ชีวิตจริงคนจบ "เศรษฐศาสตร์การเงิน" มีมากกว่าที่คิด

           สวัสดีจ้า... พบกันอีกครั้งนะคะกับคณะในฝัน สาขาเด็ดประจำเดือนนี้ก็คือ "เศรษฐศาสตร์การเงิน" หลังจากคราวที่แล้วพาไปดูมาแล้วว่าชีวิตในรั้วเป็นอย่างไรบ้าง น้องๆ อาจจะยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนพอ พี่แป้งจึงไปคว้า 2 รุ่นพี่จากรั้วเศรษฐศาสตร์การเงิน เป็น 2 คนที่มีเรื่องราวแตกต่างกันสุดขั้วมาสัมภาษณ์เพื่อแชร์ประสบการณ์ให้น้องๆ ให้อ่านกัน พร้อมหรือยังคะ? ถ้าพร้อมแล้วไปทำความรู้จักกับพี่ทั้ง 2 คนได้เลยค่ะ
        


พี่แป้ง : แนะนำตัวเองก่อนเลยค่ะ
พี่สิด : สวัสดีครับ ผมชื่อพสิษฐ์ โชติวัฒนะกุล ชื่อเล่นชื่อ สิด เรียนจบปริญญาตรี และปริญญาโท ที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ (เรียนเอก เศรษฐศาสตร์การเงินระหว่างประเทศ)


พี่แป้ง : อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เลือกเรียนเศรษฐศาสตร์การเงินคะ?
พี่สิด : ย้อนไปตอนนัั้น เหตุผลที่เลือกเรียนคณะนี้เพราะคิดว่าเศรษฐศาสตร์เป็นศาสตร์ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้มากที่สุด เพราะแน่นอนว่าทุกอย่างต้องมีเรื่องเงินๆ ทองๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง เลยเลือกเพราะเห็นแก่เงินทองนี่แหละครับ 555+


พี่แป้ง : ก่อนเรียนคิดว่า เศรษฐศาสตร์การเงิน ยากไหม แล้วพอเรียนจบมาแล้วยากอย่างที่คิดไหม?
พี่สิด : ก่อนที่จะเข้ามาเรียนคณะนี้คิดว่าเรียนไม่น่ายากนัก คิดว่าน่าจะเป็นแนวอ่านๆ ท่องจำไปสอบ แต่พอว่าเรียนจริงๆ ก็เรียกว่ายากระดับนึงเลยที่เดียว เพราะความเป็นจริง วิชานี้ต้องใช้เหตุผลและความเช้าใจอย่างลึกซึ้ง ประกอบกับทักษะในการคำนวณอีกด้วย แต่ถ้าตั้งใจพยายามขวนขวายก็ไม่ยากเกินความสามารถครับ


พี่แป้ง : บรรยากาศตอนสมัยเรียนเป็นอย่างไรบ้าง?
พี่สิด : ชีวิตช่วงเรียนถือว่าเป็นช่วงที่ดีและน่าประทับใจมากที่สุด เพราะชีวิตมหาลัยถือว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างวัยเรียนกับวัยทำงาน ฉะนั้นเรื่องความรู้นี่ถือว่าถึงจุดอิ่มตัวสุดๆ บรรยากาศช่วงเรียนและก่อนสอบจะเป็นแนวช่วยกันเรียนช่วยกันติว แต่ตอนสอบก็ตัวใครตัวมันครับ พยายามทำให้ดีที่สุด ชนิดที่ว่าจำได้มากแค่ไหนก็ขุดออกมาให้หมด
       ส่วนเรื่องเพื่อนและกิจกรรมต่างๆก็ถือว่าดีสุดๆ เช่นกัน พยายามทำกิจกรรมให้มากที่สุด เพราะมีความสุขและสนุกที่ได้ทำงานร่วมกับพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ในคณะ เรียกว่าเข้ามาแล้วอย่าเรียนอย่างเดียว ต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม ลุยกิจกรรมไปด้วยดันครับ ^^


