ถอดบทเรียนจาก ‘StormDevil’  
สุดท้ายคู่แข่งที่ต้องสู้ให้ชนะก็คือตัวเรา! 
 

“สมัยก่อนผมชอบอ่านนิยาย การ์ตูน นั่งดูอนิเมะ แล้วมักจะโดนบอกบ่อยๆ ว่า ‘ทำอะไรที่มันมีประโยชน์กว่านี้บ้างได้ไหม’ หลังจากนั้นเลยเริ่มเขียนนิยายครับ” 

จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในวันนั้น ทำให้ ‘ปอนด์’ หรือ ‘StormDevil’ นักเขียนเจ้าของนิยายแนวแฟนตาซีเรื่อง ‘WAR มหาวิทยาลัยการสงคราม’ ตัดสินใจเขียนนิยายเรื่องแรกในชีวิตตั้งแต่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กระทั่งเรียนจบจนมีงานประจำทำแล้ว เขาก็ยังคงเขียนนิยายมาจนถึงตอนนี้ นับเวลาแล้วก็คงผ่านมาราวๆ สิบปีได้  

หากถามว่านักเขียนหนุ่มคนนี้เอาไฟจากไหนมาเขียนนิยาย นั่นสิคะ เขาเอาแพชชั่นจากไหนมาเขียนนิยายได้เป็นสิบๆ ปี แถมนักอ่านของเขายังเหนียวแน่น เข้ามาติดตามนิยายและร่วมพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอีกด้วย วันนี้พี่แนนนี่เพนเลยขอชวนเขาคนนี้มาพบปะพูดคุยกับน้องๆ ชาวเด็กดีถึงเรื่องราวและตัวตนของนักเขียนหนุ่มที่นักอ่านหลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน  รวมถึงประสบการณ์การเป็นนักเขียนของเขาคนนี้ที่บอกเลยว่าใครหมดไฟบ่อยๆ ต้องไม่พลาด!

 

เริ่มเขียนนิยายเพราะวลี 
‘ทำอะไรที่มันมีประโยชน์กว่านี้บ้างได้ไหม’

สวัสดีครับทุกๆ คน ผม ปอนด์ ‘StormDevil’ ครับผม คนแต่ง ‘WAR มหาวิทยาลัยการสงคราม’ ถ้าคนอ่านวอร์น่าจะรู้จักกันในชื่อแบดเจอร์ ปัจจุบันทำงานประจำอยู่ครับ ตอนกลางวันเป็น Content Writer ให้กับเอเจนซี่เจ้าหนึ่ง และงานอดิเรกตอนกลางคืนเป็นจอมมาร...เอ้ย นักเขียนนิยายครับ

เอาจริงๆ ผมเขียนนิยายตั้งแต่ ม.5 ครับ น่าจะสักช่วงปี 52-53 นี่แหละ แล้วลงวอร์ในเด็กดีประมาณปี 54 ถ้านับเวลาทั้งหมดก็คงร่วม 10 ปีแล้วล่ะครับ

สมัยก่อนผมเป็นพวกชอบอ่านนิยาย การ์ตูน นั่งดูอนิเมะ แล้วมักจะโดนบอกบ่อยๆ ว่า เออ ทำอะไรที่มันมีประโยชน์กว่านี้บ้างได้ไหม หรือพวกหนังสือที่ซื้อมาเนี่ยมันรกนะ มันไม่ได้ทำเงินอะไรเลยไม่ใช่เหรอไง อ่านก็ตั้งเยอะไม่เขียนนิยายเองเลยล่ะ 

หลังจากนั้นเลยเริ่มเขียนนิยายครับ พอเขียนไปเขียนมามันก็เริ่มติดเป็นงานอดิเรกไปเลย และกลายเป็นหนึ่งในความฝันว่า ถ้าทำนิยายขายได้ก็น่าจะดีนะ

นิยายเรื่องแรกก็ ‘ฮาเร็ม’ เลย 
แต่ฮาเร็มแบบมีสาระ! 

