“นิยายออนไลน์เป็นเหมือนสื่อกลางที่ทำให้นักเขียนกับนักอ่านเดินทางมาเจอกัน” - หมิงเยว่


“นิยายออนไลน์เป็นเหมือนสื่อกลาง
ที่ทำให้นักเขียนกับนักอ่านเดินทางมาเจอกัน”

- หมิงเยว่ -

“หมิงเยว่” นักเขียนชาวเด็กดีที่ถ้าพูดถึงชื่อนามปากกาขึ้นมาลอยๆ อาจมีนักอ่านจำนวนไม่น้อยที่สงสัยว่านักเขียนคนนี้เป็นใคร เขียนนิยายเรื่องไหนมาแล้วบ้าง แต่ถ้าพูดถึงนิยายเรื่อง “งอกงาม” ขึ้นมา พี่หญิงเชื่อว่าหลายคนร้อง อ้อ แน่ๆ เพราะเรื่องนี้เป็นนิยายแนวปลูกผักที่มาแรงมากๆ จนสามารถครองอันดับท็อปนิยายเด็กดีมาหลายสัปดาห์ติด!

ผลตอบรับที่มากมายขนาดนี้ก็สร้างความเซอร์ไพรส์ให้หมิงเยว่ไม่น้อยเลยค่ะ ระหว่างการพูดคุยเธอได้บอกกับเราว่าตอนแรกเริ่มเธอไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคนสนับสนุนเธอเยอะขนาดนี้เลยแม้แต่น้อย เธอเพียงแค่เขียนในสิ่งที่เธอชอบและอยากเขียนเท่านั้น หวังแค่มีคอยติดตามอ่านแค่คนสองคนก็ดีใจแล้ว พอผลออกมาดีเกินคาดเธอจึงทั้งดีใจ และรู้สึกกดดันไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ ทว่าถึงจะกดดันเพีัยงใด หมิงเยว่ก็ยังขยันสร้างผลงานตอนใหม่ๆ มาอัปเดตให้ชาวเด็กดีอ่านกันอยู่ทุกวัน   ซึ่งเธอมีเคล็ดลับอะไร ถึงสามารถเขียนนิยายอัปเดตได้ทุกวันนี้แบบนี้ วันนี้เรามาฟังคำตอบจากเธอกันค่ะ 

หมิงเยว่ แปลว่า พระจันทร์ที่สว่างไสว

สวัสดีค่ะ ชื่ออุ๋มอิ๋มนะคะ อายุ 24 ปี เจ้าของนามปากกา หมิงเยว่ เป็นนักเขียนมือใหม่ค่ะ แต่จริงๆแล้วเข้าสู่วงการนักเขียนเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว แต่ได้ห่างหายจากงานเขียนไปหลายปี เพราะเรียนหนักและไม่มีเวลาเขียนค่ะ 

หลังจากเรียนจบแล้วจึงกลับมาจับงานเขียนอีกครั้ง เคยมีผลงานที่แต่งจบแล้ว 2 เรื่องค่ะ คือเรื่อง ลำนำวาริธร และเรื่องบัวช้ำน้ำ เป็นนิยายที่ลงในเว็บเด็กดีนี่แหละค่ะ ทั้ง 2 เรื่องนี้ใช้นามปากกา รอยจันทร์ค่ะ  ตอนนี้ไม่ได้แต่งนิยายเป็นอาชีพหลักนะคะ ทำเป็นงานอดิเรกค่ะ เพราะทำงานประจำอยู่

หมิงเยว่  มาจากชื่อจริงของเราเองค่ะ ชื่อจริงของเราชื่อแจ่มจันทร์ค่ะ (ชื่อโบราณนิดหนึ่งนะคะ เขินจัง555) เราแปลชื่อจริงของเราเป็นภาษาจีนค่ะ หมิง แปลว่าสว่างไสว ส่วน เยว่ แปลว่าพระจันทร์ค่ะ ดังนั้น หมิงเยว่แปลเป็นไทยจะแปลว่า ดวงจันทร์/พระจันทร์ที่สว่างไสวค่ะ ซึ่งก็ตรงกับชื่อจริงของตัวเองค่ะ

ซึ่งสาเหตุที่มาใช้นามปากกา หมิงเยว่ เพราะอยากจะมีนามปากกาที่มีกลิ่นอายความเป็นจีน เอาไว้สำหรับแต่งนิยายแนวจีนโดยเฉพาะค่ะ นามปากการอยจันทร์ก็คือมีความไทยแท้มากๆ อยากจะแยกให้คนที่อ่านนิยายเราเลือกอ่านแนวนิยายที่เค้าอยากอ่าน เพราะแต่งหลายแนว (ฮา) คนอ่านจะได้ไม่สับสน ตั้งใจว่ารอยจันทร์จะเอาไว้สำหรับแต่งนิยายไทย ส่วนหมิงเยว่ก็เอาไว้สำหรับแต่งนิยายแนวจีนค่ะ 

เริ่มเขียนนิยายเพราะว่างเกินไป

จุดเริ่มต้นเลยคือเป็นนักอ่านมาก่อนเหมือนกับนักเขียนหลายๆ คนค่ะ คือเป็นคนที่ชอบอ่านนิยายมากๆ ทั้งซื้อเป็นเล่มมาอ่าน แล้วก็ตามอ่านนิยายรายตอนในเด็กดีค่ะ จุดเปลี่ยนและการเริ่มสู่เส้นทางนักเขียนคือช่วงที่ประเทศของเรากำลังจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ตอนนั้นเรากำลังจะเข้าเรียนมหาลัยปี 1 พอดี ทำให้มหาลัยปิดเรียนไป 6 เดือน เพื่อปรับเปลี่ยนเวลาในการเปิดภาคเรียนของมหาลัย 

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราว่างมากๆ เลยค่ะ กิจกรรมที่ทำคือ อ่านค่ะ อ่านนิยายทั้งวันเลย เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ อ่านจนกระทั่งไม่มีนิยายเรื่องอะไรให้อ่านแล้ว จึงทำให้เราคิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าไม่มีนิยายให้อ่านแล้วก็แต่งนิยายอ่านเองเลยดีกว่า นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เราแต่งนิยายเรื่องแรกเรื่อง ลำนำวาริธรค่ะ


เขียนเรื่องแรกจบได้เพราะคำแนะนำจากนักอ่าน

นิยายเรื่องแรกคือเรื่อง ลำนำวาริธรค่ะ เป็นแนวจีนโบราณเหมือนกันค่ะ เพราะเราเป็นคนที่ชอบอ่านนิยายแนวจีนโบราณมากๆ เรื่องนั้นเราแต่งเพราะสนองความต้องการอยากเล่าเรื่องราวของตัวเองเท่านั้นเองค่ะ เวลาเราอ่านนิยายหลายๆ เรื่องเราจะอยากให้ตัวเอกเป็นแบบนั้นแบบนี้ตามที่เราคิด แต่เมื่อมันไม่เป็นตามที่เราหวังเราก็จะรู้สึกไม่ถูกใจ ดังนั้นเราจึงหันมาแต่งนิยายเองเสียเลยเพราะต้องการสนองความต้องการของเราเองค่ะ

ตอนเขียนครั้งแรกเราก็เขียนไปตามที่เราคิดเลยค่ะ นึกอยากเขียนอะไรก็เขียน ทำให้เรื่องขาดความเป็นเหตุเป็นผลมากๆ เลยค่ะ ตอนนั้นลงนิยายตอนแรกตื่นเต้นมาก เข้าไปดูหน้านิยายทุกๆ 5 นาทีว่ามีคนเข้ามาอ่านเรื่องของเราไหม พอมีคนมาเมนต์ก็ตื่นเต้นมาก ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ดีเลย ใจเต้นแรงมากๆ แต่ด้วยความที่นิยายของเรามันขาดความสมเหตุสมผลทำให้มีนักอ่านเข้ามาติติงพอสมควร ตอนนั้นคือรู้สึกแย่มาก แต่เราต้องยอมรับว่านิยายเรามีข้อบกพร่อง ทำใจยอมรับและพัฒนาที่ตัวเราค่ะ นิยายเรื่องแรกจึงสามารถแต่งจนจบได้เพราะคำแนะนำและกำลังใจจากนักอ่าน

อยากเขียนนิยายให้ปังต้องมีวินัย มีความสมเหตุสมผล และอ่านแล้วต้องอิน!

เวลาเขียนนิยาย หากอยากให้นักอ่านอินกับนิยายของเรา นักเขียนต้องอินในเรื่องราวนั้นก่อนแล้วจึงจะถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ดีมากขึ้นค่ะ นอกจากนี้ความเป็นเหตุเป็นผลของเรื่องราวก็ขาดไม่ได้เช่นกันค่ะ นักเขียนจะต้องจำลองเป็นทุกตัวละครในนิยายแล้วคิดว่าในสถานการณ์นั้นๆ ตัวละครตัวนี้กำลังคิดอะไรอยู่ เพราะความสมเหตุสมผลมีความสำคัญกับนิยายมากๆ มันทำให้นิยายของเรามีมิติมากขึ้น และเมื่อมีเหตุผลมารองรับทุกการกระทำของตัวละคร ก็จะทำให้คนอ่านรู้สึกสมจริงและอินมากขึ้น แม้ว่านิยายเรื่องนั้นๆ จะเป็นนิยายแฟนตาซีก็ตาม โดยเรื่องงอกงามนี้เราพยายามใส่เหตุผลเข้าไปรองรับการกระทำของตัวละครเสมอค่ะ แม้ว่าในบางจุดจะผิดพลาดไปบ้างก็ตาม

นอกจากนี้แล้ว หากอยากเอัปเดตนิยายให้ได้ทุกวันเราต้องมีวินัยค่ะ ต้องเขียนทุกวันอย่างน้อยวันละ 400 คำก็ยังดี หากพิมพ์ในคอมไม่ได้ เราจดโน้ตไว้ในโทรศัพท์ก็ได้ค่ะ เราเป็นคนชอบสังเกต เมื่อเห็นอะไรแปลกๆ เราก็จะนำมาต่อยอดได้ตลอดเลยค่ะ โดยในระหว่างวันเมื่อเรามีเวลาว่างหรือเกิดไอเดียก็จะจดเอาไว้ก่อน พอถึงช่วงเย็นก็มาแต่งต่อค่ะ

อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าเราเขียนนิยายเป็นงานอดิเรก และเรามีงานประจำด้วยค่ะ รับราชการในองค์กรแห่งหนึ่ง ตำแหน่งนักวิชาการ ทำงานช่วงกลางวัน เราจะแต่งนิยายช่วงเย็นหลังเลิกงานค่ะ แล้วก็ตื่นมาแต่งอีกทีตอนเช้ามืดก่อนจะไปทำงาน จะทำแบบนี้ทุกๆ วันค่ะ ต้องอาศัยความมีวินัยและความขยันพอสมควรค่ะ

งอกงาม ผลงานที่ต้องการให้นักอ่านได้เติบโตไปพร้อมกับตัวละคร

สำหรับนิยายเรื่องล่าสุด งอกงาม เราได้รับแรงบันดาลใจจากนิยายหลายๆ เรื่องค่ะ ความจริงอยากจะเขียนแนวนี้มานานมากๆ แล้ว แต่เพราะไม่มีเวลา เลยผลัดมาเรื่อยๆ จนกระทั่งช่วงที่เกิดโรคระบาด โควิด-19 ที่ผ่านมามีเวลาว่างมากขึ้น จึงหันมาจับนิยายอีกครั้งและเรื่องงอกงามก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาค่ะ

ที่เราเลือกเขียนให้ตัวเอกนิยายเรื่องนี้เป็น “เด็ก" เพราะเราอยากให้นักอ่านค่อยๆ เติบโตไปพร้อมกับตัวละครของเรา ได้เห็นถึงพัฒนาการ ได้ลุ้นและเอาใจช่วยให้ตัวเอกประสบความสำเร็จกับสิ่งที่ทำอยู่ ซึ่งปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลกับตัวเอกก็คือ ครอบครัวที่รักและสนับสนุนความฝันของตัวละครเอกเสมอ และนั่นจะทำให้นักอ่านรู้สึกอบอุ่นเวลาที่มีโมเม้นน่ารักๆ ของครอบครัวอยู่ในฉากค่ะ

ตอนแรกที่เขียนก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคนติดตามและชื่นชอบมากขนาดนี้เลยค่ะ คิดว่าแค่มีคนติดตามและรออ่านนิยายของเราสักคนสองคนก็ถือว่าบรรจุเป้าหมายแล้ว เมื่อคนติดตามเยอะ ความรับผิดชอบต่อคนอ่านก็ยิ่งเยอะตามไปด้วยค่ะ แอบรู้สึกกดดันเหมือนกัน

ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้มีคนติดตามนิยายเยอะขนาดนี้ คิดว่ากระแสมีส่วนช่วยเยอะมากๆ ค่ะ กระแสนิยายจีนโบราณมันมีมานานแล้ว แต่ก็ยังเป็นที่นิยมอยู่อาจจะเป็นเพราะกลิ่นอายของวัฒนธรรมจีนที่มีเสน่ห์และน่าหลงไหล กระแสมาแรงทำให้นิยายของเราติดอันดับได้ค่ะ



 

แม้จะได้รับผลตอบรับดี
แต่ยังคิดว่าตัวเองยังไม่ประสบความสำเร็จในเส้นทางนักเขียน

แม้จะได้รับผลตอบรับดี แต่คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จในเส้นทางนักเขียนค่ะ ผลตอบรับที่ดีเป็นกำไรของนักเขียนทุกคน เส้นทางนักเขียนสำหรับเรานั้นยาวไกลมากทีเดียวค่ะ เรายังต้องพัฒนาตัวเองอีกมาก แม้ว่าจะมีคนอ่านมากแต่ความฝันของนักเขียนส่วนใหญ่ก็ยังอยากตีพิมพ์หนังสือของตัวเองสักเล่มไว้เชยชมเหมือนกันค่ะ 

สำหรับช่องทางออนไลน์ เราคิดว่าเป็นช่องทางที่เอื้อต่อนักเขียนและนักอ่านมากขึ้นกว่าแต่ก่อนค่ะ แต่ก่อนนักเขียนจะเสนอผลงานของตัวเองได้ก็ต้องพึ่งสำนักพิมพ์เท่านั้น แต่สมัยนี้ช่องทางออนไลน์เป็นเหมือนสื่อกลางที่ทำให้นักเขียนกับนักอ่านเดินทางมาเจอกันได้ง่ายขึ้นค่ะ ส่งผลให้นักอ่านสามารถเข้าถึงงานเขียนของเราได้ง่ายขึ้นเช่นเดียวกัน

เราเปิดขายออนไลน์ เพราะเราเคยเป็นนักอ่านที่ตามอ่านนิยายรายตอนในเว็บมาก่อนค่ะ เวลาที่อ่านนิยายแล้วคนเขียนลงให้อ่านไม่จบและต้องไปตามอ่านในเล่มทำให้การอ่านของเราขาดช่วงไป และทำให้ไม่อินกับนิยายเรื่องนั้นๆ มากเท่าตอนเริ่มแรกที่เราอ่าน ดังนั้นเมื่อเรามาเป็นนักเขียนเสียเองเราจึงตั้งใจว่านิยายที่แต่งเราอยากจะลงให้อ่านจนจบก่อนแล้วค่อยปิดตอนเพื่อติดเหรียญค่ะ การติดเหรียญก็เหมือนเป็นการสนับสนุนนักเขียนเพื่อให้มีรายได้และมีกำลังสร้างผลงานออกมาเรื่อยๆ ค่ะ

ตอนเปิดขายแรกๆ ก็ไม่ได้คาดหวังรายได้มากเลยค่ะ แอบคาดหวังว่าจะมีคนซื้อสัก 3-5% ของยอดติดตามก็พอแล้ว แต่นักอ่านของเราก็น่ารักมากเลย สนับสนุนเราดีมาก ตอนแรกที่ติดเหรียญล่วงหน้าไปก็แอบตกใจเหมือนกันที่มีคนสนับสนุนมากขนาดนี้ เราไม่กังวลใจว่านักอ่านจะเลิกอ่านเพราะได้แจ้งคนอ่านไปแล้วว่าเราจะเปิดให้อ่านฟรีจนจบนะ ก่อนที่จะติดเหรียญ ดังนั้นนักอ่านสายฟรีเค้าก็ยังคงได้อ่านจนจบอยู่ดีค่ะ

ก็อย่างที่บอกค่ะ เราคาดหวังว่าจะมีคนซื้อสัก 3-5% ของยอดติดตาม ตอนที่จะติดเหรียญก็กังวลเหมือนกันค่ะว่าจะมีคนซื้อไหม พอมีนักอ่านออกมาสนับสนุนก็ทำให้ใจชื้นขึ้นมากๆ เลยค่ะ ไม่คาดคิดว่าจะมีคนพร้อมสนับสนุนนิยายของเรามากขนาดนี้ ต้องขอบคุณนักอ่านมากจริงๆ ค่ะ

หมิงเยว่ถึงชาวเด็กดี

สำหรับน้องๆชาวเด็กดีที่อยากเป็นนักเขียนนะคะ ก็อยากจะบอกว่า อย่าพึ่งท้อนะคะ ทำเถอะค่ะทำในสิ่งที่เรารัก แล้วสักวันหนึ่งผลของความพยายามจะตอบแทนเราเอง 

ส่วนนักอ่านที่คอยติดตามผลงานของเราขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ที่คอยติดตาม คอยเมนต์ให้กำลังใจ รออ่านตลอดไม่ว่าจะดึกแค่ไหน พวกคุณคือคนสำคัญที่สุดในชีวิตการเป็นนักเขียนของไรท์ มีเรื่องอะไรที่ไรท์ทำให้ไม่พอใจไรท์ต้องขอโทษด้วยนะคะ อยู่ด้วยกันไปนานๆ นะคะ 

สุดท้ายนี้ หมิงเยว่ขอฝากนิยายเรื่องลำนำวาริธร บัวช้ำน้ำ และงอกงามไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกๆคนนะคะ ในอนาคตก็จะมีผลงานออกมาอีกเรื่อยๆนะคะ ฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้หมิงเยว่ด้วยนะคะ

“ทำงานช่วงกลางวัน แต่งนิยายช่วงเย็นหลังเลิกงาน แล้วก็ตื่นมาแต่งอีกทีตอนเช้ามืดก่อนจะไปทำงาน จะทำแบบนี้ทุกๆ วัน” หลังจากฟังประโยคนี้จบ พี่หญิงก็ไม่แปลกใจเลยค่ะ ว่าทำไม หมิงเยว่ถึงสามารถอัปนิยายตอนใหม่ๆ ให้นักอ่านที่รอคอยอยู่อ่านได้ทุกวัน แม้เธอจะไม่ได้มีสต็อกตอนนิยายเก็บไว้ ทั้งในขณะเดียวกันเธอก็ยังมีงานประจำให้รับผิดชอบ ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณ ความมีวินัย และความขยันของเธอจริงๆ ค่ะ อาจกล่าวได้ัเลยว่าสิ่งที่ทำให้เธอมาถึงทุกวันนี้ได้นั้น ล้วนเป็นผลลัพธ์ของความพยายามของทั้งสิ้นค่ะ 

ว่าแล้วน้องๆ ทุกคนก็อย่ารอช้าค่ะ หากมีความฝันอยากเป็นนักเขียน ก็มาร่วมสานฝันให้เป็นจริงด้วยการเริ่มเขียนนิยายกันที่ลิงก์นี้เลยค่ะ : bit.ly/writer-howto
 

อ่านนิยายของ หมิงเยว่
ี่หญิง
 
พี่หญิง
พี่หญิง - Columnist มนุษย์บ้านิยายที่สิงอยู่แถวๆ คลังนิยายเด็กดีเป็นประจำ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น