พี่แป้ง :หนังสือที่แนะนำน้อง ๆ ที่อยากเรียนเศรษฐศาสตร์การเงินเล่มไหนคะ?
พี่สิด : หนังสือเกี่ยวเศรษฐศาตร์ ที่พี่แนะนำว่าให้อ่านคือหนังสือ Macroeconomics แต่งโดย Gregory Mankiw เพราะเป็นการปูพื้นฐานด้านเศรษฐศาสตร์เป็นอย่างดี ใครเข้าใจเนื้อหาหมดเรียกว่าน่าจะเรียนจบได้สบายๆ


พี่แป้ง : นิสัยของคนที่เรียนเศรษฐศาสตร์การเงินควรจะมีคืออะไรคะ?
พี่สิด : สำหรับนิสัยคนที่เรียนเศรษฐศาสตร์การเงิน ควรจะต้องเป็นคนมีเหตุผล คิดอย่างเป็นระบบ และชอบตัวเลข เพราะการเรียนเศรษฐศาสตร์ไม่ใช่แค่ท่องจำเเต่เป็นคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ แยกแยะออกมา ใครที่ไม่ชอบคิดและตัวเลขนี่ไปไม่รอดแน่ ๆ นอกจากหัวดีต้องใจรักครับ ไม่งั้นก็ไม่น่ารอด


พี่แป้ง : ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่คะ?
พี่สิด : หลังจากเรียนจบปริญญาตรีแล้วก็เรียนต่อปริญญาโทก่อน พอเรียนจบก็ได้มาทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งก็คืองานที่ทำอยู่ตอนนี้นั่นเอง(ทำมาได้ 1 ปี 3 เดือนละครับ) โดยทำตำแหน่ง เศรษฐกร สายนโยบายการเงิน ลักษณะงานจะเป็นแนววิเตราะห์ภาวะและเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงิน พูดง่ายๆ คือ ติดตามดูภาวะเศรษฐกิจในส่วนต่างๆ ว่ายังแข็งแกร่งดีอยู่หรือมีความเสี่ยงอะไรหรือป่าว


พี่แป้ง : ได้นำความรู้จากการเรียนเศรษฐศาสตร์การเงินมาใช้อย่างไรบ้างคะ?
พี่สิด : ความรู้ที่ได้เรียนมาเอามาใช้ได้เต็มๆ เพราะงานที่ทำอยู่ก็ตรงกับวิชาที่เรียนมาเลยย โชคดีไป ^ ^


พี่แป้ง : มีน้องๆ เข้าใจว่า เรียนเศรษฐศาสตร์การเงินวันๆ จมอยู่กับตัวเลข ตลาดหุ้น คิดเลขทั้งวัน เป็นแบบนี้จริงหรือเปล่าคะ?
พี่สิด : ความคิดที่ว่าจบเศรษฐศาสตร์แล้วต้องจมอยู่กับตัวเลขหรือเล่นแต่หุ้นนั้นไม่ถูกนะครับ อย่างที่บอกถ้าน้องๆ เข้าใจวิชาที่เรียนมาอย่างแท้จริง น้องจะเป็นคนที่มีกรอบการคิดวิเคราะห์ที่เป็นระบบและชัดเจน ดังนั้นน้องอาจจะไปวิเคราะห์การตลาด หรือวิเคราะห์กลยุทธ์ต่างๆ ของบริษัทก็ได้


พี่แป้ง : ฝากข้อคิดดีๆ กับน้องๆ ที่สนใจในเรียนเศรษฐศาสตร์การเงินหน่อยค่ะ
พี่สิด : สุดท้ายนี้ อยากฝากข้อคิดถึงน้องๆ ทุกคน ไม่เฉพาะคนที่สนใจเศรษฐศาสตร์ ขอให้น้องๆ พยายามค้นหาตัวเองให้พบว่าชอบหรือสนใจเรียนอะไร จบไปแล้วอยากทำงานแนวไหน ถ้าค้นหาตัวเองเจอแล้ว ก็ลุยโลด พยายามขวนขวายเก็บความรู้ให้ได้มากที่สุด อย่าได้ท้อกับปัญหาง่ายๆ อุปสรรคมีไว้พุ่งชน แล้วน้องจะประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงานครับ



พี่แป้ง : แนะนำตัวเองก่อนเลยค่ะ
พี่ทิน : ชื่อนาย ทินกร เพ็งเหลา ชื่อเล่น พี่ทิน จบ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เอกเศรษฐศาสตร์การเงินและการธนาคาร โทเศรษฐศาสตร์การคลัง(2 ปีครึ่ง)


พี่แป้ง : ทำไมถึงเลือกเรียน เศรษฐศาสตร์การเงิน ที่ ม.รามคำแหง คะ?
พี่ทิน : พี่เอ็นท์ไม่ติด 555+ สอบตรงได้ที่มหาวิทยาลัยอื่นด้วยแต่ไม่เลือกเพราะว่าไกลและก็ไม่ใช่คณะที่ชอบด้วย ตอนนั้นเหมือนไม่มีทางเลือก พอดีมีเพื่อนชวนเรียน ม.รามคำแหง ทีแรกพี่ก็ไม่ได้เรียนเศรษฐศาสตร์นะ พี่ไปเรียนวิทย์คอมฯ ตามเพื่อน เรียนเพราะว่ามีเพื่อนเรียนไม่ได้ชอบเอง และช่วงนั้นก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยไม่ค่อยได้เข้าเรียน อ่านหนังสือสอบอย่างเดียว เอาเวลาทำงานไปแล้วก็เอาเงินไปเที่ยว


พี่แป้ง : แล้วทำไมมาเรียนเศรษฐศาสตร์การเงินได้คะ?
พี่ทิน : พี่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยและก็ไม่เข้าเรียน พี่จำได้ว่าเข้าแค่วิชาเดียวคือคณิตศาสตร์เพราะพี่ชอบ ส่วนวิชาอื่นอ่านเอาเอง ตอนเทอม 2 (ปี 1)พี่สอบผ่านแค่ 2 ตัวคือคณิตศาสตร์และภาษาไทย เห็นว่าท่าไม่ดีแล้วประกอบกับเพื่อนก็เรียนไม่ไหวจึงคิดว่าย้ายดีกว่า ช่วงนั้นถือว่าเป็นช่วงเคว้งคว้างของพี่เลยไม่มีที่ไป โชคดีที่มีพี่ที่รู้จักกันเขาแนะนำให้เรียนเศรษฐศาสตร์ เหตุผลที่เรียนตอนแรกเห็นว่าจบเศรษฐศาสตร์การเงินการธนาคารมาไปทำงานธนาคารก็เท่ดีนะ พี่จึงตั้งในเริ่มเรียนปีหนึ่งใหม่ในเศรษฐศาสตร์การเงินและการธนาคารครับ


พี่แป้ง : แล้วพี่ทินเรียนยังไงให้จบใน 2 ปีครึ่งคะ?
พี่ทิน : พี่ลงเรียนเต็มที่เลยครับ การเรียนที่ม.รามคำแหงจะต่างจากมหาวิทยาลัยอื่นตรงที่ที่อื่นจะ Fix ว่าเทอมนี้ลงได้กี่ตัว ลงอะไรได้บ้าง แต่ม.รามคำแหงจะจำกัดแค่ว่าให้ลงได้ 8 ตัวต่อเทอม ในหนึ่งปีมี 2 เทอมบวกกับซัมเมอร์ด้วย ทำให้รวม ๆ แล้วปีนึงก็เรียนได้เกือบ 20 เล่ม หลักสูตรที่พี่เรียนมีประมาณ 45 เล่ม พอพี่ลงเต็มทุกเทอมแล้วก็ตั้งใจเรียนหลังจากที่ใช้ชีวิตเสเพลมา มันเลยจบได้ใน 2 ปีครึ่ง ตอนนั้นพี่เลิกทำงานเลยสนใจแค่ว่าเรียนอย่างเดียว


พี่แป้ง : เรียนเศรษฐศาสตร์การเงินเรียนอะไรบ้างคะ?
พี่ทิน : ตอนเรียนปีหนึ่งเราจะยังไม่เข้าใจหรอกว่าอะไร มีกราฟโน้นนี่นั่นปวดหัว วิเคราะห์กราฟ เนื้อหาหลักๆ ที่เรียน เศรษฐศาสตร์จะเป็นการวิเคราะห์ความเชื่อมโยงทุกอย่างเลยที่เกี่ยวกับเงิน เงินไหลไปไหน ใครได้รับประโยชน์ นักเศรษฐศาสตร์ต้องสามารถเชื่อมโยงทุกอย่างที่เกี่ยวกับเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งแต่ระดับล่างถึงระดับบน เชื่อมโยงผู้ผลิตถึงผู้บริโภคครับ


พี่แป้ง : แล้วตอนนี้พี่ทินทำงานอะไรอยู่คะ?
พี่ทิน : ตอนนี้พี่เป็นที่ปรึกษาการลงทุนอยู่โบรกเกอร์กรุงศรีฯ (เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา) คือ สายที่พี่จบมาจริงๆ มันก็ไม่ได้ตรงนะ แรกๆ ที่พี่บอกไปว่าเรียนสายนี้เพราะคิดว่าได้ทำงานเป็นหนุ่มธนาคาร เท่ดี แต่พอได้เรียนได้รู้ความคิดมันก็เปลี่ยนกลายเป็นงานธนาคารจะเป็นงานสุดท้ายที่พี่เลือก พอดีรุ่นพี่ที่ซุ้มเขามาเป็นอาจารย์สอนพิเศษสายโบรกเกอร์ ตอนนั้นพี่ว่างด้วย (รอเป็นทหาร 5 เดือน) ก็เลยไปนั่งเรียนวิชานี้ เรียนฟรีเอาความรู้ 555+
         พี่ขอคำปรึกษาพี่เขาว่าอาชีพที่เขาทำอยู่คืออะไร ทำอะไรบ้าง ได้อะไรบ้าง ก็รู้สึกสนใจ เป้าหมายพี่ก็เปลี่ยนไป พี่จึงตัดสินใจไปสอบ License กับตลาดหลักทรัพย์การเป็นโบรกเกอร์ต้องมี License นะครับเพื่อที่จะไปสมัครงาน ตอนนั้นพี่สอบผ่านเพราะพี่ว่างมีเวลาช่วยงานที่ซุ้มด้วยแล้วก็อ่านหนังสือเตรียมสอบไปด้วย  หลังจากนั้นพี่ก็ได้ไปสมัครเป็นทหาร สมัครเลย เอาวุฒิปริญญาตรีไปยื่นก็เหลือ 6 เดือน ไปแบกกระสอบทรายมาช่วงน้ำท่วม รับใช้ชาติมาครับ ฮ่า ๆ ๆ


พี่แป้ง : คือมีน้อยคนมาที่จะกลับมาใช้ชีวิตแบบนี้ได้ อะไรคือจุดเปลี่ยนของพี่ทินคะ?
พี่ทิน : คือมันต้องเลวจริง ๆ ครับ พี่ใช้ชีวิตแบบเสเพลมาก ถ้าบอกว่าไปด้านมืดก็มืดสุด ๆ จนรู้ว่ามันไม่มีอะไรดีขึ้นเลย และก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีด้วย พอคิดได้ก็เลยพลิกชีวิตกลับมาตั้งใจเรียนครับ


พี่แป้ง : เรียนเศรษฐศาสตร์การเงินแล้วเปลี่ยนวิถีการใช้เงินของเรามั้ย?
พี่ทิน : พี่เพิ่งมาเปลี่ยนวิถีการใช้เงินช่วงที่พี่มาเป็นโบรกเกอร์นี่เองครับ ตอนที่พี่เรียนเศรษฐศาสตร์พี่คิดอย่างเดียวว่าจะหาประโยชน์จากเงินได้อย่างไร ข้อได้เปรียบของนักเศรษฐศาสตร์คือเขารู้ว่าเงินบาทนึงใช้ทำอะไรได้บ้าง แต่คนปกติจะคิดแค่ว่าเงินบาทนึงซื้ออะไรได้บ้าง นักเศรษฐศาสตร์หรือนักการเงินจะรู้ว่าเงินบาทนึงหาผลตอบแทนให้เขาได้อย่างไร คือความคิดจะต่างกัน ตอนแรกๆ ที่จบใหม่พี่ก็พยายามหาผลประโยชน์จากเงิน แล้วก็ใช้ความรู้ที่เรามีทางเศรษฐศาสตร์มาหาเงิน เอาเงินต่อเงิน เอาเงินลงทุน
          แต่ทัศนคติของพี่ก็เปลี่ยนไป ตอนที่ว่างๆ รอเรื่องเป็นทหาร พี่ก็เลยซื้อหนังสือพวกการลงทุนมา มีความรู้มากขึ้นทำให้เรามีทางเลือกให้ชีวิตมากขึ้น หาทางให้ชีวิตใหม่จนมาเป็นโบรกเกอร์และหาวิถีการวางแผนการลงทุนการเงิมใหม่ครับ สุดท้ายพี่ก็ยังซื้อข้าวกินปกติไม่ได้งกนะครับ 555+


พี่แป้ง : พี่ทินคิดว่าน้องๆ ที่จะเรียนเศรษฐศาสตร์การเงินควรเตรียมตัวอย่างไรบ้างคะ?
พี่ทิน : ก่อนอื่นถามตัวเองก่อนว่าเราชอบอะไร ถ้าเราชอบเราจะทำทุกอย่างให้ได้มันมา เพราะทุกอย่างมีเงื่อนไขของมัน คนที่ไม่ประสบความสำเร็จคือคนที่รับเงื่อนไขของความสำเร็จนั้นไม่ได้ แต่ถ้าชอบเขาก็จะรับเงื่อนไขของสิ่งนั้นได้ ถึงจะเจออะไรที่ไม่ชอบก็ทนทำเพื่อที่จะได้มาซึ่งสิ่งที่เราชอบ การเตรียมตัวก็คือหาสิ่งที่ชอบ หาสิ่งที่ชัดเจนในชีวิต แล้วลุยให้เต็มที่


พี่แป้ง : สุดท้ายฝากอะไรถึงน้องๆ ที่อยากเรียนเศรษฐศาสตร์การเงินหน่อยค่ะ
พี่ทิน : สิ่งสำคัญไม่ได้สำคัญว่าเราจะเรียนหมาวิทยาลัยใด คณะอะไร สาขาไหน ก็ไม่ได้จำเป็นว่าจบสาขานี้มาแล้วต้องมาทำงานสาขานี้หรือสายอาชีพนี้ อยากให้ทำในสิ่งที่เราชอบ แล้วก็เต็มที่กับมัน ถามตัวเองว่าต้องการอะไร ต้องมีข้อมูลมาช่วยในการตัดสินใจด้วยนะ เอาข้อมูลไว้เปรียบเทียบ เลือกในสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองครับ


        อู้ววววว!!! เป็นไงบ้างคะ? กับประสบการณ์ของพี่ทั้ง 2 คน เรียกว่าไม่ธรรมดาทั้งคู่เลยเนาะ (ปรบมือ ๆ) ใครที่อยากเรียนเศรษฐศาสตร์การเงินจริงๆ ก็พึงระลึกได้เลยว่า มีแต่เรื่อง เงิน เงิน เงิน แน่นอนจ้า ให้ลูกกะตาเป็นตัว $ กันไปเลย แต่ว่าเมื่อเรียนแล้วเราจะมีความรู้เพื่อที่จะลงทุนหรือทำงานทางด้านการเงิน เป็นอีกหนึ่งบุคลากรที่ช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศเลยนะคะ ถ้าชอบก็ไปโลด แต่ถ้าไม่ชอบก็สามารถดูคณะอื่นได้เลย พี่แป้ง แปะไว้ด้านล่างแล้ว ตอนนี้พี่แป้งขอตัวไปนับแบงค์ก่อนนะค่ะ รู้สึกว่าในกระเป๋ามีแบงค์ 20 ประมาณ 6 ใบ จะเก็บไว้เป็นเงินทุนลงทุนกิจการใหญ่โต (เพ้อ) บ๊ายบายค่ะ

"
 

.
4 สาขาล่าสุดใน "คณะในฝัน"