เฟรชชี่ใหม่ต้องเข้าประชุมเชียร์ทุกคนรึเปล่า?

        เฮโล่! เฟรชชี่จ๋า เปิดเทอมแรกไปกี่วันแล้ว เรียนหนักไหม ได้พักผ่อนบ้างหรือเปล่า? เพราะกิจกรรมเยอะเหลือเกิ๊นน  ยังไงก็แบ่งเวลาดีดีน้า นี่เลยวันนี้ พี่จะนำกิจกรรมที่เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอน รับรองว่ากิจกรรมนี้น้องหน้าใหม่ต้องพูดถึงทุกคน กิจกรรมของมหาวิทยาลัย นั่นคือประชุมเชียรจ้า


 

- ประชุมเชียร์คืออะไร?

        การประชุมเชียร์ หรือ “คลาสเชียร์” เป็นกลไกด้านกิจกรรมกลไกแรกที่สำคัญที่สุดในการช่วยหล่อหลอมและกล่อมเกลาให้นิสิตใหม่เกิดความรักและศรัทธาต่อมหาวิทยาลัย นำพานิสิตใหม่มาร่วมทำกิจกรรมบนพื้นฐานของมิตรภาพ โดยปราศจากการแบ่งแยกวิชาและคณะ ช่วยให้นิสิตใหม่มีเจตคติที่ดีในการอยู่ร่วมกันในนามสถาบัน ความรักและความผูกพันจะถูกถ่ายโยงจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้องผ่านกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ เพลงสถาบัน เกมและกีฬา ฯลฯ ก่อนจะเชื่อมโยงไปสู่ “กิกรรมประเพณี” ที่ยึดปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน อันเป็นตำนานเล่าขานความเป็น “รุ่น” อาทิ การเลือกประธานรุ่น กีฬาน้องใหม่ (ลอดซุ้ม - รับน้ององค์การ) คัดเลือกฮีโร่ ดาวมหาวิทยาลัย ถอดไทด์ใส่คัดชู ตามลำดับ ก่อนจะปิดท้ายปลายปีการศึกษาด้วยประเพณี “มอบรุ่น”ซึ่งจะปฏิบัติกันเมื่อรุ่นพี่เดินทางกลับมารับพระราชทานปริญญาบัตร



- ปลูกฝังอะไรกับน้องใหม่บ้าง?


        ปลูกฝังให้นักศึกษาใหม่ได้ทำความรู้จักแ ละรักในรั้วมหาวิทยาลัยที่ตนนั้นกำลังเข้าศึกษาอยู่ ปลูกฝังให้มีจิตสำนึกที่ดี และมีมุมมองที่เป็นแง่บวกกับภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัย รวมทั้งการสร้างความเป็นระเบียบวินัย และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างเพื่อนในคณะ และการสร้างมิตรภาพระหว่างรุ่นพี่ เพื่อน อีกทั้งรุ่นน้องในรุ่นต่อไป




- มีกิจกรรมไรบ้างในประชุมเชียร์?
        กิจกรรมแต่ละมหาลัยอาจจะออกมาในรูปแบบที่ไม่เหมือนกัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นการสอนน้องร้องเพลงมหาวิทยาลัย สอนร้องเพลงเชียร์ สอนร้องเพลงที่ใช้บูม สอนท่าบูมเชียร์ และในบางที่อาจมีการมอบสมุดกระจก นั่นคือสมุดที่สร้างความรู้จักระหว่างพี่และเพื่อนนั่นเอง เป็นการมอบหมายให้น้องได้ติดตามรู้จักรุ่นพี่และเพื่อนทุกคน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี และเป็นการกระตุ้นให้ทุกคนใกล้ชิด มีมิตรที่ดีต่อกันละจ้า

- ระบบ SOTUS คืออะไร?
        ระบบ SOTUS ที่น้องๆเห็นอาจจะมองว่าเป็นการว้าก รุนแรง บีฟ กดดัน อะไรสารพัดไปหมด แต่จริงแล้วระบบ SOTUS ถือเป็นระบบที่สร้างความสามัคคีและระเบียบวินัย โดยที่ไม่จำเป็นต้องเน้นไปที่การใช้ความรุนแรง หรือกิจกรรมที่สร้างอันตรายให้เกิดขึ้นกับตัวรุ่นน้อง เพียงแค่นำมาประยุกต์ให้สอดคล้องให้เหมาะสม เท่านี้เราก็ยังจะมีระบบรับน้องที่ดี และปัญหาที่เกิดจากการรับน้องก็จะได้หมดไป

สำหรับคำว่า SOTUS มาจากตัวอักษร 5 คำ ในภาษาอังกฤษประกอบด้วย

        S = Seniority       หรือ อาวุโส หมายถึง ความเกรงใจเคารพในสิทธิซึ่งกันและกัน 
        O = Order           หรือ ระเบียบวินัย สิ่งนี้จำเป็นมากในชีวิตที่ต้องอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มในสังคม 
        T = Tradition       หรือ ประเพณี เป็นสิ่งที่เห็นว่าดี ถูกต้องและประพฤติปฏิบัติสืบต่อกันมา 
        U = Unity             หรือ ความสามัคคี คือความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน 
        S = Spirit             หรือ น้ำใจ หมายถึง การมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ เกื้อกูล ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน


 SOTUS มาจากไหน?
        ระบบ SOTUS ซึ่งเกิดขึ้นจากระบบอาวุโสในโรงเรียนกินนอนของอังกฤษ (Public School) ทั้งสถาบันของพลเรือนอย่าง Oxford และ Cambridge และโรงเรียนนายร้อย Sand Hurst ที่ฝึกคนไปปกครองอาณานิคม ประมาณปี 1850 โรงเรียนทหารของสหรัฐจึงนำไปพัฒนาเป็นระบบโซตัส ที่เข้มข้นขึ้น เพื่อใช้ฝึกให้นักเรียนนายร้อยเหล่านี้ มีความสามัคคี เข้มแข็ง โอ้โหมีตำนานประวัติด้วย ดูหนักแน่น  เข้มแข็ง ขลัง และขรึมกันเลยทีเดียวจ้า

- ทำไมสต๊าฟประชุมเชียร์ต้องดุ?

        ถ้าถามว่าทำไมพวกสต๊าฟต้องดุ ขรึม หรือทำให้บรรยากาศเป็นมาคุด้วยนั้น เมื่อก่อนพี่เป็นเฟรชชี่พี่ก็สงสัยเช่นกันคะ อาจเป็นเพราะว่าเหล่าสต๊าฟนั้นต้องจริงจังกับกิจกรรม และสร้างความเกรงขามต่อน้องเฟรชชี่ที่นั่งอยู่ตรงหน้า เพื่อให้น้องเชื่อฟัง และนับถือ รวมถังศรัทธาหรือรักในการที่ได้เข้ามาศึกษาในรั้วสถาบันของเรา ซึ่งพี่สต๊าฟตัวจริงอาจไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ เขาต้องทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายนั่นเองคะ หากการประชุมเชียร์สต๊าฟต่างสนุกสนานเฮฮาหยอกล้อกัน การประชุมเชียร์นั้นอาจจะไม่บรรลุจุดประสงค์ และอาจทำให้การประชุมเชียร์เป็นกิจกรรมที่น้องนั้นมองได้ว่าไม่น่าสนใจไม่สำคัญและไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมก็เป็นได้

- จำเป็นต้องเข้าร่วมกิจกรรมไหม?

     เมื่อถามว่าแล้วต้องเข้าร่วมไหมอะ? ไม่ไปได้หรือเปล่า? ความจริงกิจกรรมนี้ไม่ได้ถือว่าบังคับ ถ้าไม่ไปจะโดนไล่ออก ไม่ได้โหดขนาดนั้นคะ แต่เป็นการขอความร่วมมือ มันอาจจะไม่จำเป็นสำหรับความคิดบางคน แต่มันถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญกิจกรรมหนึ่งในการใช้ชีวิตเป็นเฟรชชี่ในรั้วมหาลัยเลยนะคะ น้องๆลองนึกกันดูว่าเราจะได้เป็นเฟรชชี่กันสักกี่ครั้งเชียว ทุกคนย่อมมีชีวิตเป็นเฟรชชี่แค่ครั้งเดียวเท่านั้นละคะ เพราะกิจกรรมประชุมเชียร์นั้นพี่ๆ และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนต่างตั้งใจและเต็มที่ เพื่อน้องๆที่เข้ามาใหม่ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ไปได้อย่างไรละ ^^


สุดท้ายนี้พี่อยากจะให้น้องมาชมกับบูมมหาวิทยาลัยที่น่าชื่นชมกับความสวยงามและความพร้อมเพรียงของการบูม มาดูกันเร้วว!! *0*



บูมเชียร์จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง


        เอาละน้องๆ หายสงสัยยังเอ่ย? พี่ว่าหลายคำถามข้างบนนี้ น้องๆคงต้องเคยสงสัย หรือพูดถึงกันบ้างละ หวังว่าน้องๆจะสนุกกับกิจกรรมนี้ และได้เข้าร่วมทุกคนนะคะ สำหรับใครได้เข้าร่วมมาแล้วมาแชร์ให้พี่รู้หน่อยว่าเป็นอย่างไร แล้วรู้สึกยังไงกันบ้าง ว่าแล้วอย่ารีรอรีบแชร์เลยจ้า 

ภาพและข้อมูลประกอบ
mfuzone.com, kucitypic.kasetsart.org,
pirun.kps.ku.ac.th,
thaihealth.or.th,
sa.msu.ac.th,
idee.exteen.com

พี่ป๊อย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

The Change 1 ก.ค. 55 21:28 น. 12
เอาจริงๆนะ ผมไม่เห็นประโยชน์หรือความสำคัญอะไรของมันเลยสักนิด สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น เสียเวลาโดยใช่เหตุ ผมว่าน่าอายนะสำหรับใครที่กล้าพูดว่าใช้ไอระบบ โซตุ๊ดเซอุ๊ดตั๊ด ไรนี่ได้เต็มปาก ของเราก็ไม่ใช่ ไปเรียนแบบเค้ามา เอามาเป็นตุเป็นตะ พวกเข้าร่วมก็พวกหัวอ่อน งงๆงวยๆ เข้าไปนั่งให้เค้าด่า นั่งขำอยู่นอกกิจกรรม เคยหลวมตัวเข้าร่วมไป 2 ครั้ง สิ่งที่พบมีแต่ เอะอะ โวยวาย เสียงดังโดยใช่เหตุ คนไม่มาก็ด่าคนที่มา ครั้งต่อไปคนที่โดนด่าก็ไม่มา พี่แกก็ด่าคนที่เหลือ 55+ แล้วยังขอให้ครั้งต่อไปมามากขึ้นด้วยนะ - -* สมอง... มันคงมากันมากขึ้นละนะ คุมคนยังไม่เป็นเลย
อุปทานหมู่ สร้างความสำคัญให้ตัวเอง พวกรุ่นพี่ปัญญาอ่อน บางคนโตกว่าตั้ง 2-3 ปี แต่ดูให้ดีมันไม่มีความเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย ใครเค้าอยากจะไปยกมือไว้ ?? พวกแก่กว่าหรือเข้าก่อนแค่ปีถึงสองปีไม่ต้องพูดถึง.. เด็กน้อย - -*
บางคนว่าเข้าร่วมแล้วจะรักกัน สามัคคีกัน รักรุ่นพี่มากขึ้น ผมบอกให้นะ พอเพื่อนมันไม่มา ไอเพื่อนที่มันมามันก็เริ่มบอยคอดละ ไอคนที่เค้ามีความคิดเป็นของตัวเองก็เริ่มโดนเพื่อนๆแบนด์ 55+ รักกันมากขึ้นนน ก่อนเข้ากิจกรรม ผมไม่เคยอัคติพี่คนไหนนะ นี่หลังจากเข้าร่วมกิจกรรมผมหมายหัวไว้ละ ไม่ต่ำกว่า 3-4 ตัว 55+ รักกันมากขึ้นนนน
ทำเป็นมีระเบียบวินัย... หนีทหารกันมาทั้งนั้น~
สุดท้ายนี้อยากบอก....
พอเถอะครับ ไออะไรที่มันไม่สร้างสรรค์ก็ยอมรับซะเถอะ ลบๆมันไปซะ ทำใหม่ คิดใหม่ ที่มันดีกว่า อย่ามาพูด "สืบทอดต่อกันมาๆ" คนพูดดูดีนะ^^" แต่คนฟังๆแล้วอนาจ- -* พยายามกันจังสืบทอดไอประเพณีสุดเก่าแก่ที่น่าชื่นชมนี่มาเนี่ย - -* นับถือๆ ไม่นานก็หายไปครับ ไอโซตุ๊ดเนี่ย คนรุ่นใหม่ความอิสระทางความคิดและความสร้างสรรค์มันเยอะขึ้นครับ อีกเดี๋ยวใครเคยผ่านไอระบบนี่มาจะอุบปากเงียบไม่กล้าพูด กลัวคนเค้ารู้ว่าหัวอ่อน โดนเค้าบีบบังคับมา หะหะหะ

