7 เทคนิคเลือกชื่อตัวละครอย่างไร ให้ตอบโจทย์นิยายของคุณ

7 เทคนิคเลือกชื่อตัวละครอย่างไร ให้ตอบโจทย์นิยายของคุณ

 

"นามนั้นสำคัญไฉน? ที่เราเรียกกุหลาบนี้ แม้เรียกว่าอย่างอื่นก็หอมรื่นอยู่เหมือนกัน"  
โรเมโอกับจูเลียต

จูเลียตอาจจะพูดได้มีประเด็น เพราะถ้าพูดถึงจูเลียต เราก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าคนรักของเธอไม่ใช่คนอื่นนอกจากโรมิโอ ในชีวิตจริง เรารู้ว่าชื่อไม่ได้หมายถึงนิสัยหรือตัวตนทั้งหมดของเรา และเราคงไม่ตัดสินใครบางคนเพราะชื่อของเขาหรอกนะ แต่ถ้าคุณสร้างตัวละคร คุณอาจจะอยากใส่ความคิดหรืออะไรเล็กๆ น้อยๆ ลงในชื่อ ให้มันเป็นสารที่จะส่งถึงผู้อ่าน ดังนั้น วันนี้ เราก็เลยเตรียมเคล็ดลับเกี่ยวกับการตั้งชื่อตัวละครมาฝากกัน  

1 คิดถึงเรื่องฉากและช่วงเวลาในเรื่องประกอบ

หนึ่งในสิ่งที่ควรจะสอดคล้องกับทิศทางการตั้งชื่อตัวละครก็คือทำเลที่ตั้งในเรื่องและช่วงเวลา อย่างชื่อ แอนนา คาเรนนิน่า อาจจะเหมาะกับนิยายรัสเซีย แต่ถ้าเขียนถึงชาวอเมริกัน อาจจะไม่เหาะเท่าไหร่ เราก็ต้องดูองค์ประกอบของเนื้อเรื่องหน่อยว่ามันใกล้เคียงกับอะไร ในประวัติศาสตร์เขาน่าจะมีระบุอยู่นะว่ามันควรหรือไม่ควร จริงๆ ก็ไม่ควรจำกัดเรื่องฉากหรอก ตัวละครอาจจะมีชื่อเก๋ๆ ไม่เหมือนใครได้เหมือนกัน เพื่อความเป็นเอกลักษณ์ แต่ก็ไม่ใช่แตกต่างจนเกินเลยขนาดนี้ เพราะมันจะผิดข้อเท็จจริง และถ้าจะใช้ชื่อตัวละครที่ขัดกับฉากหรือช่วงเวลาในเรื่อง คุณควรจะระบุเหตุผลเอาไว้ด้วยว่าเพราะอะไรพ่อแม่ถึงเลือกชื่อนี้มาตั้งให้ลูก ไม่อย่างนั้น เดี๋ยวมันจะทำให้คนอ่านเกิดคำถามว่า ชื่อนี้มาได้ยังไง  

2  พิจารณาความหมายแฝงของชื่อ  

ความหมายของชื่ออาจไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด แต่ก็ควรจะค้นหาข้อมูลนิดนึง เผื่อถ้าเป็นไปได้จะได้ใส่สัญลักษณ์เล็กๆ น้อยๆ ให้กับชื่อ ถ้ามันมีความหมายน่าสนใจ อาจจะทำให้คนอ่านเกิดอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครได้ด้วย เช่น นิยายเรื่องหนึ่ง นางเอกชื่อว่าเพิร์ล หมายถึงไข่มุก เธอได้ชื่อนี้เพราะเกิดได้ยากเย็น ต้องใช้เงินมากมายหาหมอ และเธอยังมีค่าเหนืออื่นใดสำหรับพ่อแม่ แถมยังทั้งบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ความหมายแฝงของชื่อสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรเล็กๆ น้อยๆ ได้ ขึ้นอยู่กับภาษาและวัฒนธรรมของสถานที่ในนิยาย ลองถามตัวเองดูว่า เวลาได้ยินชื่อแล้วนึกถึงอะไร  

3 เลือกความยาวที่เหมาะสม  

แม้แต่ความยาวของชื่อก็บอกอะไรเกี่ยวกับตัวละครได้เยอะมาก ยกตัวอย่าง ชื่อสั้นๆ อ่านง่าย เช่น ฮัค ฟินน์ ก็จะดูเป็นตัวละครง่ายๆ ภูมิหลังธรรมดา แตกต่างจากเจ้าชายสเตฟาน อาร์คาเยวิช โอบลอนสกี้ ชื่อหลังอาจจะแสดงความสง่างามหรูหรา เหมาะกับตำแหน่ง พยายามใส่ความยาวของชื่อให้สอดคล้องกับลักษณะของตัวละคร  

4 อ่านออกเสียงออกมา  

บางชื่อ เวลาอ่านออกเสียงแล้วเข้าปาก แต่บางชื่ออ่านแล้วอาจไม่เข้ากับเรื่อง เวลานักอ่านเขาอ่านนิยาย เขาจะเรียกชื่อนั้นๆ อยู่ในใจด้วย จึงควรลองทดสอบด้วยการอ่านออกเสียงกับประโยคยาวๆ อย่าเลือกชื่อที่แปลก ออกเสียงยาก หรืออ่านยาก เพราะอาจทำให้คนอ่านไม่แน่ใจว่าจะต้องออกเสียงอย่างไร

5 เลือกหาชื่อเล่นที่เหมาะสม  

ตัวละครไม่จำเป็นต้องมีชื่อเล่นเสมอไป แต่ถ้ามี ก็น่าจะตั้งให้เหมาะสม พิจารณาดูว่าจะเป็นชื่อแบบไหน คล้องกับชื่อจริงไหม หรือว่าไม่สอดคล้องกัน ลองหาความสัมพันธ์กัน เวลาเรียกชื่อมันจะได้ล้อกัน และทำให้คนอ่านเข้าใจได้ง่ายขึ้น

6 หาแรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของคุณเอง  

ลองหาแรงบันดาลใจในการสร้างชื่อตัวละครจากชีวิตจริงเลย เช่น ชื่อของเพื่อนหรือคนในครอบครัว แต่ก่อนจะนำมาใช้ก็อาจจะต้องลองถามดูสักนิดว่าสะดวกใจไหม โอเคหรือเปล่า ปรับแก้สักเล็กน้อย เพื่อไม่ให้มันตรงจนเกินไป แต่ถ้าเจ้าตัวโอเคก็โอเค  

7 ลองค้นหาความหมายของชื่อในกูเกิล

ในกูเกิลมีชื่อเยอะมากกกกกกก ลองพิมพ์ลงไปดูก็ได้ว่าอยากได้ชื่อความหมายประมาณไหน แล้วลองอ่านชื่อเยอะๆ พวกนั้นดู จะได้นำมาเลือกให้มันเหมาะกับคาแรคเตอร์ตัวละครของเรา อย่างน้อยๆ ถึงแม้ยังเลือกไม่ได้ ก็ยังจะได้เห็นว่าในโลกนี้มีชื่อหลากหลายแค่ไหน อาจไม่ใช่ชื่อของตัวละครเอก ก็กลายเป็นชื่อตัวละครอื่นๆ ในเรื่องได้เหมือนกัน  

 

และไม่ว่าคุณจะใช้วิธีไหน การตั้งชื่อให้เหมาะสมกับบุคลิกลักษณะของตัวละคร จะช่วยให้นิยายของคุณสนุกสนานและน่าอ่านมากขึ้น รวมไปถึงทำให้คนอ่านอินกับตัวละครของคุณมากขึ้นด้วย  

 

ทีมงานนักเขียนเด็กดี  

ทีมงาน writer

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

Wawa monster Member 19 พ.ย. 64 21:24 น. 1

ได้สาระเพียบเลย แต่บอกเลยว่าชื่อจีนนี่แหล่ะยากสุด ทั้งความหมายกับตัวอักษร ขอบคุณนะคะ

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด