อไปเรื่อยๆ เพราะผมรักการเขียนนิยายครับ
 

ถ้ามีเวลาหรือหยุดเวลาได้ อยากจะหยุดและแต่งนิยายหลายๆ เรื่อง

            ตอนนี้มีแพลนว่าจะเปิดนิยายอีกเรื่องในเร็วๆ นี้ครับ ส่วนเรื่องที่แต่งมาก่อนหน้านี้แล้วก็จะแต่งไปจนจบแน่นอนครับ เพราะตอนนี้ตัวผมสนใจหลายแนวมาก ถ้ามีเวลาหรือหยุดเวลาได้ผมอยากจะหยุดและแต่งนิยายหลายๆ เรื่องทันทีเลย แต่ความจริงมันน่าเศร้านะครับ เราหยุดเวลาไม่ได้ ฮ่าๆๆ

            สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามผลงานของผมมาจนถึงตอนนี้ ขอบคุณมากๆ ครับ ทุกคนสามารถคอมเมนต์ติชมผมได้เสมอครับ ผมจะนำไปปรับปรุงครับ เรื่องที่เคยผิดพลาดผมก็ขอโทษด้วยจริงๆ ผมจะจำเอาไว้เป็นบทเรียนครับ
 

.  . 

            เป็นยังไงกันบ้างคะ พอจะสัมผัสความตลกและอารมณ์ขันของน้องโอ๊ตกันได้ไหม ตอนที่พี่แนนนี่เพนคุยกับน้องโอ๊ต วันนั้นน้องบอกว่าเพิ่งเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่ง และเพิ่งย้ายเข้าไปอยู่หอวันแรกเลยค่ะ พอได้คุยกัน ได้รู้จักตัวตนของนักเขียนนามปากกา torki มากขึ้น พี่รู้สึกว่าได้เลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะต้องสร้างแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับทุกคนได้แน่นอนค่ะ ทั้งในแง่ของการใช้ชีวิต และในแง่ของการเขียนนิยาย ที่แม้ว่าเขาจะเรียนไปด้วย เขียนนิยายไปด้วย แต่น้องโอ๊ตก็สามารถแบ่งเวลามาเขียนนิยาย และอ่านหนังสือได้ทุกวันเลยค่ะ สิ่งนี้นี่เองที่พี่แนนนี่เพนอยากจะสื่อให้ทุกคนได้เห็น เพราะมันคือ ‘วินัย’ ที่นักเขียนทุกคนจำเป็นต้องมีนั่นเองค่ะ 

            นอกจากนี้ น้องโอ๊ตยังได้แชร์แง่มุมของการขายนิยายออนไลน์บนเว็บเด็กดีว่าเป็นแพล็ตฟอร์มที่สร้างรายได้ให้กับนักเขียนมือใหม่ และยังเต็มไปด้วยนักอ่านจำนวนมากที่ยินดีสนับสนุนผลงานนักเขียนอีกด้วย ซึ่งใครที่อยากลองเปลี่ยนจินตนาการให้กลายเป็นรายได้เหมือนน้องโอ๊ต มาเริ่มเขียนนิยาย และศึกษาการขายได้ง่ายๆ ที่ลิงก์นี้เลยค่ะ : bit.ly/writer-howto

พี่แนนนี่เพน
 

            อ่านผลงานของ   ‘torki’ 

5 เรื่องต้องรู้! เปิดขาย “แพ็กเกจใหม่” อย่างไรไม่ให้เสียสิทธิ์แคมเปญ “ลดราคา”

พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

Shadow_J Member 9 ส.ค. 63 18:44 น. 1

ดูท่าทางคุณ Torki จะหัวเราะเก่ง แต่ตอนนึงใช้เวลาเขียนแค่ 30 นาทีเอง เก่งจัง อยากทราบว่า 1 ตอนที่เขียนใช้เวลา 30 นาที มีจำนวนตัวอักษรเท่าไรครับ


ชอบตามอ่านบทสัมภาษณ์นักเขียน เป็นกำลังให้ทีมงานครับ

1
torki Member 9 ส.ค. 63 23:13 น. 1-1

ประมาณหนึ่งพันตัวอักษรครับแต่ไม่เกินสองพันตัวอักษร ถ้าหัวลื่นๆก็อาจจะเยอะกว่าปกติครับอีกอย่าง ขึ้นอยู่กับสภาพความคิดเนื้อเรื่องแล้วก็การดำเนินเรื่องด้วยค้าบบบ มีอะไรสอบถามเพิ่มเติมได้นะครับ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด