สวัสดีค่ะชาว Dek-D พบกับคอลัมน์ "เด็กพลังบวก" ที่จะพาน้องๆ ไปค้นหาแรงบันดาลใจจากวัยรุ่นเจ๋งๆ ที่ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และทำกิจกรรมเพื่อตัวเองและสังคมกันค่ะ
เวลาเราจะออกแบบงานศิลปะไม่ว่าจะด้านไหน ก็มีบ้างที่สมองตัน ไอเดียไม่แล่น หรือถ้าคิดออกมาก็ดันไปซ้ำกับคนอื่นอีก หนึ่งในทางออกที่น่าสนใจคือการหยิบจับสิ่งรอบตัวที่เราเห็นอยู่ทุกวัน มาเป็นวัตถุดิบสร้างสรรค์ผลงาน และนำความชอบทางอื่นมาผสมผสานให้กลมกลืนนั่นเองค่ะ ไม่นานมานี้เราบังเอิญไปเจอหนึ่งในโปรเจกต์ซ้อมมือก่อนทำ Thesis (เมื่อปีที่แล้ว) ของบัณฑิตลาดกระบังคนหนึ่ง เขาหลงรักทั้งการวาดภาพและการดูหนัง เลยเลือกจะเอาโปสเตอร์หนังเทศมาดัดแปลงให้เป็นสไตล์ไทย ว่าแล้วก็ไปรู้จักเจ้าของผลงานที่น่าสนใจนี้กันเลยดีกว่าค่ะ ^^
แนะนำตัว
“สวัสดีครับ ชื่อ ‘ติวเตอร์’ ณัฐภูมิ สกนธ์ธัญลักษณ์ อายุ 22 ปี เป็นบัณฑิตภาควิชานิเทศศิลป์ สาขานิเทศศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ปัจจุบันทำงานเป็น Illustrator ที่บริษัทแห่งหนึ่งครับ ^^”
โปรเจกต์ซ้อมมือก่อนทำ Thesis
ก่อนอื่นติวเตอร์ได้เล่าสิ่งที่อาจารย์มอบหมายในงานนี้ให้ฟังว่า “ตอนนั้นอาจารย์ให้จับฉลาก 3 หัวข้อคือ เรื่องที่ทำ - สื่อที่ทำ - เทคนิคที่ทำ ซึ่งผมจับได้ ภาพยนตร์ - สื่อโปสเตอร์ - เทคนิค Digital Painting ครับ ปกติผมชอบดูหนังอยู่แล้ว พอได้โจทย์เป็นโปสเตอร์หนังก็ยิ่งสนุกเลยทีนี้ 555 ผมปิ๊งไอเดียทำโปสเตอร์หนังต่างประเทศให้ออกมาเป็นสไตล์ไทย ซึ่งผมจะเปลี่ยนวัฒนธรรมให้เป็นแบบไทยโดยที่ยังสอดคล้องและเหมาะสมกับเนื้อหาเดิมของหนังอยู่ครับ จุดประสงค์คืออยากแสดงออกให้เห็นถึงความแตกต่างและโดดเด่นของวัฒนธรรมบ้านเรา”
“ตอนทำผมวาดด้วยโปรแกรม Photoshop แล้วใช้ Illustrator ในการทำชื่อหนังครับ ขั้นตอนที่ยากสุดน่าจะเป็นการคิดและเลือกเรื่องนี่แหละ แต่พอทุกอย่างลงตัวจะใช้เวลาวาดกับลงสีภาพนึงแค่ 1-2 วัน”
หนังต่างประเทศมีเยอะมาก เรามีวิธีคัดเลือกมาทำยังไง? แล้วเราสังเกตสิ่งรอบตัวจนหยิบจับมาใส่ในหนังยังไงบ้าง? "หนัง 10 เรื่องที่ผมเลือกมาทำ แสดงให้เห็นวิถีชีวิตในหนังแต่ละเรื่องชัดเจน และสามารถสลับเอาความเป็นไทยใส่ลงไปในหนังได้โดยไม่ขัดแย้งครับ ^^”
“ยกตัวอย่างเช่น ภาพยนตร์เรื่อง 300 ขุนศึกพันธุ์สะท้านโลก เป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องกลุ่มคนที่ช่วยกันปกป้องประเทศด้วยจำนวนคนที่น้อยกว่า และถึงแม้จะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากเมืองใหญ่ แต่ก็ยอมสู้จนตัวตาย ซึ่งเนื้อหาของเรื่องไม่ได้แตกต่างไปจากเรื่องราวของ 'ชาวบ้านบางระจัน' ของไทย”
“อย่างในภาพยนตร์เรื่อง The Boy จะเลี้ยงตุ๊กตาเหมือนลูก ผมมองว่าคล้ายกับความเชื่อเรื่อง ‘ลูกเทพ’ ในบ้านเรา”
“LALALAND ในเรื่องเป็นภาพยนตร์เพลงอเมริกันแนวโรแมนติกที่มีการเต้นรำ ผมก็เปลี่ยนเป็นภาพยนตร์เพลงไทยเกี้ยวพาราสีที่มีการฟ้อนรำครับ”
“ถ้าเป็นเรื่อง Harry Potter โรงเรียนสอนเวทมนตร์คาถา ผมจินตนาการว่าถ้าอยู่ในบริบทของบ้านเราก็คงจะเป็นโรงเรียนสอนคุณไสยมนต์ดำ เปลี่ยนจากพ่อมดเป็นหมอผี และเปลี่ยนจากแม่มดเป็นแม่หมอแทน”
ถ้าพอใจแค่นี้ แสดงว่ายังชอบมันไม่มากพอ
“ผมชอบวาดรูปตั้งแต่จำความได้เลย เริ่มจากการวาดให้เหมือน นำไปสู่การวาดให้แตกต่าง ซึ่งก็คือ ‘การออกแบบ’ นั่นเองครับ ผมชอบคิดอะไรใหม่ๆ สนุกๆ ทุกวันนี้การวาดรูปเป็นเพียงการสื่อสารความคิดของผมให้คนอื่นเข้าใจเท่านั้น ส่วนแรงบันดาลใจในการพัฒนาตัวเอง ก็คือการที่ผมอยากทำสิ่งที่ชอบให้เก่งกว่านี้ ถ้าผมพอใจแค่นี้แสดงว่าผมยังชอบมันไม่พอ”
วิธีฝึกฝนงานอาร์ตในแบบฉบับของเราเป็นยังไง? “เสพงานเยอะๆ ดูงานมากๆ ไม่ใช่ดูเพื่อทำตาม แต่ดูเพื่อให้เราไม่ทำออกมาซ้ำเขา เราต้องคิดเพื่อให้ได้งานที่สดใหม่ นอกนั้นคือการทำ ทำ แล้วก็ทำ อย่ากลัวว่ามันจะออกมาไม่สวย เราทำให้ดีที่สุด และเรียนรู้จากคำวิจารณ์ ส่วนคำชมเก็บไว้เป็นกำลังใจครับ ^^”
ทิ้งท้ายถึงน้องๆ ที่มีความชอบ
“อยากบอกน้องๆ ว่าให้ทำในสิ่งที่รัก เรียนในสิ่งที่ชอบ ถ้าเราเริ่มทำอะไรสักอย่างจากความรู้สึกด้านบวก เราจะคิดว่าข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นคือการเรียนรู้ และเราจะสนุกกับความสำเร็จมากกว่าสิ่งใด”
กว่าจะออกมาเป็นผลงานที่เราเห็นนั้นไม่ง่ายเลย นอกจากฝีมือด้านศิลปะแล้ว ก็ต้องอาศัยไหวพริบและความช่างสังเกตด้วย เพราะเขาต้องใส่ใจรายละเอียดทั้งในหนังและสิ่งที่เจอในชีวิตจริงแต่ละวัน พี่หวังว่าวิธีคิดของพี่ติวเตอร์จะทำให้น้องๆ เกิดไอเดียพลิกแพลงความสามารถและสิ่งรอบตัว เพื่อสร้างผลงานดีๆ ขึ้นมาได้เช่นกันนะคะ ^^
อย่าลืมย้อนอ่านเด็กพลังบวกคนก่อนนะคะ ><
'ปิ๊ง-PingJaeGun' หนุ่มหน้าใสวัย 14
จากคนขี้เขินสู่ Vlogger ขายขำ คนฟอลหลักแสน
จากคนขี้เขินสู่ Vlogger ขายขำ คนฟอลหลักแสน











4 ความคิดเห็น
เก่งมากๆเลย
ว้าว! เจ๋งอะ
เกลียดโปสเตอร์แฮรี่ พอตเตอร์ตรงที่ แฮรี่กับรอนผมเกรียน ละก็เฮอร์ไมโอนี่ผมสั้นเท่าติ่งหู555
สเนปอย่างเด็ด555 ชอบๆๆๆ