เปิดตำนาน 5 ผีพื้นบ้านสยองที่จะทำให้คุณหลอนจนนอนไม่ได้

เปิดตำนาน 5 ผีพื้นบ้านสยอง
ที่จะทำให้คุณหลอนจนนอนไม่ได้



สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน ถ้าพูดถึงผีพื้นบ้านของไทย คงนึกถึงแม่นาค ผีกระสือ เป็นต้น ยิ่งผีปอบนะ บอกเลยว่ากระแสมาแรงมาก ณ จุดนี้ ทำให้พี่น้ำผึ้งอดสงสัยไม่ได้ว่าชาติอื่นๆ จะมีเรื่องเล่าผีพื้นบ้านเหมือนไทยแลนด์แดนสยามบ้างหรือเปล่า ผลจากการลองค้นหาในกูเกิ้ลพบว่ามีค่ะ!! บอกเลยว่าสยองไม่แพ้พี่ไทย วันนี้พี่เลยได้โอกาสรวบรวม 5 ตำนานผีพื้นบ้านจากทั่วทุกมุมโลกมาฝากน้องๆ กันค่ะ มีตั้งแต่ตำนานญี่ปุ่นไปจนถึงอเมริกาเลยแหละ! จะเป็นยังไงบ้างนั้น ตามมาดูเลยดีกว่าค่ะ 

 


ปีศาจร้าย แบล็ก แอนนิส
(via: annatheimp.blogspot.com)


 

แบล็ก แอนนิส (Black Annis)

ถ้าพูดถึงตำนานผีพื้นบ้านของเกาะอังกฤษคงหนีไม่พ้นเรื่องของ “แบล็ก แอนนิส (Black Annis)” เป็นแน่แท้ ปีศาจตนนี้มีใบหน้าซีดเซียด ดวงตากลมโต ขุ่นมัวแต่กลับดุร้าย ทั้งเขี้ยวและเล็บเป็นเหล็ก มันอาศัยอยู่ในถ้ำเขตหุบเขาดีน เมืองเลสเตอร์เชอร์ ประเทศอังกฤษ ว่ากันว่านี่คือร่างอวตารของแบล็ค แอกเนส เคานท์เตสแห่งดันบาร์ค่ะ

แบล็ก แอนนิสคอยจับเด็กและลูกแกะกินเป็นอาหาร เมื่อไหร่ก็ตามที่มันเจอเหยื่อ มันจะซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้โอ๊ค ก่อนจะจู่โจมใส่เป้าหมายด้วยการขึ้นไปอยู่บนหน้าอกและดูดลมหายใจของเหยื่อออกไปจนหมด จากนั้นจึงถลกหนังแล้วกินเนื้อของเด็กค่ะ!!

ในตำนานยังกล่าวไว้อีกว่า หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว แบล็ก แอนนิสจะนั่งบนกองกระดูกเหยื่อหน้าถ้ำของมัน และเมื่อมีคนผ่านไปเห็น มันจะรีบหายตัวไปเหลือไหวแต่เศษกระดูกนั่นเอง พีคจริงอะไรจริง

 


ลา โยโรนา
(via: youtube.com)


 

ลา โยโรนา (La Llorona)

ข้ามฟากไปฝั่งละตินอเมริกาบ้าง ตำนานอันโด่งดังของแถบนี้คงหนีไม่พ้น “นางร่ำไห้” ไม่ใช่เมอร์เทิลจอมคร่ำครวญนะคะ แต่นี่คือ "ลา โยโรนา (La Llorona)" ผีพื้นบ้านสัญชาติเม็กซิกันที่สร้างความสยองให้แก่ผู้คนเป็นอย่างมาก!!

เรื่องราวมีอยู่ว่า มาเรีย หญิงสาวที่มีลูกติด (บ้างก็ว่ามี 2 บ้างก็ว่ามีลูกติด 4 คน) เกิดตกหลุมรักชายหนุ่มรูปหล่อเข้าอย่างจัง ประเด็นอยู่ตรงที่ว่าหนุ่มคนนั้นดันไม่ปลื้มลูกๆ ของเธอนี่สิ ไม่ว่าจะด้วยความหลงจนทำให้ตาบอดหรืออะไรก็ตาม แต่เธอได้ตัดสินใจ “ฆ่า” ลูกๆ ของเธอด้วยการจับกดน้ำและทิ้งศพลงในแม่น้ำ

ทว่าผู้ชายคนนั้นกลับปฏิเสธความรักของเธออย่างไร้เยื่อใย! แถมยังทิ้งเธอไปหาผู้หญิงคนใหม่ด้วย เมื่อเธอเสียทั้งลูก เสียทั้งผู้ เธอจึงกลายเป็นบ้า เอาแต่ร้องไห้ขณะออกตามหาลูกๆ ที่เธอฆ่าตามริมแม่น้ำ จนในที่สุดเธอก็ฆ่าตัวตาย

ความพีคอยู่ตรงที่ว่า แม้จะตายไปแล้ว แต่วิญญาณของเธอกลับไม่สามารถไปสู่สุขติเฉกเช่นวิญญาณตนอื่นๆ เธอไม่สามารถไปสู่ปรโลกได้เนื่องจากบาปที่ได้กระทำนั้นหนาเกินไป เธอจึงได้แต่กลายเป็นผีวนเวียนอยู่ตามริมแม่น้ำที่เม็กซิกัน ว่ากันว่าถ้าเธอเจอเด็กเร่ร่อนหรือเด็กที่ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ เธอจะลักพาตัวและถ่วงน้ำให้ตายเพื่อนำเด็กมาอยู่ด้วยค่ะ โอ้โห น่ากลัวจริงๆ เลย

 


ผีโคมไฟดอกโบตั๋น
(via : Modern Tokyo News)


 

ผีโคมไฟดอกโบตั๋น (Botan Doro)

ว่ากันว่า "ผีโคมไฟดอกโบตั๋น (Botan Dōrō)" คือตำนานแม่นาคฉบับญี่ปุ่น เรื่องราวชวนขนหัวนี้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 บอกเลยว่าผีโคมไฟดอกโบตั๋นเองก็ทั้งน่าสยองและเศร้าไม่แพ้แม่นาคของไทยเลยค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่าซามูไรหนุ่ม “โอกิวาระ” ได้พบรับกับหญิงสาวแสนสวยนามว่า “โอซึยุ” แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็หายตัวไปอย่างลึกลับ มีข่าวลือแว่วมาว่าเธอเสียชีวิตแล้ว โอกิวาระจึงออกตามหา ข้อมูลที่เขาได้มาสามารถสรุปได้เลยว่าเธอจากเขาไปแล้วจริงๆ โอกิวาระเสียใจมากจึงได้แต่ดื่มสาเกกับเพื่อนสนิทของเขา และยังเฝ้าคร่ำครวญละเมอถึงโอซึยุอยู่ตลอดเวลา

คืนหนึ่งเมื่อเทศกาลโอบงหรือเทศกาลโคมไฟมาถึง โอกิวาระได้พบโอซึยุอีกครั้ง โดยเธอมาหาเขาถึงบ้านพร้อมด้วยโคมไฟดอกโบตั๋น ณ ที่นั่น คืนนั้น เขากับเธอได้พูดคุยและร่วมรักกัน แต่ใครจะไปรู้ว่าเพื่อนสนิทของตนแอบดูอยู่ ความพีคอยู่ตรงที่ว่าสิ่งที่เพื่อนเห็นคือโอกิวาระนอนกอดกระดูกจ้า!!

พอเช้าวันถัดมา โอซึยุก็จากไป เพื่อนสนิทรีบตรงเข้าไปเล่าสิ่งที่เห็นให้ฟัง ตอนแรกชายหนุ่มก็ไม่เชื่อ จนเพื่อนของเขาพาไปยังหลุมศพของโอซึยะพร้อมบอกว่าตนเองได้สะกดรอยตามผีสาวมา เท่านั้นแหละ โอกิวาระถึงขั้นขนพองสยองเกล้าเลยทีเดียว

ทันทีที่กลับบ้าน เขาก็รีบปรึกษาพระและได้ยันต์มาแปะทั่วบ้าน ผลก็คือว่าคืนนั้นและอีกหลายๆ คืน ผีสาวไม่สามารถเข้ามาในบ้านของเขาได้ จนกระทั่งคืนหนึ่งผีสาวแปลงกายเป็นเพื่อนสนิทของโอกิวาระ ทำให้เธอสามารถเข้าไปในบ้านได้เพราะชายหนุ่มหลงเชื่อ เช้าวันถัดมา เพื่อนสนิทของโอกิวาระก็พบศพโอกิวาระกำลังนอนกอดโครงกระดูก พร้อมด้วยดอกโบตั๋นที่ตกพื้น เดาว่าเธอคงพาเขาไปอยู่ด้วย เป็นอันว่าปิดตำนานรักแม่นาคญี่ปุ่นไปค่ะ

 


เดร็คคาวัค
(via : pinterest.com)


 

เดร็คคาวัค (Drekavac)

ใครว่าประเทศไทยมีกุมารทองแค่ที่เดียว! ไม่จริ๊ง ไม่จริงค่ะ เพราะตำนานของชาวสลาฟเองก็มีกุมารทองเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ได้มุ้งมิ้งเหมือนของพี่ไทยหรอกนะคะ ของชาวสลาฟเนี่ยจะชอบกระโดดขี่หลังคนพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องชวนปวดหัว ไม่ได้ให้คุณใดๆ เลย เราเรียกกุมารสัญชาติสลาฟว่า “เดร็คคาวัค”

เดร็คคาวัคคือจิตวิญญาณของเบบี๋ที่ไม่ได้เข้ารับการรับบัพติศมาทางศาสนาคริสต์ (บัพติศมาคือพิธีที่เด็กตัวเล็กๆ ในบ้านเข้ารับการเป็นชาวคริสต์ค่ะ) มีคนพูดถึงลักษณะของมันไว้หลากหลาย บ้างก็ว่าเป็นสิ่งชีวิตที่ผอมแห้งจนเห็นกระดูก มีนิ้วมือยาวและหัวที่ใหญ่โต ดูแล้วไม่สมส่วน บ้างก็ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตหน้าขน มีกรงเล็บที่ยาวเฟื้อย นอกจากนี้ยังมีคนบอกว่าจริงๆ แล้วเดร็คคาวัคเป็นซากศพของเด็กน้อย ส่วนคนยุคใหม่กล่าวว่าเดร็คคาวัคมีลักษณะคล้ายสุนัขหรือไม่ก็นกค่ะ ก็ว่ากันไป

 


กวางสาว
(via : Cryptid Wiki)


 

กวางสาว (Deer Woman)

ถ้าตำนานกรีกมีเซนทอร์ ชนเผ่าอินเดียแดงก็มี "กวางสาว (Deer Woman)" เช่นกัน ลักษณะของกวางสาวคล้ายๆ กับเซนทอร์เลยค่ะ ส่วนหัวและลำตัวเป็นหญิงสาวแสนสวย ทว่าขากลับเป็นกวาง ตามตำนานเล่าว่ากวางสาวชื่นชอบการเต้นรำ ในบางครั้งก็มักจะแอบไปเต้นรำพื้นเมืองและล่อลวงหนุ่มๆ ให้ไปกับเธอ ถ้าเผลอตามไปด้วยเมื่อไหร่ก็ตายเมื่อนั้นจ้า โดยหนุ่มๆ ที่เธอเลือกมักจะเป็นคนที่ยังไม่แต่งงาน หรือไม่ก็สามีที่ชอบนอกใจภรรยาค่ะ

 

เป็นยังไงบ้างคะน้องๆ กับเรื่องที่พี่น้ำผึ้งนำมาฝากในวันนี้ ถ้าพูดกันตามจริง พี่คิดว่าตำนานที่ยกมานั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้แก่มนุษย์เรา ยกตัวอย่างเช่น ตำนานของแบล็กแอนนิสและลา โยโรนา เตือนใจผู้ปกครองทั้งหลายว่าอย่าปล่อยให้ลูกหลานของตนอยู่คนเดียวตามลำพังเพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ ขณะที่เรื่องผีโคมไฟดอกโบตั๋นและกวางสาว สอนให้หนุ่มๆ รู้จักระมัดระวังในการเลือกคบหาผู้หญิง ส่วนเดร็คคาวัค ก็สอนให้เรารู้จักหลีกเลี่ยงที่จะอยู่ในที่เปลี่ยวค่ะ แล้วน้องๆ ล่ะคะ คิดว่ายังไงบ้าง?


 

พี่น้ำผึ้ง :)

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://en.wikipedia.org/wiki/Drekavac
https://en.wikipedia.org/wiki/Botan_Dōrō
http://thedemoniacal.blogspot.com/2010/04/deer-woman.html
http://www.literacynet.org/lp/hperspectives/llorona.html
http://www.mythical-creatures-and-beasts.com/black-annis.html

 

Deep Sound แสดงความรู้สึก

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

I'm here 11 ธ.ค. 60 19:03 น. 1

พิธีบัพติศมาเรียกง่ายคือการรับศีลจุ่มหรือศีลล้างบาปค่ะ
โดยมากจะรับตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก แต่จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องรับเฉพาะตอนยังเล็กนะคะ โตแล้วก็สามารถรับได้ค่ะ โดยตลอดชีวิตจะเข้ารับครั้งเดียวเพื่อเข้าสู่การเป็นคริสตชนค่ะ

แล้วก็ เรากลัวBotan Doroสุดแล้วค่ะ 555

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด