10 ประเด็นน่าสนใจ ที่จะทำให้คุณรู้จัก “เจมส์ บอนด์” มากขึ้นอีกนิด
หนังเข้าโรงแล้ว เราชวนมาอ่านเรื่องสนุกๆ เกี่ยวกับเจมส์ บอนด์กันดีกว่า
.jpg)
ภาพยนตร์ SPECTRE เข้าฉายกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พี่ตินนี่ก็ตื่นเต้นที่สุด เพราะชอบนักแสดงนำชาย แดเนียล เคร็ก เป็นทุนเดิม ส่วนตัวคิดว่าเป็นเจมส์ บอนด์ที่เท่ที่สุดเท่าที่เคยเจอมา... แม้ว่าหน้าตาจะไม่หล่อมาก แต่บุคลิก แววตา และท่าทาง ทำให้เรารู้สึกว่า เขาเป็นผู้ชายลึกลับ มีทั้งความเหี้ยมและใจอ่อนในตัวเอง เป็นผู้ชายที่โดดเดี่ยว เข้มแข็ง แต่ขณะเดียวกันก็เห็นอกเห็นใจคนอื่น และพร้อมต่อสู้เพื่อความยุติธรรม รับผิดชอบต่อหน้าที่ ซื่อสัตย์ต่อองค์กร มั่นใจภูมิใจในตัวเอง ดื้อดึง หัวรั้นบ้างในบางเวลา ดูเป็นผู้ช้ายผู้ชายดี เรียกว่า... จัดว่าเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์สุดๆ เหมาะสมกับ “เจมส์ บอนด์” มากที่สุด ยอมรับว่า... พี่ตินเริ่มสนใจ “เจมส์ บอนด์” ก็เพราะแดเนียล เคร็กนี่แหละ เขาทำให้พี่ตินเข้าถึงผู้ชายคนนี้ และทำให้อยากรู้จัก อยากที่จะติดตามต่อว่าชีวิตของเขาเป็นอย่างไรกันแน่ เขาจะทำอะไรต่อหรือจะต้องสู้กับอะไรอีก... และเพราะเหตุนี้ พอหนังเข้าฉาย พี่ตินก็เลยคิดว่า... พลาดไม่ได้แล้ว ยังไงก็ต้องทำบทความสักเรื่องและนี่เอง เป็นที่มาของบทความของเรา ซึ่งช่วงแรก ขอพูดถึงเล่าเกร็ดความรู้เวอร์ชั่นหนังสือก่อน แล้วจะไปปิดท้ายที่เวอร์ชั่นหนังก็แล้วกันนะ ^ ^
เจมส์ บอนด์ เวอร์ชั่นหนังสือ
เจมส์ บอนด์ เกิดจากบทละครโทรทัศน์ที่ไม่ผ่านการพิจารณา
โปรดิวเซอร์จาก NBC เฮรี่ มอร์แกนทอร์ ที่สาม ได้ติดต่อเอียน เฟลมมิ่ง ให้มาเขียนงานให้เขาในปี ค.ศ. 1955 ภาพยนตร์เรื่องนี้ชื่อว่า Jamaica called Commander Jamaica, or James Gunn: Secret Agent แต่ว่าไม่ผ่าน! และต่อมา เฟลมมิ่งได้ลองนำบทที่เขียนมาปรับใช้กับผลงานเรื่องต่อไปของเขา โดยยังคงชื่อ “เจมส์” เอาไว้ และเอาคำว่า บอนด์มาเติมเข้าไป บทบาทของบอนด์ในเรื่องคือ เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ สังกัด หน่วยสืบราชการลับอังกฤษ (Secret Intelligence Service) หรือรู้จักในชื่อ MI6 (Military Intelligence, Section 6) โดยบอนด์มีรหัสลับคือ 007 มียศ นาวาโท สังกัดกองกำลังพลสำรอง กองทัพเรือ
M เป็นชื่อเล่นของแม่เอียน เฟลมมิ่ง
ในเรื่องเจมส์ บอนด์ มีตัวละครที่เด่นมากคือ M ซึ่งเชื่อกันว่าต้นแบบของเธอคือ “แม่” ของเอียน เฟลมมิ่ง นักเขียนนั่นเอง ตามประวัติ เอียน เฟลมมิ่งกลัวแม่มาก เธอเป็นผู้หญิงเก่ง แกร่ง และดุมาก มักออกคำสั่งโดยไม่อธิบาย แต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ และมีเสน่ห์ เป็นที่ยอมรับของทุกคน ตัวละคร M ก็เป็นแบบนั้น และถ้าจะสังเกตดูแล้ว บทบาทของ M กับเจมส์ บอนด์เองก็เหมือนแม่กับลูกนั่นแหละ
เจมส์ บอนด์ ฝีมือเอียน เฟลมมิ่ง มีทั้งหมด 12 เล่ม.jpg)
พ.ศ. 2496 Casino Royale
พ.ศ. 2497 Live and Let Die
พ.ศ. 2498 Moonraker
พ.ศ. 2499 Diamonds Are Forever
พ.ศ. 2500 From Russia, with Love
พ.ศ. 2501 Dr. No
พ.ศ. 2502 Goldfinger
พ.ศ. 2503 For Your Eyes Only (รวมเรื่องสั้น)
พ.ศ. 2504 Thunderball
พ.ศ. 2505 The Spy Who Loved Me
พ.ศ. 2506 On Her Majesty's Secret Service
พ.ศ. 2507 You Only Live Twice
พ.ศ. 2508 The Man with the Golden Gun
พ.ศ. 2509 Octopussy and The Living Daylights (รวมเรื่องสั้น)
Goldfinger คือเพื่อนบ้านของเอียน เฟลมมิ่ง
เพื่อนบ้านคนนั้นมีชื่อเต็มว่า เออร์โน่ โกลฟิงเกอร์ เขาเป็นสถาปนิกที่โด่งดังมาก จุดเด่นของเขาคือมาตรฐานสูง และชอบใช้คอนกรีตเป็นวัสดุหลักในการสร้างบ้าน อันนี้พ้องกันกับ ออริค โกลฟิงเกอร์ ผู้หลงใหลในทอง แต่... การยืมชื่อนี้ไม่ได้สร้างความภูมิใจให้กับโกลฟิงเกอร์ตัวจริงแต่อย่างใด มิหนำซ้ำเขายังฟ้องร้องเอียน เฟลมมิ่งเสียด้วย อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเขายอมถอนฟ้องไป ซึ่งถือว่าโชคดีมากๆ เพราะไม่งั้น เอียน เฟลมมิ่งวางแผนจะเปลี่ยนชื่อโกลฟิงเกอร์เป็น โกลพริค (Goldprick) อ่านออกเสียงแล้วแปร่งน่าดูเลย
เอียน เฟลมมิ่ง มองนิยายของตัวเองในแง่มุมที่ต่างออกไป
เอียน เฟลมมิ่งมักบอกผู้คนเสมอว่าหนังสือของเขาไม่ใช่วรรณกรรม แต่เป็นการ “เล่าเรื่องเลวร้ายให้คนอ่านแบบวรรณกรรม” ต่างหาก เขาให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสว่า “เขียนหนังสือให้คนกลุ่มหนึ่งอ่าน แต่สุดท้ายเมื่อได้ตีพิมพ์ มันกลับดึงดูดความสนใจคนหลายกลุ่ม ทั้งๆ ที่เนื้อหาอาจจะไม่ได้ตรงกับวิถีชีวิตของคนทั่วไปสักเท่าไหร่”
ชีวิตของนักเขียนส่งต่อถึงตัวละคร
ถ้าดูจากชีวิตของเอียน เฟลมมิ่งเองแล้ว จะเห็นว่าคล้ายกับเจมส์ บอนด์อยู่มาก เขาเองก็ชอบดื่มกาแฟมากกว่าชา สูบบุหรี่ยี่ห้อเดียวกัน และทำงานให้กับกองทัพเรืออังกฤษเหมือนกัน เจ้าชู้ ชอบดื่มมาร์ตินี่เขย่าแต่ไม่คนเหมือนกัน สมัยที่ยังทำงานอยู่กองทัพเรือ เฟลมมิ่งเป็นผู้ช่วยของนายพล จอห์น กอดฟรีย์ ซึ่งบางคนก็บอกว่า เฟลมมิ่งเอาเขาคนนี้มาผสมเข้ากับผู้เป็นแม่ และกลายเป็นตัวละครสำคัญในเรื่อง คือ M นั่นเอง
เจมส์ บอนด์ เวอร์ชั่นภาพยนตร์
พูดถึงภาคที่รับบทโดย แดเนียล เคร็ก
ถ้าใครดูเจมส์ บอนด์ ภาค Casino Royale คงจะจำกันได้ว่า... แดเนียล เคร็ก นักแสดงนำผู้มารับบทเจมส์ บอนด์คนใหม่ (แทนคนเก่าคือ เพียรซ์ บรอสแนน) ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักแค่ไหน เจมส์ บอนด์เวอร์ชั่นนี้ ได้รับการปรับใหม่ จากที่เคยแต่งตัวหล่อสะอาด หน้าตาสวยคม ก็เปลี่ยนเป็นเจมส์ บอนด์สกปรก เสื้อผ้าขาดวิ่น เปื้อนเลือดเปื้อนฝุ่น ลักษณะท่าทางที่เคยนุ่มนวล ก็เปลี่ยนเป็นดุ และเข้มมากขึ้น บุคลิกของเจมส์ บอนด์ ที่รับบทโดยแดเนียล เคร็ก จะเข้มข้นขึ้น หลักๆ ก็เพราะคงเพราะการเล่าเรื่อง ที่พูดถึงเจมส์ บอนด์ในช่วงวัยหนุ่ม เขาเป็นสายลับที่ไม่ผูกพันกับใคร และไม่ได้เก่งกาจแค่ในเรื่องเทคโนโลยี แต่ยังเน้นการต่อสู้ชนิดถึงลูกถึงคนด้วย จุดที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของเจมส์ บอนด์ ที่หนังยังคงเอาไว้ก็คือ อารมณ์ขันชนิดตลกร้ายของตัวพระเอก เพราะงานที่รับผิดชอบ ทำให้เขาต้องเจอกับเรื่องร้ายๆ จนเกิดเป็นบาดแผลในใจ ทำให้เจมส์ บอนด์มีปัญหาเรื่องความเชื่อใจ และส่งผลต่อความรักของเขา
อีกหนึ่งจุดขายของเจมส์ บอนด์ก็คือ ผู้หญิงของบอนด์ (Bond’s Girl) ภาคนี้ แตกต่างไปจากเคย ปกติแล้ว เราจะเห็นว่าเจมส์ บอนด์ไม่สนใจผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์ด้วย เขาอาจจะคอยดูแลปกป้องพวกเธอก็จริง แต่นั่นเป็นเพราะลักษณะนิสัยส่วนตัว ที่เป็นสุภาพบุรุษ ชอบปกป้องคน แต่ในเรื่องนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเจมส์ บอนด์ กับเวสเปอร์ ลินด์ (รับบทโดยเอวา กรีน) ถูกเขียนให้เข้มข้น ลึกซึ้ง และส่งผลกระทบโดยตรงต่อบอนด์ จะสรุปว่าเธอเป็นรักแท้ของเขาก็คงไม่ผิดนัก
เรื่องราวของเจมส์ บอนด์ในแต่ละภาค เจมส์ บอนด์ เวอร์ชั่นแดเนียล เคร็ก แบ่งออกเป็นสี่ภาคด้วยกัน ภาคแรกคือ Casino Royale ภาคที่สองคือ Quantum of Solace ตามมาด้วยภาคล่าสุดคือ Sky Fall และภาคที่กำลังเข้าฉาย ณ ตอนนี้ Spectre ซึ่งก่อนที่เราจะไปพูดถึงภาคที่เพิ่งเข้าฉาย เราก็ไล่ย้อนไปทบทวนเรื่องราวในภาคต่างๆ กันก่อนดีกว่า
Casino Royale ภาคนี้เป็นภาคแรกที่ทำให้เราได้รู้จักเจมส์ บอนด์ในบทบาทใหม่ หนังเลือกเอาเหตุการณ์ที่เจมส์ บอนด์ เริ่มเป็นสายลับในยุคแรกๆ ศัตรูคนแรกของเขาคือ เลอชีฟ (Le Chiffre) ซึ่งถูกชักใยโดยองค์กรชื่อว่า Quantum และมีหัวหน้าใหญ่คือ มิสเตอร์ไวท์ ตอนจบของเรื่อง หยุดลงที่เหตุการณ์บอนด์ไล่ล่าตามตัวมิสเตอร์ไวท์อย่างดุเดือด
Quantum of Solace ภาคนี้ต่อจากภาคที่แล้ว เล่าเรื่องการตามหาตัวมิสเตอร์ไวท์ของบอนด์ต่อเนื่อง เขาต้องการทำลายองค์กรนี้เสีย เพื่อแก้แค้นให้กับเวสเปอร์ สาวคนรัก ตอนจบของเรื่อง เจ้าหน้าที่หลายคนในองค์กรต้องตาย และแม้องค์กรจะยังไม่ถูกกำจัด แต่ก็สั่นคลอนอยู่ไม่น้อย
Skyfall จุดเด่นของภาคนี้คือ การเล่าถึงภูมิหลังของบอนด์ เราจะได้รู้จักบอนด์มากขึ้น และได้รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงมาเป็นสายลับ 007 เช่นทุกวันนี้ ตอนต้นเรื่อง บอนด์ลาออกจากการเป็นสายลับ แต่สุดท้ายก็กลับมาใหม่ เนื่องจากองค์กร MI6 ของเขาถูกบ่อนทำลายโดยอดีตสายลับ
ความลับของเจมส์ บอนด์
จุดเด่นของผู้ชายคนนี้คือ “ความซับซ้อน” ทั้งในหนังสือและในภาพยนตร์ ไม่ได้อธิบายหรือเล่าถึงภูมิหลังของบอนด์มากนัก ถ้าอ่านหนังสือ เราจะรู้ว่าเขาเป็นลูกชายของ แอนดรูว์ บอนด์ ชายหนุ่มชาวสก็อตแลนด์ และ โมนิกซ์ เดอลาครัวซ์ หญิงสาวชาวฝรั่งเศส พ่อของบอนด์ทำงานให้กับองค์กรค้าอาวุธ ทำให้ต้องโยกย้ายที่อยู่ตลอดเวลา พ่อและแม่ตายเมื่อบอนด์อายุได้ 11 ขวบ บอนด์ถูกส่งไปอยู่กับปั้น เขาจบไฮสคูลที่อีตั้น เมื่ออายุ 17 จากนั้นเข้าต่อกองทัพเรือ (เอียน เฟลมมิ่ง นักเขียนเองก็เรียนที่อีตั้นและกองทัพเรือเช่นกัน) เราจะเห็นว่าเจมส์ บอนด์ เวอร์ชั่นแดเนียล เคร็ก มีภูมิหลังที่เข้มข้นมากที่สุด เมื่อเทียบกับบอนด์ภาคอื่นๆ โดยเฉพาะภาค Skyfall ที่เราได้รู้ว่า... เจมส์ บอนด์ ใช้ชีวิตช่วงวัยเด็กที่สก็อตแลนด์ คฤหาสน์หรูหรา อันเป็นสมบัติส่วนตัวของเขามีชื่อเรียกว่า Skyfall บอนด์เข้าทำงานที่ MI6 และกลายมาเป็นสายลับมือหนึ่ง ด้วยเหตุผลสำคัญคือ คำถามในใจ นั่นก็คือ การตายอย่างมีเงื่อนงำของพ่อแม่ และบางที นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามาเป็นสายลับก็เป็นได้ เพื่อหาคำตอบของเรื่องทั้งหมดนี้
แล้ว SPECTRE คืออะไร
คำเต็มๆ ของ SPECTRE คือ Special Executive for Counter-intelligence, Terrorism, Revenge and Extortion เป็นองค์กรคู่ปรับของ MI6 ซึ่งเป็นองค์กรที่เจมส์ บอนด์สังกัดอยู่ ฟังจากชื่อก็น่าจะรู้แล้วว่าร้ายกาจและอันตรายมากแค่ไหน มีทั้งคำว่า ฉลาด เชี่ยวชาญ ก่อการร้าย แก้แค้น ทำลายล้าง แน่นอนว่า... องค์กรนี้ เต็มไปด้วยสมาชิกที่ชาญฉลาด ไหวพริบสูงส่ง เจ้าเล่ห์เพทุบาย และไม่แคร์ที่จะทำเรื่องร้ายๆ นอกจากนี้ ยังมีความลับบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวเจมส์ บอนด์ด้วย พูดง่ายๆ คือไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเขา แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับชีวิตของเขาโดยตรง คำว่า SPECTRE เองก็แปลว่าผี หรือผู้ไร้เงา การต่อกรกับพวกมันจึงเป็นเรื่องยาก และต้องใช้ทักษะสูงส่งมากไม่แพ้กัน เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งครั้งที่เจมส์ บอนด์ของเราต้องเหน็ดเหนื่อยและต้องงัดกลยุทธ์ที่มีออกมาใช้ให้เต็มที่ เพื่อเอาชนะศัตรูสุดโหดนี้ให้ได้ และ SPECTRE นี่เอง คือคำตอบของสิ่งที่เจมส์ บอนด์ต่อสู้มาในสามภาคก่อนหน้า เรียกว่าเป็นการเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างเข้าหากันนั่นเอง
จะเห็นได้ว่าเวลาหนังสือถูกนำไปทำเป็นภาพยนตร์ ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ อยู่เสมอ เพราะธรรมชาติที่แตกต่างกัน เรียกว่าเป็นความสนุกในรูปแบบที่แตกต่าง แต่ก็น่าสนใจทั้งสองแบบเนอะ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะชอบแบบไหนมากกว่า ^ ^
อตินเอง
ขอบคุณข้อมูลประกอบและเครดิตภาพ
สวดยอด.........
14 ความคิดเห็น
ชอบแดเนียลเหมือนกันค่ะ >< ที่ดูก็เพราะแดเนียล 555555
เห็นแล้วมันดึงดูดความสนใจสุดๆ หนังเข้าโรงแต่ยังไม่มีเวลาไปดูเลย TT
เราว่าแดเนียล เป็นเจมส์บอนด์ที่มีเสน่ห์ดึงดูดที่สุดนะ สายตา หุ่นแซ่บเว่อร์ โอ้ยฟินนนน
แปลกแฮะ.. ทำไมผมชอบ " เพรียซ บรอสแมน "
มากกว่าคุณคนนี้
อาจจะนอกเรื่องนิดนึงแต่ก็อยากจะบอก ในตอน SPECTRE นี้ ได้ทำลายสถิติกินเนส เวิลด์ เรคคอร์ด ในหัวข้อ "The Largest Film Stunt Explosion" หรือก็คือการสร้างฉากระเบิดที่ใหญ่ที่สุด โดยใช้เชื้อเพลิง 8,418 ลิตรและระบิด 33 กิโลกรัม สวดยวดมว๊าก //ปรบมือ
เคยดู Skyfall ปี2ปีก่อน เพิ่งดู James Bond เรื่องแรก บอกเลยว่าโคตรมัน