นักเขียนเอเนอจี้บวก Nidchynoi
พยาบาลสาวผู้นำประสบการณ์ตรงมาสร้างเป็นนิยาย
ใครที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียน แต่ยังไม่มีโอกาสได้ลงมือทำ พี่พริกแนะนำให้มาหาแรงบันดาลใจดีๆ จาก คุณนิด หรือ Nidchynoi นักเขียนนิยายรักผู้เต็มไปด้วยพลังงานบวก ผู้ที่จะมาทำให้ทุกคนได้รู้ว่า… หากคุณรักที่จะเขียน คุณจะต้องหาเวลามาทำในสิ่งที่คุณรักได้อย่างแน่นอน
คุณนิด นอกจากเขียนนิยายแล้ว เธอยังมีอาชีพเป็นพยาบาลอีกด้วย ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เธอเขียนนิยายไปแล้วกว่า 18 เรื่อง แถมแต่ละเรื่องยังเต็มไปด้วยเรื่องราวในวงการแพทย์ จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ที่อ่านนิยายของ Nidchynoi จะต้องมีเรื่องราวของเหล่าหมอพยาบาลมาให้อ่านกันฟินๆ
นอกจากนี้ คุณนิดยังได้เผยแง่มุมของการเอาเรื่องใกล้ตัวมาเขียนนิยายได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งหากใครกำลังมองหาแรงบันดาลใจในการเขียนนิยาย ลองมาฟังวิธีคิดและวิธีเขียนนิยายจากคุณนิดในสัมภาษณ์นี้กัน
สวัสดีค่ะ ชื่อนิด นามปากกา Nidchynoi เป็นนักเขียนนิยายรัก-โรมานซ์ตอนนี้เป็นพยาบาลที่เขียนนิยายได้นิดหน่อยค่ะ
นามปากกามาจากชื่อเล่นค่ะ (ชื่อนิด = Nid) แล้วช่วงนั้นน้อง ๆ ที่ตึกคนไข้ฮิตติดปากชื่อสองพยางค์เติม y ต่อท้ายให้ดูน่ารัก ๆ ก็เลยเป็น Nidchy ส่วนน้อยมาจากไหน? ก็มาจากพี่นักกายภาพบำบัดที่สนิทกันมาทำเคสคนไข้ที่ตึกพี่เขาเสนอว่าให้เติม Noi ต่อท้าย เป็น Nidchynoi
ความหมายของพี่เขาคือ นิดชี่ตัวน้อย ๆ น่ารัก ๆ (ตอนนั้นคือตัวเล็กเอวบางร่างน้อยโดนลมแทบจะปลิว แต่ย้ำว่าแค่ตอนนั้นนะคะที่ตัวเล็ก ส่วนตอนนี้ละไว้ในฐานที่เข้าใจ555)
ได้สัมผัสงานเขียนครั้งแรก เพราะครูภาษาไทย
จุดเริ่มต้นคือชอบอ่านนิยายมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนคอซองค่ะ ตอนอยู่มัธยมต้นได้รับมรดกตกทอดนิยายเล่มเล็ก ๆ ของคุณนภาลัย ไผ่สีทองมาจากพี่ ๆ ตอนนั้นคือชอบมาก ๆ มีเล่มโปรดอยู่ประมาณ 5-6 เล่ม อ่านซ้ำ ๆ จนจำได้แทบจะทุกตัวอักษร (ต่างจากตอนอ่านหนังสือสอบมาก )
แต่คนที่จุดประกายให้นิดอยากลองเขียนเรื่องเล่าตามจินตนาการของตัวเองก็คือคุณครูภาษาไทยค่ะ ตอนอยู่มัธยมศึกษาปีที่สามจำได้ว่าตอนนั้นช่วงปิดเทอมได้แรงบันดาลใจจากคุณครูก็เลยแต่งนิยายสไตล์สาวไทบ้าน แนวใส ๆ จำไม่ได้แล้วว่าประมาณกี่คำ เขียนจบก็เข้าเล่มนำไปส่งให้คุณครูภาษาไทยอ่านและช่วยชี้แนะ เป็นความภาคภูมิใจที่ได้ลองเขียนนิยายครั้งแรก
แต่พอขึ้นมัธยมปลายช่วงนั้นมุ่งมั่นเรื่องเรียนเรื่องสอบเรียนต่อก็เลยห่างหายจากการฝึกฝนเขียนนิยายไปเลย แต่เมื่อไหร่ที่มีโอกาสเข้าร้านหนังสือก็ยังซื้อนิยายรูปเล่มมาอ่านตลอดนะคะ
เมื่อความประทับใจในวงการแพทย์ กลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานช่วงโควิด!
พอไปเรียนพยาบาลก็ยิ่งหายจากการเขียนนิยายไปไกลเลย เรียนจบมาทำงานชีวิตก็วน ๆ เวียน ๆ กับการทำงานการเขียนแผนการพยาบาลไม่ได้เขียนนิยาย จนกระทั่งช่วงต้นปี 2563 ที่ Covid-19 ระบาดใหม่ ๆ ช่วงนั้นคือไม่ได้ทำงานฝ่ายปฏิบัติการกับคนไข้ต่อเพราะได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบเกี่ยวกับงานควบคุมเรื่องการติดเชื้อในโรงพยาบาล
ถึงไม่ได้เขียนนิยายแต่ก็อ่านทางออนไลน์ตลอด ทำให้คิดถึงบรรยากาศตอนที่ไปเรียนเฉพาะทางด้านการติดเชื้อที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งมันมีเรื่องราวดี ๆ ที่ประทับใจในวงการการแพทย์หลายเรื่องและจุดประกายให้เราอยากนำเรื่องราวเหล่านั้นส่งผ่านตัวละครในนิยาย
ความตั้งใจที่อยากเขียนครั้งแรกคืออยากเขียนเก็บเรื่องราวดี ๆ ที่ประทับใจในแบบฉบับของตัวเอง พาตัวละครนั้นไปจนถึงตอนจบมีความสุข Happy Ending และที่สำคัญคือได้ผ่อนคลายความเครียดช่วงโควิดด้วยค่ะ
ผลงานเรื่องแรกกับคอมเมนต์จากคนอ่าน ที่ทำให้กลับมาพัฒนาตัวเองมากขึ้น
เรื่องแรกที่เขียนชื่อ นางฟ้าเล่นกล (ปัจจุบันรีไรต์และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น คุณหมอเย็นชากับนางฟ้าหวานใจ) เขียนลง Dek-D ค่ะ ความรู้สึกแรกที่ได้เขียนคือตื่นเต้นมาก ก็กังวลเหมือนกันนะคะว่าจะมีคนกดเข้ามาอ่านนิยายเราไหม แต่ตอนนั้นความอยากรู้อยากลองมีมากกว่าความกลัว เขียนเพราะชอบ เขียนเพราะอยากเขียน เขียนในแบบฉบับที่เป็นตัวเอง เขียนทุกวันวันละตอน แล้วจำได้ว่ามีนักอ่านใน Dek-D มาคอมเมนต์รายตอนนิดว่า
“เขียนนิยายเหมือนเขียนโครงงานเลยค่ะ ลองปรับใหม่นะคะ”
แอบจุก 5555 แต่ไม่ท้อนะคะ ลองกลับไปอ่านทวนที่เขียน จริง ๆ ก็เป็นอย่างที่คุณนักอ่านคอมเมนต์เลยค่ะ เขียนเหมือนเขียนบทความวิชาการที่นิดเขียนเรื่องงานควบคุมการติดเชื้อเลย
แต่สิ่งที่ทำหลังจากนั้นคืออ่านให้มากขึ้น และก็ไปต่อเรื่องงานเขียนค่ะ พอเรื่องที่สองที่สามคุณนักอ่าน ID เดิมนั้นเขามาคอมเมนต์ว่าภาษาดีขึ้น ตอนนั้นดีใจมาก ๆ อารมณ์เหมือนทำการบ้านส่งครูแล้วครูชมและได้คะแนนเพิ่มขึ้น ยังขอบคุณคุณนักอ่านท่านนั้นจนถึงทุกวันนี้นะคะ หลังจากนั้นก็เขียนมาเรื่อย ๆ เลยค่ะ
อยากสร้างตัวละครให้สมจริงเลยหยิบเอาข้อมูลวงในมาใส่ในนิยาย
จุดเริ่มต้นไอเดียกับการสร้างคาแรกเตอร์… เราหาข้อมูลตัวละคร วัตถุดิบและไอเดียมาจากการทำงานเลยค่ะ หมอทุกแผนกในโรงพยาบาลที่นิดทำงานอยู่คือได้เป็นพระเอกเกือบจะครบทุกคนแล้วค่ะ
จุดที่ยากในการนำเสนอคือเรื่องลงรายละเอียดรายโรค หมอแต่ละสาขาจะมีความเชี่ยวชาญแตกต่างกัน ในส่วนที่เป็นข้อมูลวิชาการบางครั้งต้องได้ขอความอนุเคราะห์ข้อมูลจากคุณหมออย่างละเอียดค่ะ เพื่อความสมจริงและเข้าถึงบทบาทของคุณหมอให้ได้มากที่สุด
ที่เลือกตัวละครในเรื่องมีอาชีพสายการแพทย์เพราะเป็นแนวที่นิดถนัดก็เลยวน ๆ อยู่แต่ในรั้วโรงพยาบาลเป็นส่วนมาก แนวอื่นก็เขียนนะคะ แต่เยอะที่สุดคือแนวหมอพยาบาล
และเพราะอยากเขียนเรื่องราวความรักในวิชาชีพนี้เพราะอยากถ่ายทอดโมเมนต์น่ารัก ๆ ของคนในวิชาชีพให้นักอ่านได้มีความสุขไปด้วยกันค่ะ ในความเหนื่อยของการทำงานตามหน้าที่บางครั้งก็มักจะมีเรื่องราวดี ๆ ให้ได้เห็นเสมอ ตั้งแต่ทำงานมาจริง ๆ ก็เจอคนในวิชาชีพนี้มาทุกรูปแบบ ไม่มีใครดีและร้ายร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ใด ๆ นิดเชื่อว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ของคนที่จะทำงานในวิชาชีพนี้ได้ก็คือต้องมีความเสียสละคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมและความเมตตากรุณาเป็นที่ตั้ง
หมอคนแรก ๆ จะออกแนวละมุนอบอุ่นค่ะ คือแบบว่าเป็นชายในฝันของหลาย ๆ คน แต่พอหลัง ๆ มาก็จะมีแบบน่าหยุมหัวเป็นส่วนมาก อย่างเรื่องล่าสุดที่เขียนคือ เมื่อคุณหมอ(ไม่)ขอมีรัก นักอ่านก็ให้พรคุณหมอตั้งแต่บทแรกเลยค่ะ
ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของตัวละครที่เป็นหมอ โดยส่วนตัวนิดมองว่าได้เขียนตัวละครที่มีมิติมากขึ้น ไม่ได้มีแค่ด้านดีเพียงด้านเดียวแต่ทุกตัวละครจะมีด้านที่เป็นเทา ๆ ของเขาด้วยค่ะ
เรื่องความสมจริงถามว่าสมจริงหรือไม่ อันนี้ขออนุญาตใช้คำว่าพยายามอยากให้สมจริงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ภาพในหัวต้องชัดก่อนเขียนจึงจะสามารถถ่ายทอดออกมาให้นักอ่านเห็นภาพและอินตามได้ ข้อมูลการรักษาส่วนมากก็จะมาจากประสบการณ์ที่ได้เจอเคสแบบนั้นมา อย่างเรื่อง เสี่ยงรักคุณหมอสูติฯ ไอเดียก็ผุดขึ้นมาตอนที่คุณหมอคุยและให้คำแนะนำคนไข้เลยค่ะ คุณหมอท่านแซว ๆ คนไข้ว่า “ถ้าอยากหายจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ก็ให้มีลูกนะ” ออกจากห้องคนไข้มาก็จด ๆ ใส่สมุดบันทึกเอาไว้ บางเรื่องราวเฮฮา โก๊ะ ๆ ที่เขียนก็มาจากการทำงานค่ะ
อยากเขียนนิยายเป็นซีรีส์ร่วมกับคนอื่นให้ปัง ความสำคัญอยู่ที่การสื่อสาร
เรื่องเสี่ยงรักคุณหมอสูติฯ นับว่าเป็นเรื่องแรกที่นักอ่านเริ่มรู้จักนามปากกา Nidchynoi มากขึ้นเพราะมีนักอ่านนำไปรีวิวในเพจ พอจบรุ่นพ่อแม่ก็เลยมีพลังเขียนรุ่นลูกต่อค่ะ คอนเซ็ปต์ของเรื่องเน้นคอมเมดี้ สนุกสนานเฮฮาเหมือนกับรุ่นของคุณพ่อคุณแม่แต่สอดแทรกเรื่องวิชาการเรื่องโรคเข้าไปด้วยนิดหน่อยค่ะ
จนตอนนี้มี 11 ซีรีส์ ( รวมกับที่เขียนนิยายเซตกับเพื่อน ๆ นักเขียนด้วย) ชื่อซีรีส์มาจากบุคลิกพระเอกในแต่ละเรื่องค่ะ (มีแต่ร้าย ๆ ทั้งนั้น ) อย่าง ซีรีส์ร้ายหวงรัก ก็คืออยากจะสื่อให้รู้ว่าพระเอกในเซตนี้ร้ายทุกคนนะแต่ก็หวงรักทุกคนส่วนจะเป็นหวงแบบไหนก็จะแตกต่างไปตามบุคลิกเฉพาะตัวของเขาค่ะ
ความยากของการเขียนเป็นซีรีส์ต่างจากเรื่องเดียวจบคือ
เรื่องของความเชื่อมโยงค่ะ ถ้าเป็นซีรีส์ที่ตัวเองเขียนภาคต่อเอง ก่อนเขียนจะกลับไปอ่านเรื่องก่อนหน้าในเซตเดียวกันทุกเรื่อง จึงจะมาวางพล็อตต้น กลาง ปลายเรื่อง ว่าจะเริ่มต้นในช่วงเหตุการณ์ในเรื่องก่อนหน้านี้ให้เชื่อมโยงกันตรงจุดไหน ยิ่งถ้างอกหลาย ๆ เรื่องในจักรวาลเดียวกันความยากก็จะมากขึ้น เคยมีหลุดโป๊ะด้วย คือจะบอกว่านักอ่านจำเก่งกว่านิดอีกนะคะ บางเรื่องมีนักอ่านทักท้วงว่าช่วงนี้จากเรื่องก่อนหน้าหลาน ๆ กี่ขวบกันแล้ว เป๊ะมาก
ส่วนที่เป็นซีรีส์ที่เขียนกับเพื่อน ๆ ก็จะต้องคุยกันในทีมทุกคนค่ะ ให้เข้าใจตัวละคร พล็อตเรื่องของแต่ละคนก่อนจึงจะเริ่มเขียน อันดับแรกเลยคือคุยกันเรื่องคอนเซ็ปต์ของเรื่องให้เข้าใจกันก่อนค่ะ อย่างเรื่องนี้คุยกันว่าพระเอกต้องโบ้นะ ออกดรามาด้วยหน่อย ๆ
แถมเขียนยากกว่าเขียนเซตต่อเนื่องของตัวเองค่ะ เพราะต้องคุยกันให้เข้าใจบุคลิกตัวละครของเพื่อน ๆ ด้วย การดำเนินเรื่องของทั้งสามเรื่องต้องเชื่อมโยงกัน ไทม์ไลน์ต้องเป๊ะ
เรื่องไอเดียช่วงที่เขียนจะคุยปรึกษากันตลอด บางส่วนที่เป็นข้อมูลการแพทย์นิดก็จะช่วย ๆ น้องตบตีพล็อตต่อยอดเนื้อหากัน และบางส่วนที่เป็นดรามาที่นิดไม่ถนัด ก็จะมีน้องในเซตที่เขาถนัดแนวนี้ช่วยต่อยอดให้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ไอเดียไปด้วยกันค่ะ (ที่จริงมีอีกสองเซตที่นิดเขียนร่วมกับเพื่อน ๆ นักเขียนอีกสี่ท่าน คือเซตความลับท่านประธานกับเซตผมเป็นลูกท่านประธาน หลักการทำงานก็จะคล้าย ๆ กันค่ะ)
โดยส่วนตัวนิดคิดว่าเรื่องที่เขียนยากที่สุดสำหรับนิดคือเรื่องปิดเซตค่ะ และปัญหาเรื่องไทม์ไลน์ก็จะใช้วิธีจดรายละเอียดของแต่ละตัวละครให้ครบถ้วนก่อนเขียนค่ะ ถ้ามีคลาดเคลื่อนหรือไม่ตรงก็ทำการรีไรต์ตรงจุดนั้นใหม่ให้ตรงกันค่ะ
อีกปัญหาที่ใหญ่พอ ๆ กับเรื่องข้อมูลไทม์ไลน์คือเรื่องของอารมณ์และความกดดันตัวเองในการเขียนนิยายภาคต่อ บางครั้งกดดันตัวเองจนเขียนไม่ออก วิธีจัดการคือไม่ฝืนเขียนแต่จะมูฟไปทำอย่างอื่น ดูซีรีส์ ฟังเพลง ไปคาเฟ่ ไปเที่ยวให้ผ่อนคลายแล้วค่อยกลับมาเขียนต่อ
เขียนจบมาหลายเรื่อง ก็เหนื่อยและท้อได้เหมือนกัน แต่กำลังใจจากนักอ่านทำให้มีแรงบันดาลใจเขียนต่อไป
พอเขียนเรื่องแรกเป็นแนวหมอ พยาบาล ก็มีคอมเมนต์ที่ว่าอ่านแล้วได้ความรู้ อ่านแล้วได้เห็นมุมมอง ทัศนคติ ตัวละครในวิชาชีพนี้ผ่านเรื่องเล่าของเรา ก็เลยทำให้มีกำลังใจอยากเขียนแนวนี้ต่อค่ะ อยากส่งผ่านเรื่องราวในมุมที่เป็นเชิงบวกในวิชาชีพให้กับนักอ่านได้อ่านและอินไปด้วยกันค่ะ
แรงบันดาลใจก็มาจากคอมเมนต์นักอ่านค่ะ
ช่วงที่เหนื่อยที่สุดจนไม่อยากเขียนคือช่วงคุณแม่ป่วยเหตุเกิดเมื่อต้นปีที่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้นิดยังมีไฟ มีพลังอยากเขียนต่อพาตัวละครไปจนถึงจุดหมายปลายทางก็คือคอมเมนต์และกำลังใจจากนักอ่านค่ะ ดีใจและรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก ๆ ที่มีนักอ่านคอยสนับสนุนและส่งกำลังใจให้มาโดยตลอด
ซึ่งส่วนมากนิยายของนิดจะเป็นแนวฟีลกู๊ด แต่เรื่องที่เปิดโลกกว้างในวงการนิยายของนิดและได้ชาเลนจ์ตัวเองมากที่สุดก็คือเรื่อง หย่ารักไม่ภักดี หนึ่งในซีรีส์เมียหมอขอหย่าที่เขียนกับเพื่อน ๆ เป็นดรามาครอบครัวเรื่องแรกของนิดและก็เป็นดรามาที่มีฟีดแบ็คจากนักอ่านในหลายมุมมองมาก ๆ คอมเมนต์ที่แรง ๆ เลยก็มี ตอนนั้นยอมรับว่านอยด์นะคะ
แต่สิ่งที่ทำคือตีความหมายจากแต่ละคอมเมนต์ที่เจอมาทบทวนเก็บมาเป็นบทเรียนและประสบการณ์ในการเขียนเรื่องต่อ ๆ ไป และในความดรามาต้องบอกว่ามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นด้วยเพราะเป็นเรื่องที่มีเพื่อน ๆ นักเขียนและนักอ่านทักหลังไมค์มาพูดคุยเรื่องตัวละคร สิ่งที่ได้นอกเหนือจากการเขียนนิยายสายดรามาที่เราไม่เคยเขียนคือได้มิตรภาพที่แท้จริงและได้กำลังใจจากนักอ่านและเพื่อนนักเขียนเพิ่มขึ้นหลายท่านเลยค่ะ
ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่มีฟีดแบ็คอย่างเช่นเรื่อง เสี่ยงรักคุณหมอสูติฯ ก็มีคอมเมนต์จากนักอ่านว่า เขียนยาวมีแต่น้ำ ไม่มีจุดพีคของเรื่อง อันนั้นก็ต้องขอบคุณนักอ่านมาก ๆ นะคะเพราะจากคอมเมนต์นั้นที่ทำให้นิดตั้งใจเรียนรู้เพิ่มเติมแนวทางเขียนนิยายการวางพล็อต การทำทรีตเมนต์รายตอน
จากเรื่องแรกจนถึงเรื่องล่าสุด ก็ยังคิดเสมอว่าครูที่ดีในการเขียนนิยายส่วนหนึ่งก็คือคอมเมนต์จากนักอ่านค่ะ
ความสำเร็จที่มาจากการไม่ทิ้งความฝัน
“อย่ากลัวที่จะเริ่มเขียน เพราะมันคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ในชีวิตเราค่ะ” ที่จริงไม่ว่าสายงานไหนๆ ก็มีอุปสรรคเหมือนกันหมด แต่การได้ทำในสิ่งที่ชอบ ทำในสิ่งที่เรารัก ทำในสิ่งที่เราใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นได้ อันนี้คือถือว่าเราได้เดินตามเป้าหมายในชีวิตบางส่วนของเราแล้วนะคะ
จริง ๆ นิดไม่ได้เขียนเร็วเลยค่ะ เพราะระยะเวลาการเขียนขึ้นอยู่กับภาระงานหลักด้วย แต่จะพยายามเขียนทุกวันตอนเย็น ได้มากได้น้อยไม่เป็นไรแต่เขียนทุกวัน ความสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เฉลี่ยนิยายนิดแต่ละเรื่องจะเขียนประมาณ 2-3 เดือนค่ะ จำนวนคำกลาง ๆ 60,000 -90,000 คำ
นิดบอกตัวเองเสมอว่าเวลาจะทำงานหรือทำเรื่องอะไรสักอย่างให้สำเร็จ เมื่อไหร่ที่เหนื่อยก็หยุดพัก ถ้าล้มก็ลุกขึ้นมาใหม่ ถ้าล้มแล้วเดินไม่ได้ ก็คลานไป ถ้าคลานไม่ได้ก็กลิ้งไปเลย แต่จะไม่หยุดเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเด็ดขาด และที่สำคัญคือไม่ได้แข่งขันกับใคร ใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตเป็นตัวที่จะมาช่วยกำหนดเป้าหมายให้ไปข้างหน้าได้ต่อ ตราบใดที่เรายังไม่หยุดชีวิตยังมีอะไรที่ดี ๆ รอเราอยู่อีกเยอะ ถ้าเราไม่ทิ้งความฝัน สักวันก็ต้องไปถึงเป้าหมาย บางเรื่องอาจจะถึงช้าหน่อยก็ไม่เป็นไรแต่ยังไงก็ต้องถึงแน่นอนเพราะเราไม่หยุดเดิน
“ความสำเร็จไม่ได้มาจากโชคช่วยแต่มาจากความสม่ำเสมอในการก้าวเดินไปข้างหน้าและจากใจที่เราพยายามอยากจะทำให้มันสำเร็จ สู้ต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ”
อัปเดตทิ้งท้ายก่อนจากลา
ตอนนี้กำลังเขียนรุ่นลูกของเซตร้ายหวงรักค่ะ (ชื่อเรื่องยังไม่ไฟนอล) และสามารถติดตามผลงานได้ทางช่อง
- เฟสบุ๊ค ( https://www.facebook.com/nidchy.noi? )
- เพจ ( https://www.facebook.com/profile.php?id=100088263296344 )
- TikTok ( https://www.tiktok.com/@nidchynoi?_t=ZN-8uJPo4dxl9K&_r=1 )
- YouTube ( https://youtube.com/@nidchynoi-02?si=YuniUJeO4lOl0wuD )
ถ้าหากใครไม่รู้ว่าจะเริ่มเขียนนิยายจากอะไร ลองเริ่มจากสิ่งที่เรารักและคุ้นเคยที่สุดก่อนเลยค่ะ เหมือนกับคุณนิดพยาบาลสาวคนเก่งที่เอาประสบการณ์จากการทำงานในโรงพยาบาล มาถ่ายทอดเรื่องราวการทำงานของหมอและพยาบาลผ่านนิยายรักของเธอ จนทำให้นิยายมีความสมจริงและสนุกมากยิ่งขึ้น
เชื่อว่าทุกคนมีเรื่องราวในจินตนาการที่สามารถถ่ายทอดออกมาได้สนุกไม่แพ้ใครแน่นอน มาเริ่มต้นเขียนนิยายของเรากันค่ะ ^^
- พี่พริก -
1 ความคิดเห็น
ขขอบคุณทริกดี ๆ คร้า