วอร์เป็นนิยายเรื่องแรกครับ ลงตั้งแต่ช่วงปี 54 จริงๆ ตอนที่เริ่มแต่งวอร์ มันมีหลายไอเดียมากครับ อย่างแรกคือผมเริ่มเรียนมหาวิทยาลัย เนื้อเรื่องมันเลยอยู่ในมหาลัยเพราะคิดว่าน่าจะปรับใช้ได้ และผมชอบเรื่องแฟนตาซีๆ ประกอบกับนิยายเกมออนไลน์บูมในตอนนั้น มันเลยทำให้เกิดความคิดที่ว่า เออ จะเป็นยังไงถ้ามหาวิทยาลัยสอนเรื่องการต่อสู้ และคนในมหาลัยเปิดสงครามกันแทบตลอดเวลา แถมฆ่ากันไม่ตาย 

หลังจากนั้นธีมเรื่องก็เริ่มงอกขึ้นมา ยิ่งเขียน ยิ่งศึกษา เราก็ยิ่งรู้สึกว่าภายใต้สงครามมันมีอะไรมากกว่าที่เห็น ตัวตนของนางเอกหลายๆ คนเริ่มมีเอกลักษณ์และธีมของตัวเอง ท้ายสุดแล้วธีมหลักของวอร์เลยกลายเป็น “ชีวิตคือสงคราม” ไปเลย ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน เป็นใคร เราต้องมีการต่อสู้ ตะเกียกตะกายเพื่อเป้าหมายของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น

ส่วนนิยายเรื่องนี้ ฮาเร็มครับ ผมชอบบอกเสมอว่านิยายผมจะจบฮาเร็มแน่นอน แต่จะเหลือกี่คนนั้นอีกเรื่อง หึๆๆ...ส่วนตัวผมคิดว่าเสน่ห์ของนิยายแนวนี้คือพวกสาวๆ นี่ล่ะครับ ประมาณว่าพวกเธอมีจุดเด่นอะไร ชอบตัวเอกได้ยังไง มีเรื่องราวของตัวเองยังไงบ้าง...สำหรับวอร์นางเอกแต่ละคนต้องใช้เวลาในการจีบพอควร บางคนมีเหตุผลแฝงอยู่ลึกๆ บางคนก็ทรยศ บางคนก็รักจนเกินเหตุ จนบางทีพระเอกต้องยอมโดนเชือดเพื่อให้พวกนางเอกอารมณ์เย็นลง นักอ่านบางส่วนเลยลงความเห็นกันว่า “วอร์เป็นนิยายฮาเร็มที่ทำให้คนไม่ค่อยอยากมีฮาเร็ม” เท่าไหร่นัก

ผลตอบรับจากนักอ่านมีหลายเสียงครับหลายคนก็ชอบ แต่บางคนก็บอกว่าไม่สนุก ไม่เวิร์ก เราก็รับคำติชมบ้าง เถียงบ้างไปตามเรื่องตามราว (ฮา)

ภาพประกอบจากเรื่อง  WAR มหาวิทยาลัยการสงคราม
ภาพประกอบจากเรื่อง  WAR มหาวิทยาลัยการสงคราม

“คู่แข่งที่เก่งที่สุดไม่ใช่ใครที่ไหน 
แต่เป็นตัวเราเอง”

ที่เห็นอัปปีละไม่กี่ตอนนี่เราไม่ได้เปิดวอร์กับนักอ่านนะครับ นักอ่านกับนักเขียนเปิดวอร์กันเป็นพักๆ ใน Q&A อยู่แล้ว (ฮา) มันมีหลายสาเหตุครับ ผมก็มีชี้แจงกับนักอ่านไปบ้าง ทั้งเรื่องการเปลี่ยนงาน หมดไฟ หรือปัญหาชีวิตอื่นๆ ที่ทำให้ต้องขาดการอัปนิยายไประยะใหญ่ๆ  

ส่วนตัวผมว่าตัวเองโตขึ้นเยอะนะ เอาตรงๆ การเขียนนิยายนี่ทำเอาผมแลกอะไรไปเยอะอยู่  เดิมทีผมพยายามเปรียบเทียบนิยายตัวเองกับคนอื่นนะ ประมาณว่า เออ ทำไมเราไม่ขายดี ประสบความสำเร็จเยอะๆ บ้าง สมัยก่อนเรารู้สึกกดดันตลอดเวลาเลย แต่มันมีช่วงหนึ่งที่พล็อตเรื่องมันผิดพลาด แล้วเราต้องแก้แบบยกใหญ่ เลยเกิดเหตุการณ์รีไรท์มหาศาลที่ขัดใจมหาชนขึ้น ทำเอาคนอ่านหายไปเยอะมาก 

หลังจากนั้นเลยทำให้รู้สึกว่า โอเค แต่งตามใจ เอาให้ตัวเองสนุกและคนอ่านสนุกไปด้วยน่าจะดีกว่า ถ้านิยายเราสนุก น่าสนใจ นักเขียนให้ความใส่ใจ ลงนิยายอย่างสม่ำเสมอ นักอ่านก็จะเริ่มมา (ครับ วอร์ไม่ใช่อะไรแบบนั้นสักเท่าไหร่) ซึ่งปัจจุบันก็ยังดีที่มีคนอ่านประจำอยู่มากพอสมควร 

เราได้เห็นข้อผิดพลาดที่ตัวเองสร้างไว้ บางอย่างแก้ไปแล้ว บางอย่างยังไม่ได้แก้ การย้อนไปมองมันดันทำให้รู้ว่า คู่แข่งที่เก่งที่สุดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นตัวเองนี่แหละ เราเลยต้องพัฒนาให้เก่งขึ้นในทุกครั้งที่เขียน แต่เอาจริง ตัวผมในปัจจุบันยังชนะตัวผมที่เขียนตอน 28 ในอดีตไม่ได้เลย (ฮา) ซึ่งก็พยายามจะไล่ตามตัวเองและชนะตัวเองคนนั้นอยู่ครับ

WAR มหาวิทยาลัยการสงคราม
WAR มหาวิทยาลัยการสงคราม

ลองขายนิยายออนไลน์
กระตุ้นไฟนักเขียน

คือช่วงหลังๆ นี้ด้วยปัญหาด้านการแบ่งเวลาและการเงิน เพราะรายจ่ายเยอะขึ้น ทำให้อยากลองเปิดขายดูครับ คือวอร์เคยบอกว่าจะเป็นนิยายอ่านฟรี ซึ่งเราก็ไม่ค่อยอยากผิดคำพูดตรงนั้น จะปิดตอนขายเลยเราก็ไม่มั่นใจว่าจะแต่งได้ถี่ขนาดไหน เลยพบกันครึ่งทาง คือทำแบบอ่านล่วงหน้า ถ้าผมไม่เขียนให้บ่อยขึ้น ผมก็ไม่ได้เงิน เป็นการกระตุ้นตัวเองไปในตัวด้วย 

ตรงๆ คืออะไรที่มันทำเงิน มันเป็นสิ่งกระตุ้นให้มนุษย์ทำงานได้อยู่แล้ว ยิ่งได้เงินมากจนรู้สึกว่าคุ้มค่า กำลังใจในการเขียนมันก็จะเพิ่มขึ้นตาม เราก็อาจจะเบาภาระทางการเงินไปด้วยส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็ทำให้เห็นชัดเลยว่า เออ นักอ่านเราซัพพอร์ตเรามากกว่าการอ่านจริงๆ นะ

อีกส่วนหนึ่งที่ตัดสินใจขายก็คือโดนนักอ่านนี่ล่ะครับยุให้ขาย สมัยก่อนคนโดเนทเรายังไม่ค่อยจะรับเลย ไล่ไปทำบุญ บริจาคเลือด อะไรเทือกนี้แทน (ฮา) และอย่างที่บอกครับวอร์เคยประกาศว่าจะให้อ่านฟรียาวๆ  พอเข้าช่วงโควิดที่การเงินมีประเด็น นักอ่านบางส่วนก็มีอินบ็อกซ์มาถามว่าทำไมไม่ขาย  กลุ่มนักอ่านที่แสดงความเห็นเลยค่อนข้างเป็นไปในเชิงบวก ก็ต้องขอบคุณนักอ่านวอร์มา ณ ที่นี้เลยครับ

นิยายเรื่อง WAR มหาวิทยาลัยการสงคราม  เคยตีพิมพ์กับสนพ.
นิยายเรื่อง WAR มหาวิทยาลัยการสงคราม  เคยตีพิมพ์กับสนพ. มีดีส์พับลิชชิ่ง

งานเขียนไม่มีทางลัด 
และสุดท้ายคนตัดสินคือคนอ่าน

ผมเชื่อว่างานดีจะขายได้ครับ โดยเฉพาะงานที่ดีในสายตาคนอ่านและได้รับการยอมรับในวงกว้าง หรืองานที่อยู่ในกระแส แต่ในตอนนี้อาจต้องอาศัยเวลาในการศึกษา โปรโมท ทำการตลาดด้วย เพื่อให้นิยายของตัวเองไปได้ไกลขึ้น  

แล้วก็ว่ากันซื่อๆ นะ ทุกคนเลือกจะเขียนและหยุดเขียนได้ มันเป็นเรื่องปกติเลย ไม่ต้องหงิดไม่ต้องเซ็ง ประเด็นคือถ้าคุณหยุดไปแล้ว คุณอาจจะต้องเรียนรู้สิ่งต่างๆ ระหว่างที่คุณหยุดเขียนด้วย ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตาม

  • ถ้าคุณท้อแท้ ลองสูดหายใจลึกๆ (ผมเชื่อว่าบางคนอ่านถึงบรรทัดนี้ต้องหมั่นไส้ผมแน่ๆ ดังนั้นสูดหายใจก่อน แล้วผ่อนออกมา) แล้วมองดูว่า จริงๆ แล้วสิ่งที่คุณคาดหวังจากการเขียนนิยายคืออะไร แล้วมันเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหน
  • ยอดวิวสูงๆ ท่ามกลางนิยายราวล้านกว่าเรื่อง (ถ้าผมจำไม่ผิด) ผมบอกตรงๆ คุณต้องใช้เวลาระดับหนึ่งเลยล่ะ
  • อยากเขียนนิยายตามใจตัวเอง แล้วหวังให้คนอ่านเยอะๆ คุณอาจจะต้องยอมรับว่า การตามใจตัวเองบางทีมันไม่ mass ได้ง่ายๆ ขนาดนั้น

แน่นอน บางคนอาจจะเขียนตูมเดียวแล้วปัง บางคนเรื่องแรกก็เลิศเลอไปเลย แต่คือมันเป็นบางคนไง ถ้าคุณอยากเป็นแบบนั้นจริงๆ คุณต้องยอมรับว่าต้องศึกษาให้มากขึ้น หัดรูปแบบการเขียนที่หลากหลาย แบ่งเวลาให้ดีขึ้น อย่างที่บอก งานเขียนไม่มีทางลัด และสุดท้ายคนตัดสินคือคนอ่าน เราเป็นเพียงคนอ่านคนหนึ่งท่ามกลางคนจำนวนมากที่เข้าเว็บมาเท่านั้นเองครับ

 

เส้นทางนักเขียนของ ‘StormDevil’   ไม่เพียงกระตุ้นให้แฟนๆ นักอ่านได้หวนคิดถึงนิยายในตำนานที่เติบโตมาพร้อมๆ กันเท่านั้น  ในฐานะนักเขียน เขาได้ฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆ มาแล้วมากมาย ทั้งการหยุดเขียนเพราะต้องเปลี่ยนงาน บางจังหวะชีวิตก็รู้สึกหมดไฟ หรือแม้แต่ปัญหาชีวิตอื่นๆ ที่ทำให้ต้องขาดการอัปนิยายไป แต่สุดท้ายเขาก็เอาชนะตัวเองกลับมาเขียนนิยายได้ทุกครั้ง 

และในวันนี้เขาก็ยังยืนหยัดที่จะเขียนนิยายต่อไป  เพราะการเขียนนิยายทำให้เขาได้ทำในสิ่งที่รัก ได้พบเจอกับนักอ่านที่ชื่นชอบในเรื่องราวเดียวกัน  และที่สำคัญพวกเขายังได้เติบโตไปพร้อมๆ กันอีกด้วย  

หากใครที่มีใจรักอยากเขียนนิยาย หรือเขียนนิยายอยู่แล้ว แต่กลัวว่าเขียนไปแล้วจะไม่สบความสำเร็จ พี่แนนนี่เพนอยากให้วางความคาดหวังเหล่านั้นลงก่อน เริ่มต้นที่ตัวเราสนุก นักอ่านสนุก แล้วเราจะได้อะไรดีๆ กลับมาจากการเขียนนิยายเหมือนที่นักเขียนหนุ่มคนนี้ไม่เคยทิ้งนิยายของเขาตลอดสิบปีที่ผ่านมา...

 

อ่านนิยายของ  StormDevil

ติดตามข่าวสารและพูดคุยกับ StormDevil

เริ่มเขียนนิยาย

พี่แนนนี่เพน

 

พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด