‘กัลฐิดา’ (Kalthida) เป็นนามปากกาของนักเขียนนิยายแฟนตาซี ที่โลดแล่นอยู่บนเว็บไซต์ Dek-D มานานกว่า 20 ปีแล้ว ในปีนี้นิยายเรื่อง ‘เซวีน่า มหานครแห่งมนตรา’ นิยายเรื่องแรกที่เปิดประตูสู่วงการนักเขียนให้กัลฐิดา มีอายุครบ 20 ขวบพอดิบพอดี กลายเป็นพี่คนโตที่กำลังรอต้อนรับน้องๆ เล่มที่ 100+ แล้ว
20 ปีมานี้จะว่านานก็นาน จะว่าสั้นก็สั้น เพราะเรื่องราวในจักวาลนิยายแฟนตาซีของกัลฐิดายังคงเป็นที่พูดถึงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหนก็ยังคงเป็นเช็คลิสต์ในดวงใจที่นักอ่านนิยายแฟนตาซีทุกคนต้องมี ไม่ว่าเป็นจักวาลเซวีน่า, เดรกเกอร์, คฤหาสน์คาเลนดาร์ มาจนถึง สุดยอดนักส่งอาหารแห่งบาร์เซโร นิยายซีรีส์ใหม่ เล่มที่ 100 ของกัลฐิดา ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจนพุ่งทะยานขึ้นไปติดท็อปนิยายเด็กดีมาแล้วเรียบร้อย
ทว่ากว่าจะเป็น ‘กัลฐิดา’ ที่ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ มีนิยายขายดีทุกเล่ม มีรายได้จากการเขียนนิยายหลักล้าน มีใครรู้บ้างว่านิยายในตำนานอย่าง ‘เซวีน่า มหานครแห่งมนตรา’ ก็เคยไม่มีคนอ่านมาก่อนเหมือนกัน เธอต้องสู้กับตัวเองทั้งเรียนไปด้วยเขียนนิยายไปด้วย ต้องพิสูจน์กับครอบครัวที่ไม่เห็นด้วยในอาชีพนี้แม้ว่าจะมีรายได้ปีละล้าน ต้องเขียนนิยายปีละล้านคำ ต้องสู้กับนักเขียนเด็กดีทุกครั้งที่ลงเรื่องใหม่ ตลอดจนเคยลองตั้งนามปากกาใหม่เพื่อเขียนงานใหม่มาแล้ว ฯลฯ
วันนี้เราชวน กัลฐิดา มาเปิดเผยเรื่องลับที่ไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อนตลอด 20 ปีมานี้ ต้องยอมรับเลยว่าเป็นเรื่องราวในหลากหลายแง่มุมที่คาดไม่ถึง และทำให้วงการนักเขียนสั่นสะเทือนได้เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์ดีๆ ให้นักเขียนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และนำไปเป็นแรงบันดาลใจกันได้อีกด้วย
ครบรอบ 20 ปี ‘เซวีน่า’ สู่วันที่นิยายถึงเล่มที่ 100+
สวัสดีค่ะ กัลฐิดา นะคะ เจ้าของผลงานหลากหลายมากในเด็กดี นิยายเรื่องล่าสุดของพี่ก็คือ ‘สุดยอดนักส่งอาหารแห่งบาร์เซโร’ ค่ะ ตอนนี้ก็ออนในเด็กดีอยู่ถึงเล่ม 2 แล้ว ปีนี้เป็นปีที่ 20 กำลังจะย่างปี 21 แล้วค่ะ เฉพาะ ณ วันนี้ พี่สามารถบอกได้ว่าพี่เขียนนิยายได้มากกว่า 100 เล่มแล้วค่ะ
นิยายเรื่อง ‘เซวีน่า มหานครแห่งมนตรา’ เนี่ย พี่ไม่เคยคิดว่าจะมาถึงจุดนี้เลยนะ จุดที่เซวีน่าทำมาหลายเวอร์ชั่นมาก มีทั้งคอมมิค แล้วก็มีนิยาย มีเปลี่ยนปกฉลองครบรอบ 20 ปี
สมัยนั้นพี่เขียนเซวีน่าในตึกคอม พอตึกคอมปิดก็ไปร้านอินเตอร์เน็ตชั่วโมงละ 10 บาท ไม่มีคอมพิวเตอร์เป็นของตัวเอง เซวีน่า 3 เล่มแรกเขียนจบในร้านเน็ตนะคะ เงินก้อนแรกที่พี่ได้มา 50,000 บาท พี่เอาไปซื้อคอมพิวเตอร์ แล้วคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นก็เขียนทั้ง เซวีน่าเล่ม 4-5, เดรกเกอร์ 5 เล่ม, คาเลนดาร์ 5 เล่ม ซึ่งทั้ง 3 ซีรีส์นี้ทำเงินให้พี่ 10 ล้านบาท
ในวันที่ฉลองครบรอบ 18 ปี สถาพรจัดอีเว้นท์ใหญ่ในฮอลของงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ มีเวทีที่มีพี่คนเดียวกับพิธีกร พี่ยังคิดเลยว่าจะมีคนไปหาพี่เหรอ เพราะว่ามัน 18 ปีแล้ว มันจะมีคนมาเหรอ ปรากฏว่าวันนั้น คนนั่งเต็มทุกที่นั่ง แล้วไม่ใช่หน้าม้านะ คือนั่งแล้วก็มีการเล่นเกมตอบคำถามด้วย ทุกคนมาเพราะรู้ว่าพี่กัลจะมาวันนี้ รู้ว่าวันนี้เป็นงานฉลองของเซวีน่า
คือภาพในวันนั้นทำให้พี่รู้สึกขอบคุณมาก เราไม่เคยคิดว่าวันนั้นจาก 4 เดือนแรกที่เราอยู่กับ 200 คลิกต่อเดือน ซึ่งยอด 200 คลิกนั้นน่าจะเป็นของเราสัก 100 คลิกเนี่ย มันจะทำให้เรามีวันนี้
นิยายในตำนานอย่าง ‘เซวีน่า’ เคยไม่มีคนอ่านมาก่อน
ตอนนั้นที่ 1 ของเด็กดี ยอดวิวรวมทั้งเดือนน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 แสนวิวต่อเดือนต่อเรื่องได้ ซึ่งตอนนั้นนิยายพี่ได้ 200 วิวก็ไม่ต้องหวังเลยว่าจะขึ้นอันดับ แต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว สิ่งที่พี่มองเห็นว่าเป็นปัญหาของเด็กดีเลย คือ นักเขียนในแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่มีระเบียบวินัย โพสต์นิยายตามใจ วันไหนอยากโพสต์ก็โพสต์
ซึ่งพอเราจะเขียน เราก็เห็นโอกาสแล้วว่า หนึ่ง นักเขียนในเด็กดีลงงานไม่สม่ำเสมอนะ สองลงงานไม่จบ และสามพล็อตไม่น่าสนใจ เราก็เลยตั้งใจว่า ฉันจะโพสต์นิยายตั้งแต่วันนี้ตอนแรกไปจนถึงตอนสุดท้าย โดยที่ไม่สนใจว่าในแต่ละตอนจะมีคนอ่านกี่คน เพราะว่าฉันจะทดลองระบบการโพสต์นิยายแบบนี้ ซึ่งในสถานการณ์ ณ เวลานั้น ปรากฏว่า 4 เดือน เดือนละ 200 วิวจ้ะ ไม่มีใครดูเลย ไม่มีใครคอมเมนต์เลย
แต่พอเราตัดสินใจว่าเราจะโพสต์ทุกวัน เราก็เลยไม่สนใจว่า มันแค่ 200 วิวนะ ไม่มีคนคอมเมนต์นะ การที่เรามีกำลังใจที่จะโพสต์ต่อ มันไม่ใช่เพราะเรามีกำลังใจแต่เพราะเรามีตอนค่ะ (หัวเราะ) เราก็โพสต์นิยายจนเข้าเดือนที่ 4 เนื้อหาที่โพสต์เริ่มเข้าเล่มที่ 2 ของเซวีน่าแล้ว เราโพสต์ไปครึ่งเดือนมั้ง อยู่ๆ เซวีน่าก็ขึ้นมาอันดับ 3 ของแฟนตาซี
ต้องบอกว่า ตอนนั้นสิ่งที่ดราม่าที่สุดในเด็กดีคือ นักเขียนทิ้ง ไม่เขียนต่อ นิยายอันดับ 1 ก็ทิ้ง มีพี่โพสต์อัพเดทอยู่คนเดียว กลุ่มนักอ่านที่เขาเป็นหนอนหนังสือของขาด ก็เลยเข้ามาอ่านนิยายพี่ ด้วยความที่เขาอ่านตั้งแต่ต้นจนถึงตอนล่าสุด มันก็เกิดการติดพันแล้วก็ชอบ มันก็เลยเกิดเป็นกระแสแนะนำว่าสนุก ทีนี้เดือนต่อมาพี่ก็ขึ้นอันดับ 1 เลย แล้วก็ยิงยาวตั้งแต่นั้นจนจบเล่ม 5 เลยค่ะ ไม่มีเดือนไหนเลยที่พี่ตกจากที่ 1 ยอดวิวสูงสุดที่พี่ทำได้ก็คือ 5 แสนวิวต่อเดือน
สุดท้ายพี่ก็ชนะในแคมเปญระบบที่พี่คิดว่าเป็นจุดอ่อนของนักเขียนนิยายใน 20 ปีที่แล้ว คือลงงานไม่จบ คุณภาพงานไม่ถึง ไม่สม่ำเสมอ ซึ่ง 3 Key Point นี้กลายมาเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ยุคต่อมาของเด็กดี ก็คือสักประมาณ 5 ปีต่อมา นักเขียนทุกคนลงงานทุกวัน ตอนที่พี่เห็นพี่ดีใจมาก
สู้เพื่อความฝัน ไม่เคยหยุดเขียน แม้ครอบครัวไม่สนับสนุน
ตอนที่พี่เขียนเซวีน่า พี่เป็นนักเรียนทันตแพทย์อยู่ปี 2 ครอบครัวก็ไม่ได้สนับสนุนให้เขียนนิยาย เพราะทุกคนอยากให้เป็นหมอ แล้วค่านิยมในสมัยนั้น 20 ปีก่อน เขาบอกว่านักเขียนไส้แห้ง เขาก็ไม่ได้ดูถูกว่ามันไม่ดีนะ แต่เขาดูถูกว่ามันไม่มั่นคง แล้วก็ไม่แนะนำให้ทำเป็นงานประจำ ถ้าหนูชอบหนูก็ทำเป็นงานอดิเรก แม่ไม่ได้ห้าม แต่ห้ามเรียนตกนะ อันนี้คำพูดของแม่พี่
พอพี่เรียนจบ แม่พี่ก็ยังไม่ให้ลาออกจากราชการ เพราะว่าคุณเรียนจบทันตแพทย์เลยนะ คุณได้เงินปกติก็ 30,000 กว่าบาท บวกเงินพิเศษได้เงินเดือนละ 70,000 บาท คุณจะลาออกโดยการทิ้งเงิน 70,000 บาททุกเดือน ไปเป็นนักเขียนที่ไม่รู้ว่าได้รายได้เท่าไหร่เหรอ แต่ตอนนั้นพี่มีรายได้จากงานเขียนปีละล้านนะ แม่พี่ไม่ให้ ลาออก แล้วพี่เป็นคนที่ไม่ได้ชอบทะเลาะกับพ่อแม่ เขาไม่ให้พี่ก็โอเค ไม่ให้ก็ไม่เป็นไร
แต่พี่ไม่เคยหยุดฝัน พี่รู้สึกว่าพี่อยากจะลาออกจากราชการ ไม่อยากจะเป็นข้าราชการแล้ว อยากเขียนนิยายอย่างเดียว แม่ก็บอกว่าไม่ได้ หนูเรียนจบมาทางนี้ หนูคิดว่าหนังสือจะทำเงินให้หนูไปกี่ปี เขาบอกว่า มันไม่ได้ดังทุกเรื่องหรอก หนูก็แค่โชคดีที่เซวีน่าดัง คือสิ่งนี้ทำให้พี่ปะทะกับความจริงว่า อ๋อ ถ้าคุณอยากทำความฝันน่ะ ไม่มีใครสนับสนุนคุณหรอกนะ แต่ว่านี่เป็นความฝันของคุณนะ คุณต้องสนับสนุนตัวเองสิ
ตอนนั้นพี่ก็ทำสองอย่างไปพร้อมๆ กันเลย สิ่งที่เกิดขึ้นคือ พี่ทำงาน 8 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น พอกลับถึงบ้านกินข้าวอาบน้ำ หลัง 6 โมงเย็นก็เขียนนิยายถึงตีสอง ตื่นเช้าไปทำงาน ทำแบบนี้วนไป เซวีน่าพี่เขียนตอนเรียน เดรกเกอร์คือเขียนตอน 3 ปีแรกที่พี่เป็นทันตแพทย์ใช้ทุนที่โรงพยาบาล ทำอย่างนี้ 365 วันไม่มีวันหยุด ไม่ได้เที่ยว พี่เริ่มเที่ยวตอนที่พี่เริ่มลาออกแล้วนั่นแหละค่ะ
วิธีทำงานของกัลฐิดา = เขียนให้ได้ปีละ 1 ล้านคำ
สิ่งที่ยากสำหรับนักเขียน นอกจากการเริ่มเขียนแล้ว คือการทำยังไงให้เขียนได้สม่ำเสมอ ถ้าใครมาถามพี่ว่า คุณทำงานยังไง คุณทำยังไงให้ประสบความสำเร็จ พี่ตอบได้แค่ว่า น้องเขียนไปเหอะ เขียนไปเรื่อยๆ และพี่จะตอบทุกครั้งว่า เขียนนิยายให้ได้ปีละ 1 ล้านคำทุกปี ถ้าคุณเขียนได้ 1 ล้านคำ คุณไม่ต้องถามพี่แล้วว่าพี่ทำยังไง ถ้าคุณเขียนได้ 1 ล้านคำต่อปี ติดกัน 10 ปี คุณก็รวย คำว่ารวยของพี่ไม่ได้หมายความว่ารวยล้นฟ้านะ แต่ไม่จนแน่นอน ไม่อดตายแน่นอน แต่การเขียนนิยาย 1 ล้านคำเนี่ยมันยากนะ เบื้องหลังมันคือกระบวนการและแผนงาน คือระเบียบวินัย คือความตั้งใจ คือการแบ่งเวลา
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องมีในใจของนักเขียนก็คือ คุณต้องดีขึ้นเสมอ ตอนพี่เขียนเซวีน่า, เดรกเกอร์, คาเลนดาร์ ก็คิดว่าเล่มหน้าจะต้องดีกว่าเล่มที่แล้ว ณ เวลาที่พี่เขียนวิชชอร์ นิยายที่ขายได้เป็นพลุแตกเหมือนกับเซวีน่า เป็นนิยายที่พี่วางพล็อตมานานถึง 6 ปี ใช้เวลาเขียน 7 ปี แค่นิยายเล่มนี้เรื่องเดียวนะ แค่โลกวิชชอร์โลกเดียว ก็มีนิยายรวม spin-off ทั้งหมด 30 เล่ม เป็นนิยายขายดีทุกเล่ม ทั้งอีบุ๊กและหนังสือ เป็นนิยายที่พี่เขียนในช่วงปีที่ 12-18 ของการทำอาชีพนักเขียน
นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงบอกว่า ต้องเขียนให้ได้ 1 ล้านคำ แล้วต้องเขียนให้ได้ 10 ปี ถ้าน้องทำได้เมื่อไหร่ น้องประสบความสำเร็จ พี่อยู่มา 20 ปี รู้ไหมว่าคำถามที่โดนถามเยอะมากคืออะไร คือคำถามว่า พี่กัลไม่กลัววันที่ไม่มีคนอ่านหนังสือของพี่กัลเหรอคะ ตอบเลยว่า ทำไมจะไม่กลัว ลองนึกดูสิว่าพี่เขียนนิยาย 100 เล่ม พี่ได้นิยาย best seller ทั้ง 100 เล่ม คิดว่าถ้าพี่เขียนเล่มที่ 101 พี่จะไม่เครียดเหรอ เครียดอยู่แล้วไม่เครียดได้ไง ยิ่งคุณอยู่นาน ยิ่งคุณอยู่สูง ยิ่งคุณประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ ความกดดันที่มันโถมเข้ามาที่เรา มันเยอะนะ
นวัตกรรมการขายตอน นักเขียนได้เงินล้าน
จริงๆ แล้วก่อนที่เด็กดีจะเปิดขายรายตอน พี่ได้เสพงานของฝั่งจีนและฝั่งเกาหลีมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว พี่ค้นพบว่าทำไมนวัตกรรมการจ่ายรายตอนถึงไม่เข้าไทยนะ ณ เวลาที่เด็กดีเปลี่ยนโฉมหน้าเนี่ย พี่เป็นนักเขียนมา 15 ปีแล้ว ที่ผ่านมาพี่เป็นนักเขียนที่ไม่มีปัญหาด้านการเงินเลย เพราะว่ายอดขายหนังสือเราดี
แต่พี่มีเพื่อนจำนวนมาก ถ้า 10 คนก็มี 8 คนที่มีปัญหาด้านการเงินเพราะการเป็นนักเขียน เพราะหนึ่งเขาออกงานได้ไม่สม่ำเสมอด้วยข้อจำกัดใดๆ ก็ตาม สองยอดขาย แม้จะเป็นหนังสือที่ดี แต่บางครั้งยอดขายก็ไม่เป็นดังใจ สาม ปัญหาชีวิตครอบครัว และอาชีพหลักของเขาทำให้เขาไม่มีเวลาที่จะผลิตผลงานให้ได้สม่ำเสมอ สิ่งนี้ทำให้เราได้สูญเสียนักเขียนฝีมือดีจำนวนมากไป เลิกเขียนนิยายทำอาชีพอื่น เนื่องจากรายได้จากงานเขียนไม่สามารถรองรับความชีวิตความเป็นอยู่ของคนๆ หนึ่งได้
คำพูดที่ว่าเป็นนักเขียนไส้แห้ง มันจริงนะ ถ้าคุณไม่ดังพอ
เป็นคำที่ดูเศร้านะ แต่มันเรื่องจริง มีคนถามพี่ว่าเป็นนักเขียนแล้วรวยไหม พี่ตอบได้ว่ารวย ถ้าคุณดังพอ รวยถ้าคุณขายดีพอ แต่การที่จะเป็นนักเขียนขายดี พี่เคยพูดว่ามันมี 3 เงื่อนไข คือ หนึ่งต้องดี สองต้องทัน สามคือต้องขายดี ดีคือผลงานดี ทันคือทันเวลา หนังสือเล่มหนึ่งจะมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการขาย ถ้าคุณพลาดช่วงเวลานี้ไป ผลกำไรก็จะน้อยลง สามคือต้องขายดี ข้อนี้ก็ดวงล้วนๆ ออกไปปุ๊บ ถ้าคนไม่ชอบทำยังไงได้ถูกไหม
พอพี่เห็นว่าต่างประเทศมีการขายรายตอน มีการโดเนท พี่ก็คิดว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่เอามาแก้ไขปัญหาการกินอยู่ของนักเขียนได้นะ ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว เด็กดีก็พัฒนาจนถึงเวอร์ชั่นล่าสุดที่ทุกอย่างโอเคแล้ว พี่พิจารณาแล้วว่าไม่มี pitfall และทุกอย่างตรง ยุติธรรม เสมอภาค แล้วก็ค่อนข้างที่จะแฟร์กับทุกฝ่าย พี่ก็โอเค พี่จะลงงานทดลอง
พี่ก็เลยตั้งนามปากกาใหม่ที่จะเขียนนิยายขึ้นมาชื่อ ข้าจะเป็นมารดาของจอหงวน ซึ่งลงตั้งแต่ปี 2021 ช่วงปลายๆ ปี แล้วก็ลงต่อเนื่องปี 2022 ทั้งปี เพิ่งมาเปิดตัวว่าเป็นหนังสือของพี่ตอนปี 2023 ณ เวลาที่พี่โพสต์นิยายลงไป พี่มหัศจรรย์มากเลยนะ พี่ไม่ได้ใช้ชื่อนามปากกากัลฐิดาเลย ไม่มีโฆษณาในแพลตฟอร์ม ไม่มีโฆษณาใน Facebook ไม่มีอะไรเลย ไม่มีหนังสือเล่มขายด้วย โพสต์แค่ในเด็กดีอย่างเดียว แล้วพอจบเล่ม 6 ก็ทำเป็นอีบุ๊กขาย ไม่โฆษณาเลยนะ ไม่แชร์ไม่อะไรเลย พี่สามารถสร้างเงินล้านจากนิยายเรื่องนี้ได้ในเวลา 16 เดือน 1 ล้านบาท
ซึ่งเวลามีคนพูดว่า พี่กัลก็พูดได้สิ พี่กัลดัง ชื่อพี่กัลใครๆ ก็อ่าน เนี่ยโชว์ให้ดูแล้ว นิยายเรื่องนี้ไม่มีชื่อพี่เลย ไม่โฆษณาด้วยทำแค่ 3 อย่าง คือ หนึ่ง สร้างผลงานที่เราคิดว่าเราทำได้ดีที่สุด สอง ลงสม่ำเสมอ สาม สร้างความเชื่อมั่นให้นักอ่านว่าเราจะทำให้มันจบ นั่นคือ commitment ซึ่งเรื่องนี้กำลังจะจบในประมาณอีก 2 เดือนข้างหน้านี้แล้วค่ะ
ส่งต่อบทเรียน 20 ปี จากกัลฐิดา..
พี่ไม่เคยหยุดลงผลงานในเด็กดีเลยนะ มีคนถามพี่เยอะมากว่าทำไมถึงไม่ไปลงในแพลตฟอร์มอื่น พี่ก็ตอบคนอื่นว่าคุณดูส่วนแบ่งตลาดสิ คุณดูยอดของคนที่เข้ามาสิ ถ้าคุณเป็นคนขายของ และคุณอยากจะได้ชื่อเสียง หรือคุณอยากจะได้โอกาสโชว์ผลงาน คุณก็ต้องโชว์ในตลาดที่ใหญ่ที่สุด แม้ว่าข้อเสียของการโชว์ตลาดที่ใหญ่ที่สุดนั้นคือการที่จมหายไปกับทะเลก็ตาม แต่ถ้าเราลอยตัวเหนือน้ำให้หายใจพอได้ จนกว่าวันที่จะมีคนมาเห็นเราอ่ะ มันก็เป็นความหวังนะ ซึ่งพี่ดีใจนะ ที่เด็กเดี๋ยวนี้มีความฮึดสู้สูงมาก
สำหรับพี่นะ เพื่อสุขภาพจิตที่ดีของนักเขียน คุณจะต้องกำหนดเกณฑ์ที่คุณจะไม่ก้าวผ่านก็คือ อะไรที่เกี่ยวกับคนอื่นต้องตัดทิ้งทั้งหมด เพราะถ้าคุณมีสุขภาพจิตแย่ งานก็จะคุณภาพดรอป เมื่อคุณภาพดรอป นักอ่านก็ทิ้งไง นักอ่านเป็นอินดิเคเตอร์ที่เร็วมาก เขาอาจจะเขียนไม่ได้แต่เขาอ่านมาเยอะ ถ้ามันมากไป เขาก็ไม่รอ เขาก็ทิ้ง นักเขียนคนนี้ไม่ไหวเปลี่ยนดีกว่า
แล้วนึกสภาพสิ เด็กดีมีนักเขียนอัพนิยายตอนใหม่ทุกวันเป็นหมื่นตอน เขาเลือกได้เลยว่า หมื่นตอนเขาจะเอาใครก็ได้ คุณเป็นผู้ถูกเลือกนะ คุณอยู่ในสถานะของผู้ทุกเลือก แม้แต่พี่ที่ทำงานมา 20 ปี พี่ก็อยู่ในสถานะของผู้ถูกเลือกเหมือนกัน ในทุกๆ ครั้งที่โพสต์ นั่นหมายความว่าถ้าคุณไม่โชว์ best performance ของคุณ คุณก็จะไม่ถูกเลือก เพราะขนาดโชว์แล้วบางครั้งก็ยังไม่ถูกเลือกเลย
ณ เวลานี้นะ ถ้าคุณมีความฝันการเป็นนักเขียนออนไลน์ มันจะยากขึ้นเรื่อยๆ การแข่งขันใน 20 ปีที่แล้วมีแต่คนพูดว่าเป็นนักเขียนไส้แห้ง 20 ปีต่อมานักเขียนเงินล้านเดินกันเกลื่อนถนน เงินล้านหาง่ายมาก ถ้าคุณเป็นนักเขียนที่จับกระแสได้ถูก มีฝีมือพอประมาณ ลงงานสม่ำเสมอและจบ แค่คุณมี 4 ข้อนี้
พี่ไม่ได้เรียนจบด้านอักษรศาสตร์ พี่ไม่เคยประเมินงานเขียนจากลักษณะของภาษาศาสตร์ พี่เป็นคนที่บอกว่า ถ้างานนี้สนุก ไม่ว่าเขาจะใช้ภาษาวิบัติ พล็อตซ้ำ มีฉากสุ่มเสี่ยง รักแบบไหน สีรุ้งไม่รุ้ง แนวไหนก็ตาม ถ้าเรื่องนี้สามารถสร้างความสุขให้คนอ่านได้ถือว่าผ่าน ข้อเดียวที่เรายอมรับไม่ได้คือลอกผลงาน
นั่นหมายความว่าใครๆ ก็เป็นนักเขียนได้ คำถามต่อมาคือ เป็นได้นานแค่ไหน เลี้ยงดูตัวเองได้หรือเปล่า ซึ่งทั้งหมดนี้มี Key Point อย่างเดียวที่ทำได้คือ วินัย ขอแค่คุณตั้งใจกับมัน มีวินัย พัฒนา แล้วก็เขียนนิยายของคุณต่อไป
กว่าจะเป็น ‘กัลฐิดา’ ไม่ง่ายเลยจริงๆ แค่วิธีการทำงานที่บอกว่า ลองเขียนนิยายให้ได้ปีละ 1 ล้านคำก็ทำเอาขนหัวลุกไปหมด ขอยกให้เป็นเคล็ดลับนักเขียนที่โหดที่สุดเลยก็แล้วกัน!
พบปะพูดคุยวันนี้ นอกจากกัลฐิดาจะพาเซวีน่ากลับบ้านหลังแรกแล้ว เธอยังบอกเล่าประสบการณ์ตลอด 20 ปีบนเส้นทางนักเขียนแบบเอ็กคลูซีฟสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นเบื้องหลังของเซวีน่า ที่ก่อนจะเป็นนิยายเงินล้าน ก็เคยไม่มีคนอ่านมาก่อน รวมถึงเรื่องราวของครอบครัวที่ไม่สนับสนุนในเส้นทางอาชีพนี้ แต่เธอก็สู้ฝ่าฟันเพื่อให้ได้มาจนสำเร็จ อีกทั้งวิธีการของเธอก็เป็นการประนีประนอมสุดๆ ถ้าหากใครมีความฝันอยากเป็นนักเขียน คุณก็ต้องสู้เพื่อความฝันของตัวคุณเอง อย่าเพิ่งยอมแพ้กันไปก่อนนะคะ
หวังว่าเรื่องราวดีๆ ในบทสัมภาษณ์วันนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจดีๆ ให้นักเขียนทุกคนบนเส้นทางแห่งนี้กันนะคะ ^^
เริ่มเขียนนิยายพี่แนนนี่เพน
อ่านนิยายของ กัลฐิดา (Kalthida)
- สุดยอดนักส่งอาหารแห่งบาร์เซโร
- ข้าจะเป็นมารดาของจอหงวน
- The Master of Witharia
- Calendar Castle (คาเลนดาร์ คาสเทิ่ล)
- Witchoar
- SEVENA เซวีน่า...มหานครแห่งมนตรา
- และอื่นๆ อีกมากมาย
2 ความคิดเห็น
เป็นแรงบันดาลใจที่ดีจริงๆ ทุกคำทุกวรรคในบทความนี้ ตอบคำถามในใจนักเขียนได้หมดจด
เพราะปัญหานักเขียนใหม่คือ "ขาดกำลังใจ" ไม่มียอดวิว ไม่มีเม้นต์ แต่คุณพี่ได้บอกว่าไม่ต้องไปสนใจให้มากกับสิ่งเหล่านั้น เขียนอย่างเดียว เขียนไว้ก่อน
พี่กัลฐิดา เราเคยเห็นเมื่อเข้าเด็กดีครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อน นิยายเซวีน่าติดท้อปเด่น
เป็นนิยายอันดับต้นๆของเด็กดีที่ติดท้อปนอกจากแนวออนไลน์นั้น
ขอบคุณสำหรับกำลังใจมากๆ ทำให้อยากเขียนต่อทันทีโดยเฉพาะคำว่า10ล้านเนี่ยยิ่งเกิดแรงบันดาลใจเอามากๆ
เป็นนักเขียนผมสนับสนุนผลงานเป็นประจำครับ ขอบคุณที่แต่งนิยายดี ๆ ออกมาให้ได้อ่่านกันครับ