สวัสดีค่ะชาว Dek-D ช่วงนี้หลายคนที่ติดตามข่าวภัยพิบัติทั้งในไทยและต่างประเทศ ก็อยากส่งแรงใจและความช่วยเหลือไปถึงผู้ประสบภัย หนึ่งในวิธียอดฮิตคือ "การบริจาคสิ่งของ" เราเชื่อว่าผู้ให้ทุกคนล้วนหวังดี...แต่บางคนอาจลืมคิดว่า สิ่งของที่เราหยิบยื่นให้เค้ามันจะไปซ้ำกับคนอีกมากมายรึเปล่า? และบางคนก็ลืมคิดในมุมผู้รับว่า ผู้รับจะคิดยังไงถ้าได้รับสิ่งนั้นๆ ในสถานการณ์คับขัน? สำหรับวันนี้พี่ก็ได้ไปเก็บตกมาจากเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งใหญ่ว่า ผู้ประสบภัยหรือเจ้าหน้าที่ต้องทนทุกข์กับสิ่งของอะไรที่คนบริจาคเข้ามาบ้าง!
1. นกกระดาษ
ช่วงหลายวันนี้สถานการณ์ที่ญี่ปุ่นน่าเป็นห่วงมากๆ เลยค่ะ เพราะต้องเผชิญกับพายุฝนอย่างรุนแรงและต่อเนื่องทางตอนกลางและตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ผลคือน้ำท่วมฉับพลัน แผ่นดินและดินโคลนถล่ม สร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สิน อาคารบ้านเรือน รวมถึงพรากชีวิตของผู้อยู่อาศัยมากกว่า 100 ราย และยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะสิ้นสุดลงที่จำนวนใด
นอกจากนั้น คนเป็นล้านต้องอพยพหนีจากบ้านเรือนมาอยู่แออัดในที่พักพิงชั่วคราว ซึ่งขาดแคลนทั้งน้ำและอาหาร เผลอๆ ไม่มีกระทั่งไฟฟ้าใช้ด้วย สิ่งที่ช่วยต่อชีวิตพวกเขาได้ก็คือสิ่งของบริจาคจากผู้มีน้ำใจนั่นเองค่ะ
แต่...มันก็ไม่ใช่ทุกอย่างเสมอไป โดยเฉพาะกับ “นกกระเรียนกระดาษ”
ประเทศญี่ปุ่นเค้าจะมีวัฒนธรรมน่ารักๆ อย่างการพับกระดาษ (Origami) และรูปแบบที่แพร่หลายมากที่สุดเห็นจะเป็นการพับ “นกกระดาษ” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความเชื่อ และความหวังมาตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณ โดยเราต้องพับจำนวน 1,000 ตัวส่งไปให้เพื่อนหรือคนที่รู้จัก หรือบางทีก็เน้นพับปริมาณมากๆ เอาไว้ก่อน
ช่วงที่น้ำท่วมใหญ่นี้เองก็มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งชื่อ @NorIhannya ซึ่งเป็นอดีตเหยื่อแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ตั้งแต่ 2011 เขาคือผู้กล้าที่ออกมาฝากข้อความถึงผู้ที่อยากยื่นมือเข้าช่วย
【大雨の被害を受けていない方へ】
— のりたま (@NORIhannya) July 7, 2018
折り鶴を贈るのはやめてください。場所も取る上重く、モノがモノですから捨てづらい、食べ物でもなければ売ってお金にできるものでもない。完全に作る側の自己満足でしかありません。折り鶴を作る費用を募金してください。お願いします。東日本大震災経験者より。
“[แด่ผู้ที่ไม่ได้ประสบอุทกภัยครั้งนี้] กรุณาหยุดส่ง ‘นกกระเรียนกระดาษ’ เพราะมันทั้งหนัก กินพื้นที่ และกำจัดยาก เพราะมันไม่ใช่อาหาร ไม่สามารถเอาไปขายแลกเงินได้ นกเหล่านั้นแค่สร้างความรู้สึกดีๆ ให้กับผู้ที่ทำมันขึ้นมาเท่านั้น กรุณาบริจาคเงินที่ต้องนำไปใช้การทำนกกระดาษพวกนั้นเถอะ”
แน่นอนค่ะว่าคนที่ตั้งใจนั่งพับนกให้เขาหวังดี อยากเสริมสร้างกำลังใจ แต่ลองคิดดีๆ ว่าการได้รับนกกระดาษ 1,000 ตัวในสถานการณ์แบบนี้มันจะช่วยอะไรได้นอกจากสร้างความผิดหวังและความโกรธแค้นให้กับเจ้านกและคนพับนก?
ตอนนี้ทวิตดังกล่าวมียอดรีทวิตกว่า 80,000 และบางความคิดเห็นที่น่าสนใจมาก เช่น ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อ @ponmaimarumomo ที่บอกว่า
“สมัยที่เกิดแผ่นดินไหวแถบๆ ตะวันออกของญี่ปุ่น ในช่วงที่สถานการณ์กำลังคับขัน มีกล่องกระดาษใบใหญ่ใบหนึ่งส่งมาถึงที่พัก ผู้รับเปิดกล่องด้วยความรู้สึกว่าต้องเป็น ‘อาหารหรือน้ำ’ แน่ๆ แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวังเมื่อเปิดมาเจอกับนกกระเรียนกระดาษจำนวนมาก”
และเพื่อให้เห็นภาพชัดมากขึ้น ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @iiiizzzwww22 ได้โพสต์ภาพชุดหนึ่งที่จำลองให้เห็นว่า ถ้าเกิดเราเอานกกระดาษที่คนทั้งประเทศบริจาคให้มาจัดเก็บ...มันจะออกเป็นสภาพไหน?
"แบบนี้ยังคิดจะส่งมาให้อีกมั้ย?"
แต่ใช่ว่าจะมีแต่คนออกมาคัดค้านหรือเห็นด้วยแบบสุดๆ อย่างเดียวนะคะ เค้าก็ได้ให้คำแนะนำดีๆ ให้ด้วยเช่นกัน เช่นทวีตของผู้ใช้ทวิตเตอร์ @hakusyu_syuhaku
“ถ้าเกิดคุณอยากส่งนกกระดาษให้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นนกอะไรก็ตามแต่ ให้เอามันวางไว้บนสิ่งของพร้อมกับเงินและน้ำ เมื่อผู้รับเห็นก็จะสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยน และรู้สึกดีกับนกกระดาษมากขึ้น”
ท้ายที่สุดชาวเน็ตในทวีตดังกล่าวก็เห็นพ้องว่าการบริจาคเงินนี่แหละเวิร์กที่สุดแล้ว และการบริจาคเงินให้กับองค์กรที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้อาสาสมัครสามารถนำไปซื้อสิ่งของที่จำเป็นจริงๆ ให้ผู้ประสบภัยได้ หรืออีกทางนึงที่ช่วยได้คือ “การบริจาคเลือด” เพื่อช่วยชีวิตคนนั่นเองค่ะ
2. ตุ๊กตาหมี
ถือเป็นเรื่องปกติที่องค์กรการกุศลจะได้รับตุ๊กตาจำนวนมากจากประชาชน เพื่อนำบริจาคให้กับเด็กๆ ที่สูญเสียพ่อแม่จากสงคราม ผู้ป่วยเด็กในโรงพยาบาล หรือเด็กที่เป็นเหยื่อภัยในเหตุการณ์ร้ายแรงต่างๆ ผู้บริจาคต่างคิดว่าเจ้าตุ๊กตาพวกเนี้ยแหละคือของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับเด็กที่ต้องการเยียวยาบาดแผลทางจิตใจ
แต่ก็มีบางสถานการณ์เหมือนกันนะคะที่คนพร้อมใจกันบริจาคตุ๊กตาจนทำให้มันกลายเป็นภาระ เช่น ถ้าหากย้อนไปปี 2012 เด็กหนุ่มชื่อ "อดัม แลนซา" (Adam Lanza) วัย 20 ปี ได้ก่อเหตุสังหารหมู่ในโรงเรียนแซนดีฮุก (Sandy Hook) เมืองนิวทาวน์ ประเทศออสเตรเลีย ครั้งนั้นเขาได้ยิงเด็ก 20 คนและผู้ใหญ่อีก 6 คน ก่อนที่จะฆ่าตัวตายตาม ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์กราดยิงที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 2012
สำนักข่าวท้องถิ่นรายงานว่า 2 สัปดาห์ให้หลัง เมืองนี้แทบจะจมไปด้วยตุ๊กตาหมีเท็ดดี้แบร์จำนวน 10,000 ตัว ทำให้ต้องใช้ห้องเก็บของพื้นที่กว่า 20,000 ตารางฟุต หรือราวๆ 1,858 ตารางเมตรเพื่อให้ตุ๊กตาหมีพักอาศัยโดยเฉพาะ!
3. เสื้อผ้า
คนที่ชอบซื้อเสื้อผ้าเยอะๆ มักจะเห็นว่าการบริจาคเป็นช่องทางที่ช่วยเพิ่มเนื้อที่ในตู้ไปพร้อมๆ กับช่วยเหลือคน แต่ในความเป็นจริงคือ "พวกเขาไม่ได้เป็นคนเดียวที่ใช้วิธีนี้" หลายๆ คนพากันโละตู้เสื้อผ้าตัวเอง(หรือซื้อเพิ่ม)มาเพื่อบริจาค ทั้งที่เหล่าผู้ประสบภัยต้องการเสื้อผ้าแค่ในปริมาณที่ "จำกัด" เท่านั้น ผลลัพธ์คือเสื้อผ้าพวกนั้นกลายเป็นขยะทันที เพราะเจ้าหน้าที่เองก็ไม่มีเวลามาจัดการทำความสะอาดและจัดเก็บกองเสื้อผ้าเก่าๆ ที่คนพร้อมใจกันบริจาคให้
สิ่งเหล่านี้มักจะเกิดในกรณีของภัยพิบัติครั้งใหญ่ค่ะ เช่น เมื่อเดือนตุลาคมปี 1998 พายุเฮอร์ริเคน มิชท์ (Mitch) เข้ารุกรานชาวฮอนดูรัส ทำให้คนนับหมื่นล้มตาย และคนนับล้านกลายเป็นคนไร้บ้าน ตอนนั้นข้าวของบริจาคที่ดูเกินความจำเป็นก็คือ “เสื้อผ้า” ที่มาเป็นกองพะเนิน เคลื่อนย้ายไม่ได้ แถมยังมีรองเท้าส้นสูง เสื้อกันหนาว (ในขณะที่ฮอนดูรัสอยู่ในช่วงฤดูร้อน)
หรือจะเป็นเหตุการณ์เมื่อปี 2004 ช่วงที่เกิดสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย ชายหาดในอินโดนีเซียถูกถมไปด้วยกองเสื้อผ้ามหาศาล สุดท้ายแล้ววิธีจัดการคือ การเทน้ำมันลงไปแล้วจุดไฟ จากนั้นก็ปล่อยให้หายไปกับทะเล…
จริงๆ แล้วสิ่งของหลายอย่างเลยค่ะที่ถ้าเกิดบริจาค "มากเกินไป" จะกลายเป็นภาระของเจ้าหน้าที่ หรือทำให้ผู้รับรู้สึกผิดหวังและโกรธเคือง เราจึงขอแนะนำว่า ถ้าเกิดเราอยากช่วยเหลือจริงๆ ควรติดตามข่าวสารดูว่ามีการประชาสัมพันธ์การรับบริจาคสิ่งของใดหรือไม่ หรือบางครั้งเราอาจพิจารณาตามความเหมาะสมแล้วสอบถามไปยังหน่วยงานก่อนก็ได้ค่ะ ^^












1 ความคิดเห็น