อยากให้นักอ่านจำได้ นักเขียนต้องสร้างจุดเด่นให้งานของตัวเอง ; The Shepherd

อยากให้นักอ่านจำได้ นักเขียนต้องสร้างจุดเด่นให้งานของตัวเอง
"The Shepherd"

สวัสดีค่ะ ชาวเด็กดีทุกคน สำหรับนักเขียนที่จะมาทำความรู้จักกับทุกคนในวันนี้ มีจุดเด่นที่การตั้งชื่อนิยายค่ะ นิยายแต่ละเรื่องของเธอล้วนแต่มีชื่อเรื่องเป็นสำนวนไทยไม่ว่าจะเป็น ปั้นวัว ปั้นควาย, ตกกระไดพลอยโจน, หนีเสือปะจระเข้ และแกว่งเท้าหาเสี้ยน เล่นเอาเห็นครั้งแรกก็สะดุดตาสะดุดใจ สร้างความรู้สึกให้อยากคลิกเข้าไปอ่านนิยายได้ดีมากๆ จนแอบสงสัยเลยค่ะ ว่านักเขียนคนนี้มีเคล็ดลับการตั้งชื่อนิยายยังไงให้น่าดึงดูดขนาดนี้กันได้นะ 

วันนี้พี่หญิงก็เลยไม่พลาดที่จะชวน “The Shepherd” มาร่วมพูดคุยกับเรา จุดเริ่มต้นในการใช้สำนวนมาเป็นชื่อนิยายของเธอมีที่มาที่ไปอย่างไร มาติดตามกันได้ในบทสัมภาษณ์นี้กันเลยค่ะ

สวัสดีเพื่อนๆ ชาวเด็กดีที่มีใจรักนิยายเหมือนกันนะคะ นักเขียนนามปาก The Shepherd ค่ะ สไตล์งานเขียนจะเป็นนิยายรักวัยรุ่น ออกไปทางแฮปปี้ๆ ที่หวังว่าอ่านแล้วจะทำให้สนุก และหายเครียดได้นะคะ

ที่มาของชื่อนามปากกา The Shepherd แปลว่าเด็กเลี้ยงแกะ ซึ่งคุณแม่ของนักเขียนชื่อแกะ เลยอยากนำชื่อคุณแม่มาเป็นส่วนหนึ่งของนามปากกา แล้วความหมายก็ตรงตัวตามนั้นเลยค่ะ คืออยากเป็นเด็กเลี้ยงแกะบ้าง จากที่ให้แกะเลี้ยงมาตลอด

จุดเริ่มต้นงานเขียนเกิดขึ้นในช่วงกลางปี 2562 ซึ่งเกิดมาจากความเครียด เพราะเราว่างมากขึ้นจาก (พิษ) เศรษฐกิจ เลยทำให้เสพข่าวมากขึ้น ในช่วงที่ข่าวการเมืองหนักๆ หลายอย่างไม่ได้ดั่งใจเรา แล้วผู้คนก็มีความคิดเห็นแตกต่างกันมากมาย พอเราอินมากกลายเป็นว่าเราเริ่มทำตัวไม่น่ารักกับเพื่อนที่เห็นต่างจากเรา เราเริ่มใช้คำพูดเสียดสี เริ่มดูถูกความคิดเห็น สติปัญญาของเพื่อน พอตั้งสติมองตัวเองดีๆ พบว่าเรากำลังกลายเป็นคนอีกคนที่ไม่น่ารักเลย แล้วเราก็ไม่ชอบตัวเองที่มีทัศนคติแย่ๆ แบบนั้น 

เลยคิดว่าเราควรหาอย่างอื่นทำ เพื่อดึงความสนใจ สมาธิ จิตใจเราไปทางเรื่องอื่นบ้าง จึงเป็นที่มาของนิยายเรื่องแรก Sweeping Service ปั้นวัว ปั้นควาย ให้ลูกท่านเล่น

เคยเกือบหยุดอัปนิยายเพราะคอมเมนต์?

สำหรับอุปสรรคที่ทำให้ท้อจนอยากเลิกเขียนนิยาย ยังไม่มีนะคะ แต่ถ้าเป็นความรู้สึกที่ไม่อยากลงนิยายให้อ่านแล้วก็มีบ้างค่ะ เวลาเจอคอมเมนต์ที่ทำร้ายจิตใจ ถึงแม้จะพยายามคิดว่า คนอ่านอินกับตัวละครของเรามาก แต่มันมีจุดที่เราแยกออกนะคะ ว่าคอมเมนต์เพราะอิน หรือคอมเมนต์เพราะเขาไม่ได้ดั่งใจในตัวผู้เขียน คอมเมนต์ต่อว่าทัศนคติของผู้เขียน พอเจอตรงจุดนี้ก็จะรู้สึกไม่อยากเผยแพร่ผลงาน ซึ่งผู้เขียนก็บอกกับตัวเองตลอดว่าเรื่องตรงนี้มันเป็นเรื่องของความแข็งแรงของจิตใจผู้เขียนเอง ก็ต้องปรับทัศนคติ ปรับสภาพจิตใจของตัวเองค่ะ เพราะเราเลือกเผยแพร่งานเราในรูปแบบสาธารณะ ก็ต้องมีความคิดเห็นที่หลั่งไหลมาจากบุคคลหลายประเภท และสิ่งที่ทำให้เราเขียนนิยายมาจนถึงทุกวันนี้ ก็คือสิ่งเดียวกับข้างต้นค่ะ 

คอมเมนต์ของนักอ่าน ในด้านที่คอยให้กำลังใจ อยากให้เราเขียนเรื่องสนุกๆ ให้เขาอ่านอีก อยากติดตามชีวิตตัวละครอื่นๆ ในเรื่องที่อาจจะเป็นแค่ตัวประกอบในเรื่องก่อนหน้า อยากให้ได้เป็นตัวละครเด่นๆ ในเล่มต่อไป สิ่งนี้คือแรงผลักดันที่อยากให้เราตื่นขึ้นมานั่งอยู่หน้าจอคอมฯ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานอย่างเพลิดเพลินค่ะ

เขียนนิยสายรักเพราะเชื่อว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรักและถูกรัก

นิยายรักมีเสน่ห์ตรงที่...ความรักมักเกิดขึ้นกับทุกคน ถึงความรักจะมีหลากหลายรูปแบบ แต่ทุกคนต่างก็รู้จักอารมณ์นี้ทั้งนั้น 

ที่เลือกเขียนแนวนี้เพราะเราก็มีความรัก และเชื่อว่าทุกคนสามารถมีความรัก และถูกรักได้ในแบบที่ทุกคนเป็น นิยายรักของผู้เขียนตัวละครอาจจะไม่ได้เป็นนางเอก พระเอกในอุดมคติของนักอ่านหลายๆ ท่าน แต่ผู้เขียนเชื่อว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรัก และถูกรักได้ค่ะ เลยอยากสร้างเรื่องราวให้คนได้เห็นให้แง่มุมนี้

จุดเริ่มต้นไอเดียการตั้งชื่อนิยายเป็นสำนวน? 

ขอสารภาพไว้ตรงนี้เลยนะคะ ว่าเป็นคนที่ไม่มีความสามารถด้านการตั้งชื่อ หรือคำโปรย ให้สวยงามได้ รวมถึงภาษาที่ใช้ในนิยายก็เป็นภาษาธรรมดามากๆ 

ตอนคิดชื่อเรื่องแรก เราคิดถึงพล็อตที่นางเอกยอมทำนั่นทำนี่ให้พระเอก ซึ่งมีบทพูดที่แม่นางเอกสอนมาคือ อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น เราเลยหยิบจุดนี้ขึ้นมาเป็นชื่อเรื่องค่ะ

พอเรื่องต่อๆ ไปอย่าง ตกกระไดพลอยโจน หนีเสือปะจระเข้ แกว่งเท้าหาเสี้ยน ทุกพล็อตที่เราคิดขึ้นมา มันจะมีสำนวนสุภาษิตมารองรับอยู่แล้ว ซึ่งเราก็เลือกใช้เพื่อให้สอดคล้องกับเรื่องแรกไปด้วยเลย ตรงนี้มันเหมาะกับผู้เขียนที่ไม่มีไอเดียสร้างสรรค์ชื่อเรื่องให้สวยงาม พูดง่ายๆ ก็คือไม่คิดอะไรมากค่ะ แอบยืมสำนวนมาใช้ให้สอดคล้องไปค่ะ

  • เรื่องแรก Sweeping Service ปั้นวัว ปั้นควายให้ลูกท่านเล่น จุดเด่นที่ตรงกับสำนวนคือ นางเอกของเรื่องยอมช่วยเหลือครอบครัวพระเอก ซึ่งถือว่ามีบุญคุณที่คอยดูแลช่วยเหลือกันมา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ท้าทายที่สุด ในแง่ของคนที่ไม่เคยเขียนอะไรเกิน 2 หน้า A4 มาก่อน พอเราลุยไปเกิน 10 หน้า A4 เราก็จะบอกตัวเองว่า ไปได้อีก ทำ 10 หน้าเสร็จ เราก็ตั้งเป้าต่อที่ 20 หน้า ตั้งเป้าแล้วทำให้สำเร็จค่ะ รู้ตัวอีกทีก็คือเราจบเรื่องได้แล้ว
     
  • เรื่องที่สอง ตกกระไดพลอยโจน จุดเด่นที่ตรงกับสำนวนจะเป็นฝ่ายพระเอกที่หลงเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์วุ่นวายของนางเอก ซึ่งถือว่าเป็นการตกกระไดพลอยโจน แบบหลายๆ ขั้น เพราะมันมีหลายเหตุการณ์ที่พระเอกงงๆ หลงๆ ไปช่วย จนทำให้เกิดเป็นความรักกันขึ้นมา ตอนเขียน ตกกระไดพลอยโจน เป็นเรื่องที่แต่งได้ลื่นไหล รวมถึงมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับเรื่องนี้มากที่สุด ถือว่าเป็นเรื่องที่แต่งแล้วเราแฮปปี้กับความรู้สึกสนุก ณ ตอนนั้นมากๆ ค่ะ
     
  • เรื่องที่สาม หนีเสือปะจระเข้ พระเอกเขาไม่ชอบผู้หญิงที่คอยมาตามเทียวไล้เทียวขื่อค่ะ แถมยังได้นางเอกมาแบบฟลุ๊คๆ ก็เอาละว้า ดึงนางเอกมาเป็นตัวกันสักหน่อย ไปๆ มาๆ พบว่าตัวเองหนีเสือปะจระเข้ค่ะ เพราะยิ่งคบยิ่งปวดหัวกว่าเดิม หนีเสือปะจระเข้ เป็นเรื่องที่แต่งแล้วร้องไห้ให้มากที่สุด ร้องไห้ให้กับตัวละครที่เขาร่าเริง สดใส แต่ภายในเขาเปราะบาง เพราะฉะนั้นตอนแต่งจะไม่แฮปปี้นะคะ จะเป็นอีกอารมณ์หนึ่ง ซึ่งค่อนข้างหนักหน่วง
     
  • เรื่องที่สี่ แกว่งเท้าหาเสี้ยน พระเอกเรื่องนี้ชอบสาระแนเรื่องชาวบ้านเป็นที่หนึ่ง จนวันหนึ่งก็ทำเรื่องที่นิยามได้ว่า แกว่งเท้าหาเสี้ยน จนเสี้ยนตำเข้าไปถึงใจเลย เป็นเรื่องที่แต่งแล้วสมองตึงเครียดที่สุด เพราะมีการใช้ปมทางด้านครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้อง ตัวละครมีคาแรคเตอร์ที่ออกไปทางแนวหม่นๆ หน่อย ซึ่งทำให้เราเครียดไปกับเขาด้วยค่ะ แต่ด้วยความที่เป็นคนไม่ชอบอะไรเครียดๆ มาก เราก็จะมีตัวละครที่คอยสร้างโลกในแบบสดใสๆ ใส่ไว้อยู่เสมอค่ะ

ยังไงก็ฝากลองติดตามนะคะ ว่าเนื้อเรื่องสอดคล้องกับสุภาษิตไหม

อยากให้คนคลิกอ่านต้องให้ความสำคัญกับคำโปรยและชื่อเรื่อง

แน่นอนว่าชื่อเรื่องและคำโปรย มีผลกับการที่ทำให้นักอ่านเข้ามาคลิกอ่านนิยาย ซึ่งของเราจะได้รับคอมเมนต์ไปในทางที่...ถูกมองข้ามมากกว่า 5555 แบบชื่อเรื่องอะไรเนี่ยยยยยย

เพราะฉะนั้นถ้านักเขียนท่านอื่นอ่านอยู่ เราอยากให้ตั้งใจตั้งชื่อเรื่องให้ดีกว่านี้นะคะ

ของเราโชคดีที่เนื้อหาในเรื่องถูกอกถูกใจคนอ่าน จนถูกบอกต่อไปเยอะมากๆ ทำให้เรื่องประสบความสำเร็จ และนักอ่านเรียกชื่อรวมๆ ให้ผลงานทั้ง 4 เล่มนี้ว่า เซตสุภาษิต ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ดีงาม และลงตัวสำหรับเรา แต่นั่นมาจากความโชคดีล้วนๆ ค่ะ

เมื่อเรารักตัวละครที่สร้าง เขียนนิยายให้จบก็ไม่ใช่เรื่องยาก

อยากเขียนนิยายให้จบส่วนสคัญเลยคือ ความรักที่เกิดขึ้นกับตัวละครที่เราสร้างขึ้นค่ะ เมื่อเราได้สร้างใครสักคนขึ้นมาแล้ว เราจะเกิดความผูกพัน เราจะอยากเล่าเรื่องของเขาต่อไป ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ก็อยากจะถ่ายทอดเรื่องราวของเขาให้คนอื่นรับรู้ 

เราจะไม่อยากปล่อยทิ้งเขาไว้กลางทาง ให้เขายืนโดดเดี่ยวอยู่ในหน้ากระดาษที่ข้างหน้ามันว่างเปล่า ถ้าเรารัก...เราจะพาเขาไปส่งถึงปลายทางค่ะ

เขียนนิยายส่วนที่ยากสำหรับเราเลยก็คือ ส่วนเริ่มต้น และส่วนจบ บางทีก็คิดว่าตัวเองเหมือนนักยิมนาสติกประเภทม้ากระโดดนะคะ ตอนเริ่มต้นคือช่วงวิ่งๆ มา แล้วต้องสปริงข้อเท้าขึ้นไปมันจะได้จังหวะส่งตัวไหม กับท่าจบที่ต้องม้วนตัวลงว่าเราจะลงท่าไหน กลัวนะคะที่จะลงในท่าเอาเข่า เอาหลัง กระแทกพื้น หรือบางครั้งอาจจะเป็นเอาหัวลงปักพื้นเลยก็ได้ แน่นอนว่าเราอยากลงแบบสองขาชิด พร้อมผายมือรับเสียงปรบมือจากผู้ชมค่ะ

และหากอยากให้นักอ่านอินไปกับเนื้อหานิยาย สำหรับเราสิ่งที่สำคัญคือความเป็นเหตุเป็นผลตามคาแรคเตอร์ของตัวละครค่ะ ถ้านักอ่านเปิดใจ เขาจะเข้าใจตัวละครมากขึ้น แล้วก็พร้อมจะอินไปกับตัวละคร สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือการเขียนให้ตัวละครตัดสินใจทำเรื่องที่ขัดแย้งกับคาแรคเตอร์ที่เราสร้างขึ้นมา โดยไม่มีเหตุผลรองรับที่เพียงพอค่ะ 

อยากเป็นนักเขียการสร้างจุดเด่นในงานเขียนคือสิ่งจำเป็น

นักเขียนจำเป็นต้องสร้างจุดเด่นให้งานเขียนไหม? แน่นอนว่าจำเป็นค่ะ สำหรับนักเขียนทุกคนย่อมมีจุดเด่นในงานของตัวเอง ที่นักอ่านมักบอกว่านักเขียนแต่ละคนมักมีลายเซ็นเป็นของตัวเอง ตรงจุดนี้เราเห็นด้วยนะคะ ทั้งๆ ที่ความจริงเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลายเซ็นของเราคืออะไร 

ถ้าให้อธิบาย...มันเหมือนเราพาตัวเองไปยืนอยู่บนแท่นที่มีคนมามอง ซึ่งก็คือคนอ่านที่มาเสพผลงานของเรา เขาจะจำจดหน้าตา ท่าทาง กริยา กลิ่น ความรู้สึก ที่เขาสัมผัสและมองเห็นได้ และเราที่ยืนอยู่ตรงนั้นจะรับรู้จุดเด่นของตัวเองได้จากการบอกเล่าหรือที่เรียกว่าวิจารณ์ผลงานกลับมา เราเชื่อว่าจุดเด่นของแต่ละคนแตกต่างกันไป แต่มันคือความเป็นเรา เป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมา ไม่ว่าจะ วิธีเล่าเรื่อง ทัศนคติในเนื้อเรื่อง กลิ่นอายต่างๆ ที่มันจะถูกส่งผ่านไปยังงานเขียนของเราเอง 

สำหรับการนำสำนวนมาตั้งเป็นชื่อนิยายถือว่าเป็นจุดเด่นไหม ในตอนแรกไม่เคยคิดว่าตรงนี้เป็นจุดเด่นนะคะ แต่ถือเป็นจุดที่มันลงล็อกสอดคล้องกันไป จนอาจจะกลายเป็นจุดเด่นที่สร้างการรับรู้ให้นักอ่านในแง่ว่า เป็นนิยายเซตเดียวกัน มีกลุ่มก้อนตัวละครที่ต่างก็ผลัดกันรับบทเป็นตัวเด่นของเรื่อง ถือว่าเป็นความโชคดีจากความขี้เกียจคิดชื่อเรื่องของตัวผู้เขียนเองละกันนะคะ

การเขียนนิยายออนไลน์ในปัจจุบันกับโอกาสในการเป็นนักเขียน

สำหรับนักเขียนแล้ว โลกออนไลน์เหมือนขยายพื้นที่บนโลกใบนี้ออกไปให้กว้างยิ่งกว่าเดิม เปิดโอกาสในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นให้ผู้เขียนได้เจอผู้อ่านโดยตรง , ผู้เขียนแต่ละท่านมีโอกาสได้เผยแพร่ผลงานออกสู่สาธารณะ , มีโอกาสที่สร้างงานได้หลากหลายรูปแบบตามความชอบ 

โลกออนไลน์กลายเป็นกลไกการตลาดที่ไม่ต้องผ่านการเก็บสถิติแล้วแปรผล เพื่อเลือกเผยแพร่ชิ้นงานอีกต่อไป เป็นโลกที่ทุกคนต่างก็เอาผลงานของตัวเองออกมาวางโชว์ คนอ่านมีโอกาสได้เลือกเสพผลงานที่ชื่นชอบได้เอง โดยไม่ต้องผ่านการคัดสรรที่มีช่องทางจำกัด ถือว่าเป็นโลกใบใหม่และโอกาสที่ดีมากๆ ของผู้สร้างสรรค์งานทุกคนค่ะ

ฝากให้กำลังใจน้องๆ ชาวเด็กดีที่เพิ่งเริ่มต้นเขียนนิยาย และมีปัญหากับการตั้งชื่อเรื่อง เขียนคำโปรยให้น่าสนใจอยู่

อยากจะใส่เลข 5 หลายๆ ตัว ให้กับคำตอบข้อนี้ เพราะเป็นคำถามที่อายมากที่จะตอบ เพราะอย่างที่บอกว่าเราไม่มีความคิดสร้างสรรค์ในส่วนนี้จริงๆ ค่ะ ถ้าให้ฝากก็อยากฝากว่า ให้คิดชื่อเรื่องที่มันไปในทิศทางเดียวกับเนื้อเรื่องที่แต่งละกันนะคะ ส่วนเรื่องคำโปรยเราอยากฝากว่า...ถ้าใครเก่งเรื่องคำโปรย กรุณาติดต่อเราเพื่อสั่งสอนตรงจุดนี้ให้เราด้วยค่ะ

สุดท้ายนี้...

อยากขอบคุณคนอ่านที่คอยติดตามผลงานของเราเสมอ อยากขอบคุณสำหรับความเชื่อใจ แรงสนับสนุน ที่มีให้กับผลงานของเรา ไม่ว่าเราจะตั้งชื่อแปลกพิลึกกึกกือจนถามกันมาหลายครั้งว่าชื่อนี้จริงดิ!! แต่พวกคุณก็ยังติดตามอยู่ อยากขอโทษจริงๆ ที่สมองส่วนการตั้งชื่อเรื่องและคำโปรยเราอ่อนด้อย 

ทุกหัวใจ ทุกคอมเมนต์ ทุกกำลังใจที่ส่งให้ มันมีผลต่อใจของเราจริงๆ ค่ะ

สำหรับชาวเด็กดีกับเราจะยังไม่บอกลากัน เพราะเราจะต้องพบกันไปเรื่อยๆ หากยังมีคนอยากอ่านผลงานของเราอยู่ และผลงานเรื่องต่อไปที่อยากฝากชื่อ J4...JajajajA เป็นเรื่องราวของจินนี่ น้องสาวพี่แจ๊ค จากเรื่องแกว่งเท้าหาเสี้ยน บ้านนี้เขามีรหัสใช้กับตัวเอง ซึ่งจินนี่เป็น J4 ค่ะ แต่เพื่อให้ชื่อเรื่องมันดูยาวๆ หน่อย เราเลยเติม จะจาจาจ้า ลงไป เวลาออกเสียงกันจะได้รู้สึกแฮปปี้มากขึ้นนะคะ หรือจะเครียดกันมากขึ้นคะ?

(55555555555555 เชื่อหรือยังว่าการตั้งชื่อเรื่อง และคำโปรยของเรามันอ่อนจริงๆ)

สารภาพว่าหลังจากได้พูดคุณกับ The Shepherd แล้ว พี่หญิงก็แอบเซอร์ไพรส์อยู่เหมือนกันนะคะ เพราะตอนแรกแอบคิดว่าคนที่ตั้งชื่อนิยายได้เด่น ล่อเป้าให้คลิกเข้าไปอ่านนิยายได้ขนาดนี้จะต้องเก่งในเรื่องการตั้งชื่อเรื่องแน่ๆ แต่พอได้พูดคุยกันจริงๆ แล้วกลับไม่ใช่เสียอย่างนั้น The Shepherd เล่าให้เราฟังว่าตัวตนของเธอห่างไกลจากคำนิยามนั้นสุดๆ เธอไม่ใช่คนที่ตั้งชื่อนิยายเก่ง เพียงแต่เธอใช้ประโยชน์จากพล็อต เนื้อหาของนิยายให้เป็นประโยชน์ที่สุด เลือกหยิบบางอย่างที่เป็นจุดเด่นสำคัญหรือจุดที่ดูน่าสนใจออกมาแล้วก็มาใช้เป็นชื่อนิยาย ซึ่งฟังแล้วก็เป็นไอเดียการตั้งชื่อนิยายง่ายๆ ที่น่าสนใจนะ ชาวเด็กดีคนไหนที่กำลังเจอปัญหาคิดชื่อนิยายไม่ได้อยู่ก็ลองเอาไปปรับใช้ในนิยายของเรากันได้นะคะ 

ติดตามผลงานของ The Shepherd  ได้ที่นี่

พี่หญิง

https://image.dek-d.com/contentimg/2020/ying/writer.jpg
https://image.dek-d.com/contentimg/2020/ying/writer.jpg
พี่หญิง
พี่หญิง - Columnist มนุษย์บ้านิยายที่สิงอยู่แถวๆ คลังนิยายเด็กดีเป็นประจำ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น