เปิดหลากมุมมอง ‘จบป.ตรีแล้วต่อป.โท เลยดีไหม’ (ควรไปต่อหรือพักก่อน?)

สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D ทุกคน ไหนมีใครกำลังจะจบป.ตรี แล้วมีแพลนเรียนต่อป.โทอยู่บ้างไหมคะ? เชื่อว่าในปัจจุบันนี้ทั้งน้องๆ และผู้ปกครองหลายคนคงเริ่มมองว่า “เรียนจบแค่ปริญญาตรีมันไม่พอ” เพราะการเรียนต่อหมายถึงการสร้างโอกาสในการหาความรู้ที่มากขึ้น โอกาสในการทำงานในสายงานที่ต่างออกไป รวมถึงโอกาสในการหาประสบการณ์ร่วมกับคนกลุ่มใหม่อีกด้วย แต่ไม่ว่าจะเหตุผลไหน การเรียนต่อป.โทก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องอาศัยการตัดสินใจอย่างรอบคอบอยู่ดี 

วันนี้ พี่ปุณ เลยมีคำแนะนำเกี่ยวกับการเรียนต่อป.โทมาฝาก ไปดูกันดีกว่าว่า “การเรียนจบแล้วเรียนต่อในทันที” และ “การพักไปทำงาน-หาประสบการณ์ก่อน” มันมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันยังไงบ้าง!

Photo credit: unsplash.com
Photo credit: unsplash.com

#ทีมจบป.ตรี พร้อมลุยต่อป.โท

More energy 
พลังใจเหลือล้น พร้อมค้นคว้าหาความรู้

เรื่องของ “วัยและพลังงานในการค้นคว้าหาความรู้” เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ผลักดันให้นักศึกษาหลายคนตัดสินใจเรียนต่อในทันที บางคนอาจมองว่าไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่เราก็ยังสามารถกลับมาเรียนได้ตลอด แต่นั่นหมายความว่าเราต้องมีเวลาทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างเต็มที่ ซึ่งในบางครั้งการออกไปทำงาน หาเงิน หรือไปมีครอบครัวมันอาจจะแบ่งเวลาของเราไปจนไม่มีกำลังใจอยากจะกลับมาเรียนอีก 

ดังนั้นช่วงเวลาที่เราเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีจึงเป็นช่วงเวลาที่เรายังมีแรง ยังมีพลังที่จะไปเข้าคลาสเรียน ทำรายงาน หรืออ่านหนังสือสอบอยู่ แถมยังเป็นช่วงที่ไม่มีภาระอะไรถาโถมเข้ามาให้เรารับผิดชอบจนมากเกินไปอีกด้วยค่ะ

Photo credit: unsplash.com
Photo credit: unsplash.com

Better define your goals and targets
เลือกที่ใช่ มองเห็นเป้าหมายได้ชัดกว่าเดิม

ในวัยเกือบ 20 ปีที่เด็กคนหนึ่งจะต้องเลือกว่าตัวเองชอบอะไร ถนัดเรื่องไหน และจะเรียนอะไรให้จบไปแล้วมีงานทำนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นคณะหรือสาขาที่เราเลือกเรียนตอนปริญญาตรีมันอาจจะยังไม่ใช่สิ่งที่เราสนใจและอยากจะอยู่กับมันไปตลอดชีวิต 

แต่เวลา 4 ปีนี้แหละค่ะที่จะทำให้น้องๆ หลายคนได้เรียนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ถ้ามันใช่ การไปต่อกับสาขาวิชานั้นในระดับปริญญาโทก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้ามันไม่ใช่ ปริญญาโทก็อาจจะนำเราไปสู่ทางเลือกใหม่ที่จะทำให้เราได้มีโอกาสตัดสินใจเลือกเรียนในสิ่งที่บ่งบอกถึงความชอบและลักษณะนิสัยของเราได้จริงๆ และยิ่งมีความรู้ มีประสบการณ์หลากหลายด้านมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเอาไปปรับใช้กับชีวิตการทำงานของเราได้มากเท่านั้นด้วย!

Photo credit: unsplash.com
Photo credit: unsplash.com

Huge generation gap
ยากจะเปิดรับกับปัญหาช่องว่างระหว่างวัย

มีผลการศึกษาหนึ่งกล่าวไว้ว่า “ยิ่งอายุน้อย เราก็จะยิ่งฉลาด ยิ่งเราโตขึ้นการเรียนก็จะเป็นเรื่องยากและรบกวนใจเรามากยิ่งขึ้น” หลายคนที่ผ่านการทำงานมาแล้วมักจะยึดติดกับประสบการณ์ที่ตัวเองมีจนไม่อยากเปิดรับความรู้ใหม่ๆ หรือไม่พยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่อาจารย์เสริมเข้ามาให้อีก ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกเรียนตอนอายุเท่าไหร่ เราก็ควรต้องเปิดใจรับสิ่งใหม่อยู่เสมอ!

นอกจากนี้ประเด็นเรื่อง “ช่องว่างระหว่างวัย” ยังเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ใครหลายคนไม่อยากพักจากการเรียน เพราะทุกครั้งที่เข้าคลาสหรือลงคอร์สไหน เราก็จะได้รู้จักเพื่อนใหม่ ทำโปรเจกต์ แชร์ไอเดีย และมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ซึ่งแน่นอนว่าคนที่อยู่ในวัยเดียวกันหรืออายุเท่าๆ กันก็ย่อมมีเปอร์เซ็นต์จะคิดเห็นคล้ายกัน พูดภาษาเดียวกัน และคุยกันถูกคอมากกว่านั่นเอง

Photo credit: unsplash.com
Photo credit: unsplash.com

#ทีมป.โทจ๋าขอพักไปทำงาน-หาประสบการณ์ก่อน

More experience
เรียนรู้ไว ปรับใช้จากประสบการณ์

มาถึงฝั่งของคนที่ยังไม่เรียนต่อ แต่ขอออกไปหาประสบการณ์ก่อน ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “ประสบการณ์การทำงานจริง” เป็นหนึ่งสิ่งที่เราไม่มีทางหาได้จากการเรียน และสิ่งนี้แหละค่ะคือเหตุผลข้อสำคัญที่ทำให้หลายคนตัดสินใจพักเรียนไว้แล้วออกไปทำงาน เพราะการพาตัวเองไปอยู่ในบรรยากาศการทำงานจริงจะช่วยให้เราได้เห็นโลกกว้าง ได้ลองทำสิ่งต่างๆ ใน scale ที่ใหญ่และสมจริงมากขึ้น ซึ่งนั่นอาจทำให้เราได้รู้จักตัวเองในมุมมองใหม่และช่วยให้เราสามารถเรียนรู้ได้ไวกว่าคนอื่น

Know what you are looking for
ต้องการเรียนรู้สิ่งไหน มุ่งไปให้ถูกทาง

สำหรับบางคนการเรียนปริญญาโทคือการเรียนเพื่อต่อยอดในสิ่งที่สนใจและจะนำไปใช้ในการทำงานจริง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะหางานทำก่อน จากนั้นก็ค่อยๆ เช็กว่าตัวเองยังขาดทักษะด้านไหน อยากอัปสกิลในเรื่องใด และสาขาวิชาไหนที่จะตอบโจทย์กับงานที่ทำอยู่ได้มากที่สุด แล้วจึงค่อยมาเก็บทักษะเหล่านั้นในระดับปริญญาโท ถือว่าเป็นเหตุผลที่หนักแน่น แน่วแน่ และนำไปสู่ความสำเร็จในหน้าที่การงานได้อย่างดีเลิศ!

Photo credit: unsplash.com
Photo credit: unsplash.com

Easiest way to change careers
ถ้ายังไม่ใช่ ลองเปลี่ยนไปเรียนอะไรที่ชอบ

ถ้าพูดถึงคณะหรือสาขาวิชาที่เปิดสอนในแต่ละมหาวิทยาลัยทั้งของไทยและต่างประเทศ ก็ต้องบอกเลยว่ามีเยอะแบบไม่หวาดไม่ไหว ดังนั้นพอเรียนจบปริญญาตรีมาหลายคนก็เลยอยากลองหางานทำก่อน ถ้าชอบก็อาจจะมาเรียนต่อในสาขาเดิมเพื่อเพิ่มความรู้ไปปรับใช้ในการทำงาน แต่ถ้าไปลองทำแล้วไม่ชอบขึ้นมา การเรียนปริญญาโทก็เป็นหนึ่งวิธีที่จะใช้เปลี่ยนสายงานหรือเบนไปเรียนอะไรที่เรามีแพชชันกับมันมากกว่านั่นเอง

Pay the fees yourself
เก็บประสบการณ์ เก็บงาน เก็บเงิน

เรื่อง “ค่าเทอมหรือค่าใช้จ่ายในการเรียนต่อปริญญาโท” ก็เป็นอีกเรื่องสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของน้องๆ หลายคน ยิ่งถ้าใครวางแผนจะไปเรียนต่อต่างประเทศก็ยิ่งต้องคิดให้หนัก เพราะถึงจะมีทุนสนับสนุนค่าเล่าเรียนหรือค่าใช้จ่ายบางส่วนอยู่ แต่การจะไปใช้ชีวิตในต่างแดนก็แอบจะต้องมีทุนสำรองของตัวเองไว้ด้วยเช่นกัน (เผื่อวันไหนอยากจะออกไปปาร์ตี้หรือชอปปิงจะได้รูดปรื๊ดแบบสบายใจ ไม่ต้องมีใครมาเบรก!55555) ดังนั้นการออกไปทำงานหาเงินตั้งตัวก่อนจะกลับมาเรียนต่อก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของที่บ้านไปได้มากเลยล่ะค่ะ

Photo credit: unsplash.com
Photo credit: unsplash.com

ไม่ว่าจะอยู่ทีมเรียนต่อทันทีหรือพักไปหาประสบการณ์ทำงานก่อนก็มีทั้งข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ใครที่เพิ่งจบใหม่หรือกำลังจะเรียนจบในอีกไม่กี่ปีก็ลองวางแผนและเปรียบเทียบข้อมูลกันให้ดี แล้วอย่าลืมเลือกทางที่ตัวเองจะสามารถทำมันได้อย่างมีความสุขนะคะ ทีม Dek-D จะเป็นกำลังใจให้เอง!

Source:https://www.mastersportal.com/articles/275/should-i-study-a-masters-degree-right-after-a-bachelors-or-later.html
 
พี่ปุณ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

มัณทนา [สวัสดีวันสิ้นโลก] Member 17 มี.ค. 64 17:34 น. 1

เรา #ทีมจบป.ตรีและเรียนต่อปริญญาตรีใบที่ 2 ทันที

เพราะปริญญาตรีทั้งสองใบเป็นคณะและสาขาวิชาที่เล็งเอาไว้ตั้งแต่เรียนอยู่มัธยมปลายแล้ว

ใบแรกเป็นคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาประวัติศาสตร์

ส่วนใบที่ 2 เป็นคณะรัฐศาสตร์ เอกการปกครองและเรียนจบไปตั้งแต่ปี 2563 แล้ว

แต่โดนเลื่อนรับปริญญา เพราะ COVID-19 ระลอกที่ 2 ไม่รู้ว่าจะได้รับเดือนไหน

ตอนเรียนจบใบแรกก็โดนเลื่อนรับปริญญาจากเดือนมีนาคม 2560 มาเป็นกลางปี 2560

มหาวิทยาลัยรามคำแหงให้โอกาสทุกคน

ส่วนเรื่องเรียนต่อปริญญาโท เคยคิดอยากจะเรียน แต่สู้ค่าเทอมของระดับปริญญาโทไม่ไหว

ไม่ว่าจะเป็นปริญญาโทของม.รามคำแหง ม.ศิลปากร และจุฬาฯ

คณะโบราณคดี สาขาวิชาโบราณคดี ม.ศิลปากรป็นคณะในฝันที่อยากเรียนมาตั้งแต่เด็กๆ

(รองจากครู)

แต่เกรด 5 เทอมของภาษาต่างประเทศไม่ถึงและคะแนนแอดมิชชั่นไม่ถึง

ในเมื่อเราพลาดจากคณะโบราณคดี ม.ศิลปากร

แต่ยังมีคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาประวัติศาสตร์ให้เลือกอยู่

เราเลยเล็งเอาไว้เรียนต่อเป็นปริญญาโทดีกว่า

2
กำลังโหลด

2 ความคิดเห็น

มัณทนา [สวัสดีวันสิ้นโลก] Member 17 มี.ค. 64 17:34 น. 1

เรา #ทีมจบป.ตรีและเรียนต่อปริญญาตรีใบที่ 2 ทันที

เพราะปริญญาตรีทั้งสองใบเป็นคณะและสาขาวิชาที่เล็งเอาไว้ตั้งแต่เรียนอยู่มัธยมปลายแล้ว

ใบแรกเป็นคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาประวัติศาสตร์

ส่วนใบที่ 2 เป็นคณะรัฐศาสตร์ เอกการปกครองและเรียนจบไปตั้งแต่ปี 2563 แล้ว

แต่โดนเลื่อนรับปริญญา เพราะ COVID-19 ระลอกที่ 2 ไม่รู้ว่าจะได้รับเดือนไหน

ตอนเรียนจบใบแรกก็โดนเลื่อนรับปริญญาจากเดือนมีนาคม 2560 มาเป็นกลางปี 2560

มหาวิทยาลัยรามคำแหงให้โอกาสทุกคน

ส่วนเรื่องเรียนต่อปริญญาโท เคยคิดอยากจะเรียน แต่สู้ค่าเทอมของระดับปริญญาโทไม่ไหว

ไม่ว่าจะเป็นปริญญาโทของม.รามคำแหง ม.ศิลปากร และจุฬาฯ

คณะโบราณคดี สาขาวิชาโบราณคดี ม.ศิลปากรป็นคณะในฝันที่อยากเรียนมาตั้งแต่เด็กๆ

(รองจากครู)

แต่เกรด 5 เทอมของภาษาต่างประเทศไม่ถึงและคะแนนแอดมิชชั่นไม่ถึง

ในเมื่อเราพลาดจากคณะโบราณคดี ม.ศิลปากร

แต่ยังมีคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาประวัติศาสตร์ให้เลือกอยู่

เราเลยเล็งเอาไว้เรียนต่อเป็นปริญญาโทดีกว่า

2
กำลังโหลด
นึกได้ก็เห็นได้ 5 ก.ย. 64 22:25 น. 2

#ทีมเรียนจบตรีแล้วต่อโทเลยค่ะ

เรียนจบจากคณะภูมิสารสนเทศศาสตร์ ม.บูรพา ต่อป.โทที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) คณะ Environmental Engineering and Management ปัจจุบันเรียนจบแล้ว ระยะเวลาที่เรียน 2 ปี

เรื่องการเรียนป.โทที่ AIT เพราะได้คำแนะนำจากรุ่นพี่ว่ามีทุนเรียนป.โทฟรีแบบไม่มีข้อผูกมัด แต่ถ้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้เข้าเกณฑ์เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศเช่นจุฬา มธ. มหิดล 3พระจอม เกษตร เรื่องเกรดถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเพราะต้องได้เกิน 3.5 ขึ้นไปถึงจะได้ทุนเรียนฟรีจากรัฐบาลไทยเป็นจำนวนเงินคร่าว ๆ 840,000 บาท

บรรยากาศในการเรียน ช่วงนั้นยังไม่มีโควิดเรียนในห้องมีเพื่อน ๆ จากต่างชาติมาเรียน ส่วนมากจะเป็นอินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ บางปีก็มีจีนหรือญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นภาษาที่ใช้สื่อสารเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด

รวม ๆ แล้วถือว่าดีนะคะ แต่เตือนว่าต้องรักษาสภาพจิตใจไว้ให้ดี ๆ ค่ะ เพราะถ้าเรียนไม่ไหวแล้วออกกะทันหันต้องคืนทุนที่ใช้ไปต่อเทอม เทอมละ 210,000 บาทค่ะ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด