"เขียนให้คนอ่านจำ
ในสิ่งที่เราอยากให้เขาจำ" 

 

สวัสดีค่ะชาวเด็กดี พี่อรยังคงขอให้ทุกคนสนุก และมีความสุขกับการเที่ยวสงกรานต์นะคะ สำหรับคอลัมน์พบปะพูดคุยสัปดาห์นี้ พี่อรมีรุ่นพี่นักเขียนแนววายมาแนะนำค่ะ พี่อรรู้จักเธอผ่านผลงานเรื่อง "ปิตุครรภ์สนธยา" ที่รู้จักก็เพราะว่าสะดุดกับชื่อเรื่องเนี้ยแหละค่ะ ที่ทำให้เริ่มคลิกเข้าไปอ่าน แล้วก็คิดเแบบเดียวกับนักอ่านท่านอื่นๆ ว่าเธอคนนี้ใช้สำนวนได้เป็นเอกลักษณ์ดีจริง แถมเนื้อหาก็ยังชวนให้ขบคิดไม่น้อย ที่สำคัญคือเธอลงจนจบครบเรื่องทำให้นักอ่านอย่างเราไม่มีค้างคา ล่าสุดผลงานของเธอเป็นหนึ่งในนิยายที่ถูกถามถึงมากที่สุดเล่มหนึ่งในงานสัปดาห์หนังสือที่ผ่านมา และด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้พี่อรเลือกจะชวนเธอมาพูดคุย เพื่อทำความรู้จักให้มากขึ้น ไม่ใช่แค่ในฐานะนักเขียนแต่ยังคือเพื่อน พี่ และน้อง ในหมวดไรเตอร์ของเรา
 
รูปภาพแทนตัวของ ต.ใต้ต้นตาล ที่นักอ่านคุ้นตา
 
อยากทำความรู้จัก ต.ใต้ต้นตาล ให้มากขึ้น ช่วยแนะนำตัวเองหน่อยจ้า
ต.ใต้ต้นตาลสวัสดีค่ะ ต.ใต้ต้นตาล มีชื่อเล่นว่า ‘ตาล’ ส่วนในโชเชียลใช้ชื่อ ‘จินต์ ลี.’ ตอนนี้อายุก็---แค่กๆ (สำลัก) ถึงไหนแล้วนะคะ อ้อ ต.ใต้ต้นตาลเป็นคนอ่อนไหวง่ายนะ รู้ตัวเองเลย ก็ผู้หญิงที่ธรรมดามากนี่แหละ บางคนบอกว่าเราเพี้ยน ตอนเด็กอยู่กับปู่ย่าที่สระบุรี เล่นบุกป่าในพงหญ้าสูงท่วมหัว เล่นนู่นนี่นั่นแบบเด็กสนุกมาก แต่ก็ย้ายมาอยู่ในเมืองกับพ่อแม่ที่สมุทรปราการตอน ป.3 เจอสิ่งแวดล้อมใหม่ เข้ากับใครไม่ค่อยได้จึงมักอยู่เงียบๆ คนเดียว เคยมีคนมาบอกว่าเกลียดเราด้วยคำหยาบ มันเป็นเรื่องที่รุนแรงสำหรับเราในตอนเด็กนะ ไม่เข้าใจเหตุผลที่เขาพูดแบบนั้น จนเราเกลียดคำหยาบมากๆ เราไม่พูดคำหยาบเลยจนกระทั่งจบ ม.ปลาย หลายคนหาว่าเราตอแหล น้อยคนนะที่จะมองถึงเหตุผลที่เราเป็นอย่างนี้ เพราะมันคือความรู้สึกแย่ทุกครั้งที่นึกถึงช่วงการถูกบอกว่าเกลียดด้วยคำแบบนั้น ร้องไห้เลยล่ะ

ความจริงหลายอย่างในชีวิตมันทำให้เราทุกข์ใจ เด็กมากจนไม่รู้วิธีจัดการ เราเลยหันเหความสนใจไปอยู่กับพวกนิยายแฟนตาซี ตอนนั้นคิดว่าแฟนตาซีคือโลกใบใหม่ ถ้าสร้างขึ้นมามันก็เป็นพื้นที่เฉพาะของเราได้

มาถึงช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ได้ยินเพื่อนใช้คำหยาบกันบ่อยมาก ได้ยินจนเริ่มชิน เริ่มเข้าใจว่ามันไม่ได้อยู่ที่ว่าใช้คำแบบไหน แต่ทุกอย่างมันอยู่ที่ความรู้สึกของคนที่พูดออกมา เราก็ไม่มีปัญหากับเรื่องพวกนี้แล้วค่ะ ฟังได้ รับได้ อ่านนิยายที่ใช้คำพวกนี้ได้ ปลงมากๆ มามีปัญหากับเรื่องสุขภาพแทน เพิ่งเข้าใจชีวิต เพราะเราป่วยล่ะมั้งเลยเริ่มมองอะไรอะไรให้มันเป็นเรื่องง่ายขึ้น เรียนรู้วิธีสร้างความสุขให้ตัวเองโดยยังอยู่กับสิ่งที่มี กับงานเขียนนี่เรียกว่าสิ่งที่มีด้วยนะเพราะว่าเราลงมือทำอยู่ ไม่ใช่สักแต่วาดฝันหาความสุขโดยไม่ทำอะไรเลย

ที่เริ่มเขียนนิยายวายก็เพราะประทับใจค่ะ นิยายวายและการ์ตูนวายที่อ่านมันมีกลิ่นไอดราม่าที่มีเสน่ห์มาก ไม่รู้ว่าทำไมถึงดึงดูดเราได้ขนาดนี้ ตั้งหน้าตั้งตาอ่าน - เขียนใจจดจ่อมาก นอกจากเรื่องขีดๆ เขียนๆ แล้วสิ่งที่ชอบอีกก็คือการกินของอร่อยค่ะ มันเป็นความสุขที่หาได้ง่ายที่สุด (ฮา)
 
พอจำได้ไหมว่าเข้ามาเดินบนถนนสายวรรณกรรมนี้ได้ยังไง
ต.ใต้ต้นตาลเริ่มจากตอน ม.ต้น ลองเขียนบทพูดของตัวละครสลับกันไปมา เขียนเล่นๆ ขำๆ พอเราอ่านงานเขียนมากขึ้นก็มีสิ่งที่อยากลองเขียนเพิ่มขึ้นตาม เขียนจนนิ้วที่จับปากกาโปและด้านมาจนทุกวันนี้ ทาครีมก็ไม่หาย ฮือ ม.ปลายก็มีโอกาสได้ไปค่ายกล้าวรรณกรรม รุ่น 2 ตอนนั้นเริ่มมองงานเขียนจริงจังขึ้น มีแบบแผนขึ้น เขียนจบด้วยนะ (มีสามภาคจบกับอีกเรื่องสองภาคจบ) แต่คิดว่าฝีมือยังไม่ดี อ่านแล้วมันยังไม่ใช่เลยเก็บไว้ดูพัฒนาการของตัวเอง

ตอนเรียนมหาวิทยาลัยพักการเขียนนิยายค่ะ เรียนหนักมาก จนเรียนจบแล้วเกิดเหตุพลิกผันในชีวิต ไม่อาจใช้สิ่งที่เรียนมาทำงาน แต่มันเป็นโอกาสให้เราได้ทำสิ่งที่รักแทน นั่นคือกลับมาเขียนนิยาย กลับมาเขียนเยียวยาหัวใจตัวเอง เป็นแค่นักอยากเขียนธรรมดาๆ คนหนึ่ง เริ่มเอานิยายลงเว็บเด็กดี สร้างโจทย์ท้าทายตัวเองแล้วเขียนนิยายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเกิดเรื่องแย่ในชีวิตอย่างมาก อับจนหนทาง เราก็ดำดิ่งลงสู่การเขียนปิตุครรภ์สนธยาโดยมีเป้าหมายเพื่อส่งสำนักพิมพ์แบบจริงจัง จากที่เคยเขียนแบบพล็อตหลวมก็กลายเป็นคิดทุกอย่าง วางแผนแล้ววางแผนอีก
 
ชื่อนามปากกา ต.ใต้ต้นตาล มีที่มาไหมคะ แล้วทำไมถึงเลือกใช้นามปากกานี้
ต.ใต้ต้นตาลนามปากกา ต.ใต้ต้นตาล มาจาก... ตาตี๋ไต่ต้นตาลและสุดท้ายก็ตายใต้ต้นตาลนั่นแหละค่ะ เพราะว่าเราชื่อตาล ไม่ใช่ลูกตาล น้ำตาล แต่เป็นต้นตาล ตอนย้ายจากเมืองมาอยู่ชนบท ก็ได้เห็นต้นตาลขึ้นกลางนา มันถูกทิ้งไว้ต้นเดียวโดดเดี่ยว ไปเจอต้นตาลอีกมันก็โดดเดี่ยวอยู่กลางนาอีก ไม่มีต้นไม้อื่นขึ้นเป็นเพื่อนเลย หรือมันอาจอยู่กับต้นอื่นไม่ได้ จนได้เห็นต้นตาลที่ถูกไฟไหม้ตาย คิดไปว่าชีวิตคนเรามันก็แค่นี้เหมือนกัน สักวันก็ต้องตาย พอคิดย้ำคำว่าตายกับคำว่าต้นตาลก็นึกถึงตาตี๋ไต่ต้นตาลอย่างที่บอกค่ะ มันแวบเข้ามาในหัว แล้วเราก็คิดย้ำอยู่แค่คำว่าตายใต้ต้นตาลต่อไป... เลยเอาตรงนี้มาเป็นนามปากกา ย่อคำว่าตายเป็น ต. มันไม่ใช่การซ้ำเติมตัวเองนะ แต่เป็นการเตือนสติว่าเราอาจเหลือโอกาสที่จะทำสิ่งต่างๆ ไม่มากแล้ว จุดสิ้นสุดของการเป็นต้นตาลมีอยู่นะ เมื่อเราระลึกถึงมันได้ก็จะเกิดแรงฮึดให้ต้องรีบทำในสิ่งที่อยากทำก่อนไม่มีโอกาสได้ทำอีก
 
ทำไมชื่อนิยายต้องเป็น “ปิตุครรภ์สนธยา” ตอนนั้นคิดอะไรอยู่คะ แล้วชื่อนิยายเรื่องนี้จริงๆ แปลว่าอะไร ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยค่ะ
ต.ใต้ต้นตาลในเรื่องเรียกบุรุษเชื้อสายสากษิณที่มีครรภ์ว่าปิตุครรภ์ค่ะ เราอยากได้คำศัพท์ที่เฉพาะและสื่อความหมายในแบบที่ต้องใช้ความคิด เหมือนงานศิลปะที่ใช้ความละเอียดอ่อน ตอนคิดชื่อเรื่องจึงเลือกคำที่มีอยู่ในเนื้อหามารวมกัน นั่นคือปิตุครรภ์กับสนธยา สองคำนี้อ่านแบบไม่รู้อะไรเลยก็เหมือนไม่สัมพันธ์กันใช่ไหมล่ะคะ ตลกด้วยสิ ทว่าอาจจะดีตรงคนอ่านจำได้เพราะมันแปลก มองว่าเรียบง่ายก็ได้นะ เป็นชื่อที่ทุกคนเห็นเหมือนกันแต่อาจคิดต่อไม่เหมือนกัน ถ้าได้อ่านเนื้อเรื่องจนเข้าใจความหมายของแต่ละคำก็จะทำให้มองชื่อเรื่องใหม่ได้อีกแบบ ตรงตามความต้องการของเรา อีกแง่คือชี้ให้คนอ่านรู้เลยว่านี่เป็นนิยายแนวผู้ชายท้องได้นะ บางคนอาจรับแนวนี้ไม่ได้ก็ต้องตั้งชื่อเป็นป้ายระบุเอาไว้ด้วยค่ะ

‘ปิตุครรภ์สนธยา’ หมายถึงการกลายเป็นปิตุครรภ์ในยามสนธยาย่ำค่ำ ต้องเป็นเวลานี้เท่านั้นที่บุรุษสากษิณจะเป็นปิตุครรภ์ได้ (อันที่จริงสนธยาไม่ได้หมายความว่าเวลาเย็นเท่านั้น แต่ในเรื่องนี้ใช้กับเวลาเย็นค่ะ เราเลยอธิบายพ่วงว่าสนธยาย่ำค่ำบ่อยๆ ให้เป็นช่วงเวลาที่แน่นอนยิ่งขึ้น) แสงสนธยาให้ความรู้สึกที่น่าพิศวง โดยส่วนตัวแล้วมันให้ความรู้สึกเศร้าวังเวงกับตัวคนเขียนเองด้วย เลยสรุปเองว่าช่างเข้ากับอารมณ์ดราม่าของเรื่อง
 
เป็นนิยายวายอีกเรื่องที่นักอ่านออกปากว่า ไม่มี NC ก็ไม่เป็นไร ไม่สน เพราะเนื้อหาสนุกมาก แล้วส่วนตัวนักเขียนคิดเห็นกับประเด็นนี้ยังไงบ้างคะ
ต.ใต้ต้นตาลNC ในที่นี้พูดถึงเซ็กซ์ซีนใช่ไหมคะ แฮ่ เราไม่เขียนค่ะ ไม่ใช่ว่าแอนตี้หรืออะไรนะ แค่อยากเขียนนิยายวายที่คนอ่านไม่ได้มาตามอ่านเพียงเพราะต้องการฉากอย่างว่า อยากลองพิสูจน์ฝีมือในการเขียนของตัวเอง ว่าแค่เนื้อเรื่องกับสำนวนแบบนี้ สิ่งที่เรามีมีอยู่อย่างนี้ แล้วคนอ่านจะสนใจเราแค่ไหน อยากให้เขาทึ่งกับเนื้อเรื่อง ทึ่งกับสำนวน

เราเคยอ่านนิยายที่มีฉากอย่างว่าทั้งนิยายปกติและนิยายวายนะ เขียนยากนะคะ ถ้าเขียนดีในแง่ของความรัก คนอ่านก็จะรู้สึกถึงความรัก ถ้าเน้นฉากนั้นมากเกินไปมันก็ทำลายตัวละคร ทำลายอะไรหลายอย่าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คนเขียนต้องการจะสื่อด้วย
 
สำหรับนิยายเรื่อง ปิตุครรภ์สนธยา ถือว่ากระแสตอบรับดีมาก ดีตั้งแต่ยังไม่ตีพิมพ์ ในส่วนของนักเขียนคิดว่าอะไรที่ทำให้นิยายเรื่องนี้เข้าถึงคนอ่านได้ขนาดนี้คะ
ต.ใต้ต้นตาลขอตอบตามตรงเลยว่า... เราโชคดีที่มีแฟนคลับจากเรื่องอื่นๆ ก่อนหน้านี้ค่ะ เราต้องมีเรื่องที่เขียนจบด้วยนะเพื่อสร้างความมั่นใจให้คนอ่าน ถ้าเขียนไม่จบสักเรื่องแล้วเปิดเรื่องใหม่นี่มีสิทธิ์โดนเมินแน่ พอแฟนคลับตามมาอ่านเรื่องใหม่ ถ้าเขาชอบก็จะช่วยบอกต่ออีกทอด งานของเราคือดึงคนอ่านเอาไว้ให้ได้นั่นเอง ทำให้เขาลุ้นตาม อยากรู้ว่าเรื่องของเราจะเป็นยังไงต่อ และนิยายสิบสองบทเราก็ทยอยลงทีละครึ่งบท ไม่ลงรวดเดียว เพื่อให้นักอ่านคนอื่นๆ เห็นนิยายของเรามากขึ้นด้วย
 
ในเรื่องนักอ่านคาดเดาอะไรไม่ได้เลย ส่วนตัวมีเทคนิคยังไงทำให้นิยายน่าติดตามได้ขนาดนี้
ต.ใต้ต้นตาลวางแผนล่วงหน้าค่ะ ตีกรอบหลวมๆ ทยอยให้ข้อมูลแก่คนอ่าน มันจะมีทั้งข้อมูลที่เป็นการเตือน ข้อมูลที่ชวนให้ไขว้เขว และข้อมูลที่คอยดึงอารมณ์คนอ่านเอาไว้กับนิยาย

เราต้องจินตนาการปฏิกิริยาของคนอ่านที่มีต่อการเดินเรื่องในแต่ละส่วน พอตัดตัวละครออกไปให้เหลือหนึ่งตัวกับตัวร้าย เราลองเขียนตัวร้ายให้ร้ายสุดๆ พยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่คนอ่านคิดด้วยว่า ถ้าร้ายขนาดนี้จะมีคนคิดว่าตัวนี้เป็นพระเอกหรือเปล่านะ ไม่ใช่การท้าทายคนอ่าน สิ่งที่เราต้องการคือกระตุ้นให้คนอ่านคิด เกิดการคาดเดา และเมื่อมีการคาดเดาเรื่องไว้มันถึงจะมีการหักมุมได้ กระชากอารมณ์ได้
 
ปกปิตุครรภ์สนธยา ออกครั้งแรกในงานหนังสือที่ผ่านมา
 
ในฐานะนักเขียนคิดว่าส่วนไหนของปิตุครรภ์สนธยาที่เขียนยากที่สุด หรือรู้สึกว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุด เพราะอะไร
ต.ใต้ต้นตาลบทพิเศษค่ะ ซีนอารมณ์ในเนื้อเรื่องก็ยาก แต่การที่รู้ว่าเราจะเขียนอะไรถือว่ายังเขียนง่ายอยู่นะ สำหรับบทพิเศษนี่คือ... เขียนนิยายจบแล้ว เรื่องมันก็จบ ไม่มีอะไรอยู่ในหัวเราอีก การที่ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรนี่แหละยากสุดๆ ต้องอาศัยการอ่านคอมเมนต์ของคนอ่านเพื่อเขียนกันเลยทีเดียว

กรณีของ ‘ส่วนสำคัญที่สุด’ ขอย้อนกลับมาซีนอารมณ์ในเรื่องค่ะ เพราะซีนอารมณ์นี่เป็นการอธิบายเหตุผลของการกระทำด้วย ต้องใช้ภาษาสื่ออารมณ์ให้คนอ่านเข้าถึงความรู้สึก เมื่อเขารู้สึกตามได้ก็จะเกิดการคิดและเข้าใจได้ว่าตัวละครทำสิ่งนี้สิ่งนั้นทำไม ถ้าดึงอารมณ์คนอ่านไม่ได้เขาจะไม่เชื่อเรา ไม่ลุ้นไปกับเรา ใส่อะไรไว้ก็แป้ก...
 
เรื่อง ปิตุครรภ์สนธยา นักอ่านลุ้นกันสนุกมาก อยากรู้ในมุมของนักเขียนบ้าง เวลาที่เจอนักอ่านน่ารักๆ แบบนี้รู้สึกยังไง
ต.ใต้ต้นตาลดีใจค่ะ นั่งยิ้มจนคนที่บ้านหาว่าบ้า และในเวลาที่ท้อ พอย้อนอ่านคอมเม้นต์ของนักอ่านก็รู้สึกมีพลังฮึด จุดที่คนอ่านรู้สึกแปลกก็จะทักให้เราเอะใจ เขายังเขียนเหตุผลด้วยนะให้เราเข้าใจปัญหาตรงนั้นตาม ขอบคุณมากเลยค่ะ ตอนเห็นว่ามีนักอ่านถ่ายรูปกับนิยายของเราด้วยคือเราเขินหนักมาก ดีใจค่ะ รู้สึกขอบคุณมากจริงๆ
 
เรื่องนี้จะว่าไปการใช้ภาษาดูมีเอกลักษณ์ จนนักอ่านพูดถึง (ภาษาสวย อ่านแล้วไม่สะดุด) ส่วนตัวนักเขียนมีวิธีพัฒนาศักยภาพในการใช้ภาษายังไง ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย
ต.ใต้ต้นตาลเริ่มจากการอ่านเลยค่ะ อยากเขียนนิยายแบบไหนก็ให้อ่านงานแนวนั้นมากๆ ตอนเรียนเราได้อ่านวรรณคดีไทยก็อยากรู้เพิ่มเติมจนต้องหาอ่านตั้งแต่ต้นจนจบใหม่ ชอบงานของท่านสุนทรภู่ ท่านเป็นคนแรกที่ทำให้เรารู้จักการใช้คำที่ดูเหมือนมีชีวิต หลายคนน่าจะเคยผ่านตาในนิราศซึ่งพูดถึงทาก
 
กระโดดเผาะเกาะผับขยับคืบ ถีบกระทืบมิใคร่หลุดสุดแขยง” จาก นิราศเมืองแกลง 
 
เราก็ฮึ่ย ใช้คำที่สื่อภาพเห็นถึงการเคลื่อนไหวได้ขนาดนี้เลยหรอ มีวิธีนี้อยู่ด้วยหรอ แล้วเราก็ยังทึ่งในการเล่นคำ จะเรียกว่าไงดีล่ะ ประมาณภาษากำซาบฉาบทั่วหัวใจเราได้ มันคือกลิ่นไอในสำนวนของคนโบราณที่ดูมีเสน่ห์มาก เมื่อเราอ่านหนังสือเราจะเกิดการเรียนรู้ ได้เปิดมุมมองใหม่ๆ ที่เป็นไปได้ในการนำมาใช้งาน ที่สำคัญคือต้องลองเขียน ฝึกเขียนออกมาด้วย เมื่อโตขึ้นเราก็ได้อ่านงานเขียนที่หลากหลายมากขึ้น ขณะเดียวกันการใช้ภาษาก็ถูกขัดเกลาผ่านการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ อ่านนิยายแล้วดูอารมณ์ของคำแต่ละคำ สั่งสมคำศัพท์จากการอ่านค่ะ

เจอคำว่าอ่าน - เขียนบ่อยนะ อีกทักษะที่อยากให้ฝึกฝนมากๆ คือการคิดค่ะ ‘อ่าน-คิด คิด-เขียน-คิด’ จะเขียนแล้ว แม้แต่ภาษาก็ต้องคิดก่อนว่าจะใช้ระดับไหน พรรณนาสวยงามเป็นภาษาประดิษฐ์ไปเลยมันจะใช่สำหรับเราไหม ต้องใช้ภาษาแบบไหนคนอ่านกลุ่มเป้าหมายถึงจะเข้าถึง...

อย่างปิตุครรภ์สนธยา เราคิดหาภาษาจนนึกได้ว่าคนโบราณใช้คำง่ายๆ นะ ทั้งที่เป็นคำง่ายๆ ก็มีเสน่ห์ดึงดูด บางทีเสน่ห์ของภาษาอาจเป็นความเรียบง่ายที่อยู่ถูกที่ ถูกเวลา ถูกตัวละคร ไม่รู้นี่เรียกการพัฒนาได้หรือเปล่า แค่เราคิดและทำความเข้าใจ สิ่งที่ผ่านการกลั่นกรอง ผ่านการทำความเข้าใจนั่นแหละมันจะเป็นเอกลักษณ์ที่เราสื่อออกมาในงานเขียนด้วย ที่สำคัญต้องอ่านทวน ปรับแก้ให้ลื่นไหล ไม่ใช่เขียนทีแรกก็จะดีเลยนะคะ อย่าใจร้อน อย่าขี้เกียจกับขั้นตอนนี้ เราคิดว่ามันสำคัญมาก
 
ในเรื่องมีคำคมและข้อคิดดีๆ แฝงไว้เยอะเหมือนกัน ว่าแต่สำหรับนักเขียน ชอบคำคม หรือแนวคิดไหนในเรื่อง ปิตุครรภ์สนธยา มากที่สุด
ต.ใต้ต้นตาลข้อคิดในนิยายเรื่องนี้ถูกเขียนเอาไว้ด้วยการประชดประชัน เราจึงเขียนที่หน้าหลักว่าต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน เพราะบางทีต้องใช้การตีความ ที่ชอบสุดก็ตรง...
 
    ‘ประชาชนล้วนมีความสุข เทิดทูนบูชากษัตริย์ผู้ประทานเมืองที่มีเงินสะพัดกว่าแต่ก่อนให้ ของทุกอย่างมีราคาแพงขึ้นหลายเท่าตัว มันคือเมืองคนเจริญแล้วที่ตีค่าและคิดทุกอย่างให้เป็นเงิน เมื่อได้รับเงินมากหน่อย ประชาชนของแคว้นมนุษย์สาก็ไม่โอดครวญมากมายอีก
 
สิ่งที่เราอยากให้ฉุกคิดคือ... การได้รับสิ่งเหล่านี้เป็นความสุขที่แท้จริงของพวกเขาแล้วใช่ไหม?

อันนี้อยากเล่า แคว้นที่รายล้อมมนุษย์สาเราสร้างขึ้นมาจากกิเลสของมนุษย์ค่ะ ไม่ว่าจะเป็น อสุรา (โทสะ), พราย (โมหะ), โหง (โลภะ), มาร (ราคะ) และเทวี (ความรัก) เราเขียนให้สิ่งเหล่านี้มีผลต่อแคว้นมนุษย์สา และสิ่งที่จะเอาชนะกิเลสได้คือสติ ในขณะที่เราให้ความฉลาดหลักแหลมไว้ที่กษัตริย์สามล ทว่าแค่ความฉลาดมันยังไม่ใช่ปัญญาอันแท้จริงที่จะปกครองแคว้น เพราะสามลขาดความเมตตา
 
ปิตุครรภ์สนธยา เขียนจบแล้วแต่ดูเหมือนนักอ่านจะยังไม่จบ แบบนี้จะมีภาคต่อไหมคะ หรือวางแผนจะมีผลงานแนวไหนให้แฟนคลับติดตามอ่านอีกบ้าง
ต.ใต้ต้นตาลไม่มีภาคต่อค่ะ แต่ยังค้างบทพิเศษกับคนอ่านอยู่ ตอนนี้บอกตัวเองว่าถ้ายังเขียนนิยายทั้งหมดไม่จบจะไม่เขียนเรื่องใหม่ ไม่อยากให้มีอะไรค้างคามากไปกว่านี้ ถึงเป็นเรื่องที่มีคนสนใจน้อยก็อยากเขียนให้จบอยู่ดี เพราะทุกเรื่องที่มีเราเขียนเพราะชอบ อ้อ! นิยายอีกเรื่องที่เขียนจบแล้ว จอมใจอรันยา เร็วๆ นี้จะได้ออกเล่มค่ะ เป็นนิยายวายแฟนตาซีย้อนยุค มีกลิ่นไอดราม่าและความอ่อนละมุน
 
ถ้ามีน้องนักอยากเขียน อยากลองเขียนนิยายแนววายดูบ้าง ในฐานะของนักเขียนรุ่นพี่ จะแนะนำยังไง
ต.ใต้ต้นตาลลองเขียนได้ค่ะ เป็นการฝึกฝนฝีมือได้เหมือนกัน แต่อยากให้เขียนด้วยความเข้าใจ นิยายวายยังมีมุมมองอีกมากให้หยิบยกมาถ่ายทอด หรือจะท้าทายตัวเองเน้นไปที่การเดินเรื่องชวนไขว้เขวก็ได้ เขียนให้คนอ่านจดจำเราในสิ่งที่เราอยากให้เขาจดจำ นิยายวายก็เขียนให้เป็นนิยายที่ดีได้ อยากเขียนเริ่มเลย ที่สำคัญต้องมีความรับผิดชอบในงานเขียน มีวินัย ไม่ก็อป ต้องเตรียมใจรับมือกับฟีดแบค และให้เกียรติสถานที่ที่เราลงนิยายโดยการปฏิบัติตามกฎ
 
อยากให้ฝากถึงน้องๆ ที่กำลังเหนื่อย ท้อ หรือกำลังหมดใจในการเป็นนักเขียนสักหน่อย
ต.ใต้ต้นตาลเหนื่อย ท้อ หมดหวัง...ก็พักได้ค่ะ อย่าพูดว่าจะเลิกเขียนนิยายเลย เราหยุดเขียนได้เท่าที่เราพอใจ แต่ต้องให้โอกาสตัวเองกลับมาเขียนอีกเมื่อไหร่ก็ได้ ให้อิสระกับตัวเอง มีอิสระที่จะคิด บางทีอาจคิดหาทางออกได้ด้วย

สำหรับเรา เวลาท้อจะย้อนกลับมาถามตัวเองว่าเหตุผลแรกที่เริ่มเขียนนิยายคืออะไร ถ้าเหนื่อยกับการแบกรับนู่นนี่นั่นแค่วางมันลง พักกายพักใจ ถ้ากดดันกับกฎการเป็นนักเขียนที่บีบรัดตัวเราก็ให้บอกว่าเราไม่ใช่นักเขียน แต่เป็นนักอยากเขียน ถ้าท้อเพราะไม่มีคนอ่าน ก็ไปอ่านนิยายที่ได้ตีพิมพ์และผ่านการขัดเกลาสำนวนมากๆ ยิ่งคิดว่าเราไม่เก่งยิ่งต้องอ่านมาก ยิ่งต้องฝึกมาก ต้องอ่านให้ถูกเรื่องด้วย เก็บเกี่ยวประสบการณ์เอาไว้ถ้ากลับมาเริ่มเขียนนิยายใหม่จะได้เห็นการพัฒนาของตัวเราเองค่ะ

มีเรื่องอยากเล่าอีกค่ะ นานมาแล้ว... มีใครคนหนึ่งบ่นถึงงานเขียนของเขาว่า... มาได้แค่นี้เอง เขาดูท้อแท้ สิ้นหวังเหมือนไม่เห็นทางไปต่อ ตอนนั้นเราเห็นต่างนะ เราเห็นว่าเขายังไปได้อีก เพียงแค่ต้องพักเหนื่อยให้พายุฝุ่นจางลงก่อน เขายังสามารถมองเห็นทางที่จะไปต่อได้... เพราะว่ายังมีชีวิตอยู่ ยังมีแรงก้าวเดิน ตรงกันข้ามกับอีกคนที่มองเห็นทางใกล้ตันของตัวเองแล้ว เพราะว่าร่างกายของเขาเริ่มมีปัญหา เขากำลังจะเดินไม่ได้ ทว่าตอนนี้เขาก็ยังพยายามไปให้ไกลที่สุดเท่าที่ไปไหว เพื่อที่ว่าเมื่อเดินไม่ได้แล้วจริงๆ เมื่อมาได้แค่นี้แบบจริงๆ เขาจะได้ไม่เสียใจภายหลัง
 
สุดท้ายฝากอะไรถึงนักอ่านชาวเด็กดีสักหน่อย
ต.ใต้ต้นตาลการอ่านนิยายก็เป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง เราสามารถเรียนรู้และพัฒนาจากสิ่งที่อ่านได้นะจ๊ะ ขอบคุณนักอ่านและเว็บเด็กดีค่ะ ^ ^
 
จงสร้างผลงานในแบบที่ทำให้คนอ่านจดจำเราในสิ่งที่เราอยากให้เขาจดจำ นั่นคือส่วนหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ที่พี่อรจำมันได้ขึ้นใจ ว่าแต่น้องๆ นักอยากเขียนคิดเอาไว้บ้างหรือยังว่าอยากให้นักอ่านจดจำเราแบบไหน ด้านไหน ลองคิดูนะคะ สำหรับสัปดาห์หน้าจะมีพี่ทีมไรเตอร์คนใหม่มาแนะนำนักเขียนในหมวดเราแทนพี่อรแล้ว หวังว่าทุกคนจะต้อนรับสมาชิกใหม่และให้กำลังใจเธออย่างที่พี่อรได้รับนะคะ ส่วนพี่อรก็ยังไม่ได้หนีหายไปไหน ยังวนเวียนสิงอยู่ในหมวดไรเตอร์นี่แหละ แล้วเจอกันใหม่ตามโอกาสน้า สุขสันต์วันปีใหม่ไทยค่ะ
 
พี่อร
 
^____________^

 
'อคิราห์' นักเขียนติสท์เว่อร์ที่เรายินดีแนะนำ!
พี่อร
พี่อร - Writer Editor คอลัมนิสต์ผู้เชื่อว่านิยายคือเพื่อนแท้ และเห็นอาหารการกินเป็นเรื่องของความสุข

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
lormay 17 เม.ย. 59 21:30 น. 2
ยังหาซื้อหนังสือไม่ได้เลยค่ะ T^T //กัดขอบผ้าเช็ดหน้า ขอบคุณที่เขียนนิยายสนุกๆให้อ่านนะคะ
1
กำลังโหลด

6 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
lormay 17 เม.ย. 59 21:30 น. 2
ยังหาซื้อหนังสือไม่ได้เลยค่ะ T^T //กัดขอบผ้าเช็ดหน้า ขอบคุณที่เขียนนิยายสนุกๆให้อ่านนะคะ
1
กำลังโหลด
Deciso(เด) 18 เม.ย. 59 23:39 น. 3
อ่านแล้วเหมือนได้ทบทวนตัวเองไปด้วย ฮา คุณต.ใต้ต้นตาลละเอียดมากเลยค่ะ ไม่แปลกที่จะทำให้นักอ่านติดขนาดนี้ นอกจากนี้ยังแคร์นักอ่านมากด้วย(เห็นได้จากสัมภาษณ์และการตอบทุกคอมเมนท์ทั้งในนี้และหน้านิยาย) ประทับใจจริงๆค่ะ รอติดตามผลงานนะคะ^^
1
กำลังโหลด
เด็กเลี้ยงไก่ 19 เม.ย. 59 13:05 น. 4
สนุกมากกกกกกกก ไปงานหนังสือเพื่อซื้อเล่มนี้55 อ่านแล้วเรานี่ฟินจิกหมอนตายเลยค่ะ รักเลย จะรอติดตามผลงานต่อไปนะค่ะ
1
กำลังโหลด
จินต์ ลี. Member 20 เม.ย. 59 12:14 น. 5-1
มีความลับที่อยู่ในใจ มีความลับที่อยู่ข้างใน เป็นความลับที่ยังเปิดเผยไม่ได้~ //ร้องเพลง
0
กำลังโหลด
varin 20 เม.ย. 59 21:32 น. 6
ขอบคุณมากนะพี่ พี่สอนหนูหลายเรื่องเลย หนูได้มุมมองอะไรหลายอย่างจากบทความนี้ บางอย่างเราก็ที่คิดไม่ถึง .....เขียนให้คนอ่านจดจำเราในสิ่งที่อยากให้เขาจำ... ชอบๆ ^^ เยี่ยมไว้จะตามไปอ่านนิยายค่ะ
1
กำลังโหลด
กำลังโหลด