ฝากไว้นะครับสำหรับน้องๆปีหนึ่งรุ่นใหม่
คุณก้าวเข้าสู่รั้วมหาลัยได้ด้วยตัวคุณเองก็ถือว่าเจ๋งแล้วครับ ใช้ชีวิตให้สุดเหวี่ยงไปเลย อยากจะหล่อแบบไหนก็หล่อไป อยากจะสไตล์ไหนก็จัด ใครมามีปัญหาก็เอาเล่มระเบียบมหาลัยเฟี้ยงหน้ามันแล้วถามมันว่าผิดตรงไหน?? หาเพื่อนให้มันเยอะๆครับ หาแกงค์ของคุณให้ได้แล้วอยู่อย่างพึ่งพาอาศัยกัน ส่วนรุ่นพี่ก็เลือกเคารพเลือกรู้จักแต่คนที่เค้ามีคุณภาพจริงอย่างเห็นได้ชัด ไอป้ายช่งป้ายชื่อกิ๊กก๊อกนั่นถ้าคิดว่าใส่แล้วมันดูดีก็ใส่ไปตามสบาย
เวลา ทุกคนมีเท่ากันครับ อยู่ที่ว่าจะใช้ยังไง อย่าไปเสียให้กับอะไร... ที่มันบ้าบอ
0
กำลังโหลด
ทวนกระแส 1 ก.ค. 55 00:57 น. 7
ว่าทำไมประเทศไทยถึงเป็นประเทศที่มีความเป็นเผด็จการสูง ก็ขนาดสถาบันการศึกษายังใช้ระบบการควบคุมดูแลคนในสังกัดของตนเหมือนค่ายทหารกันอย่างนี้ ถึงแหมคุณจะบอกว่าเอาวิธีเหล่านี้มาประยุกค์ใช้เท่านั้นเอง แต่ดูกันตามความจริงเถอะว่าเป็นยังไง คนที่ผ่านระบบรับน้องมาอย่างนี้ ถ้าไม่ชอบ ก็คือเกลียดเลย แต่ถ้าชอบล่ะก็ จะกลายเป็นคนที่เผด็จการอยู่ในตัวไม่มากก็น้อย และพร้อมที่จะทำอย่างเดียวกันกับรุ่นพี่ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ไม่ว่าจะสะใจที่ทำกับรุ่นน้องเช่นกับที่รุ่นพี่เคยทำกับตัวเอง หรือเพียงเพราะทำตามหน้าที่ ที่บอกอย่างนี้ก็เพราะว่า ระบบนี้ลึกๆจริงแล้ว มันทำให้คนกลายเป็นผู้เสพติดอำนาจ และมื่อถึงขนาดเสพติดอำนาจแล้ว ก็จะกลายเป็นพวกอำนาจนิยม หรือเผด็จการนี่เอง
การที่คนเขียนบทความโดยยกเหตุผลว่า ขนาดสถาบันดังๆในต่างประเทศยังใช้ระบบนี้กันเลย(SOTUS) ผมคิดว่า คนเขียนคงจะลืมบอกไปว่าระบบอย่างนี้ เขาเลิกไปตั้งเกือบ30-40 ปีแล้ว ตอนนี้ประเทศที่เขาพัฒนาแล้ว เขาไม่มีระบบที่ว่านี้กันหรอกครับ
สุดท้ายนะครับ ความจริงระบบที่เรารับมาจริงนั้นไม่ได้มาจากอังกฤษนะครับ แต่มาจากมหาวิทยาลัยในฟิลิปินส์ต่างหาก และถ้าหากคุณเป็นคนสนใจประวัติศาสตร์ของระบบSOTUS นี้นิดนึง คุณจะพบว่า ฟิลิปินส์ในขณะนั้นตกเป็นเมืองอาณานิคมของอเมริกา อเมริกาก็ได้ทำการช้วยเหลือ พูดง่ายๆคือมาสร้างโรงเรียน มหาลัย อะไรต่างๆให้ และการที่จะสามารถควบคุมประชาชนในประเทศอาณานิคมของตัวเองได้นั้น เลยต้องเอาระบบเหล่านี้เข้ามาใช้ในระบบการศึกษา เห็นแล้วใช่ไหมครับว่าระบบเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้คนกลายเป็นดังคล้ายทหารในค่ายเท่านั้น แต่ยังทำให้คนขาดอิสระในการคิดต่างๆ พูดง่ายๆ คือ ระบบนี้มันเป็นการสร้างทาสทางความคิดกันเป็นทอดๆ จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้องกันไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด มันจะทำให้เรากลายเป็นคนที่คิดอะไรไม่เป็น หนำซ้ำ ยังถูกล้างสมอง คิดว่ามันดีอีก เหอออออออ สงสารคนไทยจัง ประเทศอื่นเขาไม่มีกันแล้ว แต่เรายังมีอีก ออ Thailand Only......
0
กำลังโหลด
jade Member 29 มิ.ย. 55 23:00 น. 1
วันนี้ห้องเชียร์อักษรจุฬาเพิ่งปิดไปค่ะ กีฬาน้องใหม่ก็เพิ่งปิดไปเมื่อวาน

พี่ๆ น้องๆ ร้องไห้กันจนเรายังงงเลย (และร้องตามด้วย 5555+)

คณะเราเป็นคณะที่พี่เชียร์น่ารักมาก ไม่มีว๊าก ไม่บังคับเข้า ให้เข้าตามความสมัครใจ เล่นเอาเราที่กลัวห้องเชียร์มากต้องงงอีกรอบ

แต่พี่ๆ เขาตั้งใจฝึกพวกเราร้องเพลงจริงๆ จบส่วนพิธีการก็เป็นสันทนาการสนุกสนาน ฝ่ายสวัสดิการก็จัดขนมน้ำมาบริการดีมากๆ จบห้องเชียร์แล้วส่วนใหญ่ร้องเพลงมหาวิทยาลัยที่มีมากมหาศาลกันได้ทุกคน

ห้องเชียร์และกีฬาน้องใหม่จบไปพร้อมชัยชนะที่ได้มาพร้อมความรู้สึกดีๆ เชื่อว่าไม่มีใครที่รู้สึกโกรธหรือเบื่อรุ่นพี่ เพื่อนทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ห้องเชียร์อักษรดีจังเลยที่ไม่มีการบังคับเข้า เพราะเพื่อนหลายคนก็ซ้อมกีฬา กลับเย็นไม่ได้ ติดธุระบ้างอะไรบ้าง พี่ๆ ก็เข้าใจแล้วก็ยังใจดี คอยช่วยเหลือ คอยดูแลการเตรียมงานกีฬาน้องใหม่ตลอด ไม่ปล่อยพวกเราทำกันเอง

ทุกคนพูดว่าห้องเชียร์แบบนี้ทำให้เรารักกันและสามัคคี เต็มใจมาเข้ามากกว่าห้องเชียร์โหด รู้สึกสบายใจ มีความสุขมากๆ ไม่กลัวรุ่นพี่เลย เพราะเรารู้สึกได้ว่า รุ่นพี่ทำเพื่อให้พวกเราร้องเพลงได้ ให้พวกเราได้รู้จักเพื่อนๆ จริงๆ ไม่ได้กดดันให้พวกเราต้องชนะรางวัลในกีฬาน้องใหม่ให้ได้





แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 29 มิถุนายน 2555 / 23:07
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 29 มิถุนายน 2555 / 23:10
0
กำลังโหลด
kkkk 3 ก.ค. 55 15:50 น. 23
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุกวันนี้เด็กๆถึงมีพฤติกรรมการแบบนี้ ไม่มีสัมมาคาระวะ ไม่มีการเคารพกันตามรุ่นอายุ ไม่มีเด็ก ไม่มีผู้ใหญ่ ถือเสมอกันหมด ตัวเองถูกที่สุด ฉันเ่ก่งกว่าใครๆ ถ้าไม่เห็นด้วยก็ด่า ด่าได้แม้กระทั้งคุณครูผู้ให้ความรู้ตัวเอง เหยียบหัวไปหมดเพื่อให้ตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง หรือแม้แต่ครูที่เคยสอนตัวเองมา

ถ้าพูดถึงระบบ SOTUS ก็พึี่งทราบเหมือนกันตอนที่ลูกสาวเข้าเป็นนักศึกษาใหม่ ม.ขอนแก่น เค้าก็เข้าร่วมกิจกรรม ทั้งเชียร์ ทั้งกีฬาน้องใหม่ ก็เหนื่อยหนักมากเหมือนกัน กว่าจะได้หลับได้นอนก็ดึกมาก จบกิจกรรมก็สอบมิดเทอมกันพอดี ไม่มีเวลาได้อ่านหนังสือกันล่ะ แต่พี่ๆก็ช่วยติว ช่วยหาหนังสือมาให้อ่าน เค้าก็ีมีสามัคคี รักใคร่กันดีกับเพื่อนๆ พี่ๆ รู้จักเคารพกันตามฐานะ ไม่ปีนเกลียวกัน ส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากครอบครัวด้วยต้องสอนให้มีความเคารพผู้ใหญ่กว่า ให้รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงจุดไหน อยู่ในฐานะอะไร ไม่ใช่ตีเสมอเค้าไปหมด

ว่าตอนเป็นน้องใหม่หนักมากแล้ว มาเป็นพี่ต้องคุมน้องนี่หนักมากกว่า น้องๆเค้าคงไม่รู้หรอกว่ารุ่นพี่เค้าต้องเตรียมตัว กันนานแค่ไหน ถ้าน้องไม่มา มาน้อย พี่ก็ต้องโดนพี่ที่ใหญ่กว่าตำหนิอีก ต้องประชุมกันดึกๆ ตี 3 ตี 4 เพื่อปรับแผนใหม่หาวิธีตามน้องมาให้ได้เยอะ ต้องเสียตังอีกเยอะโทรตามน้องๆให้มาร่วมกิจกรรม ได้นอนก็นิดเดียว เพราะต้องเรียนเ้ช้า ไม่ก็ไม่ได้นอนเลยไปนั่งหลับกันตอนเรียน ทุกคนทุ่มเทเพื่องานนี้ ทุกคนเหนื่อย ทุกคนท้อ เพื่ออะไรทุกคนรู้ดี

อย่ามั่วเถียงกันเลยว่าดีไม่ดี ดูที่วัตถุประสงค์เค้าดีกว่าไหม เราเอามาประยุกต์ใช้กับตัวเราได้หรือเปล่า
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

63 ความคิดเห็น

jade Member 29 มิ.ย. 55 23:00 น. 1
วันนี้ห้องเชียร์อักษรจุฬาเพิ่งปิดไปค่ะ กีฬาน้องใหม่ก็เพิ่งปิดไปเมื่อวาน

พี่ๆ น้องๆ ร้องไห้กันจนเรายังงงเลย (และร้องตามด้วย 5555+)

คณะเราเป็นคณะที่พี่เชียร์น่ารักมาก ไม่มีว๊าก ไม่บังคับเข้า ให้เข้าตามความสมัครใจ เล่นเอาเราที่กลัวห้องเชียร์มากต้องงงอีกรอบ

แต่พี่ๆ เขาตั้งใจฝึกพวกเราร้องเพลงจริงๆ จบส่วนพิธีการก็เป็นสันทนาการสนุกสนาน ฝ่ายสวัสดิการก็จัดขนมน้ำมาบริการดีมากๆ จบห้องเชียร์แล้วส่วนใหญ่ร้องเพลงมหาวิทยาลัยที่มีมากมหาศาลกันได้ทุกคน

ห้องเชียร์และกีฬาน้องใหม่จบไปพร้อมชัยชนะที่ได้มาพร้อมความรู้สึกดีๆ เชื่อว่าไม่มีใครที่รู้สึกโกรธหรือเบื่อรุ่นพี่ เพื่อนทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ห้องเชียร์อักษรดีจังเลยที่ไม่มีการบังคับเข้า เพราะเพื่อนหลายคนก็ซ้อมกีฬา กลับเย็นไม่ได้ ติดธุระบ้างอะไรบ้าง พี่ๆ ก็เข้าใจแล้วก็ยังใจดี คอยช่วยเหลือ คอยดูแลการเตรียมงานกีฬาน้องใหม่ตลอด ไม่ปล่อยพวกเราทำกันเอง

ทุกคนพูดว่าห้องเชียร์แบบนี้ทำให้เรารักกันและสามัคคี เต็มใจมาเข้ามากกว่าห้องเชียร์โหด รู้สึกสบายใจ มีความสุขมากๆ ไม่กลัวรุ่นพี่เลย เพราะเรารู้สึกได้ว่า รุ่นพี่ทำเพื่อให้พวกเราร้องเพลงได้ ให้พวกเราได้รู้จักเพื่อนๆ จริงๆ ไม่ได้กดดันให้พวกเราต้องชนะรางวัลในกีฬาน้องใหม่ให้ได้





แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 29 มิถุนายน 2555 / 23:07
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 29 มิถุนายน 2555 / 23:10
0
กำลังโหลด
ซ่อนนาม Member 30 มิ.ย. 55 12:24 น. 2
เรื่อง"ต้อง"รู้

- ห้องเชียร์และว๊าก จะเข้าหรือไม่เข้าก็ได้ คนที่ตัดสินใจคือตัวเราเอง

หากไม่อยากเข้าก็ไม่เข้า แต่ถ้าเข้าไปแล้วการมาบ่นทีหลังก็ใช่เรื่อง
เพราะมันไม่ได้"ต้อง"เข้า และแม้เพื่อนหรือรุ่นพี่จะตื้อให้เข้าก็ไม่จำเป็นต้องทำตาม
หากไม่สะดวก หรือไม่เห็นความจำเป็นต้องเข้า หลังจบห้องเชียร์แล้วก็ไม่มีใครเขม่นหรอก
ซึ่งเรื่องนี้พวกที่ซิ่วมาจะรู้ดีว่าควรทำยังไง พวกที่เข้าก็เข้าแบบไม่บ่นอะไร ถ้าไม่เข้าก็ไม่เข้าเลย
โดยสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนที่เข้าแตกต่างจากพวกที่ไม่เข้าคือ จะสนิทเพื่อนร่วมคณะได้เยอะกว่า
เพราะห้องเชียร์จะมีระบบทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมคณะ หากไม่เข้าจะเสียโอกาสตรงนี้ไป

- ห้องเชียร์และการว๊าก ต้องไม่ทำผิดกฏหมาย

มันเป็นกฎเลยทีเดียว การว๊ากที่แตะต้องอีกฝ่าย ทำร้ายร่างกาย (สังเกตดู แค่ตะคอกแต่ไม่แตะ)
หรือบังคับให้ทำสิ่งที่ให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพและชีวิต (...จริง ๆ เพราะบางครั้งแค่ขู่เฉย ๆ)
คือสิ่งที่ผิดกฏหมายอยางแน่นอน
เช่นนั้นแปลได้ว่ารุ่นพี่ไม่ได้ห่วงเราจริง และทำไปด้วยความสนุก
หากเป็นเช่นนั้นไม่ต้องเข้า และสามารถฟ้องตำรวจให้มาจับได้
0
กำลังโหลด
zin 30 มิ.ย. 55 14:27 น. 3
กิจกรรมรับน้องทำให้น้องสนิทกับพี่เพื่อนๆมากขึ้น สันทนาการสนุกสนานมาก พี่ๆดูแลพวกเราดีค่ะ แต่มีความรู้สึกอย่างนึงที่ขออนุญาตแชร์ค่ะ 
การว๊าก โดยใช้คำพูดตะคอก หรือ มีการกล่าวด้วยถ้อยคำที่ทำร้ายความรู้สึกกัน
ถ้าเกิดขึ้นแค่ครั้ง2ครั้งจะไม่คิดมากเลยค่ะเพราะเป็นประเพณีที่อยากให้ทุกคนรักกันและเสียสละเพื่อส่วนรวม ซึ่งควรจะอยู่ในหลักของ เหตุผล และ ตรรกะ ไม่ใช่นึกอยากว่าอะไรก็โพล่งออกมา แต่เกิดขึ้นทุกครั้งที่มีการเข้าร่วมกิจกรรม เราเข้ามาด้วยใจที่อยากร่วมจริงๆ แต่กลับถูกตะคอกถูกว่าอยู่ตลอด มันทำให้ถอดใจค่ะ คิดว่าคงไม่มีใครที่อยากทนถูกว่าถูกตะคอกใส่ได้ตลอดไป...มีสิทธิ์ที่จะไม่เข้าเชียร์ ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เพราะบางคนบ้านอยู่ไกลกว่าจะกลับก็มืดค่ำ บางคนต้องซ้อมกีฬา และด้วยเหตุผลอะไรก็ตามมันสามารถยืดหยุ่นกันได้ แต่พี่บางคนจะใช้คำพูดว่ากระทบค่ะ ไม่มีเพื่อนเหรอ เพื่อนไม่เอา ไม่เอาพี่ ไม่อยากได้พี่ดูแลใช่มั้ย และจะมีคำพูดนี้เสมอเลยคือ เห็นแก่ตัว ฟังดูแล้วเรากลายเป็นคนผิด คนไม่ดีไปเลย บอกตรงๆค่ะ ไม่โกรธแต่เสียใจ แค่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ ผิดมากขนาดนี้เลยเหรอ

หลายคนอาจมองว่าเราคิดมากเกินไป หรือมองในแง่ร้ายเกินไป ก็ขอโทษด้วยนะคะ เราแค่อยากแชร์ความรู้สึกจริงๆ ไม่ได้มีจุดประสงค์จะต่อว่าใครค่ะ
0
กำลังโหลด
MedusaRT Member 30 มิ.ย. 55 14:49 น. 4

ไปก็ดีได้เป็นประสบการณ์  ไม่ไปก็ไม่ได้เสียหายอะไร 

ว่างๆไปดู
eqlที่cleanroom ตื่นเต้นมากๆๆๆๆ 
0
กำลังโหลด
ซ่อนนาม Member 30 มิ.ย. 55 16:05 น. 5
#3
ก็ไม่ต้องสนสิ
ถ้าคิดว่าตัวเองถูกก็ทำไปอย่าได้แคร์เสียงนกเสียงกา
ความจริงเห็นว่าดึกจะขอกลับก่อนก็ไม่มีใครว่า
หากเป็นโรคหัวใจขอไม่เข้าร่วมก็ไม่มีใครตำหนิ

ที่ยังเข้าร่วมทั้งที่มีเหตุจำเป็นเพราะตัวท่านเองไม่นักแน่นพอที่จะเลือกหนทางที่ถูกต้องเอง

ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องปรกติ
ตัวอย่างเช่นรู้ว่ากลัวเลือด แต่พ่อแม่บังคับให้เข้าหมอก็ยังเข้า
จนต้องซิ่วออกไป หลังจากที่เรียนได้ไปสามสี่ปี
ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะไม่หนักแน่นในจุดยืนของตัวเองนี่เอง

โดยจุดนี้นี่แหละที่ทำให้"ยอดคน" แตกต่างจาก"สามัญชน"ทั่วไป
เพราะสามัญชน มัวแต่ทำตามกระแส ให้คนอื่นชักจูงตัวเองไป
พอไม่ชอบก็มาบ่น แต่ก็ยังเลือกที่จะทนทำเช่นนั้นต่อไป
ทว่ายอดคน หากคิดว่าตัวเองถูก แม้จะเป็นคนเดียวที่เลือกทำ แม้จะสวนทางกับสังคมก็ยังทำ
(แต่ยอดคนไม่ใช่พวกต่อต้านสังคมนะ เพราะพวกต่อต้านสังคมคือคนที่ตามกระแสเหมือนกัน
เพียงแต่ว่า เลือกทำตามกระแสในทางตรงกันข้ามก็เท่านั้น พูดง่าย ๆ ยังอิงกระแสอยู่
แต่ยอดคนจะไม่ดูที่กระแส หากดูที่ความถูกต้องในการกระทำนั้น)


และแน่นอน สามัญชน พบเห็นได้ทั่วไป แต่ยอดคน ช่างหาได้น้อยยิ่งนัก
ดังนั้นการที่ไม่ชอบแต่ยังเข้าแล้วมาบ่น แปลว่าท่านยังเป็นแค่สามัญชนผู้หนึ่งเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ ก็ก้มหน้ารับกรรมแล้วทำสิ่งที่ไม่ชอบต่อแล้วบ่นไปเรื่อย ๆ เถอะ
เพราะยังไงท่านก็ไม่มีวันหลีกหนีความอยุติธรรมที่ท่านต้องเผชิญได้อยู่แล้ว
0
กำลังโหลด
battle_master Member 30 มิ.ย. 55 18:37 น. 6
ต้องเข้าครับ จำเป็นมากครับ เรียนไม่จบนะครับถ้าไม่ได้เข้าอ่ะฮ่าๆๆๆ

ป.ล.ผมไม่ได้เข้าครับ ตอนนี้ปีสามละแต่ขู่น้องว่าถ้าไม่เข้าจะไม่ผ่านกิจกรรมเรียนไม่จบนะเออ ฮ่าๆๆ
0
กำลังโหลด
ทวนกระแส 1 ก.ค. 55 00:57 น. 7
ว่าทำไมประเทศไทยถึงเป็นประเทศที่มีความเป็นเผด็จการสูง ก็ขนาดสถาบันการศึกษายังใช้ระบบการควบคุมดูแลคนในสังกัดของตนเหมือนค่ายทหารกันอย่างนี้ ถึงแหมคุณจะบอกว่าเอาวิธีเหล่านี้มาประยุกค์ใช้เท่านั้นเอง แต่ดูกันตามความจริงเถอะว่าเป็นยังไง คนที่ผ่านระบบรับน้องมาอย่างนี้ ถ้าไม่ชอบ ก็คือเกลียดเลย แต่ถ้าชอบล่ะก็ จะกลายเป็นคนที่เผด็จการอยู่ในตัวไม่มากก็น้อย และพร้อมที่จะทำอย่างเดียวกันกับรุ่นพี่ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ไม่ว่าจะสะใจที่ทำกับรุ่นน้องเช่นกับที่รุ่นพี่เคยทำกับตัวเอง หรือเพียงเพราะทำตามหน้าที่ ที่บอกอย่างนี้ก็เพราะว่า ระบบนี้ลึกๆจริงแล้ว มันทำให้คนกลายเป็นผู้เสพติดอำนาจ และมื่อถึงขนาดเสพติดอำนาจแล้ว ก็จะกลายเป็นพวกอำนาจนิยม หรือเผด็จการนี่เอง
การที่คนเขียนบทความโดยยกเหตุผลว่า ขนาดสถาบันดังๆในต่างประเทศยังใช้ระบบนี้กันเลย(SOTUS) ผมคิดว่า คนเขียนคงจะลืมบอกไปว่าระบบอย่างนี้ เขาเลิกไปตั้งเกือบ30-40 ปีแล้ว ตอนนี้ประเทศที่เขาพัฒนาแล้ว เขาไม่มีระบบที่ว่านี้กันหรอกครับ
สุดท้ายนะครับ ความจริงระบบที่เรารับมาจริงนั้นไม่ได้มาจากอังกฤษนะครับ แต่มาจากมหาวิทยาลัยในฟิลิปินส์ต่างหาก และถ้าหากคุณเป็นคนสนใจประวัติศาสตร์ของระบบSOTUS นี้นิดนึง คุณจะพบว่า ฟิลิปินส์ในขณะนั้นตกเป็นเมืองอาณานิคมของอเมริกา อเมริกาก็ได้ทำการช้วยเหลือ พูดง่ายๆคือมาสร้างโรงเรียน มหาลัย อะไรต่างๆให้ และการที่จะสามารถควบคุมประชาชนในประเทศอาณานิคมของตัวเองได้นั้น เลยต้องเอาระบบเหล่านี้เข้ามาใช้ในระบบการศึกษา เห็นแล้วใช่ไหมครับว่าระบบเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้คนกลายเป็นดังคล้ายทหารในค่ายเท่านั้น แต่ยังทำให้คนขาดอิสระในการคิดต่างๆ พูดง่ายๆ คือ ระบบนี้มันเป็นการสร้างทาสทางความคิดกันเป็นทอดๆ จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้องกันไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด มันจะทำให้เรากลายเป็นคนที่คิดอะไรไม่เป็น หนำซ้ำ ยังถูกล้างสมอง คิดว่ามันดีอีก เหอออออออ สงสารคนไทยจัง ประเทศอื่นเขาไม่มีกันแล้ว แต่เรายังมีอีก ออ Thailand Only......
0
กำลังโหลด
คิดต่าง 1 ก.ค. 55 01:43 น. 8
ว่าแล้วทำไม สมัยนี้เด็กๆมักจะมีปัญหานานา คงเพราะความอดทนต่ำ หลายๆข่าว หลายๆเหตุการณแสดงให้เห็นว่า เด็กสมัยนี้ ไร้ซึ่งความอดทน โน้นก็ไม่ได้ นี้ก็ไม่ทำ ทำไมไม่พูดดีๆ แต่พอพูดดีด้วยก็เล่นหัว ไม่รู้จักกาละเทศ คิดจะทำอะไรตามใจ ขาดความยับยั้งชั่งใจ คิดผิดคิดไหมได้นะ ว่าที่ประเทศไทยยังไม่เจริญเนี่ย มันเพราะอะไร คิดต่างไม่ผิดหรอกนะ เพราะต่างคนค่างที่มา นานาจิตตัง
0
กำลังโหลด
Pluem Gusso Member 1 ก.ค. 55 10:07 น. 9
ระบบsotus ไม่ได้ทำให้คนเผด็จการ
เป็นระบบที่สอนให้รู้จักความเคารพ ความอดทน ความเปนรุ่นได้ดีที่สุด

ไปชอบ ไม่รู้จริงอย่างว่าระบบเลย มันอยู่ที่ตัวบุคคล

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
OPRITE Member 1 ก.ค. 55 17:44 น. 11
ห้องเชียเป็นกระบวนการขัดเกลาทางสังคมรูปแบบหนึ่งนะครับ เพราะน้องๆที่เข้ามาใหม่ต่างก็มาจากต่างที่ต่างถิ่นการที่จะให้เขารวมเป็นหนึ่งเดียวกัน รักกันได้ รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากถ้าจะให้เขาทำด้วยตัวเอง การมีปฏิสัมพันธ์กับพี่ๆ หรือการมาร่วมห้องเชียร์เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของคณะนี้ เขาอยู่ในคณะนี้ สถาบันนี้ น้องๆก็จะมีความรักคณะ รักเพื่อน รักพี่ๆกันมากขึ้น เพราะเขามีความรู้สึกร่วมไปในคณะนี้ และเมื่อเขามีความรักคณะรักเพื่อนรักพี่กันมากขึ้นแล้ววว กิจกรรมทุกกิจกรรมที่มีน้องๆเขาก็จะทำออกมาได้อย่างดีไปด้วยครับ
0
กำลังโหลด
The Change 1 ก.ค. 55 21:28 น. 12
เอาจริงๆนะ ผมไม่เห็นประโยชน์หรือความสำคัญอะไรของมันเลยสักนิด สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น เสียเวลาโดยใช่เหตุ ผมว่าน่าอายนะสำหรับใครที่กล้าพูดว่าใช้ไอระบบ โซตุ๊ดเซอุ๊ดตั๊ด ไรนี่ได้เต็มปาก ของเราก็ไม่ใช่ ไปเรียนแบบเค้ามา เอามาเป็นตุเป็นตะ พวกเข้าร่วมก็พวกหัวอ่อน งงๆงวยๆ เข้าไปนั่งให้เค้าด่า นั่งขำอยู่นอกกิจกรรม เคยหลวมตัวเข้าร่วมไป 2 ครั้ง สิ่งที่พบมีแต่ เอะอะ โวยวาย เสียงดังโดยใช่เหตุ คนไม่มาก็ด่าคนที่มา ครั้งต่อไปคนที่โดนด่าก็ไม่มา พี่แกก็ด่าคนที่เหลือ 55+ แล้วยังขอให้ครั้งต่อไปมามากขึ้นด้วยนะ - -* สมอง... มันคงมากันมากขึ้นละนะ คุมคนยังไม่เป็นเลย
อุปทานหมู่ สร้างความสำคัญให้ตัวเอง พวกรุ่นพี่ปัญญาอ่อน บางคนโตกว่าตั้ง 2-3 ปี แต่ดูให้ดีมันไม่มีความเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย ใครเค้าอยากจะไปยกมือไว้ ?? พวกแก่กว่าหรือเข้าก่อนแค่ปีถึงสองปีไม่ต้องพูดถึง.. เด็กน้อย - -*
บางคนว่าเข้าร่วมแล้วจะรักกัน สามัคคีกัน รักรุ่นพี่มากขึ้น ผมบอกให้นะ พอเพื่อนมันไม่มา ไอเพื่อนที่มันมามันก็เริ่มบอยคอดละ ไอคนที่เค้ามีความคิดเป็นของตัวเองก็เริ่มโดนเพื่อนๆแบนด์ 55+ รักกันมากขึ้นนน ก่อนเข้ากิจกรรม ผมไม่เคยอัคติพี่คนไหนนะ นี่หลังจากเข้าร่วมกิจกรรมผมหมายหัวไว้ละ ไม่ต่ำกว่า 3-4 ตัว 55+ รักกันมากขึ้นนนน
ทำเป็นมีระเบียบวินัย... หนีทหารกันมาทั้งนั้น~
สุดท้ายนี้อยากบอก....
พอเถอะครับ ไออะไรที่มันไม่สร้างสรรค์ก็ยอมรับซะเถอะ ลบๆมันไปซะ ทำใหม่ คิดใหม่ ที่มันดีกว่า อย่ามาพูด "สืบทอดต่อกันมาๆ" คนพูดดูดีนะ^^" แต่คนฟังๆแล้วอนาจ- -* พยายามกันจังสืบทอดไอประเพณีสุดเก่าแก่ที่น่าชื่นชมนี่มาเนี่ย - -* นับถือๆ ไม่นานก็หายไปครับ ไอโซตุ๊ดเนี่ย คนรุ่นใหม่ความอิสระทางความคิดและความสร้างสรรค์มันเยอะขึ้นครับ อีกเดี๋ยวใครเคยผ่านไอระบบนี่มาจะอุบปากเงียบไม่กล้าพูด กลัวคนเค้ารู้ว่าหัวอ่อน โดนเค้าบีบบังคับมา หะหะหะ

ฝากไว้นะครับสำหรับน้องๆปีหนึ่งรุ่นใหม่
คุณก้าวเข้าสู่รั้วมหาลัยได้ด้วยตัวคุณเองก็ถือว่าเจ๋งแล้วครับ ใช้ชีวิตให้สุดเหวี่ยงไปเลย อยากจะหล่อแบบไหนก็หล่อไป อยากจะสไตล์ไหนก็จัด ใครมามีปัญหาก็เอาเล่มระเบียบมหาลัยเฟี้ยงหน้ามันแล้วถามมันว่าผิดตรงไหน?? หาเพื่อนให้มันเยอะๆครับ หาแกงค์ของคุณให้ได้แล้วอยู่อย่างพึ่งพาอาศัยกัน ส่วนรุ่นพี่ก็เลือกเคารพเลือกรู้จักแต่คนที่เค้ามีคุณภาพจริงอย่างเห็นได้ชัด ไอป้ายช่งป้ายชื่อกิ๊กก๊อกนั่นถ้าคิดว่าใส่แล้วมันดูดีก็ใส่ไปตามสบาย
เวลา ทุกคนมีเท่ากันครับ อยู่ที่ว่าจะใช้ยังไง อย่าไปเสียให้กับอะไร... ที่มันบ้าบอ
0
กำลังโหลด
ทวนกระแส 1 ก.ค. 55 22:18 น. 13
<ความคิดเห็ส่วนตัวนะครับ>ผมไม่เคยคิดเลยนะครับว่า ยังมีคนที่มาดูถูก"ความเป็นมนุษย์" ของคนอื่นอยู่ ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในทางความคิด และกระทำอะไรก็ได้ตราบที่มันยังไม่ขัดต่อกฎหมายครับ การที่คุณบอกว่า "เด็กสมัยนี้ ไร้ซึ่งความอดทน โน้นก็ไม่ได้ นี้ก็ไม่ทำ ทำไมไม่พูดดีๆ แต่พอพูดดีด้วยก็เล่นหัว ไม่รู้จักกาละเทศ คิดจะทำอะไรตามใจ ขาดความยับยั้งชั่งใจ" คุณคิดอย่างใจแคบและไร้ซึ่งตรรกะไปหน่อยหรือป่าวครับ การที่เด็กผ่านหรือไม่ผ่านระบบ SOTUS นั้น จะเป็นเครื่องยืนยันว่าจะทำให้เด็กมีความอดทนมากขึ้น กลับกันผมคิดว่าระบบนี้มันทำให้เด็กมีความอดทนน้อยลงไปเสียอีก ความอดทนที่ผมกล่าวถึงก็ คือ การที่ไม่มีความอดทนต่อคนมีความคิดเห็นที่แตกต่างต่างหาก คนสมัยนี้ต้องการความคิดสร้างสรรค์ ต้องการเสรีภาพ ทางความคิด ขณะเดียวกันก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย แต่ถามว่าความรับผิดชอบต่อสังคมนั้นจะสามารถเกิดขึ้นจากระบบ SOTUS ได้จริงหรอ? ผมคิดว่าปัญญชนที่สอบเข้ามาอยู่มหาวิทยาลัยได้แล้นนั้นไม่จำเป็นที่ต้องเป็นมหาวิทยาลัยดังๆก็น่าจะคิดได้นะครับ ระบบ SOTUS ไม่ได้ช่วยอะไรเลยในแง่ของตัวขัดเกลาสังคมในระบอบประชาธิปไตยให้มีความสงบหรือดีขึ้นได้เลย ซ้ำร้ายกว่านั้นมันอาจเป็นตัวทำลายความยุติธรรมของสังคมในระบบประชาธิปไตยด้วยซ้ำไป เพราะอะไรกัน ก็รุ่นพี่รุ่นน้องไงครับ หรือบางคนอาจจะเรียกเส้นสาย ที่เกิดจากระบบ SOTUS มันทำให้สังคมของเรารู้จักแต่คำว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง จนลืมไปว่าสังคมนี้มันไม่ได้มีแต่คำว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง คุณดูเอาง่ายๆเลยแล้วกัน ในวงการราชการ ไม่มีใครไม่รู้จักสิงห์ดำสิงห็แดง ทุกคนต่างก็บอกว่าจะเล่นสีสิงห์ไปทำไม บ้านเมืองไม่เห็นพัฒนากันเลย มันคงเลยยากนะครับที่จะให้เลิกเล่นสีสิงห์ ตราบใดที่ระบบนี้มันยังอยู่ ไม่ว่าคุณจะเรียก SOTUS หรือว่าอะไรก็ตาม ที่ผมพูดมายาวขนาดนี้ก็เพื่อชี้ให้เห็นว่าถ้ามองยังผิวเผินระบบนี้อาจจะไม่รุนแรงอะไรมากในทางกายภาพ แต่มันมีผลกระทบอย่างยิ่งในระบบความคิด ใครจะกล้าปฏิเสธล่ะ ถ้าในอนาคตและเราเริ่มหางาน และมีรุ่นพี่ที่คอยช่วยเหลือ แน่นอนครับทุกคนย่อมยินดี แต่ลองทบทวนให้ดีเถอะ เราได้สูญเสียอะไรบางอย่างไปนะ อย่างแรกเลยก็คือความเป็นมนุษย์ และ สอง เราได้สูญเสียศักดิ์ศรีของตัวเองไป คุณลองคิดดูเถิด เราจะมีความภูมิใจมากไหม หากเราเข้าไปทำงานแต่ไม่มีความสามรถ นั่นคือสิ่งที่ผมจะบอก สุดท้ายครับ ที่บอกว่าปัญหาอาจอยู่ที่คน ไม่ใช่ที่ระบบ 5555 คนที่พูดคำนี้น่าจะไปเรียนเรื่อง ทฤษฎีองค์การ หรือสังคมวิทยานะครับ คุณจะได้เข้าใจใหม่ว่า ระบบหรือตัวคนที่อยู่ในระบบนั้น ความจริงเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก ทุกๆส่วนมันมีปฏิสัมพันธ์(interaction)ต่อกัน และเป็นผลลัพธ์หรือตัวสะท้อนให้แก่กันทั้งคู่ (ผมอยู่ในคณะของสถาบันที่กล่าวไว้ในที่เขียนไปแล้ว ไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง)
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
นานาจิตตัง 2 ก.ค. 55 15:59 น. 15
เฮ้อ ต่างคนต่างความคิดเนอะ สำหรับเรา SOTUS ก็เป็นระบบที่ดีนะ น้องปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่ ต่างที่มาการอบรมและขัดเกลามาต่างกัน การเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทำได้ลำบาก ถ้าไม่มีกิจกรรมน้องปีหนึ่งอาจจะไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้เอง อีกอย่างเราว่า SOTUS สร้างระเบียบ วินัย ได้ดี อีกอย่างที่ให้ คือความอดทน หลายคนอาจคิดว่าไม่จำเป็นต้องอดทน แต่ลองคิดว่าการทำงานบางอย่างต้องใช้ความอดทนรับแรงกดดันมากแค่ไหน หากแค่นี้ยังทนกันไม่ได้แล้วเมื่อถึงการทำงานล่ะ จะอยู่กันได้ยังไง
V
V
V
ป.ล. ไม่มีรุ่นพี่คนไหนหรือใครที่ไหนอยากเอาตัวเองไปเป็นที่เกลียดชังของน้องๆของคนอื่นหรอกนะ ทุกคนหวังให้ตัวเองได้เป็นที่รักกันทั้งนั้น แต่บางครั้้งเราก็จำเป็นต้องสวมหัวโขน ยอมให้คนนับร้อยเกลียดชังเพราะหน้าที่ ความรับผิดชอบ
0
กำลังโหลด
ผู้ปกครอง 2 ก.ค. 55 16:20 น. 16
พูดในฐานะผู้ปกครองไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะต้องมาขัดเกลา น้องปี 1 ไม่จำเป็นต้องมาโขกสับ สงสารเด็กที่ต้องจากบ้านมาก็เครียดพออยู่แล้วต้องมาเจอระบบพวกนี้อีกยิ่งเครียดหนัก เด็กบางคนทนไม่ได้ต้องลาออกไปก็เพราะระบบรับน้องนี่แหละ ทั้งๆ ที่กว่าจะสอบเข้ามาได้ต้องผ่านด่านสารพัด เหนื่อยยากลำบากแค่ไหน รุ่นพี่ก็แค่เด็กเมื่อวานซืน จะมีวุฒิภาวะอะไรหนักหนาที่จะมาสั่งสอนน้องๆปี1 เด็กปี1 แทบจะไม่ได้เรียน เหนื่อย หิว ง่วง เพราะซ้อมดึก เรียนก็ไม่รู้เรื่องเพราะง่วง อยากจะรู้ว่ารุ่นพี่ที่ว่านะ จะมีอนาคตเป็นไง จะเก่งอะไรหนักหนา เกลียดการรับน้องที่สุด
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
mulberry Member 2 ก.ค. 55 17:50 น. 18
ต่างคนต่างความคิด ถ้ามองกันคนละมุม ก็จะมีเหตุผลคนละแบบ แต่สุดท้าย เราว่าสิ่งที่พูดกันอยู่นี้ จะมีต่อไปหรือหยุดลงก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรุ่นน้องปีนี้ว่าจะทำต่อหรือเปล่า
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด