นกเหรอ? งั้นเยียวยาแผลใจหลังอกหัก
ด้วย 5 นิยายเหล่านี้สิ!
สวัสดีค่ะชาวเด็กดีทุกคน ปกติแล้วเราทำอะไรบ้างหลังอกหัก? ฟังเพลงเศร้า ดราม่าบนเฟซบุ๊ค ดูหนังบน Netflix กันใช่มั้ย ส่วนใครที่เป็นนักเขียนก็คงหันไปเขียนนิยายเพื่อช่วยเยียวยาบาดแผลในจิตใจ ซึ่งวิธีนี้ก็ได้ผลมากเพราะถึงขั้นมีงานวิจัยออกมารองรับกันเลยทีเดียว โดยน้องๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ “อกหักเหรอ? รักษาได้ง่ายๆ ด้วยการเขียนนิยาย”
แต่ถ้าน้องๆ บังเอิญเป็นคนอกหักที่ชื่นชอบการอ่านนิยายมากกว่าการเขียนเองล่ะ ทำยังไงดี? ไม่เป็นไรค่ะ ยังมีอีกหนึ่งวิธีรักษาแผลใจให้หายเร็ว นั่นคือ “การอ่านหนังสือ!” เพราะการอ่านไม่เพียงแต่ช่วยให้เราผ่อนคลายจากความเครียด แต่ยังช่วยเปิดโลกทัศน์ของเรามากขึ้นด้วย ซึ่งในวันนี้พี่น้ำผึ้งได้รวบรวม 5 นิยายที่ควรอ่านหลังอกหักมาให้แล้วค่ะ บอกเลยว่าถ้าอ่านตามนี้หัวใจของเราจะต้องดีขึ้นแน่นอน จะมีเรื่องอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันเลยดีกว่าจ้า
ถ้าอกหักเพราะดันไปตกหลุมรักเพื่อนสนิท ต้องอ่าน...
How Should A Person Be?
โดย เชล่า เฮตี้
“นวนิยายจากชีวิตจริง” ของเชล่า เฮตี้อย่าง “How Should A Person Be?” เล่มนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบทสนทนาของเธอกับมาร์โก เพื่อนสนิทของเธอ ทั้งคู่เป็นศิลปินอินดี้ที่ซี้ปึ๊กกันมาก ชอบสนใจเรื่องประมาณว่า อะไรทำให้ภาพวาดออกมาน่าเกลียด อะไรทำให้ผู้หญิงกลายเป็นอัจฉริยะ และแน่นอนว่า...คนเราควรเป็นแบบไหน การอ่านหนังสือเล่มนี้เหมือนกับการแอบฟังบทสนทนาแสนยอดเยี่ยมของโต๊ะข้างๆ นั่นแหละค่ะ แอบเผือกเรื่องชาวบ้านวนไป
ถามว่าทำไมนกจากเพื่อนสนิทแล้วต้องอ่านเล่มนี้ บอกได้อย่างเดียวเลยว่าเพราะนี่เป็นบทสนทนาที่เกิดขึ้นจริง และสองคนนี้ก็เป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ (แต่จะตกหลุมรักกันหรือเปล่านั้นนั่นอีกเรื่องนะ) สิ่งที่น่าสนใจของหนังสือเล่มนี้คือมันสามารถจุดประกายบางอย่างในตัวเราได้ ช่วยให้เราฉุกคิดและตั้งคำถามอันยิ่งใหญ่ในชีวิต อาทิเช่น เราต้องเป็นคนแบบไหนถึงจะสร้างสรรค์ศิลปะได้ เราต้องเป็นคนแบบไหนถึงจะสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนและมั่นคงกับคนอื่นได้ อ่านเรื่องนี้แล้วรู้เลยว่าในบางครั้งการแสวงหาคำตอบของคำถามใหญ่ๆ ในชีวิตมักเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ
ถ้าอยากหนีไปให้ไกลๆ หลังเลิกกับใครบางคน ต้องอ่าน...
Nobody Is Ever Missing
โดย แคทเธอรีน ลาเซย์
เอลิเรียทิ้งสามีของเธอ งานของเธอ และชีวิตของเธอไว้ที่นิวยอร์กก่อนออกเดินทางท่องเที่ยวไปยังนิวซีแลนด์ ฟังดูแล้วอาจเหมือนกับหนังสือเรื่อง Eat Pray Love ของอลิซาเบธ กิลเบิร์ต แต่ความจริงแล้วต่างกันสิ้นเชิง นี่ไม่ใช่หนังสือเดินทางท่องเที่ยวเพื่อค้นหาตัวตนของตัวเอง แต่เอลิเรียแค่รู้สึกแปลกๆ กับตัวเองและบางครั้งเธอก็โกรธตัวเอง มันจึงทำให้เธอกลายเป็นคนตลกหน้าตายและมองโลกในแง่ร้ายบ้างในบางครั้ง เช่น เธอพูดถึงประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบติดรถคนอื่นในหนังสือว่า “เขาขับรถพาฉันไปยังที่ๆ เขาจะไป ชายหาดเล็กๆ และเกือบว่างเปล่า โดยที่เขาไม่ข่มขืนหรือฆ่าฉัน ซึ่งนั่นทำให้ฉันชื่นชมมาก”
การอ่านหนังสือเล่มนี้จะช่วยให้เรากล้าปลดปล่อยความรู้สึกตัวเองหลังอกหักออกมาอย่างเต็มที่ อยากโกรธ โกรธได้ อยากรู้สึกว่าตัวเองแปลกก็รู้สึกได้ ปล่อยทุกความรู้สึกออกมาโดยไม่เก้อเขินเหมือนอย่างที่เอลิเรียเป็น ซึ่งลาเซย์ทำให้เรามั่นใจว่าเราจะปลอดภัยเมื่อเป็นตัวของตัวเอง
ถ้ารู้สึกเศร้าแต่ไม่ได้โกรธแฟนเก่า ต้องอ่าน...
Anthropology of An American Girl
โดย ฮิลารี่ เตเยอร์ เฮมานน์
บอกเลยว่านี่เป็นหนังสือที่เลอค่ามาก เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงปลายยุค 70 ณ เมืองอีสต์ แฮมป์ตัน สหรัฐอเมริกา (ก่อนที่จะกลายเป็นแฮมป์ตัน เมืองตากอากาศของมหาเศรษฐี) หนังสือพาเราไปรู้จักกับตัวละครเอกของเรื่องอย่าง “เอวีลิน” ที่ย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (NYU) ในช่วงต้นยุค 80 และพบกับพระเอกที่อายุมากกว่าเธออยู่หลายปี
เอาจริงๆ “Anthropology of An American Girl” อาจถูกจัดว่าเป็นนิยายแนว YA ก็ได้เพราะอายุของตัวดำเนินเรื่องเพิ่งจะ 17 เอง แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่โยนมันไว้ในหมวด YA เพราะหนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาลึกซึ้งเกินไปและอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจคนอ่านมากกว่าที่เราคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราเป็นนักอ่านวัยรุ่น หรือรักใครบางคนที่อายุมากกว่าเรา ซึ่งเรื่องราวความรักไม่สมหวังของเอวีลินเรื่องนี้สามารถเรียกน้ำตาเราไปหลายหยด การเลิกกันของเธอและคนรักไม่มีบาดแผลทางร่างกาย มีแต่บาดแผลทางจิตใจเท่านั้นที่ฝังลึกอย่างเจ็บปวด ถามว่าเอวีลินโกรธคนรักของเธอไหม ก็ไม่ เพราะงั้นจึงหยิบเรื่องนี้มาแนะนำให้กับชาวนกทั้งหลายที่นกแต่ไม่ได้เจ็บแค้นเคืองโกรธเขาคนนั้นค่ะ
ถ้ารู้สึกว่าเลิกกันไปนานแล้วแต่ก็ยังหมกมุ่นกับเรื่องแฟนเก่าอยู่ ต้องอ่าน...
Him, Her, Him Again, The End of Him
โดย แพทริเซีย มาร์ซ
จริงจังนะ อ่านเล่มนี้ซะแล้วรู้ตัวสักทีว่าผู้ชายที่เราเสียเวลาด้วยเป็นปีเนี่ยมันไม่มีอะไรเลย! มีแต่ทำให้เราเสียเวลาทั้งนั้น ซึ่งมาร์ซ นักเขียนแนวเสียดสีของ The New Yorker ได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่าที่พี่พูดเนี่ยมันเป็นเรื่องจริง
เรื่องราวของหญิงสาวผู้ไม่เอ่ยนามที่ใช้เวลาเกือบ 10 ปีในรั้วมหาวิทยาลัย เธอกำลังเรียนปริญญาเอกสาขาประสาทวิทยาที่มหาวิทยาลับแคมบริดจ์ เวลาส่วนใหญ่ของเธอหมดไปกับการทำธีสิส แต่แล้วโลกของเธอก็เปลี่ยนไปเมื่อได้พบกับอาจารย์วิชาปรัชญาแสนน้ำเน่า “ยูจีน โอเบลโล” เพราะเธอดันตกหลุมรักเขา ชะรอยวันหนึ่งคุยไปคุยมาดันถูกเทซะงั้น แถมยูจีนยังทิ้งเธอไปแต่งงานใหม่ซะด้วย! งานนี้ธีสิสก็ไม่จบ แถมยังนกรัวๆ เธอจึงลาออกจากมหาวิทยาลัยและย้ายไปอยู่นิวยอร์ก พร้อมทั้งเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการเป็นนักเขียนซะเลย แต่โชคร้ายเมื่อหัวใจของเธอดันจดจำเรื่องของเขาไม่มีวันเปลี่ยน
ทีเด็ดของหนังสือเล่มนี้อยู่ตรงที่ว่านี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น (แต่เขียนออกมาในรูปแบบนิยาย) แถมเป็นหนังสือที่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องของยูจีนตั้งแต่ยังโสด คบกับเธอ เทเธอ แต่งงานใหม่ หรือแม้แต่ยูจินตาย! เธอไม่เคยลืมเขาเลย ต้องรักเดียวใจเดียวเบอร์ไหนเนี่ย เหมือนกับพวกเราหลายๆ คนที่หมกมุ่นอยู่กับแฟนเก่าจนไม่ยอมมูฟออน ใครที่กำลังมีโมเมนต์แบบนี้อยู่ ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดูแล้วจะรู้ว่าเราไม่ได้มีอาการนี้คนเดียวในโลก ไม่เหงาแล้วจ้า!
ถ้าอกหักแล้วยังโกรธแฟนเก่าอยู่ ต้องอ่าน...
The Devil Wears Prada
โดย ลอเรน ไวซ์เบอร์เกอร์
โกรธแฟนเก่าใช่มั้ย? งั้นลองโยนความโกรธทั้งหมดลงไปใน “The Devil Wears Prada” สิ รับรองพออ่านเรื่องนี้ แทนที่จะเกลียดแฟนเก่า อาจกลายเป็นเกลียดป้ามิรันด้าแทน อิอิ เรื่องราวของแอนเดรีย แซ็คส์ นักศึกษาจบใหม่จากเมืองเล็กๆ ที่มุ่งหน้าสู่นิวยอร์กเพื่อทำงานที่ “สาวๆ นับล้านยอมตายเพื่อให้ได้ทำ” อย่างการเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของมิรันด้า พรีสท์ลี่ย์ เจ้าของนิตยสารแฟชั่นอันดับ 1 ของโลก “รันเวย์” ที่นั่นเอง แอนเดรียพบว่าตัวเองอยู่ในออฟฟิศที่มีแต่เสียงตะโกนว่า ปราด้า! อาร์มานี่! เวอร์ซาเช่! ทุกครั้งที่ย่างก้าว
ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยผู้หญิงผอมบาง แต่งตัวตามแฟชั่น กับผู้ชายสวมเสื้อคอเต่าและกางเกงรัดรูปอวดหุ่นฟิตแอนด์เฟิร์มฉบับไปฟิตเนส! พบกับมิรันด้า ผู้หญิงร้ายกาจและเลือดเย็นแบบ “นางมาร” จนทำให้เราลืมแฟนเก่าของเราได้เลย เป็นนิยายที่อ่านจบแล้วทำให้เรารู้จักความหมายของ “I don’t care. (ฉันไม่สน)” อย่างถ่องแท้ อกหักแล้วไง ทำตัวเริดๆ เชิดๆ แบบป้ามิรันด้า เจ้าแม่วงการแฟชั่นเข้าไว้!!
เป็นอย่างไรบ้างคะกับ 5 หนังสือช่วยรักษาอาการเฮิร์ทที่หัวใจที่พี่น้ำผึ้งนำมาฝากในวันนี้ แต่ละเล่มน่าสนใจและมีกิมมิคมากๆ เชื่อว่าต้องช่วยเยียวยาหัวใจเราได้แน่ๆ ส่วนตัวพี่น้ำผึ้งชอบเรื่อง The Devil Wears Prada หรือนางมารปราด้า เพราะรู้สึกว่ามันเป็นหนังสือที่อ่านแล้วน่าจะเจ็บจี๊ดดี มีความจิกกัดกันเบาๆ ผสมกับเครียดนิดๆ ทีนี้ล่ะก็ต่อให้โกรธแฟนเก่ามากแค่ไหนก็เปลี่ยนไปลงกับหนังสือด้วยการโกรธป้ามิรันด้าแทน (ฮา)
แล้วน้องๆ ล่ะคะ ชอบเรื่องไหนกัน อย่าลืมเล่าให้พี่น้ำผึ้งฟังด้วยนะคะ
พี่น้ำผึ้ง :)
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก amazon.com






0 ความคิดเห็น