“แก๊งนางฟ้าบ้านนา” ผู้ปลุกเสน่ห์แดนชนบทด้วยแฟชั่นสไตล์ท้องถิ่น (คลิป 5 ล้านวิวการันตีความแซ่บ!)

        สวัสดีค่ะชาว   Dek-D  พบกับคอลัมน์ "เด็กพลังบวก" ที่จะพาน้องๆ ไปค้นหาแรงบันดาลใจจากวัยรุ่นเจ๋งๆ ที่ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และทำกิจกรรมเพื่อตัวเองและสังคมกันค่ะ
 
        หนึ่งในข่าวแง่มุมดีๆ ที่คนชื่นชมและแชร์ต่อกันเยอะมากในโซเชียล คือ หนุ่มวัยรุ่นที่ใช้เวลา 2 เดือนช่วงรอผลสอบ ไปสมัครงานเป็น รปภ. ที่บริษัทชัยภูมิ โปร์การ์ด ประจำวัดเจดีย์หลวงวิหาร ซึ่งเมื่อผลสอบประกาศออกมาแล้ว เจ้าตัวก็ถึงกับน้ำตาคลอเลยค่ะ  เพราะตนมีรายชื่อในผู้สอบติดคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ติดรอบ 2 โครงการจุฬาฯ-ชนบท) เดี๋ยววันนี้เราจะพาไปรู้จักและฟังเรื่องราวชีวิตของเขาทั้งเรื่องการเรียนและการทำงาน รปภ. ว่าท้าทายและได้เปิดโลกมากขนาดไหน!
เห็นคนเก่งแล้วรู้สึกต้องพยายามขึ้น
 
         "สวัสดีครับ ชื่อ 'วี' วีรพงศ์ แซ่หาญ อายุ 18 ปี จบจากโรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม จ.น่านครับ ^^"   ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับที่เข้าใกล้ความฝันอีก 1 ขั้น  ว่าแต่เหตุผลอะไรที่ทำให้เราอยากเรียนคณะนี้?   "ตอน ม.6 ผมนั่งคิดหลายวันว่าตัวเองมีความสุขกับอะไรมากที่สุด แล้วนึกขึ้นได้ว่าผมชอบเลี้ยงสัตว์ตั้งแต่อายุ 11 เคยเลี้ยงหมู เป็ด ไก่ สุนัข แล้วผูกพันกับมันมาก สร้างบ้านสร้างกรงให้เป็ดด้วย แล้วห้ามคนที่บ้านจับสัตว์เลี้ยงผมไปฆ่าเด็ดขาดเลย ถ้าเกิดขึ้นจะสะเทือนใจมากๆ"
 

 

         "ส่วนเรื่องการเตรียมสอบ ผมจริงจังกับ TCAS ตั้งแต่ช่วง ม.5 ขึ้น ม.6 เพราะได้ไปค่ายติวที่เชียงใหม่ประมาณ 1 เดือน แล้วเจอคนเก่งๆ เยอะมาก เลยรู้สึกว่าตัวเองต้องพยายามขึ้นนะ  พอกลับมาเลยอ่านหนังสืออย่างหนัก ทำข้อสอบเก่า ซื้อคอร์สออนไลน์มาเรียน เวลาโรงเรียนมีติวก็ไปตลอดครับ ส่วนตัวจะชอบทำสรุปซ้ำๆ อ่าน 2-3 รอบ อัปเดตข้อมูลเพิ่มเรื่อยๆ ตัวที่ผมสอบจะมี 9 วิชาสามัญ, GAT PAT, ONET และวิชาเรียนต่อแพทย์ สำหรับผมคิดว่า 9 วิชาสามัญยากสุดครับ"

         เขาเล่าวิธีแบ่งเวลาในแต่ละวันให้ฟังว่า "ผมเรียนห้อง GIFTED หยุดวันอาทิตย์วันเดียว เลิกเรียน 4 โมงกลับมาอาบน้ำกินข้าว เปิดยูทูบกับอ่านหนังสือที่ซื้อมาบ้าง แต่ไม่หักโหมนะครับ ถ้าวันไหนนอนดึกถึงตี 2 แสดงว่ามีดูหนังดูซีรี่ส์ด้วย 555 เทคนิคที่อยากฝากถึงน้องๆ คือ อ่านแล้วจำคอนเซ็ปต์ของบทให้ได้ ไฮไลต์แล้วจดไว้ จะช่วยให้ใช้เวลาอ่านน้อยลง ที่สำคัญต้องสม่ำเสมอ ตั้งไว้ว่าต้องอ่านจบกี่หน้ากี่บทก็ทำให้ได้ อย่าผัดวันประกันพรุ่งครับ"


 
       วินาทีที่เขาประกาศผลแล้วเจอชื่อเรา? "น้ำตาคลอจริงๆ ครับ ผมทุ่มเทมานานมากกก  ที่ผ่านมาผมเห็นคุณแม่ทำงานหนักมาตลอด ผมสงสารเขา อยากแบ่งเบาภาระ อยากขอเงินให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้  เลยเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเองตั้งใจเรียนหนังสือ สอบติดให้ได้ จบมามีงานดีๆ ทำ แต่คุณแม่ไม่เคยบังคับให้อ่านหนังสือ ไม่มากดดันว่า  'ต้องสอบได้เท่านี้ๆๆ นะ ไม่งั้นแม่จะเสียใจ'   ไม่เคยบอกแบบนั้นเลยครับ"

        ก่อนหน้านี้ ช่วง ม.4 - 6 เขาเป็นเด็กทุนมูลนิธิโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ซึ่งเป็นทุนให้เปล่า และครอบคลุมค่าใช้จ่ายทุกอย่าง เช่น ค่ารถ ค่าอาหาร ค่าหอพัก ค่าบำรุงการศึกษา ฯลฯ ส่วนโครงการจุฬาฯ-ชนบท รอบโควตาที่น้องวีสอบติด ก็มีทุนให้เช่นกันค่ะ โดยในกำหนดการระบุว่าต้องใช้ทุน 2 ปี 

 
เมื่องาน รปภ. ทำให้ได้เรียนรู้ภาษา
และสัมผัสความน่ารักของชาวต่างชาติ!

 
       ปกติเรามักจะเคยเจอคนแชร์ประสบการณ์ทำงานพาร์ตไทม์พวกโรงอาหารหรือโรงหนัง แต่วันนี้เราจะพาไปเปิดมุมการทำงานของพนักงานรักษาความปลอดภัยบ้าง บอกเลยว่างานนี้มีอะไรมากกว่าที่คิด    "พอเขาประกาศคะแนน กสพท. ประมาณ 1 อาทิตย์ก็เริ่มหางานครับ ผมถามเพื่อนว่ามีงานอะไรให้ทำบ้าง สุดท้ายก็มีรุ่นพี่ที่ทำงานที่เชียงใหม่แนะนำให้มาทำงาน รปภ. รายได้หลักหมื่นต่อเดือนครับ ตอนนั้นเราขอแค่ได้เงิน ไม่เกี่ยงงานเลย นอกจากอยากหาเงินใช้ตอนเรียน ก็คืออยากเซอร์ไพรซ์ซื้อตั๋วเครื่องบินพาคุณแม่เที่ยวกรุงเทพฯ ด้วย ตอนนี้ก็จองตั๋วให้คุณแม่เรียบร้อยแล้วครับ^^"

        "งานของผมคือดูรถและชาวต่างชาติเป็นหลัก ทำงานวันละ 12 ชม. ตั้งแต่ 7.00 - 19.00 น. ไม่มีวันหยุด ช่วง 3 วันแรกเขาจะให้ฝึกงานก่อน สอนโบกรถ แจกบัตรรับบัตร เรียนรู้เรื่องกฎระเบียบต่างๆ รถจอดได้นานแค่ไหน ถ้าเกินเวลาต้องปรับเท่าไหร่ และต้องสื่อสารกับชาวต่างชาติ เช่น ต้องแต่งกายให้สุภาพ โดยผมจะประจำที่จุดรับบัตร จุดจอดรถข้างใน จุดรับบัตรข้างหลังสุด เปลี่ยนกับเพื่อนบ้างแบบ 2-3 วันครั้ง"


 
       เขาเล่าตัวอย่างเคสที่เจอว่า "ถ้าเป็นเคสของหายจะเจอประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ครับ  เราก็ต้องถามว่าไปไหนมาบ้าง ไปเปิดกล้องวงจรปิด ติดต่อสำนักงานเพื่อขอดูกล้อง บางวันเจอฝรั่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา แล้วพูดรัวเร็วบอกว่ากระเป่าเงินหาย เราก็ไปช่วยหาจนเจอครับ ส่วนใหญ่เขาจะเข้าใจว่าโดนขโมย ซึ่งจริงๆ ก็มีบางเคสนะที่ของหายสาบสูญไปเลย"

       "ตอนมาทำแรกๆ ไม่เบื่อนะ หลังๆ อาจมีบ้าง 555 ผมรู้สึกตื่นเต้นเพราะแต่ละวันเราได้เจอกับคนต่างชาติทั้งจีนและฝรั่งที่น่ารักๆ ตลกๆ ถ้าเป็นคนจีนจะยิ้มแย้ม เฟรนด์ลี่ คุยกันด้วยภาษาท่าทาง พยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เราพูด ถ้าเขาบอกจะไปห้องน้ำ ก็ทำท่าล้างมือหรือท่าปวดท้องให้เราดู  รู้สึกน่ารักมากๆ ส่วนฝรั่งเขาก็สุภาพๆ พยายามพูดภาษาไทย และเคร่งครัดกับกฎ"

       แสดงว่าเราเองก็แอบเก่งภาษาอังกฤษด้วยเหมือนกันนะเนี่ย?  "จริงๆ ผมได้ระดับปานกลางครับ ตอนเด็กเราศึกษาแล้วรู้สึกว่าถ้าพูดได้จะเท่มากเลยนะ เวลาว่างๆ จะฝึกด้วยการท่องศัพท์กับฟังเพลงภาษาอังกฤษครับ  จริงๆ การมาทำงาน รปภ. ที่ผมทำต้องสื่อสารกับคนต่างชาติ ทำให้ได้เรียนรู้ทั้งภาษาและวัฒนธรรมด้วยเหมือนกัน  เวลานักท่องเที่ยวจะมาถามทางแล้วเราตอบ เขาก็จะยิ้มๆ ชมว่าเราพูดอังกฤษโอเคนะ ฝรั่งส่วนใหญ่จะเฟรนด์ลี่มากครับ ถ้าเรากล้าคุยกับเขา เขาจะคุยกับเราเหมือนเป็นเพื่อนเลย แล้วมีคนเคยบอกเราด้วยว่า  เขาชอบประเทศไทย รู้สึกท้าทายและตื่นเต้นที่ได้มาศึกษาวัฒนธรรมที่นี่"
 
         "นอกจากนี้เรายังได้อธิบายเรื่องวัฒนธรรมให้ชาวต่างชาติฟังด้วย  เช่น วันก่อนมีผู้หญิงฝรั่ง 2 คนเข้าใจว่าตัวเองไม่สามารถเข้าไปสนทนาธรรม (Monk Chat) ได้ เราก็บอกไปว่าจริงๆ คุยได้ แต่ต้องแต่งกายและพูดจาสุภาพ และต้องยกมือไหว้ ตามขนบธรรมเนียมไทย หรือบางคนอาจไม่รู้ว่าเข้าวัดแล้วต้องแต่งตัวเรียบร้อย เราก็ต้องรีบเข้าไปห้าม แล้วแนะนำว่าทางวัดมีให้มัดจำผ้าถุงครับ"



 
ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองและเข้าใจเรื่องความสุข
 
        บทบาท รปภ. ของวีจะสิ้นสุดลงวันที่ 17 พ.ค. และเดินทางกลับบ้านวันที่ 18 พ.ค. จากการทำงานมา 2 เดือน เรารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเองยังไงบ้าง? "ผมได้เรียนรู้การใช้ชีวิตหลายอย่าง กล้าเข้าหาคนอื่นมากขึ้น และพูดเสียงดังขึ้นครับ  ปกติเราค่อนข้างขี้อาย ไม่ค่อยพูด พูดก็เสียงเบามาก ไม่ค่อยยิ้มแย้มด้วย"

        แล้วจากการได้พูดคุยกับเพื่อน รปภ. มานาน วีก็ได้เปิดมุมมองเรื่องความสุขในชีวิต "เราได้เห็นว่าทัศนคติและวิธีการไปถึงเป้าหมายของผมและเพื่อนแตกต่างกัน  และเราไม่สามารถเปรียบเทียบได้ว่าแบบไหนดีกว่า  เช่น บางคนอยากจบสูงๆ มีงานทำ แต่เพื่อนผมจะคิดว่าไม่ต้องจบสูงก็หางานได้ งานไหนก็ได้ขอแค่มั่นคง แล้ววางเป้าหมายไว้ว่าอยากได้บ้าน   ซึ่งเขาก็มีความสุขมากๆ กับชีวิตตอนนี้  เขาเล่าให้ผมฟังว่า ตั้งแต่จบ ม.3 เขาไม่เคยขอเงินพ่อแม่สักบาท อยู่ได้ด้วยตัวเอง ซื้อรถได้ เช่าหอเอง"

 
ทิ้งท้ายด้วยคำขอบคุณและกำลังใจ
 
        สุดท้ายนี้เราอยากฝากอะไรถึงผู้อ่านบ้าง? "อย่างแรกเลยคืออยากขอบคุณทุกคนครับ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีคนมาแสดงความยินดีกับผมเยอะขนาดนี้ ดีใจมากๆ ไม่รู้จะพูดยังไง ขอฝากถึงคนที่กำลังท้อ มีปัญหาในชีวิต ขอให้เขาค่อยๆ หาหนทาง หาโอกาสให้ตัวเอง ทุกอย่างมีทางออกเสมอครับ"


 
        ตลอดการพูดคุยเราสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงซื่อๆ ที่เล่าเรื่องอย่างตรงไปตรงมา และรับรู้ได้ถึงทัศนคติที่ดีมากของเขา ทำเอาคนฟังรู้สึกมีความสุขและได้เปิดโลกจากเรื่องราวเหล่านั้นไปด้วย  สำหรับน้องๆ ชาว Dek-D คนไหนที่อยากลองทำงานเพื่อหาประสบการณ์ชีวิตแบบนี้บ้าง พี่ขอเชียร์เต็มที่เลยค่ะ แต่อย่าลืมคำนึงเรื่องความปลอดภัย และต้องฝึกการบริหารเวลาให้ดี พี่เชื่อว่าการลงสนามทำงานจริงจะช่วยเพื่มโอกาสให้เราค้นหาตัวเองเจอได้เร็วขึ้นด้วยค่ะ เอาใจช่วยทุกคนนะคะ ^^ 
                
อย่าลืมย้อนอ่านเด็กพลังบวกคนก่อนนะคะ ><
'Victory Crew' ทีมเด็กไทยผู้ชนะการเต้นคัฟเวอร์ #KILLTHISLOVE
จากการประกวดของ YG
พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

5 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด