I Had a Black Dog, หรือ ‘เจ้าหมาสีดำ’ นิทานที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์โรคซึมเศร้าของ ‘จงฮยอน’ ชายนี่

I Had a Black Dog
หรือ 'เจ้าหมาสีดำ' คือสัญลักษณ์โรคซึมเศร้าของ 'จงฮยอน'
 


สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมาได้เกิดเหตุสุดช็อกเมื่อ จงฮยอน (Kim Jong-hyun) นักร้องนำวงบอยแบนด์ชื่อดัง SHINee เสียชีวิตในห้องพักของเขาย่านชองดัมดง เบื้องต้นทางตำรวจสันนิษฐานว่าเกิดจากการฆ่าตัวตายค่ะ

สาเหตุหลักๆ ของการเสียชีวิตในครั้งนี้ที่น่าจะเป็นไปได้เลยก็คือ จงฮยอนอาจป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ถามว่าทำไมพี่น้ำผึ้งถึงคิดอย่างนั้นล่ะ? ถ้างั้นพี่ขอแนะนำให้น้องๆ ลองส่อง IG ของจงฮยอนย้อนหลังไปเรื่อยๆ เลยค่ะ แล้วจะพบว่าจงฮยอนเคยโพสต์รูปหมาดำลงไอจีตัวเองด้วย! ในตอนนั้นคงไม่มีใครคาดเดาได้หรอกว่า เจ้าหมาดำ (Black Dog)’ มันคือสัญลักษณ์ของโรคซึมเศร้า!!

ซึ่งในวันนี้พี่น้ำผึ้งก็ชวนน้องๆ มาทำความรู้จักหนังสือที่เกี่ยวข้องเจ้าหมาดำอย่าง ‘I Had a Black Dog (ฉันมีเจ้าหมาสีดำ) ค่ะ แน่นอนว่าหนังสือเล่มนี้จะทำให้ทุกคนเข้าใจโรคซึมเศร้าอย่างถ่องแท้เลยทีเดียวจ้า

 

เจ้าหมาดำ รอยสักของจงฮยอน

 

I Had a Black Dog: His name was depression เป็นหนังสือสัญชาติออสเตรเลีย เขียนและวาดโดยแมทธิว จอห์นสโตน (Matthew Johnstone) ตีพิมพ์เมื่อปี 2005 โดยเขาได้นำเรื่องราวการต่อสู้ของตนเองกับโรคซึมเศร้า หรือเจ้าหมาดำ มาถ่ายทอดในรูปแบบหนังสือภาพอ่านง่าย

จอห์นสโตนเล่าว่าเขาเผชิญหน้ากับ เจ้าหมาดำ’ ตั้งแต่อายุ 20 กว่าๆ และทนทุกข์ทรมานกับมัน จนในที่สุดเขาก็สามารถเอาชนะและไล่เจ้าหมาดำออกไปจากชีวิตได้ เขาจึงเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเพื่อหวังว่ามันจะช่วยให้คนเข้าใจเจ้าหมาดำมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นกำลังใจให้แก่คนที่เลี้ยงเจ้าหมาดำไว้อยู่ค่ะ (ปัจจุบันจอห์นสโตนมีอายุ 53 ปีแล้วนะ)

นอกจากนี้เขายังได้เขียนภาคต่อของ I Had a Black Dog ด้วย ชื่อว่า ‘Living with a Black Dog’ เป็นเรื่องราวของคนที่มีเจ้าหมาดำมาวนเวียนในชีวิต การอยู่ร่วมกับคนที่เลี้ยงเจ้าหมาดำและคำแนะนำในการเอาชนะเจ้าหมาดำค่ะ

 


หนังสือภาพ I Had a Black Dog


 

'เจ้าหมาดำ' สัญลักษณ์ของโรคซึมเศร้า

พจนานุกรมอ็อกซ์ฟอร์ดบัญญัติความหมายของ Black Dog (phrase) ไว้ว่าเป็นอาการของคนที่เศร้าโศกหรือเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ โดยคำนี้เริ่มมาดังเมื่อ วินส์ตัน เชอร์ชิล นายกรัฐมนตรีประเทศอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ใช้เปรียบเปรยอาการซึมเศร้าของเขาว่าเป็น เจ้าหมาดำ (The Black Dog)’ เชอร์ชิลกล่าวว่า เจ้าหมาดำนั่งอยู่บนตักของเขา มันคอยล่าเขา มันตามเขาไปในทุกๆ ที่ แต่มันก็ช่วยให้เขานำพาประเทศผ่านช่วงสงครามไปได้

อย่างไรก็ตามอดีตนายกฯ เชอร์ชิล ไม่ได้เป็นผู้คิดค้นคำนี้ขึ้นเป็นคนแรก เพราะในประวัติศาสตร์เองก็พูดถึง หมาดำบ่อยๆ ซึ่งส่วนมากเป็นการเปรียบเปรยถึง 'ความมืดมิด' ที่ผสมผสานกับความกลัว ความโศกเศร้า โรคร้าย และการตาย เช่นในนิทานพื้นบ้านของอังกฤษ (ศตวรรษที่ 16) เปรียบ หมาดำเป็นปีศาจร้าย ส่วนฮอเรซในยุคโรมัน (40 ปีก่อนคริสต์ศักราช) และ Appollonius (ศตวรรษที่ 1) นั้นบอกว่าหมาดำเกี่ยวข้องกับอาการซึมเศร้าค่ะ

อกจากนี้ หมาดำในตำนานหลายๆ เรื่องมักเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นกรีก โรมัน หรือนอร์ส รวมทั้งหมาดำยังเป็นตัวแทนของสิ่งชั่วร้ายในนิยาย เช่น Hounds of the Baskervilles ของโคนัน ดอยล์ ดังนั้นถ้าพูดให้ถูกก็คือเชอร์ชิลไม่ใช่คนแรกที่เปรียบ หมาดำเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ

 


อดีตนายกรัฐมนตรี วินส์ตัน เชอร์ชิล

 

แมทธิว จอห์นสโตนชอบที่เชอร์ชิลเปรียบโรคซึมเศร้าเป็น หมาดำบวกกับการต่อสู้อย่างยากลำบากของเขากับโรคซึมเศร้า มันจึงเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเขียนหนังสือ I Had a Dog: His name was depression ขึ้นมาค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นทาง World Health Organization ยังได้นำหนังสือภาพ I Had a Dog: His name was depression มาถ่ายทอดให้คนเข้าใจง่ายยิ่งขึ้นด้วยการทำเป็นวิดีโอด้วย โดยน้องๆ สามารถดูได้ด้านล่างเลยจ้า

 

Clip

I Had a Black Dog: His name was depression


 

I had a black dog. His name was depression.
ฉันมีเจ้าหมาสีดำอยู่ตัวหนึ่ง ชื่อของมันคือโรคซึมเศร้า

Whenever the black dog made an appearance, 
I felt empty and life seemed to slow down.

เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าหมาดำปรากฏตัว
ฉันรู้สึกว่างเปล่าและเหมือนกับว่าชีวิตดำเนินไปช้าๆ

 He could surprise me with a visit for no reason or occasion.
มันทำให้ฉันตกใจด้วยการมาหาอย่างไม่มีเหตุผลหรือไม่มีโอกาสสำคัญเลย

The black dog made me look and feel older than my years.
เจ้าหมาดำทำให้ฉันดูแก่ลงกว่าอายุจริง

When the rest of the world seemed to be enjoying life,
I could only see it through the black dog.

ขณะที่โลกดูเหมือนจะสนุกสนาน แต่ฉันกลับเห็นเพียงแค่เจ้าหมาดำ

Activities that usually brought me pleasure suddenly ceased to.
กิจกรรมที่เคยทำให้ฉันมีความสุข ตอนนี้กลับไม่ใช่

He liked to ruin my appetite.
มันทำให้ฉันเบื่ออาหาร

He chewed up my memory and ability to concentrate.
มันทำลายความทรงจำและสมาธิของฉัน

Doing anything or going anywhere with the back dog
required superhuman strength.

