เผยทริคจับไต๋ข้อสอบ! พร้อมแจกวิธีการอ่านรอบเดียว แต่เก็บครบทั้ง O-NET, GAT PAT, วิชาสามัญ

         สวัสดีค่ะ ช่วงเดือนหน้าก็จะเริ่มสนามสอบแรกอย่าง GAT PAT แล้ว เหลือเวลาอ่านน้อยนิดเหลือเกิน แล้วก็มีความลุ้นไม่ลุ้นว่าจะมีการเลื่อนเลือกตั้งหรือเปล่า แล้วจะเลื่อนวันสอบหรือไม่ พี่แป้งแนะนำว่าตอนนี้ให้ยึดวันเดิมไปก่อน ถ้ามีการเลื่อนก็ถือว่าเป็นกำไรไปเนาะ

         เชื่อมั้ยคะว่าในเวลาอันน้อยนิดที่เหลือนี่แหละ เราสามารถอ่านรอบเดียวแต่เก็บได้ทั้ง 3 การสอบเลยคือ O-NET, GAT PAT, วิชาสามัญ แต่ต้องมีทริคกันหน่อย เพราะข้อสอบแต่ละแบบออกไม่เหมือนกัน เช่น ภาษาอังกฤษ ใน O-NET ก็จะคนละแบบกับวิชาสามัญ ไปดูกันค่ะว่าควรอ่านแบบไหนดี

 

เทียบข้อสอบทั้ง 3 แบบก่อน
         ก่อนจะเริ่มอะไร น้องๆ ลองถามตัวเองก่อนว่า เรารู้จักข้อสอบทั้ง 3 แบบหรือยัง? ไม่ใช่ว่าอ่านๆๆๆ อย่างเดียว ถ้าอ่านแล้วนำไปใช้ต่อไม่เป็น มันก็ไม่ได้มีค่าอะไรเลย ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่คืออยู่ตรงนี้ค่ะ จับหลักไม่ได้ว่าข้อสอบแต่ละแบบต่างกันอย่างไร

O-NET : เป็นข้อสอบที่ง่ายที่สุดในบรรดาทั้ง 3 แบบ ไม่ได้ออกแบบพลิกแพลงสามตลบแบบ GAT PAT ออกตามหนังสือของกระทรวงศึกษาเลย แต่ก็จะมีความลึกที่คาดไม่ถึงอยู่ เป็นอารมณ์แบบเรามองข้ามไปเพราะคิดว่าไม่สำคัญ มันติดอยู่ในสมอง แต่เค้นออกมาไม่ได้

GAT PAT : รีวิวว่าเป็นข้อสอบที่ยากที่สุด ซึ่งอันนี้เห็นด้วย 555+ หลายคนจะเข้าใจผิดว่าวิชาสามัญจะยากกว่า แต่ความเห็นส่วนตัวพี่ขอเทใจให้ GAT PAT ยากสุด เพราะเป็นข้อสอบแบบคิด วิเคราะห์ และใช้ความรู้มารวมๆ กัน คือบางทีเรามีความรู้ส่วนที่ 1 แต่ไม่มีส่วนที่ 2 ก็ไม่รอดเหมือนกัน

วิชาสามัญ : เวลาสอบน้อยสุด แค่ 1.30 ชั่วโมง ไม่ใช้ข้อสอบที่ยากที่สุด เป็นเป็นข้อสอบ Speed Test ที่มีเวลาน้อยสุด ทำให้น้องที่สอบจะรู้สึกว่าแพนิค ทำไม่ทัน ก็เลยกลายเป็นความยาก แต่จริงๆ แล้วเป็นข้อสอบถึกที่ยากกว่า O-NET เพราะเน้นการนำไปใช้ โดยเฉพาะวิชาสายศิลป์อย่าง ภาษาไทย สังคมฯ ภาษาอังกฤษ บอกเลยตาลายแน่นอน!
 





*เทียบวิชาคณิตศาสตร์ของทั้ง 3 ข้อสอบ

แยกอ่านทีละบท + ลองทำข้อสอบ
         การอ่านแบบรอบเดียวเก็บทั้ง 3 ข้อสอบ จะเป็นแบบ one day miracle คือ ตั้งใจอ่านแยกทีละบทแบบให้เข้าใจในบทนั้นไปเลยอะ จะใช้เวลาต่อวิชา/บทนานหน่อย แต่เป็นการใช้เวลานานที่ได้ครบทั้ง 3 ข้อสอบ

Step 1 ลองทำข้อสอบเพื่อวัดตัวเอง
         เหลือเวลาเพียงแค่นี้ วิธีที่ช่วยได้ดีที่สุดคือหาแนวข้อสอบมาลองทำ เหมือนลองก่อนว่าเรารู้จักข้อสอบมากแค่ไหน ความรู้ที่มีแบบยังไม่ได้อ่านอะไรเลยจะสามารถทข้อสอบข้อไหนได้บ้าง ในขณะที่ลองทำก็เขียนหน้าข้อไว้เลยว่าข้อนั้นๆ เป็นเรื่องอะไร ถ้าแยกบทเรียนในข้อสอบได้ มีชัยไปเกินครึ่งแล้ว

Step 2 เรียงข้อสอบ(ที่เพิ่งทำไป)
         จาก Step แรก เราเขียนไว้หน้าข้อสอบแล้วว่าข้อนั้นคือเรื่องอะไร ทีนี้ก็จับมาเรียงใหม่ ให้ข้อสอบที่อยู่ในเรื่องเดียวกันของ O-NET, GAT PAT, วิชาสามัญ ไปอยู่ด้วยกัน ยกตัวอย่างวิชาภาษาอังกฤษ เอาข้อสอบ Reading ของทั้ง 3 แบบไปอยู่ด้วยกัน ทีนี้จะเห็นชัดละว่า Reading แต่ละแบบมันไม่เหมือนกันนะ

Step 3 อ่านทีละบท
         ใช่ค่ะ อ่านทีละบท ทีละเรื่องได้เลย ดูเป็นวิธีที่ธรรมดาใช่มั้ยคะ? แต่เชื่อมั้ยว่า ตอนที่เรามาอ่านหลังแยกข้อสอบแล้ว กับก่อนแยกข้อสอบ เราจะมีมุมมองการอ่านที่เปลี่ยนไปเลยอะ พออ่านจบบทแล้วลองทำข้อสอบในเรื่องนั้นๆ อีกรอบ จบปิ๊ง! ไปวิชาอื่นได้

 

สรุปเป็น Short Note อ่านทวนได้อีกรอบ
         สิ่งที่ช่วยได้มากๆ เลยก็คือ Short Note เป็นสรุปเนื้อหาแบบสั้นๆ เอาไว้พกใส่กระเป๋า ว่างเมื่อไหร่ก็หยิบมาอ่าน มาทวนซ้ำ ทริคในการทำ Short Note จะพิเศษขึ้นมาหน่อยตรงที่ว่า ควรใส่สรุปของข้อสอบแต่ละแบบเอาไว้ด้วย ว่ามันเป็นยังไง เวลาอ่านอีกรอบเราจะจำได้อย่างมหัศจรรย์ เช่น ให้ * คือ O-NET / ** คือ วิชาสามัญ / *** คือ GAT PAT เทียบวิชาภาษาอังกฤษ เช่น
 
(ตัวอย่าง Short Note)
Reading
* ออกบทสนทนาทั่วไป
** ออกเรื่องการสมัครงาน การใช้ในการบริการ
*** ออกแนวการแพทย์ ศัพท์เฉพาะทางเยอะ

         จริงๆ แล้วหลักการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบไม่สามารถที่จะฟันธงลงไปได้ ว่าจะต้องอ่านแบบนี้ๆๆๆ เพราะแต่ละคนมีวิธีที่จะเข้าใจคนละแบบ หนังสือที่อ่านแต่ละเล่มก็จะมีภาษาเขียนไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นลองๆ อ่านดูดีๆ ก่อนซื้อนะคะ

         สุดท้ายแล้ว จะได้คะแนนเท่าไหร่ หรือเข้าใจมากแค่ไหน แค่เคล็ดลับมันไม่พอค่ะ ต้องมีความขยันด้วย อดทนกลั้นใจเหนื่อยแค่ช่วงนี้ พอสอบเสร็จแล้วจะว่างยาวอีกหลายเดือนเลย ลองลงทุนอ่านหนังสือให้คุ้ม ผลลัพธ์จะเป็นรางวัลให้เราเองค่ะ :)

 
พี่แป้ง
พี่แป้ง - Columnist นักข่าวสายรับตรง พร้อมเสิร์ฟข่าวสอบเข้าทุกมหา'ลัย เติมพลังได้จากชาเย็นหวานน้อย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด