สวัสดีค่ะน้องๆ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (18 ม.ค.) ทีมงาน Dek-D มีโอกาสได้ไปร่วมพิธีเปิด “งาน Siriraj Education Expo 2020” ที่สยาม พารากอน โดยทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้มิติใหม่ทางการศึกษา ภายในงานมีกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เช่น นิทรรศการหลักสูตรการศึกษา การเสวนา การแสดงจากนักศึกษาแพทย์ การพูดคุย-ตอบคำถาม เป็นต้น ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจ คือ “การเปลี่ยนแปลงของหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต”
พี่แนนนี่มีโอกาสได้พูดคุยกับ รองศาสตราจารย์ นายแพทย์รุ่งนิรันดร์ ประดิษฐสุวรรณ รองคณบดีฝ่ายการศึกษาก่อนปริญญา และดร.นพ. ยอดยิ่ง แดงประไพ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายการศึกษาก่อนปริญญา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ถึงการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ซึ่งจะถูกปรับเปลี่ยนให้เท่าทันกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยสามารถสรุปข้อมูลจากทั้ง 2 ท่าน ได้ดังนี้
การเปลี่ยนแปลงของหลักสูตรแพทยฯ
- หลักสูตรใหม่นี้จะเริ่มใช้ปีการศึกษา 2564
- การเรียนยังคงเป็นแบบให้นักเรียนมีส่วนร่วม (active learning) และมีการบูรณาการของอาจารย์หลายภาควิชาที่มาสอนในเรื่องเดียวกัน เพื่อให้นักเรียนเห็นการประยุกต์ใช้มากขึ้น
- หลักสูตรใหม่ จะเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยจะมีเรียนเกี่ยวกับเทคโนโลยี รายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับ biomedical engineering เพราะคิดว่าในฐานะแพทย์จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานเรื่องนี้ เพื่อที่จะสามารถประยุกต์ต่อไปได้
- หลักสูตรใหม่จะให้เลือกเรียนสิ่งที่เขาสนใจมากขึ้นกว่าเดิม Flexibility มากขึ้น เปิดกว้างมากขึ้น แต่เดิมเรามีวิชาเลือกเสรีอยู่ 11 หน่วยกิต คราวนี้จะมีเวลาปีละ 4 – 6 สัปดาห์ให้เลือกเรียนในสิ่งที่สนใจ เช่น การจัดการ, วิศวกรรมทางการแพทย์, IT และอื่นๆ ที่เป็นศาสตร์เชิงระบบที่เอาประยุกต์ใช้ในอนาคตได้มากขึ้น
- มีรายวิชาใหม่ๆ มากขึ้น จะพยายามใช้กระบวนการ blended learning มากขึ้น คือ ส่งเสริมให้ทั้งอาจารย์ ได้เรียนรู้การทำcontent อื่นๆ เช่น วิดีโอ เพื่อให้นักศึกษาได้เข้าไปใช้ เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ซึ่งก็อยากให้เขารู้จักเทคโนโลยีด้วย และตอนนี้ได้คุยกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ เพราะจะเพิ่มพวก information big data เข้ามา นักศึกษาก็จะได้เรียนรู้การนำความรู้ทางการแพทย์ไปใช้เป็นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ แต่ที่จะไม่ทิ้งเด็ดขาดก็คือ วิธีการที่นักศึกษาจะดูแลตัวเอง จากความเครียด ความผิดหวัง ความคาดเดาไม่ได้ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร
- มีการเพิ่มทักษะ soft skills ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกับผู้อื่น เพราะแพทย์ไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ ต้องทำงานร่วมกับสหวิชาชีพ หรือการสื่อสาร ทั้งระหว่างวิชาชีพเอง และกับคนไข้ ญาติคนไข้ จะทำยังไงให้คนเข้าใจได้ง่าย ทำยังไงพูดให้เข้าหูคน ไม่เสียกำลังใจ หรือความคิดสร้างสรรค์ที่จะนำไปสู่นวัตกรรม เป็นต้น
- ปรับเวลาเข้าเรียนให้เริ่ม 9 โมง จะปรับหลักสูตรให้เริ่มเรียน 8.30-9.00 น. ซึ่งที่ผ่านมาจะพบว่าลักษณะชีวิตของวัยรุ่นนอนดึกและตื่นยาก ในคลาสที่เป็น 8 โมง นักศึกษามักจะมาไม่ทันจริงๆ ในปีการศึกษาหน้าน่าจะมีการปรับเวลา
เทคโนโลยีสำคัญกับการเป็นแพทย์อย่างไร
สำคัญมาก ทุกวันนี้การแพทย์แผนตะวันตกอิงเทคโนโลยีมาก และเราเป็นผู้ซื้อมากกว่าผู้ผลิต ถ้าแพทย์มีพื้นฐานเรื่องเหล่านี้ จะเข้าใจว่า เครื่องมือแต่ละชนิดมีที่มาที่ไปยังไง และเมื่อจบออกไปหากต้องไปทำงานในพื้นที่ที่ขาดแคลน ก็จะสามารถประยุกต์สิ่งที่อยู่ในหัว ดัดแปลงสิ่งของที่มีอยู่ให้มาใช้งานได้ในสิ่งที่เขาอยากจะใช้ได้
ความคาดหวังในตัวบัณฑิต
- ตั้งใจว่าบัณฑิตแพทย์ จะมีความรู้พื้นฐานด้านการวิจัย ไม่ได้สอนเฉพาะทฤษฎี เพราะฉะนั้นในหลักสูตรจะจัดเวลาให้เขาได้ทำวิจัยจริงๆ ได้มีส่วนร่วมกับอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งกระบวนการนี้จะทำให้มีพื้นฐานด้านการวิจัย และสามารถนำไปคิดต่อยอดในอนาคตได้
- คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของศิริราช ยังคงเป็นประเด็นในเรื่องของ (SKILLS)
S – Soul
K – knowledge
I - information
L – learning
L – leader
S – skill
ซึ่งหลักสูตรจะปรับให้คุณลักษณะพวกนี้เป็นรูปธรรมมากขึ้น และมีการประเมินอย่างจริงจัง มีการใช้ระบบดิจิทัลเข้ามาในการเรียนการสอน ตอนนี้นักศึกษากับอาจารย์ก็เรียนในห้องเรียน แต่หลักสูตรใหม่จะมีระบบอิเล็กทรอนิกส์เลินนิ่ง (Electronics - Learning) เข้ามาใช้งานมากขึ้น รวมทั้งสื่อการเรียนการสอนที่เขาสามารถค้นคว้าความรู้ได้ด้วยตนเอง เพราะฉะนั้นบทบาทของอาจารย์จะเป็นผู้แนะนำว่าความรู้ไหนเชื่อได้หรือไม่ได้ และเป็นผู้กระตุ้นให้นักเรียนอยากเรียนรู้
สำหรับแผนการศึกษาของหลักสูตรใหม่ที่จะเริ่มต้นในปี 2564 ทางคณะฯ ขอให้น้องๆ รอติดตามรายละเอียดของตัวหลักสูตร และวิธีการรับสมัครอีกครั้งหนึ่งเร็วๆ นี้
2 ความคิดเห็น
หนูน่าสนใจมากค่ะ ตั้งใจสอบเข้าไปเรียนให้ได้ สู้ๆ
ซิ่ว dek63 มา dek64 น่าจะดี555