หนังสือเล่มแรกที่พี่อยากจะแนะนำให้แก่น้องๆ ทุกคนนั้นเป็นเรื่องราวของแบร์รี่ ผู้จัดการกองทุนรายใหญ่ที่ละทิ้งครอบครัวและชีวิตอันแสนสุขสบายในนิวยอร์ก ก่อนจะเดินทางไปยังพื้นที่ที่อยู่ห่างไกล เพื่อท้าทายประสบการณ์ชีวิตในหลายๆ ด้าน โดยนอกจากนวนิยายเรื่องนี้จะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวแล้ว Lake Success เล่มนี้ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวของวิถีชีวิตของคนอเมริกัน, การลงทุน รวมถึงภาพลักษณ์ในหลายๆ ด้านที่คนทั่วไปอย่างเราแทบจะไม่เคยรู้ แถมยังจะทำให้นักอ่านอย่างเราได้หันกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า อะไรกันแน่ที่ทำให้ชีวิตของคนๆ หนึ่งนั้นมีความสุข จะเป็นชื่อเสียง หรือจะเป็นความรักที่แท้จริงจากคนในครอบครัว



 

 

หนังสือที่เหมาะกับคุณพ่อที่รักในเรื่องราวประวัติศาสตร์อยู่นี่แล้วจ้า… เพราะ Titans of History เล่มนี้เป็นเรื่องราวที่อัดแน่นไปด้วยบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น มาร์ติน ลูเธอร์ คิง, แอน แฟรงค์, เอลวิส เพรสลีย์, อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, วิลเลียม เชกสเปียร์ และคนอื่นๆ อีกมากมาย บอกเลยว่าถ้าคุณพ่อคนไหนได้หนังสือเล่มนี้ไปครอบครอง คงจะได้อ่านกันตาแฉะแน่นอน ฟันธง!!



 

 

ผลงานสุดอมตะของ วิลเลียม เชคสเปียร์ กวีเอกของโลก โดยเป็นบทละครชื่อดังและเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมทั้งห้าที่มีชื่อเสียงของเชคสเปียร์ ซึ่งเป็นเรื่องของพระราชาคนหนึ่งที่ตัดสินใจแบ่งทรัพย์สมบัติที่เป็นอาณาจักรให้กับลูกสาวทั้งสามคน โดยเกณฑ์ในการแบ่งนั้นมาจากการแสดงออกถึงความรักของลูกๆ ที่มีต่อเขา แต่ใครจะไปรู้ว่านิสัยชอบคำหวาน และคำประจบของเขาจะนำไปสู่หายนะ และทำให้เขาตัดสินใจทอดทิ้งลูกสาวที่รักเขาจริงๆ ออกไป เพียงเพราะเธอพูดจาไม่ถูกใจ บอกเลยว่าผลงานของเชคสเปียร์เล่มนี้เป็นอะไรที่น่าอ่านและน่าติดตามเอามากๆ เพราะมันจะสอนนักอ่านอย่างเราได้ดีมากๆ ถึงคำพูดและการแสดงออก แถมตัวละครเอกของเรื่องก็ยังเป็น ‘พ่อ’ แต่เอ… ไม่แน่ใจว่าหลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จะทำให้พ่อระมัดระวังตัวจากการออดอ้อนของลูกอย่างเราได้ไหม แต่อ่านดูแล้วก็ดูจะเป็นหนังสือที่น่าสนใจดีเหมือนกันว่าไหม ส่วนใครที่ไม่ถนัดอ่านหนังสือ King Lear เรื่องนี้เขาก็เคยทำออกมาในหลายรูปแบบ ซึ่งพี่ก็มีตัวอย่างคร่าวๆ มาให้น้องๆ ได้ชมกันด้วย ลองเลื่อนไปชมตัวอย่างที่ด้านล่างกันก่อนได้เลย… 


 

 

 

To Kill A Mockingbird หรือชื่อภาษาไทยว่า ฆ่าม็อกกิ้งเบิร์ด เป็นวรรณกรรมที่ได้รับรางวัลพูลิตเชอร์ก่อนที่จะกลายเป็นวรรณกรรมสุดคลาสสิกของอเมริกันที่ทุกคนควรอ่าน โดยนวนิยายเรื่องนี้เป็นที่รู้จักกันในนามนวนิยายที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น และบรรยากาศของความเป็นครอบครัว ถึงแม้ว่าจะมีเนื้อหาที่รุนแรงอย่างการข่มขืนและความไม่เท่าเทียมกันในสังคม รวมถึงการเหยียดเชื้อชาติ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นนวนิยายที่ต้องการสะท้อนภาพของสังคมในตอนนั้นออกมาให้เราได้มองเห็นภาพที่ชัดเจน



 

 

ถือว่าเป็นหนังสือที่มีส่วนผสมระหว่าง 2 วันสำคัญของเดือนธันวาคม ได้แก่ วันพ่อแห่งชาติกับวันคริสมาสต์ โดย A Christmas Carol ได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับนายธนาคารผู้เลือดเย็นและละโมบที่ได้รับการเตือนให้ระวังภูติแห่งเทศกาลคริสมาสต์จำนวน 3 ตน ซึ่งประกอบไปด้วยภูติแห่งอดีต ภูติแห่งปัจจุบัน และภูติแห่งอนาคต ที่ล้วนแต่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของเขาเอง โดยการมาเยือนของภูติทั้ง 3 ตนนี้ได้ทำให้เขาสำนึกได้ว่าช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นขาดความรัก ความเห็นอกเห็นใจ มันเลยได้ทำให้เขาอยากจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ในการใส่ใจคนรอบข้าง และกลับไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาไม่ทอดทิ้งครอบครัวเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาอีก โดยผลงานเรื่องนี้เป็นผลงานที่เราสามารถการันตีความสุขได้เลย เพราะเป็นผลงานของดิคเก้นส์ นักเขียนสุดอมตะ แถมยังถูกนำมาดัดแปลงให้เป็นทั้งละครเวที ละคร และภาพยนตร์อยู่หลายต่อหลายครั้ง



 

 

Man and Boy เป็นนวนิยายที่ว่าด้วยเรื่องราวของคุณพ่อแบบชัดเจน ตรงไปตรงมา โดยเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ที่ประสบความสำเร็จมากคนหนึ่ง ที่มีพื้นฐานชีวิตที่เรียกได้ว่า ‘สมบูรณ์แบบ’ เขาอยู่กินกับภรรยา ก่อนจะมีบุตรชายร่วมกันหนึ่งคน ชีวิตของเขานั้นเต็มไปด้วยสีสัน จนกระทั่งมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อภรรยาของเขาได้หนีออกจากบ้านไป ส่งผลทำให้เขาได้กลายเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว ที่เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับลูกชายวัย 4 ขวบ และในขณะที่เขากำลังเผชิญกับความเครียดอยู่ตามลำพัง เขาได้บังเอิญไปพบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ร้านกาแฟ แต่พอเธอรู้ว่าเขามีลูกแล้วก็ได้พยายามถอยห่างออกจากชีวิตของเขาไปในที่สุด เลยทำให้เขาตัดสินใจหางานทำใหม่ ก่อนจะสร้างชีวิตใหม่ไปพร้อมๆ กับลูกชายที่โตขึ้นในทุกวัน



 

 

หนังสือเล่มนี้ได้บอกเล่าเรื่องราวอันน่าทึ่งซึ่งแบ่งออกเป็นสามภาค คือ พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และสถาบันพระมหากษัตริย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทั้งของประเทศไทยและของโลก โดยหนังสือเล่มนี้ได้หยิบจุดเด่นที่น่าสนใจของพระองค์มานำเสนอ พร้อมกับให้ข้อคิดและแง่มุมใหม่ๆ เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ออกมาได้อย่างน่าสนใจ เหมาะกับนักอ่านทุกเพศ ทุกวัย ที่คิดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพิเศษยิ่งพระองค์นี้


 

 

 

เชื่อว่าน้องๆ หลายคนคงจะเคยมีโอกาสได้อ่านพระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก กันมาบ้างแล้ว โดยพระมหาชนก เป็นเรื่องหนึ่งในทศชาติชาดก อันเป็นชาดก 10 ชาติสุดท้ายก่อนที่พระโพธิสัตว์จะมาประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ และตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชาดกเรื่องนี้เป็นการบำเพ็ญความเพียรเป็นบารมี โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงสนพระราชหฤทัย จึงทรงค้นเรื่องพระมหาชนกในพระไตรปิฎกก่อนจะทรงแปลเป็นภาษาอังกฤษ โดยทรงดัดแปลงเล็กๆ น้อยๆ เพื่อทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังทรงแปลเป็นภาษาสันสกฤตประกอบอีกภาษา ซึ่งข้อคิดที่นักอ่านจะได้จากการอ่านเรื่องพระมหาชนกเรื่องนี้ก็คือ ความเพียรพยายาม ที่เป็นหนทางนำไปสู่ความสำเร็จ ไม่ว่าหนทางจะเต็มไปด้วยปัญหาและอุปสรรคใดๆ แต่ตราบใดที่เราไม่ย่อท้อ ไม่สิ้นหวัง เมื่อนั้นเราจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้จนได้ เหมือนดั่งพระมหาชนกที่มีความเพียรพยายาม อดทนว่ายน้ำในทะเลนานกว่า 7 วัน 7 คืน