เปิดใจชาวสวนลำไย เขียนนิยายเดือนเดียวได้ครึ่งแสน มีเงินเลี้ยงแมวแบบคูลๆ | The Chosen EP.26 Doctor เพี้ยน

เปิดใจชาวสวนลำไย 
เขียนนิยายเดือนเดียวได้ครึ่งแสน 
มีเงินเลี้ยงแมวแบบคูลๆ 

The Chosen EP.26 Doctor เพี้ยน

 

ช่วงนี้เทรนด์การใช้ชีวิตแนวสโลว์ไลฟ์กำลังมาแรง เราเลยอยากพาทุกคนมาสัมผัสชีวิตชาวสวนของ “ด็อกเตอร์” นักเขียนหนุ่มวัย 26 ปี เจ้าของสวนลำไยเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี ที่แบ่งเวลาว่างจากการทำสวนมาแต่งนิยายออนไลน์จนมีรายได้เสริมกว่าครึ่งแสนกัน! 

เบื้องหน้าที่นักอ่านหลายคนรู้จัก Doctor เพี้ยน คือนามปากกาของนักเขียนนิยายแฟนตาซีสุดล้ำเรื่อง 'Master unit ผมนี่แหละยูนิตมาสเตอร์' แต่ทว่าเบื้องหลัง เขาคือชาวสวนคนหนึ่งที่มีชีวิตสโลว์ไลฟ์มาก ชีวิตที่เหลือเพียงตัวคนเดียว ว่างๆ ก็อ่านนิยาย มีสุนัขและแมวเป็นเพื่อนคลายเหงา ทำให้เขาอยากแบ่งปันจินตนาการของตัวเองบ้าง จนได้มาลองแต่งนิยายลงบนเว็บเด็กดี และเปิดขายนิยายออนไลน์จนมีรายได้มาหล่อเลี้ยงชีวิตในอีกทางหนึ่ง  

แต่กว่าที่เขาจะกลายเป็นชาวสวนลำไยที่มีเวลาว่างมาแต่งนิยายอย่างทุกวันนี้ ใครจะคาดคิดว่าเบื้องหลังความสโลว์ไลฟ์นั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวการสู้ชีวิตของเด็กหนุ่มในวัย 15 ปี ที่เรียนจบชั้นม.3 ก็ตัดสินใจออกมาทำสวนลำไยต่อจากที่บ้านจนเป็นหนี้ก้อนโต จากนั้นก็ลองผิดลองถูกจนปลดหนี้ได้ และมาเริ่มต้นเขียนนิยายอย่างทุกวันนี้ 

นี่คือเรื่องราวของ “ด็อกเตอร์” ในวัย 26 ปี ที่พร้อมจะแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตและประสบการณ์การเป็นนักเขียน ที่กว่าจะสโลว์ไลฟ์ได้ ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคการเป็นนักเขียนมือใหม่มาไม่น้อย เชื่อว่าเรื่องราวของนักเขียนหนุ่มที่เรากำลังจะได้อ่านกันต่อไปนี้ จะเป็นอีกหนึ่งกำลังใจดีๆ ให้นักเขียนทุกคนไม่ยอมแพ้บนเส้นทางนี้กันค่ะ ^^

บันทึกชาวสวนบทที่ 1 
เริ่มต้นอาชีพชาวสวนตั้งแต่อายุ 15 
พร้อมหนี้หลักแสน!
_______________

ผมชื่อ ด็อกเตอร์ อายุ 26 ปี เป็นคนจันทบุรีครับ สำหรับตอนนี้ก็ทำสวนลำไยขายครับ ที่มาประกอบอาชีพทำสวนต้องขอเท้าความก่อนว่า พ่อแม่ผมหย่ากันตอนผมกับน้องยังเรียนชั้นประถมอยู่เลย พอผมขึ้นชั้นม. 2 แม่ก็เสียชีวิตครับ ตอนนั้นแม่ผมมีที่อยู่ 12 ไร่ซึ่งปลูกลำไยเอาไว้ พอแม่เสียก็ไม่มีใครมาทำต่อ น้องสาวก็ไปอยู่กับญาติ ส่วนพ่อของผมมีครอบครัวใหม่ สวนก็เลยตกมาเป็นของผมครับ ตอนนั้นตัวผมเองก็ยังติดเรียนอยู่ พอเรียนจบม. 3 ก็เลยลาออกแล้วหันมาทำสวนเองครับ

ปีแรกกับลำไย 12 ไร่ ถ้านับเป็นต้นก็หลักร้อยอยู่นะครับ เหนื่อยมากครับ (หัวเราะ) ตอนทำแรกๆ แทบอยากเลิกเลย ก็ลองงมอยู่ปีกว่าแล้วก็เป็นหนี้ล้งหลักแสนเลยครับ ตอนนั้นก็เหนื่อยแต่ต้องอดทน อาศัยตอนที่ไปขับรถรับ - ส่งลำไยในสวนอื่นๆ ก็ครูพักลักจำทั้งวิธีการดูแลแล้วก็เรื่องปุ๋ยเรื่องยาเขามา แล้วก็เอามาศึกษาอีกทีครับ พอปีต่อมาจับทิศทางได้ก็เลยทำเป็นแล้วก็พอมีเงินไปใช้หนี้ได้ครับ 

อย่างที่บอกไปว่าปีแรกลองทำจนเป็นหนี้เลย พอมันเริ่มอยู่ตัว ผมก็เหมือนกับนักเขียนนิยายหลายๆ ท่านครับ คือเริ่มจากการอ่านก่อน ซึ่งในตอนแรกๆ ผมอ่านนิยายแนวแฟนตาซี แล้วก็เริ่มมาแนวเกมออนไลน์ เป็นสองแนวที่ผมชอบที่สุดแล้วครับ ผมอ่านจนบางทีก็คิดๆ บ้างว่า ถ้าเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว มาลองดัดแปลงเป็นนิยายมันจะออกมาหน้าตาแบบไหน คิดว่าจุดเริ่มต้นน่าจะเริ่มมาจากตรงนี้เลยครับ

ผลงานนิยายของ  Doctor เพี้ยน
ผลงานนิยายของ  Doctor เพี้ยน 

บันทึกชาวสวนบทที่ 2
วางแผนเขียนนิยาย
ก็เหมือนวางแผนดูแลลำไย
_______________

ผมเป็นคนชอบภาพยนตร์ การ์ตูน เกม แนวแฟนตาซี เกมออนไลน์อยู่ก่อนแล้ว  พอได้มาอ่านนิยายก็จะเน้นไปในแนวพวกนี้เสียส่วนใหญ่ บวกกับที่เราเป็นคนชอบดูพวกภาพแฟนตาซีแปลกๆ จากเว็บไซต์ พอต้องมาแต่งเองก็เลยหยิบเอาความชอบของตัวเองมาเลือกแนวนิยายที่จะเขียนครับ

สำหรับผมเขียนนิยาย 'ยาก' ครับ แต่มันก็อาจจะมีความหมายไม่เหมือนกัน  อย่างของผมมันยากตรงที่เรามีไอเดีย  มีโครงเรื่อง มีเนื้อหา  มีทุกอย่างอยู่ในหัวแต่เขียนออกมาเป็นตัวอักษรไม่ง่ายเหมือนในหัวครับ กว่าจะเขียนออกมาเป็นตัวหนังสือได้ยากมาก  ต้องอาศัยกระดาษหรือสมุดไปไม่น้อยกว่าจะได้ย่อหน้าแรก  

วิธีเขียนคลาสสิคของผมเลย คือการเขียนด้วยมือลงในกระดาษ  ถ้าจู่ๆ ไปเขียนในคอมเลยหัวจะตัน สมองจะก่อกบฎ ไม่ยอมให้ความร่วมมือ  ผมเลยเริ่มจากการเขียนลงในกระดาษก่อนจะดีที่สุดสำหรับตัวผมครับ ตอนเขียนก็จะใช้เรื่องที่ทำเป็นประจำอย่างการทำสวนมาช่วยด้วยนิดหน่อย อย่างการวางแผนการเขียนซึ่งจะคล้ายๆ กับวางแผนการดูแลลำไยว่าต้องทำอะไรก่อน อะไรตาม และอะไรหลัง ประมาณนี้เลยครับ

บันทึกชาวสวนบทที่ 3
เช้าเข้าสวนทำงาน
ตกบ่ายมานั่งแต่งนิยาย
_______________

ก่อนหน้าที่จะเขียนนิยายผมประกอบอาชีพเป็นชาวสวนลำไยบวกกับก่อนหน้าที่จะมาเขียนนิยายก็รับจ้างขับรถรับ - ส่งลำไยไปด้วย ตอนนี้ที่มาเขียนนิยายก็เลยจะทำสวนอย่างเดียวเลยครับ ไม่ได้ไปขับรถเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เลยเอาเวลาว่างมาแต่งนิยายครับ

ที่บ้านผมตอนนี้ ก็มีแค่ตัวผมที่อาศัยอยู่เพียงลำพัง  มีสุนัข 2 ตัวกับแมว 1 ตัว ผมต้องตื่นตอนตี 4 หรือตี 5 ขึ้นมาเพื่อหุงข้าว ทำกับข้าวไว้กินตอนเช้าก่อนออกไปทำงาน  พาสุนัขออกไปปลดทุกข์กับแมวหลังกินอาหารเช้าเสร็จก็ไปดูสวนลำไยของตัวเอง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นๆ จะต้องทำอะไร  อาจจะต้องตัดหญ้าทั้งสวน  แต่งกิ่งลำไยทั้งสวน  หว่านปุ๋ยทั้งสวน  ค้ำลำไยทั้งสวน ฉีดยาทั้งสวน ให้น้ำทั้งสวน ประมาณนี้ครับ ซึ่งจะใช้เวลาในช่วงครึ่งวันแรกทำ สวนไปเลย

พอพักเที่ยงกินข้าวเสร็จก็มานั่งแต่งนิยายต่อ จนช่วงเย็นๆ ค่อยไปเปิดน้ำให้ลำไยอีกรอบ  พอตกกลางคืนถ้าไม่เหนื่อยจนเกินไปก็จะมีมาเขียนนิยายไว้ซักตอนสองตอนเผื่อวันพรุ่งนี้บ้างครับ

นิยายเรื่อง  Master unit ผมนี่แหละยูนิตมาสเตอร์  ที่นักอ่านรอเปย์
นิยายเรื่อง  Master unit ผมนี่แหละยูนิตมาสเตอร์  ที่นักอ่านรอเปย์

บันทึกชาวสวนบทที่ 4
ชาวสวนมาแต่งนิยายขาย
มีรายได้เดือนละครึ่งแสน
_______________

ช่วงแรกๆ ที่แต่งนิยายเรื่อง  Master unit ผมนี่แหละยูนิตมาสเตอร์ อัปบ่อยมาก ครับ อัปวันละตอน มีนักอ่านเรียกร้องว่ามันไม่พอก็พยายามอัปเพิ่มครับ  ตอนแรกที่เห็นว่าคนอ่านถึงหลักร้อยแล้วเราก็พอใจมากๆ แล้วนะครับ เพราะเราเป็นมือใหม่ แต่พอนานๆ เข้า 'เฮ้ย' มันเยอะขึ้นนะ  มีคนอ่านเยอะขึ้น  มีคนสนใจมากขึ้น มีคนติดตามเกินกว่าที่หวังไว้  เรียกว่ามันทะลุเพดานที่ตัวผมเองตั้งเอาไว้แล้วครับ  ดีใจมากจริงๆ สำหรับเรื่องนี้

แล้วก็มีนักอ่านมาเสนอให้ติดเหรียญอ่านล่วงหน้า  ไอ้เราก็ 'เอ้า' จัดไปตามความต้องการครับ ตอนนี้ผมเลยขายนิยายแบบติดเหรียญอ่านล่วงหน้า  ซึ่งถ้าถามว่านักอ่านชอบไหม ผมว่าน่าจะชอบนะครับ เพราะยอดอ่านแต่ละตอนก็หลักร้อยอยู่เหมือนกันสำหรับที่ติดเหรียญอ่านล่วงหน้า  ส่วนที่ปลดเหรียญไปแล้วก็หลักพันเลยครับ

บอกตรงๆ ว่าเรื่องรายได้ ทุกวันนี้คิดแล้วยังรู้สึกใจฟูอยู่ไม่หายเหมือนกันครับ ต้องขอบคุณนักอ่านหลายๆ ท่านที่เข้ามาสนับสนุนนิยายของผมด้วยจริงๆ ครับ  เรื่องเดียวเดือนเดียวมันจะครึ่งแสนอยู่แล้ว รู้สึกดีใจมากจริงๆ ไม่คิดว่าเปิดให้อ่านล่วงหน้าตอนละบาทกว่าๆ จะได้เยอะขนาดนี้  ขอบคุณจริงๆ ครับ

ตอนนี้ผมก็อาศัยอยู่เพียงลำพัง  มีแค่สุนัขกับแมวเท่านั้นที่รู้เรื่องของผมดีที่สุด ส่วนคนอื่นๆ เขาไม่ได้รู้ด้วยครับว่าผมทำอะไร เพราะต่างคนก็ต่างทำมาหากิน ไม่ได้ไปมาหาสู่อะไรกันเลย พอมีรายได้เพิ่มเข้ามา สิ่งที่อยากจะทำ ซึ่งก็เคยคิดๆ เอาไว้อยู่เหมือนกันคือ  ผมอยากสร้างบ้านหลังใหม่ครับ  เป็นบ้านไว้สำหรับครอบครัวของตัวเองในอนาคต ซึ่งตอนนี้ก็พยายามจะทำมันให้สำเร็จอยู่เหมือนกันครับ

 

บันทึกชาวสวนบทที่ 5
อยากเขียนต้องลงมือทำ 
ความตั้งใจแรกสำคัญที่สุด
_______________

ตัวผมคิดว่าการเขียนนิยายคือการปลดปล่อยจินตนาการภายในหัวของเรา  ถ้าเมื่อไหร่ที่นึกอยากเปลี่ยนจากนักอ่านมาเป็นนักเขียนก็ทำเถอะครับไม่มีใครว่า  ขอแค่มีความตั้งใจก็พอ ส่วนเรื่องที่นิยายของเราจะสนุกหรือไม่นักอ่านในเว็บจะเป็นคนตัดสินเองครับ แล้วเราก็เอามาแก้ไขปรับปรุงต่อ

สำหรับผมแล้วสิ่งสำคัญไม่ว่าตอนนี้จะเป็นมือใหม่หรือในอนาคตจะเป็นมือโปร  สิ่งสำคัญที่ไม่ควรจะปล่อยผ่านไปคือ 'การ เขียน ให้ จบ' เพราะมันถือเป็นสิ่งที่สามารถใช้สร้างฐานคนติดตามได้  เขาจะมั่นใจว่านิยายที่เราเขียนให้เขาอ่านถึงจะไม่สนุกเหมือนของนักเขียนระดับโลก แต่พวกเขาก็ได้รู้เรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบบริบูรณ์

ส่วนสิ่งสำคัญที่รองลงมาซึ่งผมก็บอกกับตัวเองเสมอว่าอย่ามองข้ามเช่นกันคือ 'อย่า ดอง' ไม่ใช่เรื่องดีครับ  และผมเองที่เคยเป็นนักอ่านมาก่อนรู้ซึ้งถึงความรู้สึกของการเฝ้ารอนิยายที่ถูกนักเขียนดองไว้จนข้ามปีแล้วก็ยังไม่มาต่อ  พอเรามาเป็นนักเขียนเองจึงต้องนึกถึงเรื่องนี้รองลงมาจากเรื่องแรกด้วย

ฉะนั้นแล้วสิ่งสำคัญสองอย่างที่ผมตั้งต้นไว้เมื่อจะเริ่มเขียนนิยายคือ เขียนให้จบและไม่ดอง ครับ

 

เชื่อว่าเรื่องราวของนักเขียนหนุ่มคนนี้ จะต้องเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจดีๆ ให้นักเขียนเด็กดีได้แน่นอนค่ะ เพราะเรื่องราวของเด็กหนุ่มชาวสวนที่ฝ่าฟันอุปสรรคมาตั้งแต่เด็ก ทำสวนลำไยจนเป็นหนี้ก้อนโต และสามารถปลดหนี้ได้ด้วยความขยันอดทน  น่าจะทำให้เราได้เห็นถึงความมุ่งมั่นของนักเขียนคนนี้ไม่น้อย

เช่นเดียวกับการเขียนนิยายเลยค่ะ วันนี้เขาได้เริ่มต้นอีกหนึ่งบทบาทซึ่งก็คือ การเป็นนักเขียน ที่เขาได้พิสูจน์ให้เราทุกคนเห็นแล้วว่า เขาสามารถเขียนนิยายไปพร้อมกับการทำสวนลำไยไปพร้อมๆ กันได้ ดังนั้นการทำงานไปด้วยเขียนนิยายไปด้วย หรือแม้แต่การไม่มีเวลามาเขียนนิยาย ก็อาจจะนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการเขียนนิยายไม่ได้แล้วนะคะ นอกจากนี้ การเขียนนิยายยังทำให้เขาพบช่องทางการสร้างรายได้ที่จะมาเติมเต็มความฝันการสร้างบ้านของเขาให้เป็นจริงได้อีกด้วย 

ดูๆ จากเรื่องราวของนักเขียนคนนี้แล้ว การใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์อาจจะหมายถึงการแบ่งเวลาในชีวิตของเราให้บาลานซ์กันก็ได้ค่ะ อย่างเด็กหนุ่มคนนี้ตอนเช้าออกไปทำสวน ตอนบ่ายก็สวมหมวกเป็นนักเขียน ตกเย็นก็กลับไปเป็นชาวสวนอีกครั้งหนึ่ง นี่อาจเป็นชีวิตสโลว์ไลฟ์ที่นักเขียนทุกคนสามารถทำได้ แค่ต้องแบ่งเวลาให้เป็นเท่านั้นเองค่ะ ^^

 

มาเริ่มแต่งนิยาย และศึกษาการขายง่ายๆ กัน

เริ่มต้นเขียนนิยาย

พี่แนนนี่เพน

 

อ่านนิยายของ Doctor เพี้ยน

พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น