ฆ่าเพราะเป็นห่วง? เปิดคดีเด็กญี่ปุ่นวัย 15 ที่ฆ่าคนในบ้านเพื่อเตรียมไปฆ่าเพื่อนต่อ!

      สวัสดีค่ะชาว Dek-D วันนี้พี่มีข่าวฆาตกรรมสุดพิศวงจากฝั่งญี่ปุ่นมาฝากกันค่ะ เป็นเรื่องราวของเด็กชายวัย 15 ปี ที่คิดจะฆ่าเพื่อนของเขา แต่กลับลงมือฆ่าคนในครอบครัวของตัวเองซะก่อน ว่าแต่อะไรคือแรงจูงใจที่ทำให้เกิดเหตุการณ์สลดใจนี้ขึ้นนะ? เราตามมาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ 


เด็กชายวัย 15 ที่ลงมืออย่างโหดเหี้ยม
 


      เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ในเมืองไซตามะ (Saitama) ของญี่ปุ่นได้มีเหตุการณ์ที่ทั้งน่าสลดและดูไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น ตอนนั้นเด็กชาย A (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี กลับจากโรงเรียนราวๆ 6 โมงเย็น แล้วเข้าไปหาคุณตาตัวเองที่บ้าน จากนั้นเขาได้ลงมือแทงคุณตาวัย 87 ปีนับ 10 แผล แถมยังแทงทะลุลึกเข้าไปถึงอวัยวะภายใน และจัดการลงมือฟันเข้าที่คอของคุณยายวัย 82 ปีด้วย! แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้ายลงไปกว่านี้ คุณยายที่อยู่ในอาการสาหัสได้พาร่างของตนเองเข้าไปห้องน้ำได้ทัน และรีบกดโทรศัพท์ตามคุณแม่ของเด็กชายให้กลับบ้านโดยด่วน
 
      หลังก่อเหตุสะเทือนขวัญแล้ว เด็กชายก็รีบหนีจากบ้านทันที จัดการเปลี่ยนเสื้อและทิ้งชุดนักเรียนที่ชุ่มเลือดเอาไว้แถวนั้น จนเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า คุณแม่กลับบ้านมาพบศพคุณตาจึงรีบโทรแจ้งตำรวจโดยด่วน เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่าคุณตาเสียชีวิตเพราะเสียเลือดมาก แต่ยังมีเคราะห์ดีหลงเหลือให้ครอบครัวนี้อยู่บ้าง เพราะคุณยายรอดชีวิตมาได้ค่ะ (เฮ้อ.. ถึงร่างกายจะรักษาได้ แต่สภาพจิตใจที่เห็นภาพหลานเอามีดจ้วงแทงจะติดตาไปอีกนานซักแค่ไหนนะ T_T) 



ไม่ใช่ความผิดพลาด...แต่ตั้งใจฆ่าเพราะเป็นห่วง!
 

      ถัดจากวันก่อเหตุเพียงวันเดียว เด็กชาย A ถูกพบตัวที่สถานีรถไฟคาวาโกเอะ (Kawagoe) ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 20 กิโลเมตร เขาถูกจับกุมพร้อมกับพร้อมกับหลักฐานเป็นมีดในกระเป๋า 4 เล่ม และ 1 ในนั้นมีเล่มที่เปื้อนเลือด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเลือดของคุณตาที่เขาสังหารโหดไปก่อนหน้านี้ค่ะ ถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจนมากทีเดียว
 
      หลังจากถูกจับกุมตัวแล้ว เขาก็รับสารภาพกับตำรวจว่าสิ่งที่เขาทำเกิดจากความตั้งใจล้วนๆ โดยให้เหตุผลว่า"จริงๆ ผมอยากฆ่าเพื่อนร่วมห้องคนนึง แต่ผมรู้ว่าว่าถ้าฆ่าไปแล้ว ครอบครัวผมต้องเดือดร้อนไปด้วยแน่ๆ ผมเลยชิงลงมือฆ่าคนในครอบครัวผมก่อน!"  (หากขยายความคือเด็กชาย A กลัวว่าการกระทำของตัวเองจะทำให้ครอบครัวจะเสียชื่อเสียงและต้องมารับผิดแทนนั่นเองค่ะ)

      ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ เพื่อนที่เขาหมายหัวไว้ว่าจะฆ่าตั้งแต่แรกก็รอดหวุดหวิด เพราะเด็กชาย A ถูกจับกุมได้ซะก่อนค่ะ 
 


วัฒนธรรมเรื่อง "ความละอาย" (Shame Culture) 
 

      เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เจ้าหน้าตำรวจให้ความเห็นว่า การฆ่าคนในครอบครัวตัวเองก่อนจะไปลงมือฆ่าคนอื่น เป็นวัฒนธรรมที่เข้าใจได้สำหรับคนญี่ปุ่น แต่น่าจะเข้าใจยากสำหรับคนต่างชาติ ส่วนตัวเขาเองก็เชื่อและเข้าใจความรู้สึกของเด็กชาย A 

      ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ...?

      คำตอบคือ คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเรื่อง "ความรู้สึกละอาย" มากๆ เขากลัวความละอายมากกว่าบทลงโทษที่รุนแรงทั้งหมด (ถ้าให้เปรียบเทียบก็คงเป็นทำนองเดียวกับความเชื่อเรื่อง "บาป-บุญ" ของบ้านเรานั่นเองค่ะ) และในสังคมญี่ปุ่น สิ่งที่ผู้ใหญ่พยายามปลูกฝังเด็กเป็นอันดับแรกๆ คือเรื่องความละอายใจ ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ประเทศดำเนินต่อไปได้

       สอดคล้องกับที่นักสืบคันโตะ (Kanto) ผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมมากว่า 10 ปีได้กล่าวไว้ว่า "ความรู้สึกละอาย" ถือเป็นนิสัยติดตัวจนเป็นเหมือนวัฒนธรรมของคนที่นี่ไปแล้ว ซึ่งคนญี่ปุ่นบางคนถึงกับคิดว่า "เขายอมตายดีกว่าถ้าต้องมีชีวิตอยู่กับความละอายใจ"  

      นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังกล่าวกับนักข่าวอีกว่า "จริงๆ ความคิดของเด็กชาย A ก็เข้าใจได้ เพราะทุกครั้งที่เยาวชนก่อเหตุอะไรก็ตาม พวกนักข่าวจะจ้องไปสัมภาษณ์ครอบครัวของเขา หรือไปเรียกร้องให้ครอบครัวออกมาขอโทษหรือยอมรับผิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แม้แต่เด็ก 15 ยังรู้เลยว่าสถานการณ์ต้องออกมาเป็นแบบนี้แน่ๆ เขาจึงต้องตัดสินใจลงมือก่อเหตุ"
 

Photo Credit: Unsplash

 

สถิติการฆ่าคนในครอบครัวของญี่ปุ่นสูงถึง 55%
 

       ลองพลิกมาเปิดสถิติที่น่าเศร้ากันบ้าง น้องๆ เชื่อมั้ยว่า ส่วนใหญ่เหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น เกิดจากคนในครอบครัวลงมือฆ่ากันเองถึง  55%  เชียวล่ะค่ะ ยิ่งถ้าเป็นคดีที่พบเห็นบ่อยๆ ก็มักจะเป็นพ่อแม่ฆ่าลูกตัวเอง ส่วนสาเหตุน่าจะเกิดจากเครียดเรื่องงาน ปัญหาสุขภาพทางกายและทางจิต หรืออีกเหตุผลนึงที่คล้ายเคสเด็กชาย A คือ ตัวเองอยากตาย แต่ไม่อยากทิ้งให้ลูกลำบาก ดังนั้นจึงตัดสินใจฆ่าลูกตัวเองก่อนแล้วค่อยฆ่าตัวตายตาม เพราะเชื่อว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการให้เด็กอยู่ต่อไปอย่างลำบากโดยไม่มีพ่อแม่ การกระทำดังกล่าวไม่ได้เรียกว่า "การฆาตกรรม" แต่เรียกว่า "มุริชินจู" (Murishinju) = การบังคับฆ่าตัวตายที่อีกฝ่ายไม่ยินยอม (Forced suicide) 

      โยโกะ คุโรอิวะ (Yoko Kuroiwa) อดีตนักข่าวสำนักหนึ่งของญี่ปุ่น ออกมาแสดงความเห็นหลังเกิดเหตุการณ์พ่อแม่ฆ่าลูกว่า เวลามีข่าวเด็กถูกทำร้ายโดยคนในครอบครัว ญี่ปุ่นจะออกข่าวใหญ่โตมาก เพื่อแสดงให้เห็นความโหดร้ายของผู้กระทำผิด แต่พอเป็นข่าวที่พ่อแม่ฆ่าลูกก่อนแล้วฆ่าตัวตายตาม กลับเป็นข่าวเล็กกว่าและทำเหมือนเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ ที่สำคัญคือบทลงโทษของคนที่ทำผิดข้อหาทำร้ายคนในครอบครัว ยังเบากว่าการฆาตกรรมทั่วไปมากๆ บางคดีถึงกับงดเว้นโทษเลยทีเดียว!
 

Photo Credit:
 Unsplash
 
     ถึงเด็กชายจะลงมือฆ่าเพราะละอายใจ แต่สำหรับพี่ก็ยังรู้สึกเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากจริงๆ อย่างที่เจ้าหน้าที่บอกไว้เลยค่ะ T___T สุดท้ายข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้คือ ก่อนตัดสินใจทำอะไรต้องคิดให้ดีๆ คิดหลายตลบเลย อย่าให้อารมณ์ชั่ววูบมาเปลี่ยนชีวิตเราได้นะคะ ไม่อย่างนั้นต้องมานั่งเสียใจทีหลังแน่ๆ
 

Sources:
www.atimes.com
japantoday.com
พี่หมิว
พี่หมิว - Columnist จบเอกอิ้ง ชอบปิ้งหมูกิน แถมอินกับหนัง ฟังเพลงเสียงดัง หูแตกไปเลยจ้า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

หนาวที่ปลายฟ้า 2 พ.ย. 61 16:31 น. 1

ไม่มีใครอยากเลือกทางที่เลวร้ายหรอก ถ้าสังคมไม่บีบบังคับให้ต้องเลือก สังคมที่บีบคั้นบังคับคนมากๆ ทางเลือกก็ยิ่งเหลือน้อยลง

1
คะน้าตัวน้อยตัวนิดน่าดูยูฮูวู้ฮู Member 4 พ.ย. 61 18:45 น. 1-1

บางทีสังคมก็ไม่ได้บีบบังคับอะไร

แต่ก็เลือกที่จะทำเลวอยู่ดี

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

4 ความคิดเห็น

หนาวที่ปลายฟ้า 2 พ.ย. 61 16:31 น. 1

ไม่มีใครอยากเลือกทางที่เลวร้ายหรอก ถ้าสังคมไม่บีบบังคับให้ต้องเลือก สังคมที่บีบคั้นบังคับคนมากๆ ทางเลือกก็ยิ่งเหลือน้อยลง

1
คะน้าตัวน้อยตัวนิดน่าดูยูฮูวู้ฮู Member 4 พ.ย. 61 18:45 น. 1-1

บางทีสังคมก็ไม่ได้บีบบังคับอะไร

แต่ก็เลือกที่จะทำเลวอยู่ดี

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด