ตีแผ่ 8 สเต็ปสุดปัง สร้างการเล่าเรื่องให้น่าจดจำเหมือนเกม Final Fantasy

ตีแผ่ 8 สเต็ปสุดปัง สร้างการเล่าเรื่องให้น่าจดจำ
เหมือนเกม Final Fantasy

 

 

จำได้ว่าตอนเด็กๆ เกมแรกในชีวิตที่พี่เล่นจริงจังไม่ใช่มาริโอ้ แต่เป็น Final Fantasy VIII เพราะติดใจกราฟฟิคสวยๆ เนื้อเรื่องที่มีเสน่ห์ มีทั้งกลิ่นอายความรักปนอยู่ในเวทมนตร์สุดแฟนตาซี แถมตัวละครยังงานดี การเล่าเรื่องกับพล็อตก็ปัง รู้ตัวอีกที...โดนตกจนถึงภาค 15 แล้ว

ซีรีส์ไฟนอลแฟนตาซี (Final Fantasy) ของบริษัท Square Enix โด่งดังในเรื่องของตัวเกมที่มีมานานหลายยุคหลายสมัย (เปิดตัวครั้งแรกปี พ.ศ.2530) ระบบการเล่นที่หลากหลาย ตัวละครที่ซับซ้อน ที่สำคัญที่สุดคือการเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยมและเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ ทุกพล็อตล้วนมีความสมเหตุสมผล และทุกชิ้นจะเชื่อมต่อกันในตอนท้ายเพื่อสร้างสิ่งที่สวยงามและมีความหมาย

ในวันนี้พี่ได้รวบรวมความลับในการเขียนเรื่องให้น่าทึ่งแบบเกมไฟนอลแฟนตาซีมาฝาก บอกเลยว่าแต่ละอย่างช่วยให้นักเขียนทุกคนที่ผ่านมาทางนี้ สามารถสร้างเรื่องราวที่มีความหมายและน่าเหลือเชื่อเหมือนไฟนอลแฟนตาซีได้แน่ๆ ถ้าหากทุกคนพร้อมแล้ว มาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

 

จุดเด่นของไฟนอลแฟนตาซีอยู่ที่การเล่าเรื่อง (Storytelling)

แต่การเล่าเรื่องจะปังไม่ได้...ถ้าขาดตัวละครที่มีเสน่ห์!

ตัวละครในเกม  Final Fantasy Dissidia
ตัวละครในเกม  Final Fantasy Dissidia

Step 1 : ตัวละครเอกของคุณต้องเหมือนวัยรุ่นมีปม ที่มาพร้อมกับอาวุธสุดเท่!

ในเกมไฟนนอลแฟนตาซี ตัวละครหลักแทบทุกตัวยังวัยรุ่นทั้งนั้น แต่ต่อให้ไม่วัยรุ่น สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนๆ กันคือ “ปม ความวิตกกังวล หรือความทุกข์” เกี่ยวกับชีวิต ไม่ว่าจะเป็นสคอวลล์ FFVIII วัย 17 ปี ที่มีปมเรื่องการถูกทิ้งจากครอบครัว จนกลายเป็นคนไม่ชอบเข้าสังคมและเกลียดการสานสัมพันธ์กับผู้อื่น หรือองค์ชายน็อกทิส FFXV วัย 20 ปี ที่ต้องแบกรับความกดดันในฐานะกษัตริย์ที่ถูกเลือก ชีวิตวัยรุ่นที่ควรสนุกเหมือนวัยรุ่นทั่วไปไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดแล้ว...เหล่าตัวละครทั้งหลายจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เติบโตและกลายเป็นคนที่ดีขึ้น

เช่นเดียวกัน หากเราต้องการให้เรื่องราวออกมาปังเหมือนไฟนอลแฟนตาซี ตัวละครหลักในเรื่อง ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ควรเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ความทุกข์ใจหรือปม เปรียบเหมือนวัยรุ่นที่กำลังเติบโต แน่นอนว่าความทุกข์นี้เกิดจากภูมิหลังที่แสนดราม่าอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเราควรเปิดเผยช้าๆ ตลอดทั้งเรื่อง โดยเรื่องราวเบื้องหลังนี้น่าจะเป็นปมลับๆ ของเรื่องทั้งหมด ที่สำคัญเราต้องทำให้ตัวเอกเชื่อมโยงกับพล็อตเรื่องและจุดสำคัญ สร้างออกแบบตัวละครของเราด้วยความตั้งใจและให้เป็นแบบ androgynous ไปก่อน (ตัวละครที่มีส่วนผสมของทั้ง masculine และ feminine) จากนั้นจึงสุ่มกำหนดเพศในภายหลัง

คลาวด์ สไตรฟ์ จาก Final Fantasy VII Remake
คลาวด์ สไตรฟ์ จาก Final Fantasy VII Remake

สิ่งสำคัญที่สุดของตัวละครของเราคือ “อาวุธ” เราต้องออกแบบอาวุธที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง ยิ่งอาวุธที่ว่าไม่น่าจะทำหน้าที่เป็นอาวุธที่ใช้งานได้จริงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น โอกาสที่อาวุธไม่เหมือนใครนี้จะเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของตัวละครเรา

จุดสังเกต ตัวเอกในไฟนอลแฟนตาซีไม่ได้ดีเลิศ 100% พวกเขามีจุดบกพร่อง เช่น คลาวด์ สไตรฟ์ใน FFVII และทีดัส ใน FFX พวกเขาทั้งสองมีความไม่พอใจหรือความคับข้องใจ และต้องการที่จะแก้ไขปัญหาของเรื่องราวที่พวกเขาเผชิญ เรื่องราวที่ยอดเยี่ยมจำเป็นต้องใช้ตัวเอกในการต่อสู้กับข้อบกพร่องของตัวเอง และในที่สุดก็เติบโตจนถึงจุดที่สามารถเอาชนะได้ และนี่ก็เป็นส่วนสำคัญของไฟนอลแฟนตาซีเช่นกัน

นักอ่านชื่นชอบฮีโร่ที่มีข้อบกพร่อง เพราะมันทำให้พวกเขาสามารถเชื่อมโยงกับตัวเองได้ และยังเป็นแรงบันดาลใจที่ได้เห็นตัวละครอยู่เหนือการต่อสู้ภายใน ซึ่งส่วนใหญ่ขัดขวางพวกเขาจากการใช้ชีวิตตามที่ต้องการ

 

แม่มดอัลติมิเซีย จาก Final Fatasy VIII ที่แทบไม่มีความเกี่ยวข้องกับพระเอกของเรื่อง
แม่มดอัลติมิเซีย จาก Final Fatasy VIII ที่แทบไม่มีความเกี่ยวข้องกับพระเอกของเรื่อง

Step 2 : ตัวร้ายแทบไม่มีความเกี่ยวข้องกับตัวเอกเลยสักนิด

ในไฟนอลแฟนตาซี ตัวร้ายหลักของเรื่องมีความเชื่อมโยงกับเรื่องราวเบื้องหลังของตัวละครหลักนิดหน่อย เนื่องจากตัวร้ายจำเป็นต้องเป็นคนที่มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง ศาสนาหรือการทหาร แม้ตัวละครหลักอาจตามหาคนร้ายในทางใดทางหนึ่ง หรือคิดว่าเขาหรือเธอจำเป็นต้องถูกขับไล่โดยเกี่ยวข้องกับพวกวายร้าย แต่ในความเป็นจริง ตัวร้ายและตัวเอกแทบไม่เกี่ยวข้องกันเลย 

แม่มดอัลติมิเซียใน FFVIII ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับสคอวลล์โดยตรง แต่พระเอกเราต้องรับหน้าที่กำจัดเจ้าหล่อน เพื่อความสงบสุขของโลก

แม้ตัวร้ายมีความเชื่อมโยงกับเรื่องราวเบื้องหลังของตัวเอกเพียงเล็กน้อย แต่เขาก็ต้องมีภูมิหลังที่น่าเศร้าที่ทำให้ตัวเองจบลงด้วยความปรารถนาที่จะครองโลก

 

โลก Eos  ใน Final Fantasy XV
โลก Eos  ใน Final Fantasy XV
(via: reddit.com)

Step 3 : โลกกำหนดทิศทางของการดำเนินเรื่อง

โลกมีความสำคัญต่อเรื่องราวของเกมไฟนอลแฟนตาซี Final Fantasy X จะไม่เหมือนเดิมหากไม่มี Spira Final Fantasy VII จะไม่ใช่เกมเหมือนอย่างที่เล่นหากไม่มี Gaia หรือพล็อตเรื่องของ Final Fantasy XV จะเปลี่ยนไปหากโลกที่ดำเนินอยู่ไม่ใช่ Eos

การสร้างโลกในเกมไฟนอลแฟนตาซีมีความซับซ้อนและมีรายละเอียดสูงมาก เมื่อเล่นเกม เราจะรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของโลกนั้น การเล่นเกมส่วนใหญ่ในไฟนอลแฟนตาซีเปรียบเหมือนเรากำลังสำรวจโลกของเรื่องราวเพื่อหาสิ่งของและศัตรู ไฟนอลแฟนตาซีใช้การสร้างโลกขั้นสูงเพื่อสร้างประสบการณ์ที่สมจริงสำหรับผู้เล่น และสำหรับนักเล่าเรื่องอย่างเรา สิ่งนี้มีประโยชน์มากในการทำให้นักอ่านมีส่วนร่วมกับเรื่องราวในนิยายที่เราเขียน

Final Fantasy XV ดำเนินเรื่องในโลกที่ชื่อว่า Eos ในปัจจุบันโลกถูกแบ่งระหว่างสองรัฐและกำลังเกิดสงคราม การควบคุมดินแดนส่วนใหญ่ของโลกคือจักรวรรดินิฟเฟิลไฮม์ ที่แข็งแกร่งทางทหาร เครื่องจักรสงครามของจักรวรรดิขยายตัวอย่างรวดเร็ว ขณะที่ราชอาณาจักรลูซิสยังคงต้านทานความก้าวหน้าของจักรวรรดิด้วยเวทมนตร์ Crown City of Insomnia ป้อมปราการสุดท้ายของราชอาณาจักร แต่จักรวรรดิได้รุกคืบในดินแดนรอบนอกไปแล้ว รวมถึงภูมิภาคหลักของ Leide, Duscae และ Cleigne

กำหนดธีมของโลกว่าเป็นเช่นไหน แล้วสร้างพล็อตให้สอดคล้องกับโลกที่เราสร้างขึ้น มันจะทำให้เราเห็นทิศทางว่าควรดำเนินเรื่องไปแบบใดได้บ้าง

 

สิ่งที่ทำให้เกมไฟนอลแฟนตาซีเข้มข้นขึ้นคือความขัดแย้งระดับโลก บ่อยครั้งที่ชะตากรรมของโลกเป็นเดิมพัน
สิ่งที่ทำให้เกมไฟนอลแฟนตาซีเข้มข้นขึ้นคือความขัดแย้งระดับโลก บ่อยครั้งที่ชะตากรรมของโลกเป็นเดิมพัน 

Step 4: ความขัดแย้งยิ่งใหญ่เข้าไว้ เราเอาไว้ลวงตาคน

มีบางสิ่งที่ทำให้ตัวละครที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ทั้งสองนี้มาพบกัน และเพื่อให้การต่อสู้ของพวกเขากับภูมิหลังของตัวเองถึงขั้นวิกฤต เป็นสิ่งสำคัญมากที่ความขัดแย้งนี้ต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวเบื้องหลังอย่างใดอย่างหนึ่ง นั่นจะทำให้นักอ่านสามารถคาดเดาผลลัพธ์สุดท้ายได้ และเราไม่ต้องการให้เรื่องราวของเราสามารถคาดเดาได้

ในไฟนอลแฟนตาซีมุ่งเน้นความขัดแย้งไปที่ปัญหาสำคัญกว่าเช่น สิ่งแวดล้อมหรือศาสนา ด้วยวิธีนี้...คนจะถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปยังสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ปมปัญหาของตัวเอง และสุดท้ายจะสับสนสุดๆ เมื่อพบเรื่องราวที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลัง

เมื่อเราสร้างความขัดแย้งที่ขาดการเชื่อมโยงกับตัวละครโดยสิ้นเชิง ให้ออกแบบตัวเอกและศัตรูของเขาไว้ ตัวละครเหล่านี้ดูเหมือนจะมีความสำคัญสำหรับเรื่องราว แต่เมื่อความลับของเบื้องหลังตัวละครถูกเปิดเผย ความขัดแย้งที่สร้างจะไม่สำคัญอีกต่อไป เนื่องจากนักอ่านจะสนใจและมุ่งไปที่พระเอกกับวายร้ายของเราเท่านั้น

ความขัดแย้งมีความสำคัญต่อเรื่องราว และไฟนอลแฟนตาซีมักจะเพิ่มความขัดแย้งให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แน่นอนว่ามีภัยคุกคามต่อชีวิตของตัวเอก แต่สิ่งที่ทำให้เกมไฟนอลแฟนตาซีเข้มข้นขึ้นคือความขัดแย้งระดับโลก บ่อยครั้งที่ชะตากรรมของโลกเป็นเดิมพัน

 

พรอมโต้จาก Final Fantasy XV  ที่เจอวิกฤตชาติกำเนิดของตัวเอง
พรอมโต้จาก Final Fantasy XV  ที่เจอวิกฤตชาติกำเนิดของตัวเอง

Step 5:  สร้างวิกฤติให้ตัวละครสักตัว

เลือกหนึ่งในสี่จากตัวละครที่มีอยู่ของเรา คนที่ไม่คิดว่าพวกเขาจะเป็นใคร บางทีพวกเขาอาจถูกพ่อแม่โกหก บางทีการทดลองทางวิทยาศาสตร์อาจทำให้พวกเขาสับสนกับตัวตนของคนอื่น บางทีตัวละครอาจเป็นร่างโคลน

อย่างเช่นพรอมโต้ FFXV ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นทหารจักรกลของจักรวรรดินิฟเฟิลไฮม์ แต่ถูกลักพาตัวมาอยู่ที่อาณาจักรลูซิส แถมดันกลายเป็นเพื่อนซี้ขององค์ชายน็อกทิสด้วย พอรู้ความจริงของชาติกำเนิดตัวเอง ถึงกับช็อกไปต่อไม่ถูก บทพิสูจน์มิตรภาพแท้ของกลุ่มบอยแบนด์เพื่อนรักก็มา

เมื่อสุ่มเลือกตัวละครเอกผู้โชคร้ายแล้ว เรายังต้องมีตัวละครตัวที่ 5 ที่เชื่อมโยงกับบุคคลนี้โดยเฉพาะ เพื่อทำให้เขารู้ถึงวิกฤตที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เช่น อาราเนีย FFXV มีส่วนเชื่อมโยงที่ทำให้พรอมโต้รู้ตัวตนจริงๆ ของตัวเอง พอทำแบบนี้แล้ว เรื่องราวในนิยายของเราก็จะเข้มข้นและท้าทายตัวละครที่เหลือมากขึ้น

 

สคอวลล์รู้เลยว่า “ความรักคืออะไร” เมื่อเขาสูญเสียรีโนอาไป  จาก Final Fantasy VIII
สคอวลล์รู้เลยว่า “ความรักคืออะไร” เมื่อเขาสูญเสียรีโนอาไป  จาก Final Fantasy VIII

Step 6: โยนความโรแมนติกลงไป

ไฟนอลแฟนตาซีนี่แหละคือเรื่องรักแฟนตาซีชัดๆ ถึงแม้ภาคท้ายๆ จะไม่ค่อยเด่นเรื่องความรักเท่าไหร่ แต่ก็ยังมีความรักมาให้เราสัมผัสอยู่ดี แน่นอนว่าใครบางคนในเรื่องนี้ต้องมีความรัก เราสามารถเลือกใครก็ได้ ตัวเลือกคลาสสิกก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการให้ตัวเอกหลักรักตัวเอกรอง, ตัวละครที่ 5 ที่เชื่อมโยงกับตัวละครใน Step 5 รักกัน หรือแม้กระทั่งให้ตัวเอกและศัตรูรักกัน

หากเราผูกพันกับตัวละครทั้งหมดในบทบาทเฉพาะของพวกเขา เราสามารถเพิ่มตัวละครตัวที่ 6 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความรักโดยเฉพาะก็ได้ ความรักนี้ควรสร้างขึ้นผ่านสถานการณ์ (ที่ถูกบังคับ) การออกเดท ปิดท้ายด้วยการจูบ จากนั้นจะไม่พูดถึงอีกครั้งเมื่อความขัดแย้งที่แท้จริงเกิดขึ้น

พี่มองว่า Final Fantasy VIII แทบจะเป็นเกมที่โรแมนติกที่สุดในไฟนอลแฟนตาซี สคอวลล์ดูเหมือนจะสนใจริโนอาตั้งแต่งานเต้นรำ เธอและเขามีโอกาสเจอกันอีกครั้งในรถไฟ ดูเหมือนคราวนี้เธอเองก็ตกหลุมรักเขาด้วย เมื่อเธอไม่รู้สึกตัวหรืออยู่ในอาการโคม่า สคอวลล์ก็รู้เลยว่า “ความรักคืออะไร” เมื่อเขาสูญเสียรีโนอาไป หลังจากต่อสู้กับแม่มดอัลติเมเซียสำเร็จ ทั้งคู่ก็เป็นแฟนกัน

 

มีเพียงตัวเอกเท่านั้นที่เอาชนะวายร้ายได้ น็อกทิส VS  อาร์ดีน  ใน Final Fantasy XV
มีเพียงตัวเอกเท่านั้นที่เอาชนะวายร้ายได้ น็อกทิส VS  อาร์ดีน  ใน Final Fantasy XV

Step 7: วายร้ายกลายเป็นพระเจ้า

เรามีตัวละคร ความขัดแย้งปลอมๆ ความขัดแย้งที่แท้จริง และความรัก ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องมาบรรจบกันในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่

 ในไฟนอลแฟนตาซี เหตุการณ์ในเรื่องทำให้ศัตรูกลายเป็นเทพเจ้าที่ทรงพลัง! อย่าลืมเล่นความสามารถที่น่าทึ่งของวายร้าย การโจมตีควรทำลายล้างระบบนิเวศทั้งหมดหรือดาวเคราะห์ให้แตกเป็นเสี่ยงๆ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะสิ่งมีชีวิตที่มีอำนาจทุกอย่างเช่นนี้ เว้นแต่จะเป็นตัวเอก 

ตัวละครหลักของเราจัดการเพื่อจบการต่อสู้เพียงลำพัง เอาชนะศัตรูที่เหมือนพระเจ้าและทำให้เรื่องราวจบลงในที่สุด

ในตอนท้ายของ Final Fantasy XV องค์ชายน็อกทิสต้องต่อสู้กับอาร์ดีน ลาสบอสของเกมในโลกหลังความตายเพียงลำพัง นำมาสู่ผลลัพธ์สุดท้าย...นั่นคือเขาสามารถนำแสงสว่างกลับคืนสู่โลกได้ แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม

 

Step 8: ดำเนินเรื่องให้สะเทือนอารมณ์เข้าไว้ ใส่ปัญหาลงไปแล้วแก้ไขอย่างชาญฉลาด

นักพัฒนาของไฟนอลแฟนตาซีรู้ดีว่าอารมณ์มีส่วนสำคัญในการเล่าเรื่อง และไฟนอลแฟนตาซีก็มีการดำเนินเรื่องที่สะเทือนอารมณ์มากที่สุด ทีดัสมีปัญหาร้ายแรงเกี่ยวกับพ่อและสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญต่อเรื่องราวของ Final Fantasy X  ขณะที่คลาวด์เผชิญหน้ากับความตายของแอริธ ใน Final Fantasy VII และผู้เล่นจะได้สัมผัสกับอารมณ์ของการสูญเสียนั้น

หากเราต้องการสร้างประสบการณ์การเล่าเรื่องที่สมจริงให้นักอ่าน ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความรู้สึกของตัวละครสิ

นอกจากนี้ การแก้ปัญหาเองก็เป็นคุณสมบัติหลักของการเล่นเกมไฟนอลแฟนตาซี เกมนี้ต้องใช้กลยุทธ์ในส่วนของผู้เล่น การเล่าเรื่องที่เป็นหัวใจหลักคือการแก้ปัญหา ตัวเอกต้องเผชิญกับปัญหาหลักของเรื่อง  และเรื่องราวคือเส้นทางในการแก้ปัญหาซึ่งมักเกิดจากการลองผิดลองถูก

นักเขียนควรพิจารณาลักษณะการแก้ปัญหาของเรื่องราวเป็นอย่างดี เพื่อจะได้สร้างเรื่องราวปัญหาให้ผู้อ่านได้ขบคิดและต้องการแก้ไขอย่างแท้จริง ในขณะเดียวกันเหล่านักอ่านก็เดินทางไปกับตัวเอกตั้งแต่ต้นเรื่องจนถึงตอนท้าย

 

…………………..

 

จัดเต็มครบเรียบร้อยแล้วนะคะกับ 8 เทคนิคดีๆ ที่ได้จากการเล่นเกมไฟนอลแฟนตาซี ต้องแอบกระซิบก่อนว่า ส่วนตัวแล้วแม้พี่จะชอบอ่านหนังสือหรือดูหนัง แต่ไฟนอลแฟนตาซีเป็นสิ่งที่ทำให้พี่ได้แรงบันดาลใจมาสร้างเรื่องราวเป็นของตัวเองมากกว่าสิ่งอื่น อาจเป็นเพราะพล็อตเรื่องที่ซับซ้อน หักมุม แต่กระชากใจ เหนือสิ่งอื่นใด พี่มองว่าการดำเนินเรื่องของไฟนอลแฟนตาซี กับพัฒนาการของตัวละครที่มีการเติบโตนี่แหละที่สามารถทำให้ผู้เล่นติดงอมแงมได้ ลองหยิบ 8 เทคนิคนี้ไปใช้กับนิยายของตัวเองดู อาจพบกับความแปลกใหม่ที่ทำให้เรื่องราวของเราน่าดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น

 

พี่น้ำผึ้ง :)

 

ขอบคุณรูปภาพจาก  Square Enixขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากhttps://adventurerules.blog/2016/02/11/how-to-write-a-story-like-square-enix/https://medium.com/@farrtom/6-things-writers-can-learn-from-playing-final-fantasy-5c64a01f981d 
พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น