วิหคสยายปีก คุณแม่ลูกสองผู้เขียนนิยายปัง!
จนมียอดวิวหลักแสน!
เขียนนิยายเอาสนุก แค่อยากสร้างเรื่องราวแบบที่ชอบขึ้นมา พี่หญิงเชื่อว่านักอ่านเก้าในสิบจะต้องเคยมีความคิดแบบนี้แว็บขึ้นมาในหัวแน่ๆ แต่น้อยคนที่จะมุ่งมั่นทำมันจนสำเร็จ ทว่า “คุณนก” หรือ “วิหคสยายปีก” นักเขียนเจ้าของผลงาน องค์หญิงวณิพก เธอไม่ได้เป็นเช่นนั้นค่ะ แม้จะเคยถอดใจกับการเขียนนิยายไป แต่เมื่อเธอได้เห็นโอกาสในผลงานที่มันจะกลายมาเป็นความหวังในการช่วยเหลือเธอจากวิกฤติการเงินที่กำลังประสบอยู่ คุณนกก็ลุกขึ้นสู้อีกครั้งพร้อมกับนำบทเรียนจากข้อผิดพลาดมาปรับปรุงผลงานจนทำให้นิยายได้รับผลตอบรับที่ดีมากๆ ในเด็กดี! และวันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักกับนักเขียนคนนี้กัน
นักเขียนมือใหม่ เพราะอ่านเยอะเกินไป!
สวัสดีค่ะ ชื่อนกนะคะ อายุ 33 ปี นักเขียนนาม วิหคสยายปีก เจ้าของนิยายเรื่อง องค์หญิงวณิพกค่ะ ตอนนี้รับบทเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกทั้งสองคนอยู่ที่บ้านค่ะ
จุดเริ่มต้นการเขียนนิยาย...เอาจริงๆ เลยคือเริ่มเขียนนิยายมาตั้งแต่สี่ปีก่อนค่ะ ในตอนนั้นกระแสนิยายนางเอกข้ามพบไปอยู่ในร่างตัวร้ายของเรื่องแรงมากค่ะ จนวันหนึ่งเราเกิดรู้สึกอยากลองแต่งบ้าง เป็นครั้งแรกที่อยากแต่งนิยายเรื่องแรกค่ะ และด้วยความที่เราอยากแต่งในแบบของเรา จึงลงมือเขียนและลองโพสต์ลงเว็บเด็กดีดูค่ะ
แม้ผลตอบรับจะดีตั้งแต่แรก แต่ก็เต็มไปด้วยข้อผิดพลาด
ในตอนนั้นรู้สึกดีใจมากที่มียอดคนติดตามจำนวนหลักพันในเวลาไม่นานค่ะ อาจจะเป็นกระแสนิยายในแนวนี้ก็อาจเป็นได้ค่ะ ทั้งคอมเมนต์จากนักอ่านในตอนนั้น ทำให้เราได้เรียนรู้ภาษาไทยเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ เพราะตอนแรกเราเขียนโดยที่ตัวเราเองไม่เข้าใจคำว่า เจ้าคะ เจ้าค่ะ เพคะ เลยค่ะ เราใช้มั่วมากพิมพ์คำว่าเจ้าค่ะ ทุกประโยคเลยค่ะ
นักอ่านหลายท่านแนะนำให้เราเข้าไปอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวคำพวกนี้ใน google เพิ่มเติม ทำให้ตอนนั้นถึงกับร้องอ้อ เพราะตนเองตกภาษาไทยนั้นเอง
ปัจจุบันเราเขียนมา 2 เรื่องแล้ว แต่เป็นเรื่องที่สองที่เขียนพร้อมกันกับเรื่องแรกที่หยุดอัปไป แล้วมีการลบเนื้อหาเก่าออกทั้งหมด และกลับมาเขียนพร้อมวางพล็อตใหม่หมดค่ะ เริ่มตั้งแต่ในปลายปีที่แล้วค่ะ และอัปนิยายมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันค่ะ
เริ่มจากเขียนเล่นๆ ก่อนจะจริงเพราะสร้างรายได้!
ที่เริ่มมาเขียนนิยายอีกครั้ง เพราะเห็นปุ่มของทางเด็กดีบอกว่าเปิดขายนิยายก็สามารถมีรายได้ถึง 3,500 บาทต่อเดือน ยอมรับว่าสนใจมาก เพราะเด็กๆ เริ่มที่จะกินนมเยอะ ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาก เราจึงกลับมาเขียนนิยายอีกครั้งและลงขายกับทางเว็บเด็กดีค่ะ
ตอนแรกคือยอมรับเลยว่าต้องการจะเขียนเล่นๆ แต่พอเห็นโอกาสมีรายได้ เลยตั้งใจเขียนเพื่อเปิดขาย ลงครั้งแรกไม่คิดว่าจะขายได้ด้วยซ้ำค่ะ พอเริ่มมีนักอ่านสนับสนุนผลงานของเรา ยอมรับว่าทั้งดีใจและตื่นเต้นมากค่ะ
ตอนเปิดขายครั้งแรกกังวลถึงผลตอบรับไหมเหรอ… ไม่ค่ะ เพราะคิดว่าหากขายได้ถึง 3,500 บาทก็ถือว่าเยอะมากสำหรับเราในตอนนั้นแล้ว ขอให้มีคนอ่านเราก็ดีใจแล้วค่ะ เรื่องนักอ่านน้อย
มีกลัวเหมือนกันค่ะ
แต่เราก็มีตอนฟรีให้สำหรับนักอ่านที่รออ่านฟรีเหมือนกันค่ะ
อย่างเรื่อง เรื่ององค์หญิงวณิพก เราจะเขียนบอกในตอนที่สิบไว้ด้วยค่ะ เพื่อนักอ่านจะได้ทราบว่าเราจะติดเหรียญแบบไหนบ้างค่ะ ทุกคนจะได้เข้าใจตรงกันด้วยค่ะ
เพราะเป็นนักอ่านมาก่อนเลยเข้าใจกันดี
สาเหตุที่มีคนที่ติดตามเยอะตั้งแต่เขียนเรื่องแรกอาจจะเป็นการลงตอนที่สม่ำเสมอด้วยค่ะ เพราะเราก็เคยเป็นนักอ่านมาก่อน เข้าใจคำว่า "รอ" ความรู้สึกเป็นอย่างไรดีค่ะ
ประสบการณ์อ่านนิยายของเรา ช่วยเรื่องการเขียนได้เยอะเลยค่ะ เหมือนกับพอเราอ่านเยอะๆ เราแอบซึมซับหลักการเขียนของนักเขียนท่านอื่นมาโดยไม่รู้ตัว แต่เราก็มีแนวทางของตนเองเช่นกันค่ะ
อย่างตอนแรกที่ใช้คำผิด คำเหล่านี้มีผลต่อนักอ่านหลายท่านเลยนะคะ เพราะบางคนอ่านแล้วรู้สึกขัดตาก็เลิกอ่านไปเลยก็มีค่ะ แต่ก็มีนักอ่านหลายท่านที่ช่วยแนะนำและอธิบายให้เราเข้าใจ คอยให้กำลังใจ และชี้แนะถึงแหล่งหาข้อมูล ซึ่งแหล่งข้อมูลสามารถหาได้ง่ายในเว็บเด็กดีนี้แหละค่ะ เพราะมีสมาชิกท่านหนึ่งในเว็บเด็กดีเขียนบรรยายได้ละเอียดและทำให้เราเข้าใจยิ่งขึ้นค่ะ
เขียนนิยายเก่ง สำหรับเรา อาจจะไม่จำเป็นต้องเรียนภาษาไทยเก่งก็ได้
แต่การศึกษาเพิ่มเติมย่อมเป็นผลดีต่อตัวเราเองด้วยค่ะ
เขียนนิยายก็สร้างรายได้ อีกหนึ่งช่องทางทำเงินสุดเซอร์ไพรส์
อย่างที่บอกว่าเราเป็นแม่บ้าน มีภาระต้องดูแลลูกเวลาเขียนนิยายเราเลยต้องแบ่งเวลามาเขียนตอนเด็กๆ หลับค่ะ ครั้งแรกแฟนยังไม่ทราบว่าเราเขียนนิยายค่ะ แต่ระยะหลังมามีถามว่าก้มพิมพ์อะไรนานจัง พอเราบอกว่าเขียนนิยาย เขาตอบมาคำแรกเลยว่า จะมีคนอ่านของเธอเหรอ???
เรายิ้มไปหนึ่งครั้งแล้วตอบไปอย่างมั่นใจ มีสิ อย่างน้อยก็ฉันอ่านของตัวเองนี่แหละ เขามีสายหน้าและเลิกสนใจไปเลย เรื่องเปิดขายตอนแรกยังไม่รู้ค่ะ เพราะเราเองก็ไม่มั่นใจว่าจะขายได้ ด้วยเราเป็นนักเขียนหน้าใหม่ ไม่มีฐานคนอ่านมาก่อน จึงรอให้มีคนซื้ออ่านก่อน ค่อยไปสะกิดแฟน
"เธอ มีคนซื้อนิยายฉันด้วย" กล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ ราวกับตัวเองถูกรางวัลที่ 1
"ไหนเอามาดูซิ" มีไม่เชื่อเราด้วย ต้องการหลักฐานด่วน
เราเลยยื่นโทรศัพท์ให้ดู
"เขาคงละเมอกดซื้อนิยายของเธอ"
แฟนเราเป็นประเภทไม่ค่อยชอบชื่นชมเราค่ะ (กลัวเราได้ใจ) จากนั้นก็มีถามเรื่อยๆ ว่าขายได้เยอะไหม (ทีแรกทำเป็นไม่สนใจเรา) เขาเป็นประเภทปากแข็งแต่มีแอบถามเรื่อยๆ ค่ะ
จนตอนนี้ผลลัพธ์ก็ดีมากค่ะ เกินที่เราคาดหวังไว้มาก
ไม่คิดว่าจะมีคนชอบนิยายที่เราเขียน
องค์หญิงวณิพก นิยายที่เป็นเหมือนบันทึกการเดินทาง
สำหรับเรื่อง องค์หญิงวณิพก เกิดเพราะอยากเขียนนิยายเกี่ยวกับบันทึกการเดินทางสักเรื่องค่ะ เป็นความชอบส่วนตัวด้วยค่ะ เราชอบแบบตัวเอกเดินทางไปตามเมืองต่างๆ แล้วเจอกับอะไรใหม่ๆ พออ่านแล้วรู้สึกตื่นเต้นและลุ้นไปด้วย ว่าจะเจอเหตุการณ์อะไรบ้างในเมืองนั้นค่ะ จึงลองเขียนนิยายในแบบจินตนาการของตนเองออกมาดูค่ะ ตั้งใจเขียน 2 ภาคจบค่ะ
ประสบการณ์เก่าสอน! เขียนนิยายต้องวางพล็อต!
เขียนเรื่องนี้เราวางพล็อตจบก่อนหรือเปล่า? ใช่ค่ะ มันชัดเจนและสามารถเขียนออกมาได้เลยค่ะ เรื่องแรกที่เขียนตอนสี่ปีก่อน เป็นบทเรียนในการเริ่มต้นเขียนใหม่อีกครั้งค่ะ
ปัญหาที่เราเจอตอนนั้นที่ทำให้หยุดเขียนไปก็คือ...
- ปัญญาแรกคือ เราต้องกลับไปทบทวน คำว่า เจ้าคะ เจ้าค่ะ เพคะ ให้เข้าใจมาขึ้นเสียก่อน
- ปัญหาที่สอง อย่าเอนเอียงไปกับนักอ่านมากจนเกินไป จนทำให้เราไปต่อไม่ได้ สุดท้ายจบลงด้วยการยุติลงตอนชั่วคราวโดยไม่มีกำหนดค่ะ
ตอนแรกมีพล็อตคร่าวๆ ในหัวอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงกับชัดเจนมาก นักอ่านหลายท่านเชียร์ให้หาพระเอกใหม่ เราก็เริ่มเอนเอียงไปด้วย พอเขียนไปเขียนมา ตัวเองคิดว่ามันไม่ใช่ เราไม่สามารถควบคุมตัวละครในเนื้อเรื่องนี้ได้อีกต่อไป คล้ายกับตัวเองออกทะเลไปไกลแล้วค่ะ ความคิดในตอนนั้นอยากลบเนื้อเรื่องและเริ่มต้นเขียนใหม่ค่ะ
กลับมาเขียนอีกครั้งเพราะปุ่มแจ้งรายได้ 3,500 บาทต่อเดือน
ในช่วงสี่ปีที่ยุติลงนิยายเรื่องแรกไป ก็มีนักอ่านบางท่านที่ยังคงคอยเมนต์ถามเรื่อยๆ ว่าเราจะมาต่อเมื่อไหร่ นักอ่านบางท่านก็บอกว่านานแล้วนะ เราก็ อืม นานจริงๆ แหละ
เราก็มีความคิดกลับมาเขียนบ้าง แต่ก็ไม่ได้จริงจัง จนมาเจอจุดเปลี่ยนมีเรื่องค่าใช้จ่ายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยค่ะ ตอนนั้นเป็นช่วงที่ลูกคนเล็กเพิ่งหย่านมแม่และเริ่มทานนมกล่อง โดยที่แต่เดิมพี่คนโตก็ทานมแม่กับน้องด้วย จึงให้หยุด เพราะต้องเตรียมตัวเข้ารร.เรียน
โดยไม่คาดคิดว่าเด็กจะทานนมแทนน้ำมาก่อนค่ะ คนเล็กตอนนั้นสองขวบกว่า กินนมขวด 3 วัน 1 ลัง พี่คนโตทานนม 5 วัน 1 ลัง ไหนจะค่าแพมเพิสและอื่นๆ อีกมากมายค่ะ จากที่วันหนึ่งเข้าไปดูหน้านิยายของตนเอง แล้วบอกว่าเพียงเปิดขายนิยายก็สามารถมีรายได้เดือนละ 3,500 บาทได้แล้ว
บอกตามตรงว่าตอนนั้นส่งสารแฟนมากค่ะ ต้องทำงานคนเดียว โดยที่เราเลี้ยงเด็กๆอยู่บ้าน ไม่มีรายได้เพิ่ม แต่รายจ่ายกลับเพิ่มมากขึ้น
จึงลองกลับมาลงนิยายอีกครั้ง คิดว่าหากได้ถึง 3,500 จริง เราจะมีรายได้มาช่วยแฟนอีกเล็กน้อย พอเป็นค่านมให้เด็กๆก็ยังดี
จำได้เลยค่ะ วันแรกที่ลงขาย ได้เงินมา70 บาท ดีใจมากค่ะ ทำให้เรามีแรงฮึดสู้ที่จะเริ่มเขียนต่อและจริงจังมากขึ้น (อันนี้คือกลับมาเขียนเรื่องแรกนะคะ)
ส่วนเรื่องที่สอง คือ องค์หญิงวณิพก เริ่มเขียนช่วงปลายปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน เรื่องนี้ทำให้เราตกใจกับรายได้ที่มากกว่าคาดไว้มากค่ะ
จนถึงตอนนี้เราได้เปลี่ยนความคิดของตัวเองจากเดิมไปมาก จากที่คิดว่าเขียนเล่นๆ แค่อยากสร้างเรื่องราวของตัวเองขึ้นมา เป้าหมายในก็กลายเป็นอยากเป็นนักเขียนเต็มตัวค่ะ เขียนนิยายเป็นงานหลักค่ะ ทำให้เราสามารถเลี้ยงเด็กไปได้ด้วยค่ะ
จากความคิดเล่นๆ ที่อยากลองเขียนนิยายสู่ผลงานทำรายได้เกินคาดในปัจจุบัน ช่วยให้พี่นกได้มีเงินรายได้ใช้จ่ายเงินค่านมลูกอย่างที่หวัง ทั้งยังได้รับผลดีเกินคาด จนปัจจุบันพี่นกได้เปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการเขียนนิยายต่างไปจากเดิม เธอไม่ได้มองมันเป็นแค่เพียงงานอดิเรกค่าเวลาอีกต่อไป แต่มองมันเป็นความหวังในการสร้างเงิน สร้างรายได้ให้กับเหล่าแม่บ้านในการนำไปเป็นต้นทุนในการดูแลลูก และเงินทุนสำรองที่จะช่วยคู่ชีวิตในการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายอีกทางหนึ่ง
ถ้าหากใครมีความคิด มีความฝันอยากเขียนนิยาย หรืออยากสร้างรายได้อย่างพี่นก มาเริ่มต้นเขียนนิยายของเรากันค่ะ
ติดผลงานของ วิหคสยายปีก ได้ที่นี่
0 ความคิดเห็น