สวัสดีค่ะชาว Dek-D พี่เชื่อว่าเมื่อ 2-3 เดือนก่อนทุกคนต้องได้เห็นภาพนักศึกษาแพทย์สุดหล่อที่เป็นกระแสในโลกโซเชียลอย่างแน่นอน >< ใช่แล้วค่ะ คนนั้นคือ “มิณทร์ ยงสุวิมล” อดีตนักร้องค่ายกามิกาเซ่ ว่าที่คุณหมอที่สามารถสอบเทียบชั้นได้ตั้งแต่อายุ 17 แถมเคยเป็น Admission Idol ของพวกเราด้วย (อ่านบทความ คลิกที่นี่) ข่าวดีก็คือ 'เด็กพลังบวก' ได้มีโอกาสไปแอบถามไถ่ขออัปเดตชีวิตช่วงนี้ของมิณทร์มาค่ะ ถ้าทุกคนอยากรู้แล้วว่าตอนนี้มิณทร์เป็นยังไงบ้าง อย่ามัวรอช้า รีบไปไขข้อสงสัยกันดีกว่าค่าาา ^^
Photo: @min.yongsuvimol
เซย์ไฮกันหน่อย!
"สวัสดีครับ ‘มิณทร์ ยงสุวิมล’ นะครับ ตอนนี้อายุ 20 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลครับ"
Photo: @min.yongsuvimol
"ก่อนอัปเดตชีวิต ผมขอพูดถึงระบบการเรียนแพทย์ก่อนนะครับ คือปกติแล้วเราเรียนทั้งหมด 6 ปี โดยปีที่ 1-3 จะเรียกว่า ชั้นพรีคลินิก (Pre-clinic)* คือเรียนทฤษฎี และปีที่ 4-6 เรียกว่า ชั้นคลินิก (Clinic) เป็นการเรียนปฏิบัติ ได้ลองทำงานจริงที่โรงพยาบาลครับ"
"ปีนี้ผมอยู่ปี 4 นี่เลยเป็นปีแรกที่ผมจะได้ลองทำงานครับ ตอนนี้ผมขึ้นวอร์ด**กุมารเวชศาสตร์ (เด็ก) วอร์ดนี้ถือเป็นวอร์ดแรกในชีวิตของผมเลย ^^ ผมรับผิดชอบในส่วนของเด็กเล็ก ส่วนอาทิตย์หน้าจะได้ย้ายไปดูแลในส่วนของเด็กโตครับ"
* (แอบกระซิบ) ใครอยากอ่านข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนแพทย์ชั้นพรีคลินิกเพิ่ม อ่านได้ที่นี่
** วอร์ด (ward) หมายถึง หอผู้ป่วยใน, ขึ้นวอร์ด หมายถึง การไปเรียนรู้งานในหอผู้ป่วยใน
ตารางแน่น & อยู่ในช่วงปรับตัว
"ด้วยความที่ต้องขึ้นวอร์ด ชีวิตประจำวันของผมเลยคล้ายเดิมทุกวันครับ ผมตื่นตี 5 กว่าๆ เพื่อไปตรวจร่างกาย ซักประวัติคนไข้ตอนประมาณ 6.40 น. หลังจากนั้นก็เขียนรายงาน พอ 7-8 โมงก็เดินราวน์***กับพี่ resident (แพทย์ประจำบ้าน) สายๆ สัก 9-10 โมงก็เดินราวน์กับอาจารย์ หลังพักเที่ยงก็มีฟังเลกเชอร์ประมาณ 1 ชั่วโมง เสร็จแล้วก็กลับมาราวน์กับพี่ resident อีกครั้ง ถ้ามีเวรก็ต้องราวน์รอบดึกอีกตอนประมาณ 4-5 ทุ่ม ถ้ามีงานอื่นๆ ในวอร์ดต่อก็ต้องทำครับ"
*** ราวน์ (Round Ward) หมายถึง การเดินเยี่ยมผู้ป่วยเพื่อไถ่ถามอาการต่างๆ
เรียนหนักแบบนี้ ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไปบ้างมั้ยคะ? "อย่างที่เห็นผมมีเวลาส่วนตัวน้อยลง ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไปเยอะเลยครับ ปกติผมจะชอบเล่นบาส เล่นเกม ไปดูหนังกับพ่อแม่ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ทำอะไรแบบนั้นเลยครับ เวลาว่างส่วนใหญ่ใช้เขียนรายงานส่งอาจารย์ ถ้าได้พักผ่อนจริงๆ ส่วนใหญ่เลยอยู่บ้านครับ"
"ผมคิดว่าตอนนี้เป็นช่วงปรับตัวของผมครับ ผมพยายามบริหารเวลาอยู่ เพราะตอนนี้ผมยังปรับตัวได้ไม่ดี ยังแบ่งเวลาไม่ได้ ผมยังรู้สึกเหนื่อย แต่แค่เหนื่อยกายนะครับ ไม่ได้เหนื่อยใจ เพราะการได้ขึ้นวอร์ด ได้พูดคุยกับน้องๆ และคุณแม่ ถึงแม้เราจะไม่ได้ทำหน้าที่เยอะ ไม่ได้เป็นคนจ่ายยา แต่เวลาเห็นเขาได้กลับบ้านก็รู้สึกดีใจกับเขาด้วยครับ"
แล้วงานในวงการบันเทิงล่ะ? "เรื่องงานในวงการบันเทิง จริงๆ แล้วผมก็รับงานบ้างนะครับ ส่วนใหญ่จะเป็นงานอีเวนต์ แต่ด้วยความที่ผมไม่ค่อยรู้ตารางเรียน (ปกติจะออกก่อนแค่ 1-2 อาทิตย์) ผมเลยต้องรบกวนให้พี่ๆ ที่ติดต่อเข้ามารอผมหน่อย T.T เพราะจริงๆ ถ้ามีโอกาสผมก็อยากทำครับ ส่วนผลงานในอนาคตอันนี้ต้องรอติดตามในโซเชียลนะครับ"
ผ่าอาจารย์ใหญ่ & ออกชุมชน
ช่วงที่ผ่านมาทำอะไรบ้างคะ? "ถ้าให้เล่าถึงชีวิตช่วงที่ผ่านมา ผมขอพูดถึงการเรียนหมอในแต่ละปีละกันครับ เริ่มจากปี 1 ผมต้องไปเรียนอยู่ที่มหิดล ศาลายาครับ ตอนนั้นเนื้อหาที่เรียนยังคล้ายๆ กับม.ปลาย แค่ยากกว่านิดหน่อย เวลาเรียนก็เรียนรวมกับคณะอื่น มีสอบมิดเทอม ไฟนอลปกติครับ"
"แต่พอขึ้นปี 2-3 การเรียนจะเปลี่ยนไป คือแบ่งวิชาเรียนตามระบบของร่างกาย เช่น ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร ระบบหัวใจและหลอดเลือด ฯลฯ ปกติเรียน 2-4 ระบบในเวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง การเรียนก็มีทั้งคาบเลกเชอร์และคาบ Group Activity ที่อาจารย์จะมีโจทย์มาให้เราลองประยุกต์ใช้ความรู้จากคาบเลกเชอร์ พอเรียนเสร็จก็มีสอบตอนจบของแต่ละวิชาครับ"
"มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากเล่าครับ ตอนปี 2 จะมีวิชาที่ทุกคนได้ผ่าอาจารย์ใหญ่ ด้วยความที่ผมชอบการปฏิบัติมากกว่าฟังเลกเชอร์อยู่แล้ว ผมเลยตื่นเต้นมากกกกก ที่จะได้ลองลงมือทำอะไรจริง การผ่าครั้งนั้นถือเป็นการปฏิบัติครั้งแรกของผมเลยครับ จำได้ว่าทั้งเครียดและกังวล แต่ก็สนุกมากๆ เลย :)"
"พอปี 4 อย่างที่บอกเป็นปีที่ได้ทำงานกับคนไข้จริงๆ อันนี้ก็ชอบมากเลยครับ แต่จริงๆ แล้วผมไม่ได้เพิ่งเปิดเทอมนะครับ เพื่อนคนอื่นเขาได้ขึ้นไปหลายวอร์ดแล้ว แต่ผมเพิ่งขึ้นวอร์ดเด็กเป็นวอร์ดแรกเพราะตารางเรียนของผมได้เรียนเวชศาสตร์ป้องกันและสังคมก่อน คือเรียนทฤษฎีและไปออกชุมชน ส่วนเดือนถัดมาก็เรียนเวชศาสตร์ชุมชน ไปอยู่ต่างจังหวัดมา 1 เดือนครับ"
"ตัวผมได้ไปที่จังหวัดกาญจนบุรี ผมไปทำรายงานเกี่ยวกับความชุกของโรค ไปคุยกับชุมชนต่างๆ เพื่อเสนอวิธีการแก้ปัญหา ได้ศึกษาดูงานที่ห้องตรวจผู้ป่วยในและนอก และยังได้ช่วยทำหัตถการ เช่น ทำแผลเล็กๆ ด้วยครับ ^^"
อ่านหนังสือล่วงหน้าก่อนเปิดเทอม!
เล่าเคล็ดลับการเรียนของมิณทร์ให้ฟังหน่อย.. "การเรียนมหา’ลัยค่อนข้างต่างจากสมัยมัธยมมาก เพราะอาจารย์เขาไม่มาคอยถามว่าเราตามทันมั้ย เขาให้เราขวนขวายเอง ต้องมีความรับผิดชอบสูง ซึ่งตอนขึ้นปี 1 ผมค่อนข้างขาดทุนกว่าคนอื่นเพราะไม่ได้เรียนม.ปลายมา ผมเลยอ่านเนื้อหาปี 1 ทั้งหมดล่วงหน้าก่อนเปิดเทอมเพื่อที่จะตามเพื่อนทัน ถึงเกรดจะไม่ดีมาก แต่ผมบริหารเวลาได้ดี ยังได้ทำกิจกรรมและมีเวลาว่าง ตอนนั้นก็รู้สึกว่าชีวิตพอดีมากครับ"
"พอตอนปี 2-3 เรียนหนักกว่าเดิมมากครับ แต่ผมไม่ได้อ่านหนังสือล่วงหน้า ผมเปลี่ยนแผนการอ่านเป็น 1 เดือนก่อนสอบ คือ อาทิตย์ที่ 1-2 อ่านหนังสือ, อาทิตย์ที่ 3 ทบทวน, อาทิตย์ที่ 4 ทำแบบฝึกหัดและทบทวน ค่อนข้างลำบากมากครับ เพราะเนื้อหาเยอะแล้วผมไม่ได้อ่านหนังสือทุกวันด้วย อันนี้อย่าทำตามนะครับ เป็นความประมาทและความผิดพลาดของผมเองครับ"
ฟังเพลงคลายเครียด & ฮึดสู้กับตัวเอง
เรียนหมอเครียด มิณทร์รับมือยังไงบ้าง? "ด้วยความที่เรียนแพทย์ค่อนข้างเครียด ผมเลยต้องมีวิธีผ่อนคลายครับ วิธีของผมคือฟังเพลง ผมฟังตลอดทั้งตอนอาบน้ำ ตอนขับรถ ตอนก่อนนอน สำหรับผมแค่กดเปิดเพลงก็ช่วยคลายเครียดได้เยอะแล้วครับ"
"อีกสิ่งที่สำคัญคือ ผมให้ความสำคัญกับการเตรียมตัวสอบมากกว่าผลลัพธ์ครับ หมายความว่า ถ้าผมอ่านหนังสือเต็มที่แล้วผมจะไม่กังวลครับว่าผลสอบจะเป็นยังไง แต่ถ้าถามว่ามีครั้งไหนที่อ่านไปเต็มที่ แต่คะแนนไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้มั้ย ก็ต้องตอบว่า มีครับ และเวลาที่ผลออกมาแบบนั้น โชคดีที่เพื่อนๆ รอบตัวคอยให้กำลังใจและช่วยเหลือดีมากครับ ผมเลยคอยบอกตัวเองให้พยายามมากกว่านี้ ผมเชื่อว่าตอนสอบเข้าผมสู้จนทำได้ ตอนนี้ก็ต้องทำได้ ผมเลยยังเป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังสู้และอยากชนะตัวเองเหมือนกันครับ"
ในอนาคตอยากเรียนสิ่งที่ชอบ
เป้าหมายของมิณทร์เป็นยังไงบ้างคะ? "จากการที่ได้เรียนผ่าอาจารย์ใหญ่ ผมรู้สึกชอบมากและอยากเรียนต่อเฉพาะทางศัลยศาสตร์ครับ แต่รุ่นพี่ก็แนะนำว่า ถ้ายังไม่ผ่านวอร์ดที่ชอบ อย่าเพิ่งด่วนสรุปเพราะการผ่าอาจารย์ใหญ่กับการเรียนจริงไม่เหมือนกัน ตอนนี้ผมก็เลยยังไม่แน่ใจครับว่าจะเรียนเฉพาะทางด้านไหน คงต้องรอดูว่าหลังขึ้นครบทุกวอร์ดแล้วอยากเรียนอะไร ผมอยากเลือกสิ่งที่ชอบและเหมาะกับผมมากที่สุดครับ"
ฝากถึงน้องๆ ที่กำลังจะเข้ามหา’ลัย
"ถ้าเป็นเรื่องเตรียมตัวสอบเข้า ผมเชื่อว่าทุกคนทำได้ครับ อย่างตัวผมเองไม่เคยคิดว่าตัวเองจะสอบติด เพราะผมสอบเทียบมาจากจากนานาชาติ ไม่ได้อ่านหนังสือตั้งแต่เด็ก หัวก็ไม่ดี แถมยังทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ผมค่อนข้างเสียเปรียบ แต่ด้วยความที่ผมอยากลอง อยากรู้ว่าตัวเองอยู่ระดับไหนของประเทศ ผมเลยฮึดจนทำได้ครับ ดังนั้นผมคิดว่าทุกคนก็ทำได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับวินัยและ mindset ครับ"
"ส่วนเรื่องเรียนหมอ เรียนหนัก จะเข้าดีไหม ผมอยากแนะนำให้ลองไปงาน Open House ที่มหา’ลัยจัดดู อันนี้จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่หมอนะครับ ใช้ได้กับทุกคณะเลย ผมอยากให้น้องๆ ลองไปคุยกับรุ่นพี่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องงาน น้องจะได้เลือกคณะที่เหมาะกับตัวเอง เพราะผมไม่อยากให้เลือกตามเทรนด์ อยากให้ทำงานที่มีความสุขและหาเลี้ยงครอบครัวได้มากกว่าครับ ^^"
เป็นยังไงบ้างคะ พี่มิณทร์สุดยอดไปเลยใช่มั้ย ^^ พี่เชื่อว่าน้องที่ได้อ่านบทความนี้จะได้รับแรงบันดาลใจดีๆ ไปสู้ต่อกับการเรียนนะคะ อย่างที่พี่มิณทร์บอก พี่มิณทร์ก็กำลังสู้กับตัวเองอยู่เหมือนกัน ดังนั้นน้องๆ Dek-D ก็ต้องสู้นะคะ พี่เชื่อว่าน้องต้องทำได้แน่ๆ! ทำให้เต็มที่ไปเลย :)
3 ความคิดเห็น