Sky eye จากคนป่วยว่างงานไม่มีรายได้ ชีวิตกลับมามีคุณค่าเมื่อมาเป็นนักเขียน!

Sky eye จากคนป่วยว่างงานไม่มีรายได้ 
ชีวิตกลับมามีคุณค่าเมื่อมาเป็นนักเขียน!

 

สวัสดีค่ะชาวเด็กดีทุกคน  วันนี้เรามีโอกาสได้พูดคุยกับนักเขียนเด็กดีที่มีประสบการณ์การเขียนนิยายที่น่าสนใจมากคนหนึ่งเลยค่ะ  เพราะพี่เนตร หรือ  Sky eye เป็นนักเขียนอีกคนหนึ่งที่ #อยู่ที่ไหนก็เขียนนิยายได้  แม้ว่าการใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวที่ออสเตรเลีย จะมีช่วงเวลาที่พี่เนตรเคยป่วยหนักจนเกือบจะเดินไม่ได้  แถมในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพี่เนตรยังต้องเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนไตอีก แต่เมื่อช่วงเวลาแห่งความยากลำบากเหล่านั้นค่อยๆ จางหายไป  พี่เนตรก็ได้เล่าให้เราฟังว่า การได้มาเขียนนิยายทำให้คนป่วยที่เคยว่างงาน รู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่าขึ้นมากอีกครั้ง

ซึ่งพี่เนตรได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่าการเขียนนิยายทำให้เธอรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ ผ่านการเขียนนิยายสุดฮิตกว่า 7 เรื่องตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา  ถ้าหากใครชอบอ่านนิยายแนวจีนโบราณในหมวดอดีต ปัจจุบัน อนาคต น่าจะเคยอ่านนิยายสุดฮิตอย่าง ท่านแม่ของข้าคือตัวโง่งมจริงหรือ, ข้าเป็นหญิงหม้ายแล้วอย่างไร และผลงานเรื่องอื่นๆ มากมาย  ที่หากได้อ่านเรื่องราวของพี่เนตรในสัมภาษณ์นี้แล้วจะต้องร้องอ๋อกันแน่นอน 

ถ้าพร้อมกันแล้วมารู้จักนักเขียนสาวคนนี้ พร้อมเรื่องราวการเขียนนิยายดีๆ ที่รับรองได้เลยว่าได้แรงบันดาลใจดีๆ เพียบ อ่านแล้วมีกำลังใจฮึดสู้อยากเขียนนิยายของตัวเองได้แน่!

 

เคยป่วยหนักจนเกือบเดินไม่ได้ 
เลยใช้เวลาว่างมาลองแต่งนิยาย

ก่อนอื่นต้องสวัสดีทุก ๆ คน ก่อนนะคะ พี่มีชื่อจริงว่า เนตรนภา ภูมรินทร์ ปีนี้ก็อายุ 41 ปีแล้วค่ะ ส่วนนามปากกา พี่ใช้ว่า sky eye เพราะพี่คิดว่ามันคลาย ๆ ชื่อจริงของพี่ค่ะ ดวงตาของท้องฟ้า แหะ ๆ ส่วนเรื่องงานเขียนตอนนี้ก็มีหลายเรื่องค่ะ เช่น ข้าเป็นหญิงหม้ายแล้วอย่างไร, หญิงหม้ายนางนี้คือสตรีของข้า, ท่านแม่ของข้าคือตัวโง่งมจริงหรือ, นามข้าคือมู่หรงลี่มี่, หลิ่วเหลียนฮวาวิญญาณผู้มาจากต่างภพ, ภรรยาตัวร้ายของอดีตแม่ทัพตกยาก, และตอนนี้ก็กำลังแต่งนิยายเรื่องที่ 7 อยู่ ชื่อเรื่อง สามีข้าคือชายพิการ ที่กำลังจะตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ปั้นรักค่ะ

ช่วงนี้พี่ก็เลี้ยงลูกค่ะ ถ้าไม่แต่งนิยายก็แค่เลี้ยงลูกเลี้ยงแมวเลี้ยงหมาไป เพราะไม่ได้ทำงานอะไรเลย ฟังเหมือนสบายเนอะชีวิตพี่ แต่พี่สุขภาพไม่ดีค่ะ มีโรคประจำตัวเลยไม่สามารถออกไปทำงานนอกบ้านได้ เข้าออกโรงพยาบาลเกือบทุกเดือน บางทีก็ต้องไปนอนเป็นเดือนสองเดือน เคยป่วยหนักจนถึงกับเดินไม่ได้ กลับบ้านมาทีลูกแบบว่าเกือบลืมแม่ตัวเอง (หัวเราะ) สรุปชีวิตส่วนใหญ่จะเข้าออกโรงพยาบาลจนแทบจะกลายเป็นบ้านอีกหลังค่ะ ตอนนี้พี่เพิ่งเปลี่ยนไตมาได้ 3 ปีนี้เอง เลยว่างมากจนได้มาเขียนนิยายเล่น ๆ จนตอนนี้มาขายนิยายเป็นอาชีพหลักไปแล้ว

 

เพราะแต่งนิยายจบเรื่องได้
เลยรู้สึกว่าการเขียนนิยายไม่ยาก

พี่เริ่มเขียนนิยายเมื่อปีที่แล้วประมาณเดือนพฤษภาคมค่ะ ก็ประมาณ 1 ปีพอดี สาเหตุที่ทำให้มาแต่งนิยาย เพราะเป็นนักอ่านมาก่อน แล้วมีนิยายบางเรื่องที่ชอบมาก แต่เขาไม่ยอมมาแต่งให้จบสักที พี่เลยแต่งเองซะเลย 

การเขียนนิยายมันไม่ใช่ความฝันเลยค่ะ พี่แค่ชอบอ่านหนังสือ  พอยิ่งมาอยู่ต่างประเทศใหม่ ๆ สมัยที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ต หนังสือก็เป็นเหมือนเพื่อนคลายเหงาเลยค่ะ จนมามีโอกาสได้อ่านนิยายในเว็บ Dek-D.com ครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน เลยติดนิยายออนไลน์มาก พออ่านมาก ๆ ก็เริ่มอยากลองแต่งเองบ้าง  

นิยายเรื่องแรกชื่อ หลิ่วเหลียนฮวาวิญญาณผู้มาจากต่างภพ พี่ก็แต่งไปมั่ว ๆ ค่ะ เอานิยายที่ตัวเองชอบมาเป็นพล็อตเรื่องนิด ๆ หน่อย ๆ แต่เนื้อหาก็จะไม่เหมือนกันเลย ผลตอบรับดีเกินคาด ถึงกับถูกด่าจนมึนไปเลย แบบคนไม่เคยเขียน ไม่เคยคิดศึกษาอะไรที่เกี่ยวกับงานเขียนเลย นิยายมันเลยออกจะออกทะเลไปบ้าง แต่พี่ก็สามารถแต่งจนจบเรื่องได้ เลยรู้สึกว่าแต่งนิยายมันก็ไม่ยากเท่าไหร่ 

สำหรับตัวพี่ฟีดแบ็กจากนิยายทุกเรื่องถือว่าดีนะคะ รู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งเลย เพราะเพิ่งจะเขียนนิยายได้ไม่นานมานี้เอง  พี่รู้สึกว่าตัวเองต้องพยายามเขียนให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะพี่เชื่อว่า หากเขียนดีแล้วยังไงคนอ่านก็ไม่ทิ้งเราไปแน่ ๆ 

ผลงานนิยายของ Sky eye
ผลงานนิยายของ Sky eye

จากคนป่วยว่างงานไม่มีรายได้
ลองขายนิยายจนมีเงินส่งให้พ่อแม่

ก็นิยายเรื่องแรกนี่แหละที่ทำให้อยากแต่งเรื่องต่อไปเรื่อยๆ เพราะมีกำลังใจจากคนที่เริ่มชอบผลงานและติดตามงานของเรา ถึงมันจะไม่ใช่งานเขียนที่ดีมากมาย แต่ก็มีคนชอบเยอะอยู่เหมือนกัน มีคอมเมนต์มาชมว่าเนื้อเรื่องดี อ่านแล้วสนุก มีความสุข และก็ประทับใจในตัวละคร เท่านี้พี่ก็ยิ้มแก้มแทบปริแล้วค่ะ 

ยิ่งพอมาลองขายดู แล้วขายได้ มันก็เลยเริ่มมีกำลังใจ จากคนว่างงานที่ไม่เคยทำงานมีรายได้อะไรมาเป็นสิบปี มันทำให้พี่รู้สึกดีใจมากและภูมิใจในตัวเองอีกครั้งที่สามารถกลับไปทำงานสร้างรายได้ส่งให้พ่อแม่ โดยที่ไม่ต้องขอจากคนอื่น 

ที่พี่มาขายนิยายได้อันนี้ต้องยกความดีให้ทางเว็บเลยค่ะ เพราะพอเราแต่งนิยายไปได้สักหลาย ๆ ตอน มันจะมีข้อความส่งมาว่า มาสร้างนิยายให้เป็นเงินกันเถอะ อะไรประมาณนี้นะคะ ตอนแรกพี่ก็ไม่กล้าลงขาย เพราะรู้ว่านิยายเรายังไม่ดีพอ คำผิดก็เยอะแยะมากมาย ตอนนั้นพี่ปิดนิยายเอาไว้นะคะ อยากจะแก้ไขก่อน แต่มีคนที่เขาอยากอ่านมาก ๆ มาขอให้เปิด ขายก็ได้เขายินดีที่จะซื้ออ่าน พี่เลยลองลงขายดู ตอนนั้นขายเป็นแพ็กเกจ แบบยกแพ็กถูก ๆ แล้วมันก็ขายได้

ตอนนั้นเราไม่ได้คาดหวังมากมายอะไรค่ะ ก็แค่ลองลงขายไปเฉย ๆ เพราะเปิดให้อ่านฟรีจนจบไปแล้ว แต่ฟีดแบ็กดีเลยค่ะ นักอ่านเป็นแรงสนับสนุนสำคัญเลยทีเดียว หากไม่มีฟีดแบ็กดี ๆ อาจหมดไฟเขียนไปนานแล้วค่ะ รายได้จากการแต่งนิยาย 1 ปี คงพอ ๆ กับทำงานหลาย ๆ ปี ที่เมืองไทยเลยค่ะ พี่ก็ส่งให้แม่หมด เก็บเอาไว้ใช้จ่ายและเก็บออมไว้ใช้ตอนแก่ค่ะ เพราะอยากกลับไปอยู่บ้านที่เมืองไทยค่ะ

นิยาย 3 เรื่องแรกแต่งผ่านแอปนักเขียนเด็กดี
นิยาย 3 เรื่องแรกแต่งผ่านแอปนักเขียนเด็กดี

ชีวิตมีคุณค่าขึ้นมาก
เมื่อมาเป็นนักเขียน!
 

การเขียนนิยายมันทำให้พี่รู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่าขึ้นมากอีกครั้งค่ะ เพราะคนป่วยที่ไม่ได้ทำงานอะไรมาเป็นสิบปี กลับมามีงานทำมีรายได้เข้ามาทุกเดือนอีกครั้ง มันทำให้เราภูมิใจในตัวเอง ไม่ต้องรู้สึกแย่ที่ไม่ได้ทำอะไรเลยเหมือนเมื่อก่อน

ตอนนี้พี่เขียนนิยายจนกลายเป็นงานประจำไปแล้วค่ะ  เรียกว่าเป็นอาชีพแล้วก็ได้นะคะ เพราะบอกลูกชายไปว่า ถ้ามีคนถามว่าแม่เธอทำงานอะไร ให้บอกไปเลยนะว่าแม่เป็นนักเขียน แม่สามียังบอกคนอื่นไปทั่วเลยค่ะ ว่ามีลูกสะใภ้เป็นนักเขียน

ทางบ้านพี่ก็สนับสนุนนะคะ เพื่อนพี่ก็จะบอกว่าเหมาะกับพี่ดีค่ะ เพราะพี่จะค่อนข้างเพ้อ ๆ หน่อย พี่ถือว่าเป็นคำชมนะ (หัวเราะ) ส่วนสามีก็บ่นบ้าง เพราะตอนนี้พี่แทบไม่ออกจากบ้านไปไหนเลย แต่ลูกชายจะให้กำลังใจค่ะ เขาบอกว่าดีแล้วที่แม่มีงานทำ จะได้ไม่ต้องบ่นเขามาก  สามีก็เลยไม่ค่อยยุ่งด้วยแล้วตอนนี้ สงสัยคิดเหมือนกันกับลูก  (หัวเราะ) 

ความคิดของพี่ตอนนี้ก็อยากเขียนนิยายให้ดีต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ เพราะพี่ไม่รู้ว่าเราจะสามารถมีชีวิตต่อไปได้อีกนานสักเท่าไร วันไหนจะหมดลมไปก็ไม่สามารถรู้ได้ เพราะพี่เป็นคนที่มีหลายโรคค่ะ วันไหนมันจะกำเริบขึ้นมาจนเขียนนิยายต่อไม่ไหวพี่ก็สุดที่จะรู้ เลยไม่คาดหวังอนาคตมากนัก

พี่ก็ไม่ค่อยคิดอะไรมาก แค่ตั้งใจเขียนในสิ่งที่เราตั้งใจทำให้ดี และเขียนให้จบ เพราะถ้าเราเขียนจบเรื่องแรกได้ เรื่องต่อไปก็จะง่ายมากค่ะ เพราะทุกวันนี้พี่คิดแค่อย่างเดียวคือเขียนให้จบ บางทีก็ไม่ค่อยมีคนอ่าน แต่ก็ต้องเขียนในจบค่ะ คติประจำใจเลย แล้วก็พี่อยากขอบคุณนักอ่านทุกคนมาก ๆ เลยค่ะ เพราะถ้าไม่มีพวกคุณไรท์คนนี้คงไม่สามารถแต่งนิยายมาได้หลาย ๆ เรื่องขนาดนี้แน่นอน เพราะทุกคนคือกำลังใจที่สำคัญค่ะ

เชื่อว่าใครก็ตามที่อ่านเรื่องราวของพี่เนตรจนจบจะต้องได้รับแรงบันดาลใจดีๆ จากนักเขียนคนนี้แน่นอนค่ะ เพราะเธอเป็นนักเขียนคนหนึ่งที่เริ่มต้นจากศูนย์  และเป็นเพียงนักอ่านคนหนึ่งที่อยากลองเขียนนิยายของตัวเองดูบ้างเท่านั้น 

 

แม้ว่านิยายเรื่องแรกจะมีคอมเมนต์บั่นทอนจิตใจ เขียนออกนอกทะเลบ้าง มีคำผิดเยอะแยะมากมาย แต่เมื่อเธอสู้เขียนนิยายเรื่องแรกจนจบ  กำลังใจจากนักอ่านที่คอยติดตามนิยายของเธอจนจบถือเป็นแรงใจสำคัญที่ทำให้เธออยากเขียนนิยายต่อไปเรื่อยๆ จนในวันนี้เธอมีนิยายที่เขียนจบไปแล้วหลายเรื่อง แถมแต่ละเรื่องยังสร้างรายได้ให้เธอได้อีกด้วย นี่จึงเป็นเรื่องราวที่ช่วยพิสูจน์คำพูดของเธอได้ดีที่สุด เพราะการเขียนนิยายทำให้คนป่วยอย่างเธอที่ไม่ได้ทำงานอะไรมาเป็นสิบปี กลับมามีงานทำ มีรายได้ และภาคภูมิใจในตัวเองได้อีกครั้งหนึ่ง

สุดท้ายนี้ ขอฝากข้อคิดดีๆ จากคำพูดของพี่เนตรถึงนักอยากทุกคนเอาไว้ว่า ตั้งใจเขียนในสิ่งที่เราตั้งใจทำให้ดี และเขียนให้จบ เพราะถ้าเราเขียนจบเรื่องแรกได้ เรื่องต่อไปก็จะง่ายมากขึ้น! เหมือนที่นักเขียนสาวคนนี้ลงมือทำกันค่ะ

มาเขียนนิยายกัน!

พี่แนนนี่เพน

 

ติดตามผลงานนิยายของ Sky eye 

 

พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด