นักเขียนออนไลน์ในตำนาน
ร่วมรำลึกถึง “ภาคินัย” ผู้สร้างจักรวาลนิยายผี
ที่จะอยู่ในความทรงจำของนักอ่านตลอดไป
“คุณเคยอยู่ต่อหน้าความกลัว… แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นแทนที่จะวิ่งหนีมันไหม?”
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่คุณก้าวเข้าไปในโลกของ “ภาคินัย” นักเขียนนิยายสยองขวัญผู้ฝากผลงานราวๆ 80 เล่มใน 20 ปี! ตั้งแต่นางชฎา, 7 วันจองเวร, 4 ทิศตาย, ไปจนถึง ใครฆ่า …รรรรรร ผลงานของเขาไม่ได้แค่ทำให้คนอ่านวางไม่ลง แต่ยังชวนให้เราเผชิญหน้ากับความกลัว… และยิ้มให้มันได้ เบื้องหลังลายเซ็นการเล่าเรื่องสุดกดดันนี้ เริ่มจากเด็กชายเมืองเพชรบุรีที่อยากถ่ายทอดภาพในหัวลงบนกระดาษ และด้วย “ปลายปากกา” กับ “ความตั้งใจ” ภาคินัยสร้างจักรวาลเรื่องเล่าของตัวเอง จนกลายเป็นหนึ่งในนักเขียนระทึกขวัญที่แฟนๆ ชาวไทยต้องรู้จัก และนี่คือเรื่องราวของเขา #เกิดมากับเด็กดี #โตมากับเด็กดี #เป็นนักเขียนเด็กดี #ภาคินัยก็เริ่มจากที่นี่
“ภาคินัย – แอมป์ ภาคินัย กสิรักษ์” เกิดที่จังหวัดสุโขทัย แต่เติบโตมาในเกิดในครอบครัวข้าราชการที่เพชรบุรี คุณแม่เป็นครูภาษาไทยโรงเรียนมัธยม ส่วนคุณพ่อเป็นข้าราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ ทำให้เขาคุ้นเคยกับโลกของถ้อยคำตั้งแต่เด็กทั้งหนังสือพิมพ์เก่า, นิตยสาร, การ์ตูน และนิยาย ล้วนเป็นเพื่อนสนิทในวัยเด็ก ในช่วงมัธยม ภาคินัยเป็นทั้ง “เด็กกิจกรรม” และ “เด็กหลังห้อง” ในเวลาเดียวกัน กลางวันลงแข่งทุกเวทีในหมวดภาษาไทย ตั้งแต่เขียนกลอน ประชันสักวา เล่นลิเก ไปจนถึงเรียงความ แต่พออยู่คนเดียว กลับชอบนั่งเงียบๆ วาดภาพ และจดบันทึกเรื่องประหลาดที่ผุดขึ้นในหัว “ผมชอบคิดว่าถ้าห้องนี้มีประตูอีกบานที่ไม่มีใครรู้… มันจะพาไปที่ไหน?” ความคิดเล่นๆ แบบนั้นเองที่กลายเป็นเชื้อไฟเล็กๆ จุดประกายให้เขาอยากเล่าเรื่อง
หลังเรียนจบ ความรักในงาน “ขีดๆ เขียนๆ” ทำให้ภาคินัยเริ่มตามหางานด้านการเล่าเรื่อง เขาส่งผลงานไปยังนิตยสารหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ขายหัวเราะ, HAMBURGER, I LIKE, และ ’M FINE ได้เพียงค่าขนมเล็กน้อย แต่ทุกบทความที่ตีพิมพ์ คือการฝึกมือจนทำให้ปลายปากกาของเขาคมชัดขึ้นเรื่อยๆ ไม่นาน เขาได้ก้าวเข้าสู่การเป็นหนึ่งในทีมเขียนบทละครของค่าย RS ในเรื่อง “รักของนายดอกไม้” กับ “คุณชายร้ายเล่มเกวียน” จนเขามั่นใจว่า “เราเกิดมาเพื่อเส้นทางนี้”
แล้วโอกาสสำคัญที่สุดมาถึง เมื่อเขาได้รู้จัก “คุณต้องตา” บรรณาธิการสำนักพิมพ์อักขระบันเทิง (ปัจจุบันคือ Sofa Publishing) แม้บทความแรกที่ส่งไปจะ “ไม่ผ่าน” แต่เขาไม่ถอย กลับเลือกหยิบปากกา แล้วเขียนด้วยลายมือลงบนกระดาษ A4 วันแล้ววันเล่า จนกลายเป็นต้นฉบับกว่า 300 หน้า ภาพของชายหนุ่มที่นั่งเขียนทุกบรรทัดด้วยมือเปล่า กลายเป็นสัญลักษณ์ของความดื้อดึงที่ไม่มีวันถอย และในที่สุดพ็อกเก็ตบุ๊คเล่มแรกของเขา “ความรักกัดขา (วันที่หมาติดปาก)” ก็ออกวางแผงในปี 2547 เป็นก้าวแรกที่ประกาศว่า “นักเขียนคนนี้… ถือกำเนิดขึ้นแล้ว”
ปี 2552 ในนามปากกา “อชิค” (ซึ่งก็คือภาคินัยในช่วงเดบิวต์) เขาเริ่มอัปนิยายรักคอมเมดี้บนเว็บ Dek-D อย่าง “ถึงนายจอมซ่าส์แบบว่ารักจัง” ตอนแรกคอมเมนต์จากคนอ่านมีเพียงหยิบมือ แต่สำหรับเขามันเป็นแรงขับเคลื่อนมหาศาล เพราะนั่นคือสัญญาณแรกว่ามีคนกำลังรอเรื่องเล่าของเขาอยู่จริงๆ ในเวลานั้น “พี่อชิค” คือหนุ่มวัย 26 ปีที่ปั่นต้นฉบับหัวกระเจิง ใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนต่อการเขียนหนึ่งเรื่อง และไม่ยึดติดกับแนวใดแนวหนึ่ง ผลงานรักคอมเมดี้และดราม่าที่ตามมาอย่าง “ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ”, “ปมรักรอยอดีต” และ “ร้ายชิงรัก” ทำให้ผู้อ่านหัวเราะ ยิ้มได้ และอินกับความรักในหลายรสชาติ ก่อนจะถูกต่อยอดเป็นละคร และทำให้ภาคินัยเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่นักอ่านออนไลน์
ทว่าลึกๆ แล้ว ภาคินัยรู้ว่านิยายรักไม่ใช่ทางที่หัวใจเขาอยากเดิน สิ่งที่เขาหลงใหลจริงๆ คือหนังผี เรื่องลี้ลับ และบรรยากาศกดดันแบบที่ทำให้คนอ่านต้องกลืนน้ำลายช้าๆ ซึ่งการหันมาเขียนนิยายสยองขวัญในยุคนั้นเท่ากับการเดินสวนกระแส เพราะเสียงรอบข้างต่างบอกว่า “นิยายผีขายไม่ออก” หรือ “แนวจิตวิทยาไม่แมส” มีหลายครั้งที่ต้นฉบับถูกปฏิเสธ บางสำนักพิมพ์ให้เหตุผลว่า “คนไทยไม่ชอบอ่านอะไรเครียดๆ” ทุกครั้งที่เจอคำปฏิเสธนั้น เขาจะก้มหน้ามองกระดาษเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะลงมือเขียนต่อ และย้ำกับตัวเองเสมอว่า “ถ้าไม่มีใครเปิดประตูให้เรา… ก็สร้างประตูเอง” และประตูบานนั้นก็คือ “นางชฎา”
จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อเขานำพล็อตนี้เสนอสำนักพิมพ์ ทั้งที่รู้ว่าอีกฝั่งทำแต่นิยายรักหวานๆ แต่พี่บั๋ง สุทธิพงษ์ สมบัติจินดา กลับมองเห็นศักยภาพ และให้ไฟเขียว แล้วผลลัพธ์ก็เกินคาด เมื่อ “นางชฎา” ไม่เพียงแจ้งเกิดภาคินัยในฐานะนักเขียนสยองขวัญ แต่ยังถูกดัดแปลงเป็นละครช่อง 7HD ในปี 2558 ที่กลายเป็นกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์ทั่วประเทศ และยังปูทางสู่ซีรีส์ “7 วันจองเวร” ที่ขายรวมกันหลายแสนเล่ม แปลเป็นหลายภาษา และถูกสร้างเป็นละครเรทติ้งสูง นี่คือหลักฐานว่า แม้ตลาดจะบอกว่าไม่มีที่ให้คุณ แต่ถ้าคุณซื่อสัตย์กับสิ่งที่อินที่สุด ประตูสู่โลกใหม่ก็พร้อมจะเปิดออกเสมอ
ความสำเร็จจาก “นางชฎา” และ “7 วันจองเวร” ไม่ได้ทำให้ภาคินัยหยุดอยู่ที่เดิม มันผลักให้เขากล้าทดลองมากขึ้น ใน “THE DOME เคหาสน์สาปสยอง” เขาลากผู้อ่านเข้าไปติดอยู่ในปราสาทร้างกลางป่าเหมือนนั่งดูหนังสยองต่างประเทศ ใน “นางคุก” เขาเลือกหักมุม จนทำให้หลายคนเสียน้ำตา แทนที่จะหวาดกลัว ใน “PHUB ถวิล” เขาพาเราส่องเงามืดของโลกออนไลน์ที่ทุกคนคุ้นเคย แต่ไม่เคยอยากยอมรับ และเมื่อมาถึง “THE FRIDGE ย้อนเวลาเป็น… ข้ามเวลาตาย” นิยายแนววาย ที่แม้แต่ตัวภาคินัยเองก็ยังยอมรับว่านี่คือเรื่องที่ “โคตรยาก” เพราะต้องวางโครงเรื่องและไทม์ไลน์อย่างละเอียดทุกเสี้ยววินาที ส่วน “BUNRAKU หน้ากากฆาตกรรม” ก็เป็นหลักฐานชัดเจนว่า เขาสามารถนำความสยองมาผสานกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นและความเชื่อไทยได้อย่างแนบเนียน
แต่สิ่งที่น่าจดจำยิ่งกว่าผลงาน คือ “วิธีคิด” เพราะต่อให้รายล้อมด้วยความสำเร็จ ภาคินัยไม่เคยเขียนเพราะ “ตลาดต้องการ” เขาเขียนเพราะหัวใจยังเต็มไปด้วยไฟ… ไฟที่พร้อมเผากระดาษทุกแผ่นให้กลายเป็นโลกอีกใบ ที่เรายังไม่เคยก้าวเข้าไป
ตลอดกว่า 20 ปีบนเส้นทางนี้ ภาคินัยฝากผลงานไว้ถึง 80 เล่ม หลายเรื่องกลายเป็นละครดังบนโทรทัศน์ ถูกพูดถึงทั้งประเทศ จาก “นางชฎา” ที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จัก ไปจนถึง “7 วันจองเวร” ที่กลายเป็นซีรีส์สยองขวัญระดับตำนาน แต่งานของเขาไม่ได้มีแค่ “ผี” ภาคินัยยังเขียนแนววาย อย่าง “ฆาตกาล”, “อนุบาล...ประถม...มัธยม คนที่อยู่ในใจผมก็คือ ‘พี่’” และ “คุณผีครับ...อย่าจับ 'หัว'!” รวมถึงนิยายรักฟีลกู้ด อย่าง “สูตรหวานจานรัก”, “ปมรักรอยอดีต” และ “KISS ME AGAIN จูบฉันอีกครั้งถ้ายังรักกัน” เขาไม่ได้หยุดแค่การเขียน แต่ยังลุกขึ้นมาก่อตั้งสำนักพิมพ์ของตัวเอง “AMP A BOOK” เพื่อตีพิมพ์และดูแลผลงานที่อยากทำด้วยตัวเองอย่างอิสระ
สิ่งที่ทำให้ชื่อ “ภาคินัย” ติดอยู่ในใจนักอ่าน ไม่ใช่เพราะเขาเขียนผีได้น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่เพราะฉากฆาตกรรม หรือจังหวะหลอนจนวางไม่ลง แต่เพราะเขาเล่า “ความจริงของความกลัว” ได้จับใจที่สุด เขาไม่ได้พาเราแค่เดินในบ้านผีสิง แต่พาเรา “เผชิญหน้า” กับบางอย่างในใจตัวเอง บางอย่างที่เรากลัว แต่ไม่เคยกล้ายอมรับมัน “ผมไม่ได้อยากให้คนอ่านแค่กลัว… แต่อยากให้เขาจำความรู้สึกนั้นได้” เขาเคยบอกไว้ และถ้าคุณเคยอ่านงานของเขาสักเล่ม คุณจะรู้เลยว่ามันคือเรื่องจริง
18 มีนาคม 2566 ภาคินัยจากไปด้วยวัยเพียง 41 ปี และเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ควรจะเป็นวันที่เขาได้ฉลองวันเกิดอีกครั้ง แต่แม้ตัวเขาจะไม่อยู่ ประตูที่เขาเคยเปิดไว้ด้วยปลายปากกา ยังคงรอให้เราเดินเข้าไป เพื่อเจอกับ “ความกลัว” ที่ไม่ใช่ศัตรู แต่มันคือเงาของบางอย่างในใจเรา ที่ภาคินัยเคยทำให้ทั้งประเทศกล้าหันไปมองมันเต็มตา ในวันนี้ ทีมงานเด็กดีขอรำลึกถึง “ภาคินัย” ด้วยหัวใจที่ยังเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจจากเขาเสมอ เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน… #ภาคินัยโตมากับเด็กดี และจะยังอยู่ในใจของนักอ่านทุกคนเสมอ
รู้หรือไม่?
- ปี 2552 ภาคินัยเริ่มจากนิยายรักคอเมดี้ “ถึงนายจอมซ่าส์แบบว่ารักจัง” บนเว็บเด็กดี! ใครจะคิดว่าเจ้าพ่อนิยายผี… เคยเริ่มจากสายจิ้นมาก่อน
- ปี 2558 “นางชฎา” นิยายสยองขวัญเรื่องแรกของเขา กลายเป็นละครดังที่ทั้งประเทศพูดถึง
- ปี 2566 ผลงานสุดท้ายของเขาคือ “เกาะตุ๊กตาตาย” ที่ยังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายความลึกลับและความกล้าแบบฉบับภาคินัย
ภาคินัยพิสูจน์แล้วว่า… แม้คุณจะเริ่มจาก “คำปฏิเสธ” หรือเดินคนละทางกับกระแสหลัก แต่ถ้าคุณซื่อสัตย์กับสิ่งที่ตัวเองรัก โลกจะหาทางพาคุณไปเจอคนที่รอฟังเรื่องราวเหล่านั้นอยู่ วันนี้ถ้าคุณมีเรื่องที่อยากเล่า อย่ารอให้ใครบอกว่า “มันขายได้” หรือ “มันแมส” เพราะประตูของคุณ อาจแค่รอให้คุณ “กล้าเปิด” เท่านั้น และใครจะรู้... ประตูบานนั้นอาจพาคุณไปสู่โลกอีกใบ ที่เปลี่ยนทั้งชีวิตคุณได้ เหมือนที่ภาคินัยเคยทำไว้
คุณเองก็ทำได้! มาเริ่มต้นเส้นทางนักเขียนของคุณกับเว็บ Dek-D แพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้ปล่อยของอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นนิยายแนวไหน ผลงานของคุณอาจมีนักอ่านรอคอยในอนาคต!
Dek-D พื้นที่สำหรับนักเขียนทุกคน เริ่มต้นเขียนนิยาย และศึกษาการขายได้ง่ายๆ ที่นี่เลย : bit.ly/writer-howto
#เกิดมากับเด็กดี #โตมากับเด็กดี #เป็นนักเขียนเด็กดี #ภาคินัยก็เริ่มจากที่นี่ #เขียนไม่ออกก็แวะมา #DekDWriter
เริ่มเขียนนิยาย
พี่น้ำผึ้ง :)
อ่านบทสัมภาษณ์ของภาคินัย
อ่านนิยายของภาคินัย
- ถึงนายจอมซ่าส์แบบว่ารักจัง
- นางชฎา
- PHUB ถวิล
- บันรากุ...หน้ากากฆาตกรรม
- ฆาตกาล
- อนุบาล...ประถม...มัธยม คนที่อยู่ในใจผมก็คือ ‘พี่’
- สูตรหวานจานรัก
- KISS ME AGAIN จูบฉันอีกครั้งถ้ายังรักกัน
- อื่นๆ
0 ความคิดเห็น