การจะทำอะไรสักอย่างหรือไปไหนมาไหนกับเจ้าหมาดำต้องใช้พลังเหนือมนุษย์

At social occasions, he would sniff out any confidence
I had and chase it away.

พอเข้างานสังคม มันขับไล่ความมั่นใจของฉันออกไปหมด

My biggest fear was being found out. I worried that people would judge me.
สิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุดคือการที่คนรู้ว่าฉันเป็นโรคซึมเศร้า แล้วผู้คนก็จะตัดสินฉัน

Because of the shame and stigma of the black dog.
I was constantly worried that I would be found out.
So I invested vast amounts of energy into covering him up.
Keeping up an emotional lie is exhausting.

เพราะความน่าอัปยศและตราบาปของเจ้าหมาดำ ฉันเลยกังวลว่าคนจะจับได้
ฉันเลยทุ่มเทกำลังเพื่อซ่อนมัน การโกหกนี้ช่างเหนื่อยเหลือเกิน

Black dog could make me think and say negative things.
เจ้าหมาดำทำให้ฉันพูดในสิ่งแย่ๆ

He could make me irritable and difficult to be around.
มันทำให้ฉันหงุดหงิดและอยู่ยาก

He would take my love and bury my intimacy.
มันเอาความรักของฉันไป ฝังความใกล้ชิดกับผู้คนของฉันซะมิด

He loved nothing more than to wake me
with highly repetitive and negative thinking.
He also liked to remind me how exhausted
I was going to be the next day.

มันไม่รักอะไรเลยนอกจากการปลุกฉันด้วยความคิดลบๆ ซ้ำไปซ้ำมา
มันชอบเน้นย้ำให้ฉันรู้ว่าฉันจะเหนื่อยมากแค่ไหนในวันถัดไป

Having a black dog in your life isn’t so much about feeling a bit down, sad or blue… at it’s worst it’s about being devoid of feeling altogether.
การมีหมาดำในชีวิตของคุณไม่ใช่แค่ทำให้คุณรู้สึกแย่ เศร้า หรือเปล่าเปลี่ยวเท่านั้น
ที่แย่ที่สุดก็คือการไร้ความรู้สึก

As I got older the black dog got bigger
and he started hanging around all the time.

ยิ่งฉันอายุมาก เจ้าหมาดำก็ตัวใหญ่ตาม และมันยังชอบวนเวียนไปมาตลอดเวลา

I’d chase him off with whatever I thought may send him running.
ฉันไล่มันไปด้วยอะไรก็ตามที่คิดว่าทำให้มันวิ่งออกไปได้

But more often than not he’d come out on top.
Going down became easier than getting up again.

แต่บ่อยครั้งมันก็เอาชนะฉันได้ การยอมแพ้กลายเป็นเรื่องง่ายกว่าการลุกขึ้นสู้

So I became rather good at self medication…which never really helped.
เพราะงั้นฉันเลยลองป้องกันตัวเอง... ซึ่งเอาจริงๆ มันก็ไม่ช่วยอะไรเลย

Eventually I felt totally isolated from everything and everyone.
ในที่สุดฉันก็รู้สึกโดดเดี่ยวแปลกแยกจากทุกสิ่งทุกอย่างและทุกคน

The black dog had finally succeeded in hijacking my life.
When you lose all joy in life, you can begin to question what the point of it is.

ในที่สุดเจ้าหมาดำก็ครอบงำชีวิตฉันได้สำเร็จ
เมื่อฉันสูญเสียความสุขในชีวิต ฉันไม่รู้ว่าฉันจะอยู่ไปเพื่ออะไร

Thankfully this was the time that I sought professional help.
This was my first step towards recovery and a major turning in my life.

โชคดีที่ฉันได้ตัดสินใจไปพบแพทย์ มันคือก้าวแรกของการรักษา
และเป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตฉัน

I learned that it doesn’t matter who you are,
the black dog affects millions and millions of people.
It is an equal opportunity mongrel.

ฉันเรียนรู้ว่าไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เจ้าหมาดำก็ส่งผลกับคนเป็นล้านเหมือนๆ กันหมด

I also learned that there was no silver bullet or magic pill. Medication can help some and others might need a different approach altogether.
ฉันยังเรียนรู้อีกว่าไม่มีกระสุนเงินหรือยาวิเศษหรอก
ยาช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ยังต้องการการรักษาอื่นๆ ที่แตกต่างกันไป

I also learned that being emotionally genuine and authentic to those who are close to you, can be an absolute game changer.
ฉันเรียนรู้ว่าการแสดงอารมณ์และความรู้สึกจริงๆ ของเราออกมาสามารถเปลี่ยนเกมได้สิ้นเชิง

Most importantly, I learn not to be afraid of the black dog
and I taught him a few tricks of my own.

ที่สำคัญ ฉันเรียนรู้ว่า อย่ากลัวเจ้าหมาดำฉันแค่สอนมันด้วยทริคเล็กๆ น้อยๆ ในแบบของฉันก็เท่านั้น

The more tired and stressed you are the louder he barks,
so it’s important to learn how to quiet your mind.

ยิ่งเหนื่อยและเครียดมากเท่าไหร่ มันจะยิ่งเห่าใส่เธอดังมากขึ้น
เพราะงั้นมันสำคัญมากที่จะต้องเรียนรู้วิธีการสงบจิตสงบใจของคุณ

It’s been clinically proven that regular exercise can be as effective for treating mild to moderate depression as antidepressants.
So go for a walk or a run and leave the mutt behind.

มันได้รับการพิสูจน์ทางการรักษาแล้วว่า การออกกำลังกายสม่ำเสมอคือยารักษาโรคซึมเศร้าที่มีประสิทธิภาพ เพราะงั้นออกไปเดินเล่น หรือ ไปวิ่ง และทิ้งเจ้าหมานั่นไว้ซะเถอะ

Keep a mood journal, getting your thoughts on paper can be cathartic and often insightful. Also keep track of the things that you have to be grateful for.
สงบสติอารมณ์ ปลดปล่อยความคิดลงบนกระดาษ มันเป็นวิธีระบายอารมณ์ที่จะช่วยให้รู้สึกดีมากขึ้น แถมยังเป็นวิธีที่ทำให้คุณนึกถึงแต่สิ่งดีๆ ด้วย

The most important thing to remember is that
no matter how bad it gets… if you take the right steps,
talk to the right people, black dog days can and will pass.

สิ่งสำคัญที่สุดคือ จำไว้ว่าไม่ว่ามันจะแย่แค่ไหน
แต่ถ้าคุณทำถูกต้อง คุยถูกคน เจ้าหมาดำก็สามารถหายไปได้

I wouldn’t say that I’m grateful for the black dog but he has been an incredible teacher. He forced me to re-evaluate and simplify my life. I learned that rather than running away from my problems it’s better to embrace them.
ฉันไม่ได้อยากบอกหรอกนะว่าฉันซาบซึ้งเจ้าหมาดำ แต่ว่ามันเป็นครูที่สำคัญของฉันคนนึง
มันทำให้ฉันหันกลับมามองชีวิตตัวเองใหม่ ใช้ชีวิตให้มันเรียบง่ายมากขึ้น
ฉันเรียนรู้ว่าการโอบกอดปัญหาดีกว่าวิ่งหนีมัน

The black dog may always be part of my life but he will never be the beast that he was. We have an understanding. I learned that through knowledge, patience, discipline and humor the worst black dog can be made to heal.
เจ้าหมาดำอาจจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตฉัน แต่มันจะไม่มีทางเป็นปีศาจร้ายที่ทำร้ายฉันได้เหมือนที่มันเคยเป็น เราแค่ต้องเข้าใจมัน ฉันเรียนรู้ว่าความรู้ ความอดทน วินัย และอารมณ์ขันสามารถลดความดุร้ายของหมาดำได้

If you are in difficulty, never be afraid to ask for help. There is absolutely no shame in doing so. The only shame is missing out on life.
ถ้าคุณกำลังตกอยู่ในความยากลำบากเมื่อเผชิญหน้ากับหมาดำ
อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ มันไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยสักนิดถ้าจะทำแบบนั้น
สิ่งเดียวที่น่าอับอายที่สุดคือการที่คุณ
ไม่สนใจชีวิตคุณเอง

 


จงฮยอนและรอยสักหมาดำของเขา
(via : vietgiaitri.com)

 

เป็นไปได้ว่าสาเหตุที่จงฮยอนมีรอยสักรูปหมาดำและโพสต์รูปหมาดำลงไอจีนั้น อาจเพื่อบอกเป็นนัยให้รู้ว่า “เขากำลังเป็นโรคซึมเศร้า” ด้วยการเปรียบเปรย หมาดำว่าเป็น อาการซึมเศร้าเหมือนอย่างที่วินส์ตัน เชอร์ชิลและแมทธิว จอห์นสโตนทำนั่นเองค่ะ แล้วน้องๆ ล่ะคะคิดเห็นว่ายังไงบ้าง อย่าลืมแชร์ให้พี่น้ำผึ้งและเพื่อนๆ ฟังด้วยนะคะ และท้ายสุดนี้พี่น้ำผึ้งก็ขอไว้อาลัยให้กับจงฮยอนด้วยค่ะ 

 

พี่น้ำผึ้ง :)

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.blackdoginstitute.org.au/
http://www.bbc.com/news/magazine-15033046
https://jppreston.com/2013/09/21/the-history-of-the-black-dog-as-metaphor/
https://matthewjohnstone.com.au


Deep Sound แสดงความรู้สึก

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

Honey.T Columnist 3 ม.ค. 61 13:30 น. 1-1
ถ้าคิดว่าตัวเองกำลังเป็นโรคซึมเศร้า ขอแนะนำให้ไปโรงพยาบาลด่วนๆ เลยจ้า จะได้แก้ไขทัน ^^
0
กำลังโหลด
ProjectAkeha 4 ม.ค. 61 15:14 น. 2

เป็นบทความที่ดีแล้วก็มีประโยชน์มากเลยค่ะ พอได้อ่านแล้วก็เหมือนจะได้คำแนะนำดีดีด้วย คำแปลภาษาอังกฤษก็อ่านได้เข้าใจง่ายและลื่นไหลดีค่ะ ขอบคุณสำหรับบทความดีดีนะคะ

0
กำลังโหลด
ไม่เอาไม่บอก Member 4 ม.ค. 61 19:24 น. 3

คือสงสัยค่ะ ถ้าตัวเรารู้สึกว่า เบื่อเหนื่อยไม่อยากทำอะไรแล้วไม่อยากเรียนเหนื่อยที่จะเรียนอยากร้องไห้เกลียดตัวเองที่เหลวไหลและพยายามเปลี่ยนตัวเองไม่ได้สักทีเบื่อชีวิตรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรเกิดมา แต่เป็นเฉพาะตอนอยู่คนเดียว ตอนอยู่กับเพื่อนยังยิ้มยังหัวเราะเล่นมุขแป้กๆใส่ นับว่าเป็นอาการของโรคนี้รึเปล่าคะ? หรือว่าแต่จิตตกเฉยๆ

1
Honey.T Columnist 5 ม.ค. 61 09:30 น. 3-1
มีสิทธิ์เป็นได้ทั้งจิตตกเฉยๆ กับเป็นโรคนี้จริงๆ ค่ะ ยังไงแนะนำให้เข้าพบคุณหมอนะคะ จะได้รู้ว่าเป็นหรือเปล่า
0
กำลังโหลด
smile 9 ม.ค. 61 21:01 น. 4

เป็นบทความที่เขียนได้ดีมากคะ จริงๆ เราก็เป็นโรคซึมเศร้า แต่เราได้ไปพบแพทย์เพื่อรักษา ทานยาและคนรอบข้างให้ความรักและความเข้าใจคะ จึงอยากบอกว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้าอย่าอายที่จะยอมรับและอยู่กับมันให้ได้คะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

0
กำลังโหลด

12 ความคิดเห็น

Honey.T Columnist 3 ม.ค. 61 13:30 น. 1-1
ถ้าคิดว่าตัวเองกำลังเป็นโรคซึมเศร้า ขอแนะนำให้ไปโรงพยาบาลด่วนๆ เลยจ้า จะได้แก้ไขทัน ^^
0
กำลังโหลด
ProjectAkeha 4 ม.ค. 61 15:14 น. 2

เป็นบทความที่ดีแล้วก็มีประโยชน์มากเลยค่ะ พอได้อ่านแล้วก็เหมือนจะได้คำแนะนำดีดีด้วย คำแปลภาษาอังกฤษก็อ่านได้เข้าใจง่ายและลื่นไหลดีค่ะ ขอบคุณสำหรับบทความดีดีนะคะ

0
กำลังโหลด
ไม่เอาไม่บอก Member 4 ม.ค. 61 19:24 น. 3

คือสงสัยค่ะ ถ้าตัวเรารู้สึกว่า เบื่อเหนื่อยไม่อยากทำอะไรแล้วไม่อยากเรียนเหนื่อยที่จะเรียนอยากร้องไห้เกลียดตัวเองที่เหลวไหลและพยายามเปลี่ยนตัวเองไม่ได้สักทีเบื่อชีวิตรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรเกิดมา แต่เป็นเฉพาะตอนอยู่คนเดียว ตอนอยู่กับเพื่อนยังยิ้มยังหัวเราะเล่นมุขแป้กๆใส่ นับว่าเป็นอาการของโรคนี้รึเปล่าคะ? หรือว่าแต่จิตตกเฉยๆ

1
Honey.T Columnist 5 ม.ค. 61 09:30 น. 3-1
มีสิทธิ์เป็นได้ทั้งจิตตกเฉยๆ กับเป็นโรคนี้จริงๆ ค่ะ ยังไงแนะนำให้เข้าพบคุณหมอนะคะ จะได้รู้ว่าเป็นหรือเปล่า
0
กำลังโหลด
smile 9 ม.ค. 61 21:01 น. 4

เป็นบทความที่เขียนได้ดีมากคะ จริงๆ เราก็เป็นโรคซึมเศร้า แต่เราได้ไปพบแพทย์เพื่อรักษา ทานยาและคนรอบข้างให้ความรักและความเข้าใจคะ จึงอยากบอกว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้าอย่าอายที่จะยอมรับและอยู่กับมันให้ได้คะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

0
กำลังโหลด
like2558 Member 18 ม.ค. 61 09:56 น. 5

อ่านกระทู้นี้แล้ว ทำไมเรานึกถึงเรื่องนี้เลย THE NEVERENDING STORY อภินิหารจินตนาการไม่รู้จบ https://video.mthai.com/trailer/player/1318345652.html เด็กชายที่ชื่อบาสเตียน บัช เขาเพิ่งสูญเสียแม่ไป ทำให้เขาเสียใจมาก(มโนว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาซึมเศร้า) ซึ่งเขาก็ได้พบกับหมาดำที่คอยตามหลอกหลอนเขาอยู่ตลอดเวลา แต่ในขณะนั้นเองเขาก็ได้รับหนังสือเล่มหนึ่งมาอ่าน เรามโนไปว่าหนังสือที่เขาอ่านอยู่นั้นเป็นหนังสือที่จะช่วยให้เขารอดจากหมาดำได้ 555 เรามโนไปเองนะ

0
กำลังโหลด
don't forgot to smile :) tired 5 เม.ย. 61 20:38 น. 6

มันตรงกับเราหมดเลย เราไม่ได้รู้สึกแย่นะ แค่อยากตาย พอเราลองเปิดใจกับครอบครัวแต่ไม่มีใครเข้าใจ ก็เลยยิ้มให้แล้วบอกว่าไม่เป็นไรแค่พูดเล่น แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่ แค่อยากออกไปจากตรงนั้น แค่คิดว่าไม่น่าเกิดมา เกิดมาทำไม คิดไม่ออกเลย สุดท้ายก็อยากตาย เหนื่อยดี:)

3
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ss_paeng 19 ก.ค. 61 23:51 น. 8

เป็นอาการตามนี้แต่ไม่เบื่ออาหารกับนอนไม่หลับค่ะ แต่อย่างอื่นตรงเป๊ะ อย่างงี้เป็นยังไงหรอคเ แนะนำที

0
กำลังโหลด
ManeewanKonganee Member 18 ธ.ค. 61 14:00 น. 9

เราก้อเป็นโรคซึมเศร้าคนหนึ่งจากอะไรๆหลายๆอย่าง

ขอเป็นกำลังใจกับคนที่เป็นโรคนี้ด้วยนะคะ สู้สู้แร้วเราจะชนะมันได้คะ

0
กำลังโหลด
@2H SHINee forever Member 12 ก.พ. 62 13:22 น. 10

เป็นบทความที่ดีมากเลยค่ะ สำหรับเราแล้วมันช่วยคนที่กำลังจะเป็นโรคนี้หรือคนที่เป็นแล้ว แต่คิมจงฮยอนไม่ใช่สัญลักษณ์ของโรคซึมเศร้า เขาไม่ใช่ role model ที่ทุกครั้งทุกคนเวลาจะพูดเรื่องนี้จะหยิบยกตัวอย่างเขามาพูดมาอธิบายเหมือนพวกคุณรู้จักเขาดี จงฮยอนไม่ใช่คนที่มืดมน สำหรับแฟนคลับแล้วจงฮยอนเป็นคนที่สดใส เป็นคนที่ยิ้มเก่ง มันยากมากหรอคะ ที่จะจดจำเขาในส่วนนี้ ไม่ใช่ในฐานะคนที่ฆ่าตัวตายด้วยโรคนี้ เราแค่อยากให้คุณที่ให้เกียรติเขา ให้เกียรติครอบครัวของเขา และแฟนคลับของเขา มันยากมากหรอคะ

0
กำลังโหลด
Thai Shinee world 12 ก.พ. 62 19:53 น. 11

กระทู้ดีมากเลยค่ะ แต่สุนัขสีดำ ให้เป็นสัญลักษณ์ของโรคซึมเศร้าก็พอค่ะ ไม่ต้องของ “จงฮยอนชายนี่” เพราะพี่ของพวกเราไม่ได้เป็นสัญลักษณ์โรคนี้ เขาไม่ใช่คนแรกที่เป็นแล้วโดนผลกระทบของโรคนี้เล่นงาน เป็นไปได้อยากให้อีดิทที่อ้างอิงถึงพี่จงฮยอนค่ะ เราไม่อยากให้ใครจดจำเค้าในแง่สัญลักษณ์นี้ ชยาวอลทุกคนคุ้นเคยกับคิมจงฮยอนที่ร่าเริงสดใส แล้วพวกเราก็อยากให้ทุกคนจดจำเขาในด้านนี้ ไม่ใช่จดจำว่าเขาจากโลกนี้ไปเพราะอะไร จริงที่พี่เขาโดนโรคนี้เล่นงาน แต่พี่เขาไม่ใช่สัญลักษณ์ของโรคซึมเศร้าค่ะ ยิ่งคนรีแอคเรื่องนี้ต่อพี่พวกเรามากแค่ไหน มันยิ่งตอกย้ำคนที่รักพี่เขาค่ะ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด