เปิด 3 เมืองเร้นลับที่ถูกซ่อนจากแผนที่ เพราะถูกใช้ทดลองนิวเคลียร์

    สวัสดีค่ะ น้องๆ ชาว Dek-D.com บนโลกของเรายังมีอีกหลายเมือง หลายสถานที่ที่ถูกปิดเป็นความลับ ถูกลบออกไปจากแผนที่ หรือห้ามคนภายนอกเข้าไป ซึ่งส่วนมากเมืองเหล่านี้ล้วนเป็นเมืองที่เก็บซ่อนความลับอะไรบางอย่างเอาไว้ และหนึ่งในความลับนั้นคือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ค่ะ วันนี้เราจะไปดูกันว่ามีเมืองไหนบนโลกนี้ ที่ถูกปิดเป็นความลับเพราะนิวเคลียร์กันบ้าง

 
“Mercury” แดนสนธยาของอเมริกา

    ไม่ใกล้ไม่ไกลจากลาสเวกัส มีเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อปี 1951 เมืองนี้มีชื่อว่า “Mercury” แต่แทนที่จะเป็นเมืองที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของคนทั่วไป มันกลับถูกใช้เป็นสถานที่ทดลองนิวเคลียร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อของ Nevada Test Site
 

    ในช่วงแรกๆ สิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในเมืองนี้เป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างชั่วคราว ก่อนที่จะเริ่มพัฒนาเป็นสิ่งปลูกสร้างถาวรขนาดใหญ่ มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ โรงหนัง สระว่ายน้ำ ร้านซักรีด เพื่อให้เจ้าหน้าที่และพนักงานที่ทำงานที่นี่ได้พักผ่อนหลังเลิกงาน ว่ากันว่านับตั้งแต่ที่เริ่มมีการสร้างเมืองใหม่ใน “Mercury” เจ้าหน้าที่ได้ทดสอบนิวเคลียร์ไปกว่า 1,000 ครั้ง ในจำนวนนั้น 100 ครั้งเป็นการทดสอบที่เกิดขึ้นบนพื้นดิน ทำให้มองเห็นควันรูปเห็ดลอยสูงขึ้นในอากาศ ส่วนเรื่องกัมมันตรังสีที่กระจายออกมานั้นแทบไม่ต้องพูดถึง แต่หลังจากปี 1962 การทดสอบนิวเคลียร์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่สถานีทดลองใต้ดิน และนับจากที่มีสนธิสัญญา Comprehensive Test Ban Treaty ในปี 1996 การทดสอบนิวเคลียร์ที่นี่อนุญาตให้ทำเฉพาะการทดสอบขนาดเล็กเท่านั้น
 

    ปัจจุบัน สิ่งปลูกสร้างถาวรทั้งหลายในยุครุ่งเรืองของการทดสอบนิวเคลียร์ใน Mercury ส่วนมากถูกรื้อทิ้ง ส่วนทางแยกจากถนนสาย 95 ซึ่งเป็นทางที่มุ่งหน้าไปสู่เมือง Mercury ก็ถูกปิดถาวร ห้ามบุคคลทั่วไปผ่านโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่กระทรวงพลังงานของสหรัฐอเมริกาจะเปิดทัวร์ให้คนทั่วไปได้เข้าไปเยี่ยมชมเดือนละ 1 ครั้ง แน่นอนว่าทัวร์นี้ต้องจองกันข้ามปีค่ะ
 
    คนที่มีประสบการณ์เดินทางไปกับทัวร์นี้เล่าว่า เมื่อรถทัวร์แล่นผ่านเขตห้ามเข้ามุ่งหน้าไปยังใจกลางของ Nevada Test Site (พร้อมกับคำเตือนว่าพื้นที่บริเวณนี้ปนเปื้อนกัมมันตรังสี) สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่คือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นคอนกรีตหนา รวมถึงอุปกรณ์บางชิ้นที่คิดค้นขึ้นมาให้ทนต่อแรงระเบิดของนิวเคลียร์เท่านั้น นอกนั้นแทบจะไม่เหลืออะไร
 
    และสิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดก็เห็นจะเป็นหลุมขนาดใหญ่ซึ่งเป็นร่องรอยที่เหลือจากการระเบิดของนิวเคลียร์ ตอนนี้บางบริเวณของ Nevada Test Site ถูกเจ้าหน้าที่ใช้เพื่อฝึกซ้อมรับมือจากภัยพิบัติที่อาจเกิดจากนิวเคลียร์ และสถานที่แห่งนี้ก็ยังคงเป็นแดนสนธยาของชาวอเมริกันที่น้อยคนนักจะได้เข้าไปเยือน
 
“Ozersk” ความลับที่รัสเซียไม่ต้องการให้โลกรู้

    เมืองที่ถูกปิดเป็นความลับแห่งที่ 2 ที่พี่จะพาไปทำความรู้จักคือเมือง City 40 หรือในภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Ozersk ในประเทศรัสเซีย ภายในเมืองถูกตกแต่งอย่างสวยงามไม่ต่างอะไรกับเมืองในยุโรป มีทั้งจัตุรัสกลางเมือง ทะเลสาบและสวนสาธารณะ แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือทางการรัสเซียใช้เมืองนี้เป็นสถานที่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ และเมืองแห่งนี้ก็ถูกปิดเป็นความลับเสมือนว่าไม่มีอยู่จริง ที่ตั้งของเมืองเพิ่งปรากฏในแผนที่ในปี 1991 ทั้งๆ ที่มีการก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1945
 
    ตัวเมือง Ozersk ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงงานนิวเคลียร์ Mayak ซึ่งโรงงานแห่งนี้คือแหล่งผลิตอาวุธนิวเคลียร์ที่สำคัญของสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามเย็น ว่ากันว่ากากนิวเคลียร์และของเหลวที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่ปล่อยออกมาจากโรงงานแห่งนี้ในช่วงปี 1945-1957 ถือเป็นปริมาณที่มากกว่าหายนะที่เกิดขึ้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลราว 2-3 เท่า !!
 
    แถมในปี 1957 ยังเกิดอุบัติเหตุที่โรงงานแห่งนี้จนทำให้กัมมันตรังสีรั่วไหลออกมาในปริมาณมหาศาล (เรียกหายนะครั้งนั้นว่า Kyshtym disaster) แน่นอนว่าเกิดการปนเปื้อนเป็นบริเวณกว้าง แต่ทางการกลับปิดข่าวได้นานถึง 30 ปี ความเสียหายในครั้งนั้นกินพื้นที่กว่า 750 ตารางกิโลเมตร มีกัมมันตรังสีรั่วไหลออกมา 50-100 ตัน ถือเป็นเหตุภัยพิบัติทางนิวเคลียร์ที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก
 
    และที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ นับตั้งแต่ที่มีการสร้างโรงงานนิวเคลียร์แห่งนี้ขึ้นมา เจ้าหน้าที่ได้นำกากนิวเคลียร์ทั้งหมดไปทิ้งในแม่น้ำ Techa ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของเมือง แต่หลังจากปี 1957 การทิ้งกากนิวเคลียร์ลงในแม่น้ำถูกระงับ เจ้าหน้าที่เลยนำไปทิ้งที่ทะเลสาบที่อยู่โดยรอบโรงงานนิวเคลียร์ Mayak แทน หนึ่งในนั้นคือทะเลสาบ Karachay ที่อยู่ใกล้กับโรงงานนิวเคลียร์มากที่สุด จนทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ถูกขนานนามว่าเป็นพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนกัมมันตรังสีมากที่สุดในโลก
 
    ปัจจุบันมีคนอาศัยอยู่ในเมือง Ozersk เกือบ 100,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่มีญาติพี่น้องทำงานอยู่ที่โรงงานนิวเคลียร์ Mayak คนที่นี่ห้ามเข้าออกเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนคนนอกก็แทบจะไม่มีโอกาสได้เข้าไปยกเว้นแต่ข้าราชการระดับสูงของรัสเซีย บริเวณโดยรอบเมืองถูกล้อมด้วยรั้วลวดหนามและมีเจ้าหน้าที่คุ้มกันแน่นหนา
 
    การต้องใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนกัมมันตรังสีแบบนี้ แน่นอนว่าชาวเมืองต้องได้รับผลกระทบทางสุขภาพแบบเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว การป่วยไข้ด้วยโรคมะเร็งของคนที่นี่จึงเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนชินชา พวกเขามองว่าการเสียชีวิตคือการเสียสละ และยังถูกปลูกฝังมาว่า การแพร่งพรายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองให้คนภายนอกรับรู้คือการทรยศต่อเมือง ซึ่งใครที่ติดต่อกับโลกภายนอกจะถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเฝ้าติดตามและหลังจากนั้นชีวิตจะตกอยู่ในอันตราย
 
Arzamas-16 ศูนย์กลางการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซีย

    Arzamas-16 คือเมืองลับอีกแห่งหนึ่งในรัสเซียเช่นกันค่ะ เมืองนี้อยู่ห่างจากกรุงมอสโกประมาณ 450 กิโลเมตร ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Sarov และเป็นที่รู้จักในฐานะของศูนย์กลางแห่งการออกแบบและผลิตอาวุธนิวเคลียร์ จุดเริ่มต้นของ Arzamas-16 เกิดขึ้นในปี 1946 และหลังจากนั้น 1 ปี ข้อมูลทางสถิติและที่ตั้งของเมืองก็ถูกลบออกไปจากฐานข้อมูลของทางการ การตัดขาดเมืองจากโลกภายนอกเริ่มสมบูรณ์แบบในปี 1948 ข้อมูลทางการและที่ตั้งของเมืองนี้ปรากฏสู่สาธารณชนครั้งแรกและครั้งเดียวในปี 1994
 
    นอกจากเมืองนี้จะเป็นที่ตั้งของศูนย์ออกแบบและผลิตอาวุธนิวเคลียร์แห่งแรกของรัสเซียแล้ว ระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกของรัสเซียยังถูกผลิตและทดลองสำเร็จครั้งแรกที่นี่อีกด้วย ช่วงทศวรรษที่ 1990 มีคนเข้ามาอาศัยในเมืองนี้ 83,000 คน (ขนาดเป็นเมืองลับนะเนี่ย) โดยประมาณ 30,000 คนทำงานในศูนย์ออกแบบอาวุธนิวเคลียร์และศูนย์ประกอบหัวรบนิวเคลียร์ ประชากรในเมืองยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในปี 2015 เพิ่มขึ้นเป็น 95,000 คน
 
    แม้ประชากรจะมีเกือบแสนคนแต่ทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองถูกควบคุมอย่างเข้มงวด (คล้ายกับเมืองที่ถูกปิดเป็นความลับแห่งอื่นๆ ของรัสเซีย) นอกจากโดยรอบเมืองจะถูกล้อมโดยรั้วลวดหนาม 2 ชั้น พร้อมกับทหารลาดตระเวนตลอดเวลาแล้ว ภายในเมืองยังมีระบบเซ็นเซอร์ตรวจสอบความเคลื่อนไหวในพื้นที่ที่มีการควบคุมเข้มงวดอีกด้วยค่ะ
 
    แม้กระทั่งคนรัสเซียด้วยกันเองก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปที่เมืองนี้นะ ส่วนคนต่างชาติไม่ต้องพูดถึง ไม่มีทางได้เข้าไปแน่นอนค่ะ ถ้าชาวเมืองจะออกจากเมืองต้องได้รับอนุญาตก่อน และต้องเป็นการเดินทางออกจากเมืองโดยพาหนะที่ทางการเตรียมให้ด้วย ซึ่งหากเป็นเมื่อก่อน วิศวกร นักวิทยาศาสตร์ และใครก็ตามที่ทำงานในแผนกพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์จะถูกคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกเมืองโดยเด็ดขาด แต่ตอนนี้คำสั่งบางอย่างเริ่มมีการผ่อนปรน โดยญาติของผู้อยู่อาศัยในเมืองสามารถทำเรื่องขอเข้าไปเยี่ยมได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษเท่านั้นค่ะ
 
    ที่สำคัญที่สุดคือผู้อยู่อาศัยในเมืองรวมถึงคนที่จะเข้าไปอยู่ใหม่ จะต้องเซ็นสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับเมือง เช่น ตำแหน่งที่ตั้ง งานวิจัยและกระบวนการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ แม้จะมีกฎควบคุมเข้มงวดขนาดนี้ หลายคนคงสงสัยใช่ไหมคะว่า ทำไมคนที่อาศัยในเมืองนี้จึงยอมแลกอิสรภาพของตัวเอง คำตอบง่ายๆ เลยก็คือ ทางการจ่ายค่าจ้างสูงมาก มากกว่าอัตราทั่วไปที่ได้รับในพื้นที่อื่นๆ ของรัสเซีย นอกจากนี้ยังมีสวัสดิการที่ดีเยี่ยม มีการจัดหาเครื่องอำนวยความสะดวกให้หมดทุกอย่าง ถึงขนาดที่ว่า เมืองที่ถูกปิดเป็นความลับแห่งนี้จะมีอาหารและของใช้ทุกชนิดที่โลกภายนอกขาดแคลน (ที่เมือง Ozersk ก็เช่นกันค่ะ)
 

    เมืองที่ถูกปิดเป็นความลับเหล่านี้ยังมีข้อมูลอีกหลายอย่างที่น่าสนใจค่ะ และข้อมูลจำนวนมากยังคงรอการพิสูจน์และตรวจสอบความจริง แต่กว่าวันนั้นจะมาถึงก็คงยากเพราะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ถูกปิดเป็นความลับแล้ว คนนอกคงไม่สามารถเข้าไปได้ เว้นเสียแต่ว่าจะมีคนที่กล้าเสี่ยงชีวิตเข้าไป แต่อย่างไรก็ตาม พี่อยากให้น้องๆ ที่อ่านเรื่องราวของเมืองเหล่านี้ ลองคิดถึงผลกระทบที่เกิดจากนิวเคลียร์ด้วยนะคะ ว่ามันได้สร้างความเสียหายร้ายแรงขนาดไหน และการที่คนในเมืองเหล่านั้นต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความเสี่ยงเป็นเรื่องที่คุ้มแล้วหรือไม่ ถ้าใครที่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของเมืองที่ถูกปิดเป็นความลับเมืองอื่นๆ มาแชร์กันได้เลยนะ พี่รออ่านอยู่จ้า ^^

 
พี่พริ้ม

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น