เปิดใจคนไทยที่ทำงาน 'ดูแลผู้สูงอายุ' ในญี่ปุ่น ทั้งเงินดี เวลาดี แต่จิตตกเพราะเพื่อนร่วมงาน!



 
          สวัสดีค่ะชาว Dek-D  หลายคนอาจเคยเห็นข่าววีซ่าพิเศษชื่อ   "Specified Skilled Worker VISA – (Tokutei Ginou, 特定技能)" ซึ่งก็คือการให้แรงงานต่างชาติไปทำงานสายที่ญี่ปุ่นขาดแคลน หนึ่งในนั้นคืองานดูแลผู้สูงอายุที่ขาดแคลนชนิดที่ว่าไม่จำกัดชั่วโมงทำงานของชาวต่างชาติเลยค่ะ  วันนี้เรามีโอกาสพูดคุยกับ "พี่ภัทร" คนไทยที่ขอวีซ่านักเรียนไปเรียนภาษา ตกบ่ายก็หาค่าขนมโดยการทำงานดูแลผู้สูงอายุที่่ศูนย์แห่งหนึ่งในเมืองเกียวโต   (พอเรียนจบก็ตั้งใจจะทำงานต่อโดยเปลี่ยนเป็นวีซ่าที่ว่านี้)

          งานนี้เธอเล่าให้ฟังทั้งด้านดีและด้านที่ทำเอาจิตตกมากกกก     เดี๋ยวเราจะพาไปดูกันว่่าแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง? แล้วมีเรื่องอะไรบ้างที่ต้องรับมือ? แล้วที่สำคัญคือสังคมญี่ปุ่นมองเรื่องการส่งผู้สูงอายุมาพักในศูนย์ดูแลยังไงบ้าง?
 

Photo Credit:  
https://media.connectiu.com/

 

เริ่มเลเวล 1 ที่ญี่ปุ่น!
ใช้วีซ่า นร. เป็นใบเบิกทางหางาน 

 

          “มันเริ่มจากที่เราจบสายการตลาดมา แล้วได้ทำงานในแผนกจัดซื้อของบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ต้องติดต่อดีลงานกับคนญี่ปุ่นจากบริษัทแม่ค่ะ  ทางบริษัทเลย เชิญเซนเซ (=ครูสอนภาษาญี่ปุ่น) มาสอนที่บริษัท พอเราเริ่มเรียนก็ติดใจ อยากจะเก่งภาษาให้มากกว่านี้ เริ่มหาข้อมูลว่าถ้าอยากไปเรียนที่ญี่ปุ่นต้องทำยังไงบ้าง"
 
          “วิธีที่ง่ายสุดคือไปโดย 'วีซ่านักเรียน'  เงื่อนไขคือต้องผ่านการเรียนภาษาญี่ปุ่นมาอย่างน้อย 150 ชั่วโมง เราตั้งใจว่าพอไปถึงจะเรียนให้ภาษาพัฒนาไปพร้อมๆ กับหางานทำ ยิ่งเดี๋ยวนี้มีวีซ่าพิเศษที่เพิ่งมีไม่นาน ชื่อว่า "Tokutei Ginou, 特定技能"   รับแรงงานต่างชาติที่มีทักษะเฉพาะทาง สามารถอยู่ทำงานได้ 5 ปีด้วยค่ะ ดังนั้นหลังจากวีซ่านักเรียนหมดอายุแล้ว ก็ตั้งใจจะไปสอบวีซ่าประเภทนี้ต่อ  พูดง่ายๆ คือใช้วีซ่านักเรียนเป็นใบเบิกทางก่อนนี่แหละค่ะ ^^
 
          "และสำหรับเงื่อนไขของวีซ่าชนิดนี้คือต้องสอบได้ N4 ซึ่งเป็นระดับที่อ่านเรื่องในชีวิตประจำวันที่เขียนด้วยคำศัพท์และคันจิขั้นพื้นฐาน และฟังบทสนทนาในชีวิตประจำวันที่พูดช้าๆ ได้ (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ JLPT) + ต้องสอบทักษะการดูแลผู้สูงอายุด้วย ส่วนนึงเราเลยเอาประสบการณ์ทำงานพิเศษมาใช้สอบได้" 


Photo Credit:  FB @Jibunde2020


Photo Credit:  FB @Jibunde2020
 
          “พอเก็บข้อมูลแล้วเราก็ตัดสินใจมาเรียนภาษาญี่ปุ่นที่สถาบัน  ‘เกียวโตมินไซ’   ในเกียวโต  พื้นฐานของเราแค่ 150 ชั่วโมง  เพราะเรีียนแค่ให้ผ่านเงื่อนไขการขอวีซ่าเฉยๆ เท่ากับมาเริ่มเลเวล 1 ที่นี่เลยค่ะ เซนเซก็น่ารักใจดี เขาอายุแค่ 26-27 ปีเอง ยิ้มแย้มแจ่มใส เสียงดังฟังชัด และเข้าใจนักเรียน ถ้าใครฟังไม่ออกก็พยายามหาวิธีสื่อสารกับเราให้ได้ เนื้อหาช่วงที่หนักคือตอนจบระดับต้นแล้วจะเข้าสู่ระดับกลางค่ะ"
 
          “ส่วนการใช้ชีวิตข้่างนอก ช่วงแรกจะลำบากนิดนึง  แต่ข้อดีคือคนญี่ปุ่นยินดีให้ความช่วยเหลือเต็มที่มาก เขาจะใจดีเป็นพิเศษกับนักท่องเที่ยวและนักศึกษา ทำให้เราไม่มีปัญหาการใช้ชีวิตเลย เราเคยขอความช่วยเหลือตอนจะขึ้่นรถไฟไป Osaka คนญี่ปุ่นเขาช่วยตั้งแต่ซื้อตั๋ว แล้วพาเดินมาถึงชานชาลาเลยค่ะ”

 

เลิกเรียนมาลุยงาน 5 ชั่วโมง

ต้องทำอะไรบ้าง?
 

          เหตุผลหลักๆ ที่เลือกงานดูแลผู้สูงอายุ เพราะงานดีเงินดี เราเรียนภาษา 9.00-13.00 น. มีเวลาพักชั่วโมงนึงแล้วเดินทางมาที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่เราทำงาน ทำตั้งแต่ 14.00-19.00 น. ค่าตอบแทนคือได้เยอะกว่างานพิเศษทั่วไป ซึ่งก็คือราวๆ 100-200 เยนต่อชั่วโมง ตกเดือนละ  40,000 บาท พอให้ใช้ชีวิตได้ปกติแบบไม่ลำบากอะไร และส่งให้ครอบครัวที่ไทยได้ด้วย และไม่โดนภาษีเต็มรูปแบบจากการทำงาน


Photo Credit:  FB @Jibunde2020
 
          “ก่อนเริ่มทำงานเขาจะมีคู่มือการดูแลเบื้องต้นมาให้ (คู่มือเป็นภาษาญี่ปุ่นที่เรายังอ่านไม่ออก เพราะเพิ่งไปญี่ปุ่นได้เดือนเดียว) ช่วงเดือนแรกจะเป็นการเทรนงาน เขาจะไม่อนุญาตให้เราแตะตัวผู้สูงอายุเลย  ให้เดินตามรุ่นพี่ที่เป็นคนญี่ปุ่นดูว่าต้องทำอะไรบ้าง คอยหยิบจับช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ จากนั้นค่อยวางใจให้เราลงมือทำเอง จากนั้นก็อาศัยเก็บประสบการณ์เองเรื่อยๆ และเรียนด้วยตัวเองจากคลิปภาษาไทยบน YouTube”
 
          สิ่งที่ทำในแต่ละวัน
 
  • เสิร์ฟกาแฟเป็นเบรก, พาไปรับประทานอาหาร, พากลับขึ้นห้องพักเพื่อเปลี่ยนชุดแล้วเข้านอน (ทุกการเคลื่อนย้ายจะต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เขา) แรกๆ คือเราช็อกเรื่องกลิ่น เครียดดดไป 2 อาทิตย์ แต่มาจุดนึงก็เปลี่ยนทัศนคติไปเลย เพราะรู้สึกว่านี่คือการช่วยเหลือมากกว่าทำงาน เรามาดูแลให้เขามีความสุข เหมือนกับเราได้ดูแลญาติผู้ใหญ่ แล้วยังได้ความรู้ติดตัวไว้ดูแลคนใกล้ชิดของเราด้วย
  • บางทีก็เจองานที่ค่อนข้างใช้ความรู้เฉพาะทาง (เช่น เปลี่ยนถังออกซิเจน) เรื่องนี้ทำให้รู้สึกกลัวตลอดเวลา เพราะเราไม่ได้เรียนการบริบาลมาโดยตรง แล้วผู้สูงอายุที่มาอยู่ที่นี่ไม่ใช่ 60-70 แต่เป็น 80-100 ปี ถ้าเราพลาดอะไรไปนิดเดียวก็อาจเป็นเรื่องใหญ่ได้
  • กิจกรรมพิเศษ เช่น การจัดงานวันเกิดที่มีประจำทุกเดือน  ดูว่าเดือนนี้ตรงกับวันเกิดใครบ้าง มีเตรียมร้องเพลง ตัดเค้ก ให้ของขวัญ ร้องคาราโอเกะ
  • เทศกาลต่างๆ เช่น วันพ่อวันแม่ก็จะมีการแต่งชุดกิโมโน ยูกาตะ มีงานวัด ซุ้มตักไข่ ฯลฯ สร้างบรรยากาศย้อนวัยสมัยเขายังหนุ่มสาว
  • ปกติก็จะมีกลุ่มอาสาสมัครคนญี่ปุ่นเข้ามาเล่นดนตรี ร้องเพลงประสานเสียงเพลงโบราณเก่าๆ ให้ฟังด้วย แต่เนื่องจากปีนี้มีสถานการณ์โควิด ก็เลยต้องงดไป
     
          “ต้องบอกว่าปกติญี่ปุ่นจะมีศูนย์ดูแลผู้สูงอายุหลายระดับ ถ้าเทียบบรรยากาศที่นี่ก็เหมือนโรงพยาบาลเอกชน ผู้สูงอายุจะแต่งกายดูดี สะอาดสะอ้าน ทั้งเกรงใจและพูดให้กำลังใจเราเสมอ   เช่น ตอนที่เปลี่ยนผ้าอ้อมให้  เขาก็บอกว่า ‘ขอโทษนะ มันจะไม่ค่อยสะอาด’ หรือบางทีเราไปอ้อนๆ ว่า เนี่ย เลิกเรียนแล้วต้องรีบมาทำงานเลย~ เขาก็บอกว่า 'ลำบากหน่อยน้าา เรียนด้วยทำงานด้วย สู้ๆ' แล้วก็มีขนมเล็กๆ น้อยๆ มาให้ตลอดค่ะ TT”


Photo Credit:  FB @Jibunde2020

 

แมตช์งานแต่ไม่แมตช์คน
เจอเอาเปรียบจนทำเอาจิตตก

 

          ฟังมุมอบอุ่นแล้วก็ต้องแอบถามตรงๆ ว่ามีเรื่องไหนไม่ปลื้มมั้ย? “พูดตรงๆ คือเราแมตช์งานแต่ไม่แมตช์กับเพื่อนร่วมงาน   จริงๆ คนญี่ปุ่นน่ารักๆ ก็มี เมเนเจอร์ก็น่ารัก คอยรับฟังและช่วยเหลือตลอด แต่เพื่อนร่วมงานทั้งคนญี่ปุ่นและคนต่างชาติที่ทำงานด้วยกัน เจอทั้งเกี่ยงงาน โยนงานที่หนักกว่ามาให้ เลี่ยงงานที่ดูไม่สะอาด ล้อเลียนเวลาเราฟังไม่ออก โยนความผิด พูดเอาตัวรอด (คนทีี่ภาษาดีก็จะมีเครดิตกว่าเราที่ภาษาไม่แข็ง เลยยิ่งเสียเปรียบ) แล้วที่เห็นแล้วไม่ชอบคือหลายๆ ครั้งจะมีคนที่พูดจาไม่ดี ชักสีหน้า หรือแสดงทีท่ารังเกียจใส่คุณตาคุณยายที่ต้องดูแลด้วย”


Photo Credit:  FB @Jibunde2020


Photo Credit:  FB @Jibunde2020
 

เล่าเหตุผลเบื้องหลัง
เมื่อลูกหลานพาพวกเขามาอยู่ที่นี่

 

          พออ่านถึงตรงนี้ หลายคนน่าจะมีคำถามในใจว่าทำไมผู้สูงอายุถึงมาอยู่ที่นี่ พี่ภัทรเล่าให้ฟังว่า “ส่วนตัวเรามองว่ามุมมองของบ้านเรากับที่ญี่ปุ่นจะต่างกันนิดนึงค่ะ ไทยเราอาจมองว่าเราควรจะเลี้ยงดูพ่อแม่เพื่อตอบแทนมากกว่าพาท่านไปบ้านพักคนชรา แต่สังคมญี่ปุ่น พอแต่งงานแล้วแยกย้ายกันหมด ผู้สูงอายุอยู่ลำพังคือเรื่องปกติ และมีเงินเลี้ยงตัวเองกันอยู่แล้ว เที่ยวเต็มที่ ตอนทำงานก็ทำเต็มที่จนร่างกายเริ่มไม่ไหว  ลูกหลานก็จะพามาที่ศูนย์ เพราะมีอาหารการกินครบถ้วน มีทั้งนักกายภาพบำบัด หมอ พยาบาล และมีบริบาลดูแลตลอด 24 ชั่วโมง แถมยังเป็นเหมือนคอมมูนิตี้ที่คนจับกลุ่มนั่งคุยนั่งทำกิจกรรมด้วยกัน จนลูกหลานรู้สึกมั่นใจที่มีคนดูแลพวกเขา”
 
          “สิ่งที่เราเห็นคือจะมีลูกหลานมาเยี่ยมเป็นครั้งคราว บางคนบ้านใกล้ๆ เขาผลัดเวรกันมาป้อนข้าวเลย มื้อเช้าลูกคนโตมา กลางวันอีกคนนึง พอตกเย็นก็อีกคนนึง น่ารักมากกก ชวนไปเดินเล่นซื้อของด้วยกันก็มี หรือรับไปเที่ยวแล้วค่อยส่งกลับมาก็มีค่ะ” 

 

สัมผัสภาษา ระบบทำงาน
และค้นหาตัวเอง

 

          “ข้อดีของการมาทำงานนี้คือเราได้เข้ามาอยู่ในระบบสังคมงานของคนญี่ปุ่น เห็นวัฒนธรรมการทำงาน และได้ฝึกภาษาที่เขาใช้พูดคุยกันจริงๆ ซึ่งจะต่างกับที่เรียนในหนังสือ แล้วที่สำคัญคือเราเหมือนได้มาค้นหาตัวเอง ตอนเริ่มเรียนภาษาใหม่ๆ เราอยากทำงานล่าม แต่พอมาถึงที่นี่จริงๆ เรากลับสนใจอย่างอื่นมากกว่าเรื่องภาษา อยากเที่ยว อยากลองทำงานหลากหลาย ถ้าใครอยากขอคำแนะนำเรื่องวีซ่าและการทำงานคล้ายๆ เราลองเข้ามาพูดคุยได้นะคะ :)”




 
          เรียกว่าเป็นประสบการณ์ที่ครบรสมากๆ เลยค่ะ มีทั้งเจอคุณตาคุณยายที่น่ารัก อบอุ่นให้ฟีลเหมือนอยู่กับครอบครัว เจอโลกการทำงานที่ทั้งใจดีและโหดร้าย และได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ที่ต่างจากบ้านเรา เรื่องราวของพี่ภัทรวันนี้ก็ถือเป็น 1 ในมุมที่ช่วยบอกต่อเรื่องราวของคนไทยที่ไปเรียนภาษาและทำงานพิเศษในญี่ปุ่น ถ้าใครสนใจก็อย่าลืมชั่งน้ำหนักดีๆ ศึกษาอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจนะคะ  :)
พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

5 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากเว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
P'Zircon Member 28 ก.ย. 63 12:26 น. 3

สุดยอดเลยค่ะ อยากให้ไทยมีแบบนี้บ้าง เราว่ามีแบบนี้ดีกว่าปล่อยให้พ่อแม่ที่แก่แล้วต้องอยู่บ้านคนเดียว ในกรณีที่เราต้องไปทำงาน ก็จะมีช่วงที่อยู่ดูแลไม่ได้ เราว่ามันน่าจะดีกว่าจ้างคนดูแลมาดูแลอีกนะคะ เพราะอยู่แบบนั้นพวกเขาก็จะมีสังคมกับคนอื่นด้วย แถมยังมีกิจกรรมให้ทำอีก


เหนือสิ่งอื่นใด ชื่นชมมากเลยค่ะ ทั้งต้องเรียน ต้องทำงาน เก่งมาก ๆ เลย

1
มมมมมมม 28 ก.ย. 63 23:35 น. 3-1

เมืองไทยก็มีนะคะ บ้านพักคนชราไง แบบบ้านบางแคค่ะ ทำกิจกรรมแบบนี้แหละ มีคนดูแลคล้ายกัน 


แต่แบบที่หรูหรากว่า บ้านพักเป็นของเอกชน ให้ผู้ใหญ่ไปพัก รายเดือนก็หลายหมื่นขึ้นไป แล้วแต่ระดับหรูหรา มีกิจกรรม มีพยาบาล มีนักกิจกรรม มีคนดูแลใกล้ชิด

0
กำลังโหลด
warree 12 ต.ค. 63 15:25 น. 4

ได้ 40000 บาทยังไง วันละ 5 ชม. ชม..ละ 200 เยน ตกวันละ 1พันเยน เดือนนึง 30 วัน ตก 3 หมื่นเยน ตีเป็นเงินไทย 8800 กว่าบาทเอง ขายฝันรึป่าว

1
กำลังโหลด
คนไทยในญี่ปุ่น 6 มี.ค. 66 17:06 น. 5

ผมก็ทำใครโก๊ะ เรื่องเพื่อนร่วมงานเหมือนกัน บางคนขี้เกียจมาก โยนงาน ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แต่จับผิดเราอีก


ผมว่า เป็นงานไม่ง่าย ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงาน แต่บางที่ คนแก่เองก็ร้ายไม่เบา


ผมโดนทั้งถุยนำ้ลาย เหยียดเชื่อชาติ ทั้งๆที่เราก็พยายามอ่อนน้อม แต่ก็โดน จน สภาพจิตใจไม่โอเค


งานเหนื่อย เงินน้อย วันหยุดน้อย ภาษาสำคัญ แค่ระดับ N4 ผมว่ามาแล้ว เครียด


ก่อนมาทำคิดนานๆครับ ถ้ามาแล้ว เสียค่าใช้จ่าย เยอะ ไม่แน่นำครับ






0
กำลังโหลด
กำลังโหลด