สวัสดีค่ะชาว Dek-D พบกับคอลัมน์ “เด็กพลังบวก” ที่จะพาน้องๆ ไปค้นหาแรงบันดาลใจจากวัยรุ่นเจ๋งๆ ที่ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และทำกิจกรรมเพื่อตัวเองและสังคมกันค่ะ
นอกจากการเต้นคัฟเวอร์ที่ทำให้เราตื่นตาตื่นใจและยกนิ้วให้กับความสามารถแล้ว วันนี้เราจะมาพูดถึงอีกหนึ่งรูปแบบการเต้นที่สง่างามพริ้วไหว ด้วยการหมุนตัว แกว่งแขน และยืนบนปลายเท้า บทเพลงส่วนใหญ่ก็จะไปทางคลาสสิก พอฟังคำบรรยายขนาดนี้เดาไม่ยากเลยใช่มั้ยคะว่าเป็นการเต้นแบบไหน? (จริงๆ ก็เฉลยตั้งแต่ชื่อบทความแล้ว5555) เดี๋ยวเราจะพาไปรู้จักวัยรุ่นคนหนึ่งที่เต้นบัลเล่ต์มาตั้งแต่ 3 ขวบครึ่ง แถมยังตั้งใจฝึกซ้อมจนล่าสุดก็เพิ่งคว้าถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพฯ มาครอง ถ้าใครอยากรู้ชีวิตนักเต้นบัลเล่ต์...ห้ามพลาดค่ะ
แนะนำตัว
“สวัสดีค่ะ ‘นานะ’ พุทธิธีรา วนิชยางกูรานนท์ อายุ 13 ปี เรียนอยู่เกรด 7 ที่ Singapore International School of Bangkok ค่ะ”
อยากเรียนบัลเล่ต์เพราะตกหลุมรักชุดและท่าเต้น!
นานะเล่าจุดเริ่มต้นการเต้นบัลเล่ต์ให้ฟังว่า “เริ่มเต้นประมาณ 3 ขวบครึ่งค่ะ เมื่อก่อนพี่ชายจะเรียนเปียโนในห้าง แล้วหนูจะไปเดินห้างกับคุณแม่ ตอนเดินผ่าน Bangkok Dance Academy เหลือบไปเห็นพี่ๆ เต้นอยู่ข้างใน รู้สึกเค้าเต้นสวยชุดสวยมาก เป็นชุดระบำสีชมพูของโรงเรียนเค้าค่ะ แล้วเมื่อก่อนหนูคิดไรอยู่ก็บอกแม่ บอกแม่ว่าอยากเรียนนะ แม่ก็พาไปเรียน”
“จากนั้นก็ฝึกเต้นเรื่อยๆ 6 วันต่อสัปดาห์ วันละ 4-5 ชั่วโมงหลังเลิกเรียน ตอนเด็กๆ ครูจะพยายามทำให้เราเต้นบัลเล่ต์เป็น โดยใช้การเล่าเรื่องไปด้วย อย่างเวลาฉีกขาเป็นวงกลม แล้วอยากให้เราก้มไปด้านหน้า ก็จะให้ทำท่าเหมือนกำลัง ‘หั่นพิซซ่า’ ส่วนนอกเวลาเรียนจะพยายามฝึกความอ่อนตัว ซ้อมทำท่าเบสิกๆ ให้แน่น พอไปเรียนจริงๆ ก็จะช่วยให้ท่ายากๆ มันง่ายขึ้นค่ะ”
คิดว่าอะไรยากที่สุดในการเต้นบัลเล่ต์? “ความยากคือเราต้องควบคุมค่ะ ถ้าเราจะทำท่าอะไรที่ต้องใช้แรงมากๆ ต้องใช้แรงให้สมดุล มากไปน้อยไปไม่ได้”
สิ่งที่คนภายนอกทึ่งกับการเต้นบัลเล่ต์ คือ การยืนบนปลายเท้า เราเองต้องหัดท่านี้นานแค่ไหน? “หนูเริ่มขึ้นปลายเท้าได้น่าจะตอน 10 ขวบ ตอนนั้นเห็นพี่ๆ เค้าขึ้นได้กัน เลยอยากรู้ความรู้สึกว่าจะเป็นยังไง เลยให้ครูสอนให้ ตอนแรกยาก เพราะหนูกดเท้าไม่ค่อยลง ขึ้นไม่ค่อยได้ แล้วหลังๆ พอขึ้นเยอะเรื่อยๆ มันก็เริ่มหายเจ็บ เริ่มชินมากขึ้น โอเคขึ้นค่ะ”
เรามีเทคนิคสำหรับคนที่ยังมีปัญหาเรื่องนี้มั้ย? “สำหรับคนที่เพิ่งขึ้น อย่าฝืนมากเกินไปค่ะ เพราะเสี่ยงบาดเจ็บ”
คว้าถ้วยพระราชทานจากคะแนนรวมสูงสุด!
“ปกติจะได้เต้นทั้งในงานแข่งขันและงานโชว์ค่ะ เช่น งานของโรงเรียน งานเต้นที่พารากอน หรืองานการศึกษา ถ้าเป็นการแข่งขัน ล่าสุดก็แข่งที่โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ มีผู้ชมเยอะมาก บรรยากาศหลังเวทีก็อาจวุ่นวายช่วงที่เราต้องรีบเปลี่ยนชุด”
และสิ่งที่การันตีได้ว่าการเต้นบัลเล่ต์ของเธอไม่ธรรมดา คือรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากเวที CSTD Thailand Dance Grand Prix 2018 ครั้งที่ 5 ประเภทคะแนนรวมบุคคลสูงสุด (Aggregate Solo Cup) นานะรู้สึกยังไงบ้างกับการประกวดครั้งนี้? “หนูได้แข่งเวทีนี้มาน่าจะ 5 ปีได้แล้วค่ะ ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ถ้วยคะแนนรวมพระราชทาน ถึงไม่ได้คาดหวังตั้งแต่แรกแต่ก็มีความสุขมากกก ><”
ถึงไม่ได้แข่งก็ต้องซ้อมให้ฝีมือไม่ตก
เธอเล่าว่าถึงเป็นช่วงที่ไม่มีแข่ง ก็ใช่ว่าจะทิ้งการซ้อมได้ “เวลาไม่มีแข่งก็ต้องซ้อมตลอดค่ะ ไม่งั้นการเต้นจะแย่ลง ความแข็งแรงจะหายไปบ้าง อย่างหนูที่หยุดปีใหม่ไปก็แอบมีสั่นบ้างง5555”
แสดงว่าการเต้นบัลเล่ต์ก็สูบพลังชีวิตไปเยอะเหมือนกัน เราต้องแบ่งเวลายังไงบ้างให้การเรียนไม่ตก? “เวลาเรียนก็ต้องตั้งใจฟังค่ะ ไม่งั้นจะไม่เข้าใจเลย ถ้าเหลือเวลาในห้องเรียนก็จะรีบทำการบ้านให้เสร็จ กลับมาบ้านจะได้ไม่ต้องนอนดึกเกินจนไปเหนื่อยเอาอีกวัน เวลานั่งรถไปเรียนเต้น ถ้าการบ้านเยอะก็จะนั่งทำในรถเลยค่ะ”
“่ส่วนการบาดเจ็บ ไม่ค่อยมีค่ะ มีแค่ตอนเล่นไปสักพักแล้วเจ็บข้อเท้าบ้าง เพราะเราใช้มันเยอะ บางครั้งก็กระแทกด้วย”
การเต้นช่วยสื่ออารมณ์และระบายความเครียด
จากประสบการณ์เต้น 10 กว่าปีที่โรงเรียนสอนเต้น นานะคิดว่างานอดิเรกนี้ให้อะไรกับเราบ้าง? “การเต้นบัลเล่ต์ช่วยให้เรามีสติมากขึ้น มีความรับผิดชอบ สามารถจัดการเวลาได้ดีขึ้น ส่วนบุคลิกคือเมื่อก่อนหนูเป็นคนเข่าโก่ง เท้าเบี้ยวๆ พอเรียนนานเข้าเข่าก็หายโก่งค่ะ ไม่แน่ใจว่าทำไมเหมือนกัน 555 เหมือนฝึกเรื่อยๆ แล้วโอเคขึ้น”
“ประโยชน์อีกอย่างนึงคือ เวลาเต้นเหมือนได้สื่ออารมณ์โดยไม่ต้องพูดออกมาค่ะ บางครั้งเราเจอปัญหาที่โรงเรียนแล้วไม่มีที่ระบายอื่นนอกจากเล่าให้เพื่อนฟัง แล้วบางครั้งก็มีปัญหากับเพื่อนอีก 5555 การเต้นเหมือนได้ระบายเรื่องเครียดพวกนั้นออกมานิดหน่อยค่ะ”
แล้วนอกจากเต้นบัลเล่ต์ เราได้เต้นลักษณะอื่นอีกมั้ย? “มีเต้น Jazz, Contemporary, Hip-Hop บ้างค่ะ แต่ไม่ค่อยเต้น Cover เพราะไม่ได้ติดตามศิลปินเกาหลีขนาดนั้น แต่ก็อยากลองบ้างเหมือนกันนะคะ อยากลองเปลี่ยนสไตล์ดู ^^”
อยากเป็นหมอ...แต่ไม่ทิ้งการเต้น
“อาชีพที่อยากทำคือหมอฟันไม่ก็หมอกายภาพค่ะ เพราะหนูเห็นว่ามันได้ใช้ความรู้เรื่องที่โรงเรียน ถ้าเป็นหมอกายภาพจะได้ใช้ความรู้จากการเต้น ส่วนการเต้นบัลเล่ต์ก็อยากจะเต้นไปเรื่อยๆ ค่ะ เรารู้สึกว่าการเต้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ถึงไม่ได้เป็นนักเต้นอาชีพ ก็จะไม่ทิ้งการเต้นไปแน่นอน”
ไม่ผิดคาดเลยว่าเบื้องหลังท่าเต้นบัลเล่ต์ที่สวยงาม ต้องผ่านการฝึกซ้อมหนักมากกก ถ้าใจไม่รักจริงๆ คงต้องยอมแพ้กลางคันแน่ๆ สำหรับชาว Dek-D คนไหนที่ชอบทางด้านนี้จริงๆ อย่าท้อและอย่าหักโหมเกินกำลังนะคะ ทางที่ดีควรให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการเต้นบัลเล่ต์คอยแนะนำอยู่ข้างๆ เพื่อให้เราพัฒนาได้เร็ว และไม่เสี่ยงบาดเจ็บจะดีที่สุดน๊า ^^
อย่าลืมย้อนอ่านเด็กพลังบวกคนก่อนหน้านะคะ ><










1 ความคิดเห็น