เด็กชายในชุดนอนลายทาง :
มิตรภาพเกิดขึ้นได้ทุกที่แม้ในสงคราม

 

สวัสดีชาวเด็กดีทุกคนค่ะ หลายคนคงเคยอ่านหนังสือหรือดูภาพยนตร์เรื่อง “เด็กชายในชุดนอนลายทาง” หรือ "The Boy in the Striped Pajamas" กันมาบ้างแล้ว ในเว็บเด็กดีเองก็มีบทความของพี่น้องที่เคยเขียนวิจารณ์วรรณกรรมเรื่องนี้เอาไว้ด้วย (สามารถอ่านได้เลยค่ะ กับบทความวิจารณ์หนังสือ "เด็กชายในชุดนอนลายทาง")  

สำหรับวันนี้ พี่แนนนี่เพน ขอหยิบหนังสือเรื่องนี้มาพูดถึงอีกครั้ง 
โดยขอเน้นในประเด็นเรื่อง “มิตรภาพไม่มีพรมแดน” ของเด็กชาย “บรูโน” และเด็กชาย “ชมูเอล” ซึ่งต่างก็เป็นเด็กที่ยังไร้เดียงสาด้วยกันทั้งคู่ สำหรับพี่แนนนี่เพนแล้ว นี่คือเสน่ห์ของวรรณกรรมเรื่องนี้ค่ะ มิตรภาพเล็กๆ น้อยๆ ของเด็กสองคนที่แตกต่างกันไปคนละขั้ว... ประเด็นที่น่าสนใจคือ มันเป็นมิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างสงคราม และที่น่าสนใจไปกว่านั้น มันคือมิตรภาพของนาซีและยิว ที่ใครๆ ก็รู้ว่า... เกลียดชังกันอย่างหนักถึงขั้นมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มาแล้ว


 
หนังสือเด็กชายในชุดนอนลายทาง  
 

เรื่องย่อของเด็กชายในชุดนอนลายทาง 


สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่าน ขอเล่าย่อๆ ให้ฟังก่อนว่า หนังสือเรื่องนี้เป็นเรื่อง เกี่ยวกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เล่าผ่านมุมมองของ "บรูโน" เด็กชายชาวเยอรมันวัยเก้าขวบที่ต้องย้ายบ้านตามงานของพ่อซึ่งเป็นนายทหารใหญ่ในกองทัพ บรูโนรู้สึกเหงาเพราะละแวกบ้านที่ย้ายมาใหม่ไม่มีครอบครัวไหนอาศัยอยู่เลย แต่สิ่งที่น่าแปลกและผิดสังเกตสำหรับเด็กชาย ก็คือ เมื่อมองออกนอกหน้าต่าง จะเห็นแต่กำแพงรั้วลวดหนามที่มีผู้ชายใส่ชุดนอนลายทางอยู่จำนวนมาก ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเด็ก วันหนึ่งบรูโนตัดสินใจแอบเดินเข้าไปใกล้ๆ รั้ว ที่นั่นเอง เด็กชายได้พบกับเด็กชายอีกคนที่มีชื่อว่า... "ชมูเอล" หลังจากวันนั้น มิตรภาพระหว่างพวกเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้น
 
ชมูเอล กับ บรูโน 
 

เด็กชาย “บรูโน” กับเด็กชาย “ชมูเอล” = นาซี Vs ยิว


“เรื่องราวมิตรภาพของเด็กทั้งสองคนเกิดขึ้นในช่วงเวลาและสถานที่อันโหดร้าย”
 
"บรูโน" คือเด็กชายชาวเยอรมันที่เติบโตในครอบครัวนาซี จึงไม่แปลกที่เด็กชายจะได้รับการปลูกฝังค่านิยมอันเข้าใจยากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สงคราม เชื้อชาติ หรือแม้แต่ศาสนา แต่เด็กชายไม่เข้าใจเรื่องความแตกต่างพวกนี้นัก จะเรียกว่าไร้เดียงสาก็ว่าได้ เขาไม่ได้สนใจเรื่องยากๆ พวกนี้แต่อยากวิ่งเล่นเหมือนเช่นเด็กทั่วไป สิ่งที่เขาสนใจคือ หนังสือการผจญภัย บรูโนอยากเป็นนักสำรวจ อยากออกไปใช้ชีวิต และเมื่อได้พบกับชมูเอล เด็กชายชาวยิวที่อาศัยอยู่อีกด้านของรั้ว บรูโนก็เกิดความอยากรู้อยากเห็น และแอบไปเล่นพูดคุยกับเพื่อนคนนี้อยู่บ่อยครั้ง ระยะเวลาที่เด็กทั้งสองใช้ร่วมกันคือ หนึ่งปีเต็ม 
 
“บรูโนและชมูเอลเกิดวันเดียวกัน แต่ชีวิตของพวกเขาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง” 
 
บรูโนมีชีวิตที่ปลอดภัยอยู่กับครอบครัว ชาวเยอรมัน ในขณะที่ชมูเอลอยู่ในค่ายกักกันในฐานะ ชาวยิว ความแตกต่างของเด็กทั้งสองคน แสดงให้เห็นว่าต้นกำเนิดของมนุษย์สามารถตีตราและประณามเราได้อย่างไรบ้าง ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครสามารถเลือกเกิดได้ สำหรับเด็กชายทั้งสองคน ไม่มีใครเข้าใจความแตกต่างที่เกิดขึ้น พวกเขามีความคิดคล้ายๆ กันว่าก็แค่อยากเล่น อยากผจญภัยไปด้วยกัน ในความคิดของทั้งคู่คือ... พวกเขาสามารถเป็น “เพื่อน” กันได้  

บางที โลกของเด็กนั้น อาจเป็นโลกที่ยังไม่มีค่านิยม แนวคิด ความเชื่อต่างๆ เข้ามาแทรก จึงทำให้พวกเขาไม่ได้มองอะไร นอกจากความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเอง... แตกต่างจากผู้ใหญ่ ที่แบ่งพรรคแบ่งพวก มองว่า... ผู้ที่คิดแตกต่างจากตนเป็นตัวอันตรายและต้องกำจัดทิ้ง 
 
 
 บรูโนกับชมูเอลเล่นหมากรุกผ่านรั้วหนาม 
 

บรูโนและชมูเอลมีมุมมองในบางเรื่องที่่แตกต่างกัน ยกตัวอย่าง ฉากที่ชมูเอลมาทำงานรับใช้ที่บ้านของบรูโน และถูกทหารทำร้ายเพราะแอบกินขนมในงานเลี้ยง แต่บรูโนกลับเข้าใจว่าชมูเอลเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงความคิดของชมูเอลที่มองว่าทหารนั้นโหดร้ายขณะที่บรูโนนั้นอยากเป็นทหาร สิ่งเหล่านี้ สะท้อนให้เห็น การอบรมเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมที่หล่อหลอมพวกเขา มา
  
ต่อมาเมื่อครอบครัวของบรูโนต้องย้ายกลับไปบ้านเดิม บรูโนรู้สึกเศร้าเขาจึงไปรอชมูเอลที่ริมรั้วอีกครั้ง พวกเขาอยากจะทำอะไรร่วมกันสักครั้งก่อนจะจากกัน ชมูเอลเล่าถึงพ่อที่หายตัวไปในค่าย เมื่อบรูโนเห็นชมูเอลเศร้าก็รู้สึกเศร้าตาม จึงอาสาลอดรั้วเข้าไปช่วยตามหาพ่อของชมูเอล ในค่ายกักกัน เด็กชายถอดชุดไว้ริมรั้วและเปลี่ยนมาสวมชุดนอนลายทางเหมือนชมูเอล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในค่ายกักกันสร้างความหวาดกลัวให้บรูโนเป็นอย่างมาก แต่เพราะมี ชมูเอลคอยจับมืออยู่ข้างๆ เสมอ บรูโนจึงคลายความกังวลใจ 
 
เรื่องราวดำเนินมาถึงฉากน่าสะเทือนใจ เด็กชายทั้งสองคนถูกต้อนให้ต่อแถวเพื่อเข้าไปในห้องรมแก๊สซึ่งถือเป็นจุดจบที่น่าเศร้าของชาวยิวในค่ายกักกัน บรูโนกับชมูเอลต่างบอกกับอีกฝ่ายว่า "เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเท่าที่ตัวเองเคยมีมา" หลังจากวันนั้นไม่มีใครพบบรูโนอีกเลยนอกจากเสื้อผ้าที่เขาถอดกองเอาไว้ที่ริมรั้ว

 

 บรูโนกับชมูเอลในชุดนอนลายทาง  
 

วรรณกรรมที่เชื่อมโยงกับแนวคิดของนิทซ์เช่ นักปรัชญาชาวเยอรมัน


นิยายเรื่องนี้เชื่อมโยงกับแนวคิดของ ฟรีดริช วิลเฮล์ม นิทซ์เช่ (Friedrich Wilhelm Nietzsche) นักปรัชญาชาวเยอรมัน แค่ได้อ่านชื่อก็รู้สึกถึงความยากแล้วใช่ไหมคะ หลายคนอาจจะยังไม่เคยเรียนหรือยังไม่รู้จักแนวคิดของนิทซ์เช่ ถ้าให้อธิบายง่ายๆ แนวคิดของนิทซ์เช่ชื่อในชนชั้นที่มีลักษณะเด่นกว่า ได้แก่ ความแข็งแรง ความฉลาด ความสร้างสรรค์ มีความคิดและความมีเหตุผล นิทซ์เช่เชื่อว่ามนุษย์ที่สมบูรณ์และแข็งแรงกว่าเท่านั้นที่จะอยู่รอดและสมควรจะได้รับโอกาสที่ดีกว่าผู้ที่อ่อนแอ เป็นแนวคิดที่มี เป้าหมายสำคัญคือการมีชีวิตเพื่อมีอำนาจ แนวคิดดังกล่าวส่งผลให้อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) นำมาปรับใช้จนเกิดลัทธิฟาสซิสต์อันเหี้ยมโหดขึ้น นี่จึงเป็น ที่มาของการสังหารชาวยิวจำนวนมากในค่ายกักกัน
 
นอกจากนี้ เหล่านาซีได้นำแนวคิดการแบ่งระดับมนุษย์ของนิทซ์เช่มาปรับใช้เพื่อคัดเลือกผู้อยู่รอด โดยจัดสถานะว่าใครเป็นอย่างไรอีกด้วย เช่น หากใครเชื่อฟังคำสั่งได้ดีจัดอยู่ในหมวดหมู่ของอูฐ แต่หากใครมีข้อโต้แย้งหรือมีคำถามจัดอยู่ในหมวดหมู่ของสิงโตเพราะเป็นภัยอาจก่อให้เกิดการจลาจลได้ แต่กับบรูโนและชมูเอล เด็กชายทั้งสองคนเป็นเพียงเด็กที่มีอิสระทางความคิด และปราศจากอคติ พวกเขาเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ไปด้วยกัน ตัดสินใจ และ ทำความรู้จักกันภายใต้ความไร้เดียงสา ปราศจากความคิดอคติของผู้ใหญ่ พวกเขาทั้งสองคนจึงมีมิตรภาพที่มีคุณค่าด้วยตัวของพวกเขาเอง ไม่มีการแบ่งแยกตามแนวคิดดังกล่าว
 
“สำหรับเด็กชายทั้งสองคน มิตรภาพของพวกเขาคือทุกสิ่งทุกอย่าง และไม่มีความแตกต่าง”

 

ไม่ว่าเมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร มิตรภาพของเด็กคือสิ่งที่บริสุทธิ์เสมอ


นิยายเรื่อง "เด็กชายในชุดนอนลายทาง" สะท้อนปัญหาที่เกิดจากอุดมการณ์ท่ามกลางความแตกต่าง ความคิดของผู้ใหญ่ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อเด็กได้มากกว่าอาวุธใดๆ ความเชื่อมั่นของบรูโนและชมูเอลในเรื่อง ไม่ว่าพวกเขาได้เลือกทางเดินแบบไหน ล้วนเป็นผลมาจากผู้ใหญ่ทั้งสิ้น
 
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวมิตรภาพและมุมมองที่เน้นความสัมพันธ์ของเด็กชายทั้งสองคน ที่ เชื้อชาติหรือรั้วหนามที่ขวางกั้นไม่สามารถทำให้พวกเขาเลิกเป็นเพื่อนกันได้ บรูโนและชมูเอลเป็นเพียงเด็กที่ตกเป็นเหยื่อทางความคิดของผู้ใหญ่ในสมัยนั้นเท่านั้น ทั้งสองคนได้มอบความรู้สึกที่เปี่ยมล้นไปด้วยมิตรภาพของพวกเขา มิตรภาพที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ใดใดในโลกนี้ ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาในวัยเด็กทำให้ทั้งคู่มองข้ามเรื่องราวของผู้ใหญ่ที่พยายามปลูกฝังความคิดต่างๆ และมองเห็นเพียงช่วงเวลาในวัยเด็กที่ต้องการเพียง “เพื่อน” ที่พร้อมเข้าใจและเรียนรู้สิ่งต่างๆ ไปด้วยกัน

อ่านเรื่องนี้จบแล้ว พี่แนนนี่เพนนึกถึงผลงานไทยๆ เรื่อง "เพื่อนรัก" ของจุลลดา ภักดีภูมินทร์ที่เคยทำเป็นละครเมื่อนานมาแล้วค่ะ ไม่แน่ใจว่ามีน้องๆ คนไหนเคยได้อ่านกันไหม นิยายเรื่องนั้นก็เขียนถึงเหตุการณ์ในช่วงสงครามโลก ที่มีนายทหารอเมริกันเข้ามารบในประเทศไทย และได้สร้างมิตรภาพกับเด็กชายไทย และเด็กหญิงจีน แนวคิดของหนังสือสองเรื่องจะคล้ายๆ กัน นั่นคือ นำเสนอเรื่องมิตรภาพอันบริสุทธิ์ผ่านเด็กๆ ที่ไร้เดียงสา ในขณะที่ผู้ใหญ่คอยแต่แบ่งพรรคแบ่งพวก คอยแต่คิดถึงความแตกต่าง และไม่ยอมลงให้กัน สำหรับเด็กๆ แล้ว เรื่องแบบนี้ไม่ได้สำคัญอะไรเลย สิ่งที่พวกเขาสนใจมีอยู่อย่างเดียวคือ "มิตรภาพ" และ "ความเป็นเพื่อน" มิตรภาพแบบนี้ยิ่งใหญ่และน่ารักมากๆ ทุกคนคิดเหมือนกันไหมคะ 
 
พี่แนนนี่เพนหวังว่า “เด็กชายในชุดนอนลายทาง” จะเป็นวรรณกรรมเยาวชนที่กระตุ้นให้น้องๆ ชาวเด็กดีได้ หวนคิดถึงมิตรภาพของเพื่อน และเป็นส่วนหนึ่งให้น้องๆ ที่ อยากเขียนนิยายเกี่ยวกับเพื่อนได้มีมุมมองที่น่าสนใจมากขึ้นนะคะ 
 
เรามาจับมือกันให้แน่นเหมือนบรูโน่กับชมูเอลกันเถอะ!


 
ขอบคุณข้อมูลจาก

 

Deep Sound แสดงความรู้สึก

พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

PennieNanny Columnist 25 ส.ค. 61 18:56 น. 1-1
มีจำหน่ายอยู่ค่า ไม่แน่ใจว่าตามร้านหนังสือมีเก็บไว้ไหม แต่ในเว็บมีนะคะ หรือลองไปตามร้านหนังสือดูค่ะ ถ้าไม่มีร้านจะมีการสั่งจองให้ค่า ^^
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด