สวัสดีชาวไรเตอร์ทุกคนจ้า เนื่องในโอกาสวันคริสต์มาส พี่ตินก็เลยตัดสินใจทำบทความเกี่ยวกับวันคริสต์มาส พูดถึงสัญลักษณ์ต่างๆ ของวันคริสต์มาส ว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร และสำคัญอย่างไรบ้าง เผื่อไว้เป็นความรู้รอบตัวของชาวไรเตอร์ ที่อยากจะนำไปเขียนนิยาย หรือสร้างผลงานอันน่าสนใจในอนาคต
 

ยังไงก็สุขสันต์วันคริสต์มาสล่วงหน้า หวังว่าจะได้ความรู้ติดตัวกลับไปบ้าง ไม่มากก็น้อย ^ ^
 

มีความเชื่อว่า... วันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันประสูติของพระเยซู เพราะฉะนั้น ทางศาสนาคริสต์จึงเลือกวันนี้ เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส ทว่ามีข้อมูลทางประวัติศาสตร์อ้างว่า แท้จริงแล้ว วันประสูติคือวันที่ 20 พฤษภาคมต่างหาก อย่างไรก็ตาม เมื่อปี ค.ศ. 380 ศาสนจักรแห่งโรม ออกมาประกาศว่า... วันที่ 25 ธันวาคม คือวันฉลองสากล ทุกคนจึงต้องยอมรับโดยปริยาย บางทฤษฎีเชื่อว่า เหตุผลที่เลือกวันนี้ เพราะเป็นวันกำเนิดของดวงอาทิตย์ และยังเป็นเวลาเก้าเดือนพอดี หลังจากคริสต์ศาสนิกชนสมัยแรกเฉลิมฉลองวันแม่พระรับสาร เป็นต้น
 

 

เครดิตภาพ : crossmap.com
 

หากยังไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร ลองย้อนกลับไปดูที่ภาพ เชื่อกันว่าพระเยซูประสูติในรางหญ้า บรรดาศิลปินต่างๆ ล้วนแต่ฝากฝีมือไว้กับฉากๆ นี้ ไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรมฝาผนัง บานพับภาพ ภาพเขียนสีน้ำมัน หนังสือวิจิตร หน้าต่างประดับกระจกสี หรืองานประติมากรรมต่างๆ หรือแม้แต่งานแกะสลักงาช้าง แกะสลักบนโลงหิน แกะสลักเหนือประตูทางเข้าโบสถ์ คานเหนือประตู หรืออาจเป็นรูปปั้นแบบลอยตัว เรียกได้ว่าเป็นฉากที่แพร่หลายมากที่สุดฉากหนึ่ง
 

การมอบของขวัญให้แก่กัน เป็นธรรมเนียมสำคัญของวันคริสต์มาส ที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเพณีของชาวโรมันโบราณ โดยชาวโรมันนิยมมอบเหรียญให้แก่กันในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านระหว่างปีเก่าและปีใหม่ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับกษัตริย์ Tatius Sabinus ผู้ได้รับมอบท่อนไม้ศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่งจากเทพธิดา Strenia อันเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีสําหรับปีที่จะมาถึง ในเวลาต่อมาได้วิวัฒนาการเปลี่ยนเป็นเหรียญ จากนั้นก็กลายเป็นของขวัญ ในเทศกาลคริสต์มาส
 

 

เครดิตภาพ : filipeso.com
 

หลายคนเชื่อว่า... มาร์ติน ลูเธอร์ เป็นคนแรกของโลกที่พูดถึงต้นคริสต์มาส แต่ในความเป็นจริงแล้ว ต้นคริสต์มาสเกิดขึ้นนานกว่านั้น นั่นคือช่วงศตวรรษที่ 7 นักบุญโบนิฟาส (Saint Boniface) ถูกสั่งให้ตัดต้นโอ๊ค ผลปรากฎว่า พบต้นไม้เล็กๆ เติบโตอยู่บริเวณรากของมัน นักบุญชาวเยอรมันผู้นี้ เชื่อว่า เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี และได้เริ่มประเพณีนำต้นไม้มาประดับในบ้าน ต่อมา ในช่วงศตวรรษที่ 15 ความเชื่อนี้เริ่มแพร่หลาย และชาวคริสต์ทั่วโลกก็เริ่มทำตามนักบุญคนดังกล่าว ต้นคริสต์มาสถูกเปลี่ยนโฉมให้สวยงาม ตกแต่งด้วยข้าวของประดับสวยๆ เทียน และขนม เป็นต้น
 

เมื่อพูดถึง X’mas เราจะรู้โดยอัตโนมัติว่าหมายถึง “คริสต์มาส” คำว่า “-มาส” หรือ “mas” มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณ ซึ่งนำมาจากภาษาละติน หมายถึง “มิสซา” ส่วนตัวอักษร “X” มาจากตัวอักษรกรีก “ไค” ซึ่งมีรูปร่างเหมือนตัว X และเป็นตัวอักษรตัวแรกของคำว่า Χριστός (อ่านว่า Christos) หมายถึง “คริสต์” นั่นเอง ตัวย่อนี้ เพิ่งปรากฎครั้งแรกในปี ค.ศ. 1551 อย่างไรก็ตาม สำหรับคริสตศาสนิกชนหัวอนุรักษ์จะไม่ค่อยชอบใช้คำนี้เท่าไหร่นัก เพราะมองว่า เมื่อคิดตามหลักภาษา คำว่า X’mas จะหมายถึง "การนำความเป็นคริสต์ออกจากคริสต์มาส" หรือแปลง่ายๆ ก็คือ "การขีดฆ่าคริสต์" นั่นเอง
 

ความเชื่อเรื่องซานต้าคลอส เกิดขึ้นโดยนักบุญนิโคลัส ในช่วงศตวรรษที่ 3 (ค.ศ. 270) ที่หมู่บ้าน Patara ตุรกี นิยามที่แท้จริงของ “ซานต้าคลอส” คือ การมอบของขวัญและเงินทองให้กับคนยากจน ต่อมา ก็กลายเป็นธรรมเนียมของการให้ และเสียสละเพื่อคนที่กำลังลำบาก
 

 

เครดิตภาพ : hellawella.com
 

ช่วงคริสต์มาสทีไร (หรือต่อให้ไม่ใช่คริสต์มาสก็เถอะ) ลูกกวาดรูปไม้เท้าเป็นอะไรที่พี่ตินชอบมาก เพราะหวานๆ ซ่าๆ อร่อยดี ลูกกวาดนี้ ถือกำเนิดในช่วงปลาย ค.ศ. 1800 คนทำขนมในอินเดียน่า สหรัฐอเมริกา อยากออกแบบลูกกวาดที่เป็นสัญลักษณ์ของคริสต์มาส จุดเริ่มต้น มันคือแท่งเปปเปอร์มินต์สีขาว ดัดเป็นรูปไม้เท้า สีขาวนั้นหมายถึงความบริสุทธิ์ของพระเยซู และถ้ากลับหัวลง มันก็จะกลายเป็นตัวอักษรตัว “J” ที่หมายถึง “Jesus” (พระเยซู) เขายังใส่ลวดลายเข้าไป เป็นลายทาง โดยใช้สีแดง เพื่อแทนความหมายถึงเลือดที่พระเยซูต้องหลั่งเพื่อคริสตศาสนิกชน ส่วนไม้เท้า ก็หมายถึงคนเลี้ยงแกะ อันเป็นสมญานามของพระองค์
  

อตินเอง 
 

www.history.com/topics/christmas/history-of-christmas-trees
http://listverse.com/2010/12/25/10-fascinating-facts-about-christmas/