รวมเคล็ดไม่ลับ ตั้งชื่อตัวละครยังไงให้ปัง! ตามนิยาย ‘ปรมาจารย์ลัทธิมาร’

เคยเป็นกันไหมคะ เวลาเขียนนิยายสักเรื่อง สิ่งที่ยากที่สุดนอกจากคิดพล็อตแล้ว ก็คือการตั้งชื่อตัวละครนี่แหละ ยิ่งเป็นตัวละครชาวจีน ยิ่งไม่รู้ว่าควรจะเอาแซ่หรือชื่ออะไรดี 

ดังนั้นวันนี้พี่จินเลยอยากจะมาชวนเพื่อนๆ ตั้งชื่อตัวละครให้ปังตามนิยายปรมาจารย์ลัทธิมาร หนึ่งในนิยายขึ้นหิ้ง นำไปสร้างเป็นซีรีส์หรืออนิเมะหลายเวอร์ชั่นจนโด่งดัง แถมยังเป็นหนึ่งในเรื่องที่พี่จินชอบที่สุดเรื่องหนึ่ง

นอกจากนี้ นิยายปรมาจารย์ลัทธิมารยังเป็นหนึ่งในเรื่องราวการผจญภัยท่องยุทธจักร ที่สอดแทรกความรู้ทางวัฒนธรรมและเคล็ดลับการตั้งชื่อตัวละครเอาไว้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวิธีการตั้งแซ่ให้สอดคล้องกับตัวละคร หรือการตั้งชื่อให้ดี ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับงานเขียนได้จริง 

พี่จินรับรองเลยนะว่าถ้าเพื่อนๆ อ่านบทความนี้จบแล้ว จะได้เคล็ดวิชาไปตั้งชื่อตัวละครได้ดีมากยิ่งขึ้น

 

แซ่คือส่วนสำคัญ

คนจีนให้ความสำคัญกับการตั้งแซ่มากค่ะ เพราะถือว่าแซ่ใหญ่กว่าชื่อจึงวางไว้ข้างหน้าเสมอ โดยต้นกำเนิดของแซ่จีนมีมาตั้งแต่สองพันปีก่อนนู้น หลักๆ คนจีนจะตั้งแซ่จาก ชื่อราชวงศ์ ชื่อถิ่นที่อยู่ ชื่อแคว้น ชื่อบรรพบุรุษ ชื่อยศถาบรรดาศักดิ์ ชื่ออาชีพ สี และอื่นๆ

วันนี้พี่จินเลยขอหยิบยกวิธีการตั้งแซ่จากตัวละครในปรมาจารย์ลัทธิมาร 3 วิธีกันค่ะ

1.วิธีที่หนึ่งตั้งแซ่ให้้สื่อถึงตัวละคร

2.วิธีที่สองตั้งแซ่ระบุถิ่นที่อยู่

3.วิธีที่สามตั้งแซ่ด้วยสี

เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดขึ้น พี่จินขอยกตัวอย่างแซ่จากตัวละครในนิยายเรื่องปรมาจารย์ลัทธิมารเช่น เว่ยอู๋เซี่ยน เจียงเฉิงและหลานวั่งจี ว่าแซ่ของพวกเขา มีวิธีการตั้งจากอะไรอะไรบ้าง เผื่อว่าครั้งหน้าเวลาเขียนนิยายจะได้เป็นแนวทางในการคิดชื่อแซ่ให้ดีกว่าเดิม

 

1.ตั้งแซ่โดยสื่อถึงตัวตนของตัวละคร

การตั้งแซ่ที่สื่อถึงตัวตนเป็นวิธีที่พี่จินรู้สึกว่าเก๋มากค่ะ เพราะเหมือนเป็นอีสเตอร์เอกเล็กๆ ให้ค้นหา โดยแซ่ที่สามารถสื่อถึงตัวตนของตัวละครก็อย่าง ถ้าตัวละครนั้นเกิดแถบป่า เป็นจอมยุทธ์ผู้เร้นกายในป่าก็ให้แซ่หลิน (林) ที่หมายถึงป่า หรือถ้าตัวละครนั้นเป็นคนรักอิสระก็ให้แซ่เฟิง (风) ที่หมายลม 

หรืออย่างเว่ยอู๋เซี่ยนหรือเว่ยอิงตัวละครเอกของเรื่องปรมาจารย์ลัทธิมาร เขาเติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของ ลุงเจียง พร้อมด้วยสองพี่น้องสกุลเจียง อย่างเจียงเยี่ยนหลี่และเจียงเฉิง โดยนิสัยเเล้ว เว่ยอู๋เซี่ยน เป็นคนมีนิสัยดื้อรั้น ฉลาด สดใส มั่นใจในตัวเอง แถมยังเป็นที่พึ่งของคนอื่นได้เหมือนภูเขาอันแข็งแกร่ง

ดังนั้นแซ่เว่ย  (魏) ที่มีความหมายถึง ภูเขา จึงเหมาะกับเขา นอกจากนี้ พี่จินยังวิเคราะห์ได้อีกว่าคนเขียนจงใจใช้แซ่เว่ยเพื่อสื่อตัวตนเว่ยอู๋เซี่ยนในอนาคตด้วยค่ะ เพราะในคำว่า เว่ย (魏) มีคำว่า กุย (鬼) ที่หมายถึง ผี ซ่อนอยู่  เเละเราชาวด้อมกูซูต่างรู้ดีว่า เว่ยอู๋เซี่ยนถูกสังคมบีบให้ต้องเดินทางสายมารเพื่อปกป้องคนจากสกุลเวิน กลายเป็นปรมาจารย์แห่งอี๋หลิงซึ่งสามารถควบคุมผีได้

2.ตั้งแซ่บอกถิ่นที่อยู่ แคว้น

อย่างที่พี่จินบอกไปข้างต้นว่าคนจีนนิยมตั้งแซ่จากถิ่นที่อยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นแซ่ ที่มาจากแคว้นหรือเมืองต่างๆ เช่นแซ่จ้าว (赵) หรือแซ่อู๋ (吴) อันเเป็นแซ่โบราณที่นำมาตั้งจากถิ่นที่อยู่เดิมนั่นเองค่ะ

ในนิยายเรื่องปรมาจารย์ลัทธิมาร ตัวละครที่ตั้งชื่อแซ่ตามถิ่นที่อยู่คือเจียงเฉิงหรือคนสกุลเจียงค่ะ เพราะบ้านสกุลเจียงตั้งอยู่ที่ท่าเรือสัตตบงกช หรืออวิ๋นเมิ่ง ซึ่งมีลักษณะล้อมรอบไปด้วยทะเลสาบและบึงบัวขนาดใหญ่ 

นอกจากนี้พอพี่จินมาดูตัวอักษรจีนแซ่เจียง (江) ของเจียงเฉิงมีความหมายถึง น้ำ และองค์ประกอบของอักษรข้างของคำว่าเจียง (江) ก็หมายถึงน้ำค่ะ  氵(三点水) ถือได้ว่าเป็นการตั้งแซ่โดยใช้เกณฑ์ตาม ถิ่นที่อยู่ ได้อย่างชัดเจนที่สุด เรียกได้ว่าคนเขียนฉลาดเลือกแซ่ให้เจียงเฉิงจริงๆ

 3.ตั้งแซ่จากสี

การตั้งแซ่ด้วยสีเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมมากค่ะ โดยเเซ่ที่ตั้งจากสีมีอยู่หลายแซ่ ไม่ว่าจะเป็น เฮย (黑) สีดำ ไป๋ (白) สีขาว หรืออย่างแซ่หลาน (蓝) สีฟ้าคราม ของสกุลหลานแห่งกูซู ก็เป็นการตั้งแซ่จากสีเช่นกันค่ะ 

โดยแซ่หลาน (蓝) ของหลานวั่งจี ตัวเอกอีกคนของเรื่องไม่ได้มีความหมายถึงแค่สีฟ้าคราม เพราะชาวจีนมองว่าสีฟ้าครามเป็นเฉดสีของความเศร้า สุภาพและเย็นชา ซึ่งถือเป็นการตั้งชื่อแซ่เหมาะกับลักษณะนิสัยของคนสกุลหลาน หรือหลานวั่งจีมาก เนื่องด้วยคุณชายหลานคนนี้ เป็นคนที่มีบุคลิกเงียบขรึม เก็บซ่อนอารมณ์เก่ง ดูเศร้าๆ บลูๆ ยิ่งบวกกับชุดเครื่องแบบของตระกูลที่เน้นสีขาว ไม่ก็สีฟ้าอ่อนๆ การใช้แซ่หลาน (蓝) ที่สื่อถึงสีฟ้าคราม จึงเป็นแซ่ที่เหมาะสมกับคนสกุลหลานหรือหลานวั่งจีมาก

นอกจากนี้ แซ่หลาน(蓝) ยังเป็นแซ่ที่อยู่ในบทกลอนเปรียบเทียบความสัมพันธ์ของบิดาและบุตรชายว่า ‘อันสีน้ำเงินนั้น กลั่นมาจากต้นคราม แต่กลับสีเข้มกว่าต้นคราม’ (青出于蓝而胜于蓝) ซึ่งเป็นคำชมว่าบุตรชายนั้น มีความเก่งกาจสามารถกว่าผู้เป็นบิดานั้นเอง

แต่ถึงบทกลอนนี้จะเป็นคำชม พี่จินก็ไม่คิดว่าหลานวั่งจีจะชอบค่ะ เพราะเขาไม่มีบิดาแล้ว ดังนั้นแซ่หลานของเขาที่ซ่อนอยู่ในแซ่หลาน ที่หมายถึงสีฟ้าคราม มีความหมายได้หลายแง่ ทั้งในแง่ของนิสัยซึ่งเงียบขรึม หรือความความสัมพันธ์ของพ่อลูกที่ถึงจะสื่อความหมายดีขนาดไหน แต่คนที่ไม่มีพ่อแล้ว ฟังยังไงก็เจ็บปวดค่ะ

หลักการตั้งชื่อตัวละครให้ดี 

เชื่อไหมคะว่าการตั้งชื่อดีมีชัยไปมากกว่าครึ่ง เพราะการมอบชื่อที่ดี ไพเราะ จำง่ายให้ตัวละคร จะยิ่งให้ทำการอ่านนิยายสนุกขึ้นอีกไม่รู้กี่เท่า 

สมัยก่อนตอนที่พี่จินพึ่งเขาวงการนิยายจีน ภาษาไทยยังไม่ค่อยดี เวลาอ่านชื่อตัวละครที่อ่านยากเหลือเกินก็จะข้ามไปค่ะ แต่ถ้าเจอชื่อเพราะๆ ที่อ่านง่ายจำง่าย พี่จินก็ไม่ข้าม ซึ่งไม่ใช่ว่าการตั้งชื่อที่ตัวอ่านยากหน่อยหรือซับซ้อนจะไม่ดีนะคะ ใครสะดวกแบบไหนก็ได้เลย แต่ถ้าจำง่ายหน่อย มันก็จำได้นานและสนุกกว่า

โดยหลักการตั้งชื่อตัวละครให้ดีก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมากมายค่ะ มีเพียงกฏง่ายๆ สามข้อ เช่น ตั้งชื่อให้มีความหมายดี ตั้งชื่อให้สอดคล้องกับ ‘แซ่’ หรือตั้งชื่อให้อ่านง่ายเขียนง่าย ซึ่งพี่จินได้ยกตัวอย่าง ชื่อของตัวละครในนิยายปรมาจารย์ลัทธิมาร 3 ตัวละครเพื่อให้เพื่อนๆ เข้าใจมากขึ้นค่ะ

 

1.ตั้งชื่อให้มีความหมายดี  

อาจสื่อถึงชีวิตสงบร่มรื่น ความเมตตาอารี สิ่งของ ดอกไม้ที่เป็นตัวแทนของความหมายดีต่างๆ เช่นชื่อเฉิง (成) ความสำเร็จ หรือชื่อฝู (芙) ดอกบัว

หรืออย่างชื่อของขุนพลผี มือขวาคนสนิทของเว่ยอู๋เซี่ยน เวินหนิง 温宁 ชื่อของเขาสื่อถึงความอบอุ่นอันสงบ เพราะเวิน (温) หมายถึงอบอุ่น ส่วนคำว่าหนิง (宁) หมายถึงสงบ คล้ายๆ นิสัยของเขาที่เป็นคนอบอุ่น และจิตใจดีมากคนหนึ่งของเรื่อง

2.ตั้งชื่อให้สอดคล้องกับ ‘แซ่’ 

เช่นว่าถ้ารวมชื่อกับแซ่ ความหมายของชื่อจะยิ่งดีมากขึ้น หรือสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นชื่อ เฟิง + เยว่ (风 + 月) ที่แซ่เฟิง+เยว่ หมายถึง สายลมและจันทรา

ซึ่งในปรมาจารย์ลัทธิมาร แซ่และชื่อของเจียงเฉิง มีความสอดคล้องและไปในทิศทางเดียวกัน  เพราะแซ่เจียง (江) ของเขามีความหมายว่าน้ำ ส่วนชื่อเฉิง (澄) แปลว่าใส เมื่อรวมกันชื่อของเขาแปลว่า น้ำใสกระจ่าง มีความสอดคล้องและไปในแนวทางเดียวกัน 

3.ตั้งชื่อให้เขียนง่าย อ่านง่าย ไม่ซับซ้อน 

ทำให้ชื่อติดหูและเป็นที่จดจำได้ง่ายมากขึ้น อย่างชื่อน่ารักๆ ความหมายดีๆว่า เป่าเป้ย (宝贝) ที่หมายถึง ลูกรักหรือสิ่งของลำ้ค่า

ในนิยายปรมาจารย์ลัทธิมาร มีตัวละครที่พี่จินชอบชื่อมากคือเวินชิง โดยเธอเป็นพี่สาวของเวินหนิง และเป็นคนที่มีจิตใจอบอุ่น ซึ่งชื่อชิง (情) แปลว่าความรู้สึก เมื่อรวมกับแซ่เวิน (温) ที่แปลว่าอบอุ่น จึงแปลรวมๆได้ว่า ความรู้สึกอบอุ่นนั่นเองค่ะ

การตั้งชื่อที่ดีไม่ได้จำกัดอยู่แค่สามข้อที่พี่จินพูดถึงนะคะ แต่ยังมีวิธีตั้งชื่ออื่นๆอยู่อีก ซึ่งไม่มีผิดมีถูกค่ะ สำคัญที่สุดคือเราชอบชื่อนั้นๆ ไหม เพราะถ้าเราเองยังไม่ชอบ เวลาเขียนเราก็คงไม่อินเท่าไหร่ ดังนั้นเริ่มต้นที่ความชอบถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีค่ะ

ตั้งชื่อตามสิ่งที่โดดเด่นของตัวละคร

ความจริงการตั้งชื่อจีนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรเลยค่ะ เราสามารถหยิบจุดเด่นของตัวละครมาตั้งได้ง่ายๆ อย่างเป็นคนสวย ก็อาจจะตั้งว่าเหมยลี่ (美丽) ไปตรงๆ หรือถ้าไม่มีไอเดียหรือคิดไม่ออกก็สามารถส่องชื่อไอดอลหรือนักแสดงจีนที่ชอบมาเป็นต้นแบบในการตั้งชื่อตัวละครได้

นอกจากนี้ หลังจากที่พี่จินได้ศึกษาวิทยายุทธ์ในการตั้งชื่อและรวบรวมจากประสบการณ์ที่โลดแล่นอยู่ในนิยายจีนมาเกือบสิบปี ทำให้พี่จินสามารถวิเคราะห์สรุปการตั้งชื่อตัวละครจากสิ่งที่โดดเด่นที่สุดของตัวละครได้เป็น สามหัวข้อค่ะ

1.นิสัยยังไงให้ตั้งยังงั้น

ตอนแรกที่ตั้งชื่อตัวละคร สิ่งที่ควรกำหนดไปด้วยในตัวคือลักษณะนิสัย อย่างเช่นว่าถ้าตัวละครนั้นเป็นคนอ่อนโยน ก็อาจจะตั้งโดยใช้คำที่สื่อให้เห็นภาพ อย่างคำว่าเวินโหรว (温柔) หรือถ้าจะนิสัยตัวละครเป็นคนเย็นชา อาจจะใช้ตัวอักษรจีนที่สื่อความนัยเช่นหิมะเสว่ (雪) หรือเกี่ยวข้องกับน้ำแข็ง ปิง (冰) ก็เป็นวิธีตั้งชื่อที่ดี

ในเรื่องพี่จินเห็นว่าเว่ยอู๋เซี่ยน (魏无羡) เป็นคนที่ได้รับการตั้งชื่อให้เหมาะกับนิสัยของเขามากค่ะ ด้วยเขามีนิสัยซุกซน กล้าหาญ ฉลาด ไม่คิดแค้นใคร เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต ซึ่งเหมาะมากกับชื่อของเขาที่แปลว่า (无 ไร้ + 羡 ริษยา) ไร้ความริษยา 

นอกจากนี้เว่ยอู๋เซี่ยนยังมีชื่อเกิดอีกชื่อว่า เว่ยอิง 魏婴 อิงที่แปลว่าเด็กทารก เนื่องจากเขามีนิสัยอีกด้านที่เหมือนเด็กไม่รู้จักโต

2.ความสามารถ

ตัวละครที่มีความสามารถจะยิ่งทำให้นิยายมีความสนุกขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้จุดเด่นที่ตัวละครมีมาตั้งเป็นชื่อให้ยิ่งกิ๊บเก๋ขึ้นไปอีกขั้น เช่น ถ้าตัวละครของเราเต้นเก่ง ก็อาจจะใช้ชื่อที่หมายถึงการเต้น อู๋ (舞) หรือหากเขาฉลาด ก็ใช้คำว่าชงหมิง (聪明)

เหมือนอย่างที่ใช้กับคุณชายรองหลานชื่อของเขา วั่งจี (忘机)แปลว่า ปราศจากความกังวลเนื่องจากนิสัยภายนอกเขาก็เหมือนคนที่บรรลุแล้ว แถมยังเก่งกาจจนคนที่อยู่ใกล้ๆ รู้สึกปลอดภัยไร้ความกังวลสุดๆ

3.ความหวังของครอบครัว

การตั้งชื่อสามารถใช้บ่งบอกความคาดหวังของครอบครัวได้ เหมือนเช่นชื่อของ จินจื่อเซวียนที่สื่อถึงความสูงส่งเพราะ จื่อ(子) หมายถึงลูก ส่วนคำว่าเซวียน (轩) หมายถึงสูงศักดิ์ แปลรวมๆ ได้ว่า (金子轩) คือ ลูกชายผู้มีสถานะสูงศักดิ์ของสกุลจิน

เพราะทางครอบครัวหรือสกุลจินวางตัวให้จินจื่อเซวียนเป็นทายาทสืบทอดตระกูลต่อจากบิดา ชื่อของเขาเลยมีการแสดงออกถึงฐานะที่สูงส่งนั่นเอง

นอกจากนี้ ด้วยความที่สกุลจินเป็นหนึ่งในสกุลใหญ่ที่ทรงอิทธิพลและอำนาจ จึงต้องแบกรับภาระและหน้าตาของวงศ์ตระกูลไปในตัว เลยตั้งชื่อให้สื่อถึงเป็นเป็นใหญ่เป็นโตในอนาคตอีกด้วย

อย่างที่พี่จินบอกไปตั้งแต่ต้นว่าความจริงการตั้งชื่อจีนไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เราแค่หยิบเอาลักษณะเด่นหรือความคาดหวังบางอย่างที่มีต่อตัวละครมาตั้ง เช่น ถ้าพี่จินแต่งนิยายเรื่องหนึ่ง แล้วอยากให้ตัวละครมีชีวิตราบรื่นปลอดภัย ก็จะตั้งว่า ‘อันอัน’ เพราะ (安) ย่อมาจาก (平安) ที่แปลว่าความสงบปลอดภัยค่ะ

ตั้งชื่อพี่น้องหรือคนในครอบครัว ให้สอดคล้องกัน

สำหรับบ้านไหนที่มีพี่น้องอยู่หลายคน ชาวจีนจะนิยมตั้งชื่อให้มีความสอดคล้องกันในหมู่พี่น้องด้วยค่ะ เช่นว่าถ้าคนโตชื่อเยว่เล่อ (月乐) คนกลางก็ชื่อเยว่ส่าง (月赏) และคนสุดท้ายชื่อเยว่ชื่อ (月赐) โดยมีตัวเชื่อมคือว่าเยว่ (月) หรือพระจันทร์ในชื่อของพี่น้องทั้งสามคน

อย่างตัวละครรองในปรมาจารย์ลัทธิมาร สองสาวใช้ประจำสกุลเจียง มีชื่อที่สอดคล้องกันว่าจิน จู (金珠) และยินจู (银珠) ซึ่งชื่อของพวกเธอนั้น มีควมหมายว่าไข่มุกทอง ไข่มุกเงิน โดยมีคำว่าไข่มุก จู (珠) เป็นตัวเชื่อมให้สามารถรับรู้ได้เลยว่าสองคนนี้คือคนในครอบครัวเดียวกันแน่

หรือถ้ามีลำดับพี่น้องมากกว่านี้หรือเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้อง ก็อาจจะตั้งตามลำดับไปเลขเลย ว่า อี(一) เออร์(二) ซาน(三) ซื่อ(四)อู่(五 ลิ่ว (六)(1,2,3,4,5,6) ก็เป็นอีกวิธีที่นิยมกันมากในการตั้งชื่อตัวละครที่ถ้าสมองตันจริงๆ วิธีนี้คือเป็นไพ่ตายในมือเลยล่ะ แต่ข้อควรระวังก็คือ ต้องอย่าลืมว่าใช้ได้เฉพาะในกรณีที่มีพี่น้องหรือศิษย์พี่ศิษย์น้องเท่านั้นนะ ไม่งั้นอยู่ๆ ไปตั้งชื่อพระเอกว่า เสี่ยวอู่ อาจจะมีคำถามว่าแล้วเลขหน้าหน้าหายไปไหน? ทีนี้ล่ะว้าวุ่นเลยนะ

 

จากทั้งหมดที่พูดมา เห็นได้เลยว่าผู้เขียนไม่ได้ตั้งชื่อตัวละครแบบส่งๆ แต่ใส่รายละเอียดอีสเตอร์เอก บ่งบอกตัวตนของตัวละครด้วยความใส่ใจ ทำให้เรื่องราวของบทประพันธ์มีความกลมกล่อม และสัมผัสได้ถึงชีวิตชีวาของตัวละครผ่านวิธีการตั้งชื่อที่เต็มไปด้วยเรื่องราว

ซึ่งหากเพื่อนๆ คนไหนมีวิธีการตั้งชื่อส่วนตัวที่อยากจะมาแชร์กันหลังจากที่อ่านบทความจบแล้วล่ะก็ คอมเม้นท์แลกเปลี่ยนกันได้นะคะ สำหรับวันนี้ขอตัวลากลับไปกูซูก่อน ไจ้เจี้ยนค้าา ~

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.weibo.com/u/5921252454?is_hot=http://cumeb.com/pubconsole/index.php?action=BookDetails&book_id=20656https://web.facebook.com/thaichinesetalk?__tn__=-UC*Fhttps://baike.baidu.com/item/%E4%B8%AD%E5%9B%BD%E4%BA%BA%E5%A7%93%E5%90%8D/9701426http://web.hwjyw.com/zhwh/traditional_culture/zhgms/xswh/200801/t20080131_11942.shtmlhttps://baike.sogou.com/v63801406.htmhttps://www.baidu.com/link?url=Gs7F4Q1PLc-bxlmHLEKP3ภาพประกอบจาก  อนิเมะซีรีส์ปรมาจารย์ลัทธิมารhttps://v.qq.com/doki/star?id=1664086&fbclid=IwAR0VVf9iXG2tZYLyQ3qpGK1vJMsKPd56B1ZpyQorJIygbJX34tV6Y8https://baike.baidu.hk/item/%E6%B8%A9%E6%83%85/22188401?fbclid=IwAR3NNNbrK73394AUF1a7MJ_vNbKZ_iu_p84FlJ3p5t6E2lRAwqVoXRW8S4https://baike.baidu.hk/item/%E9%87%91%E5%AD%90%E8%BB%92/22736882?fbclid=IwAR2H1F9h8NaahYaswxb6ivWYA6yZfD6n4fbK0AV4mPFSYI-lv-UpygejMNM

 

 

 

พี่จิน
พี่จิน - Columnist ชอบอ่านนิยาย เพราะระหว่างบรรทัดสั้นๆมักเต็มไปด้วยเรื่องราว

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น