น้องๆ ชาว Dek-D.Com ช่วง 1-2 วันนี้ น้องๆ ลองสังเกตเกี่ยวกับ "การจราจรบนท้องถนนบ้านเรา" ดูนะคะ ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากปกติบ้างมั้ย แต่ถ้าไม่เห็น หรือไม่รู้สึกว่าแปลกแตกต่างจากวันอื่นๆ เลยสักนิด แสดงว่าประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนในบ้านเรา "เชย" มากๆ ที่ไม่ได้ตอบรับกระแสการรณรงค์ในวันสำคัญระดับโลกอย่างวันนี้... นั่นแน่ มีน้องๆ หลายคนแบบสงสัยว่าช่วง 1-2 วันนี้ มีความสำคัญอย่างไรกันนะ... พี่จูนจะเล่าให้ฟังค่ะ

 

     ก่อนอื่น... น้องๆ ทราบมั้ยคะว่า ชาวกรุงเทพฯ ใช้น้ำมันประมาณ 500 ล้านลิตรต่อปี สำหรับรถเก๋ง ลีมูซีน ปิ๊กอัพ และรถบรรทุก ทุกรุ่นและทุกสี เพื่อเดินทางไป-กลับจากบ้านสู่ที่ทำงาน ไปชอปปิ้ง งานปาร์ตี้ และไปเที่ยวในวันหยุด โดยน้ำมันแต่ละลิตรนี้ เพิ่มก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ร้ายแรงสู่บรรยากาศประมาณ 3.15 กิโลกรัมต่อลิตร

     นอกจากนี้ การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน และน้ำมัน จากการใช้ประโยชน์ต่างๆ ยังทำให้ ประเทศไทยครองอันดับ 7 ของเอเชีย ในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศมากที่สุด หรือคิดเป็นรายหัวของประชากรที่ 4.2 ตันต่อคนต่อปี (ข้อมูลจากโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ UNDP) อีกด้วย


ภาพรถติดอย่างสาหัสในกรุงเทพฯ โดย Gemma Longman

     และจากการกระทำดังกล่าว ทำให้คนกรุงเทพฯ ต้องยอมรับความจริงที่ว่า เรากำลังผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเร็วกว่าที่ควรจะเป็น และที่เลวร้ายที่สุดคือนักวิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ว่า กรุงเทพฯ ซึ่งมีประชากรเกือบ 15% จากทั่วประเทศ กำลังเสี่ยงต่อน้ำท่วมใหญ่ในไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า (ทศวรรษคือจำนวนเท่ากับ 10 ปี)

     แต่ก็ไม่ใช่ว่าประเทศไทยเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบทำนองนี้ เพราะทั่วโลกต่างก็ได้รับผลกรรมไม่ต่างกัน จนกระทั่งในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะช่วยกันปกป้องโลก และตอนนั้นเองที่ วันปลอดรถสากล หรือ World Car Free Day ได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2000

     วันปลอดรถสากล หรือ World Car Free Day ตรงกับวันที่ 22 กันยายน ของทุกปี ในวันนี้ องค์กรต่างๆ จากแทบทุกประเทศทั่วโลกจะร่วมกันรณรงค์ให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล หันมาใช้รถขนส่งมวลชน และรถจักรยานเพิ่มขึ้น เพื่อลดปริมาณรถยนต์ในท้องถนน ลดปริมาณมลพิษในอากาศ ลดปัญหาการจราจรติดขัด ลดการเกิดอุบัติเหตุ ประหยัดเวลาในการเดินทาง ลดการใช้พลังงาน และลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

     โดยการรณรงค์ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลนี้เริ่มมีขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1958 ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ค.ศ. 1968 ในเนเธอร์แลนด์ และค.ศ. 1972 ในฝรั่งเศส ตามลำดับ กระทั่งประเทศต่างๆ เริ่มให้ความสำคัญและร่วมกันรณรงค์มาอย่างต่อเนื่อง และในปี ค.ศ. 2005 มีการจัดรณรงค์ชื่อ In town without my car! พร้อมกันใน 1500 เมืองทั่วโลก ซึ่งในครั้งนั้นมีผู้ร่วมกิจกรรมมากกว่า 100 ล้านคน (โอ้โห!)

     อย่างไรก็ตาม พี่จูนคิดว่าการรณรงค์ให้ประหยัดพลังงานและลดการปล่อยมลพิษสู่บรรยากาศนี้ ควรกระทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอจึงจะเห็นผล คนที่ใช้รถใช้ถนนก็ต้องฝึกตนเองให้เป็นนิสัย หันมาใช้รถขนส่งมวลชนหรือรถไฟฟ้ากันให้มากขึ้น แม้จะมีโอกาสเพียงน้อยนิดที่จะทำให้โลกกลับมาเขียวสดใสเหมือนเดิม แต่ก็มั่นใจได้ว่าจะทำให้เรามีอากาศบริสุทธิ์หายใจกันได้อีกนานแน่นอนค่ะ

     แล้วน้องๆ ชาว Dek-D.Com ล่ะค่ะ ร่วมรณรงค์วันปลอดรถสากลด้วยวิธีไหนกันบ้างเอ่ย?


Reference: wikipedia,www.worldcarfree.net, โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
ภาพประกอบจาก http://www.worldcarfree.net/, http://www.bangkokcarfreeday.com/, wikipedia

 

พี่จูน
พี่จูน - Columnist บ.ก.บันเทิง/ไลฟ์สไตล์ ใจดีกว่าหน้าตา รักสัตว์ รักเด็ก อยากเป็นนางเอกและนางงาม

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

18 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Nuddss Member 21 ก.ย. 51 21:21 น. 9
เออ จิง คห.ที่7 แท็กซี่เยอะจิงๆด้วย

แต่เอาน่ารณรงค์ก็ดีกว่าปล่อยเฉย มันต้องมีคนบางคนบ้างล่ะน่า 

ที่ตัดสินใจช่วยโลกในวันนั้น


เรามีวิธีช่วยโลกอีกวิธี คือเลือกสถานที่เรียน ทำงาน ใกล้ๆบ้าน

เหอๆ เราเดินเอาเลย ปลอดภัย ใกล้บ้าน ประหยัดพลังงาน น้ำมัน แล้วก็ ไม่ต้องตื่นเช้า555+
0
กำลังโหลด
น้องแม็กกี้จุงงุงจ้าฮาฮาฮ่าฮิ Member 22 ก.ย. 51 05:07 น. 10
ก็คงต้องรอให้น้ำท่วมก่อนแหละมั้ง 5555+ แล้วถึงจะเปลี่ยนมาแจวเรือกัน เหอะๆ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด