ไปเรียน 'ออกแบบแสง' ที่เยอรมนี ศาสตร์และศิลป์ดีไซน์แสงให้สวยเก๋! (เรียนฟรี+หลักสูตรอินเตอร์)

สวัสดีค่ะชาว Dek-D วันนี้มีเรื่องราวของคนไทยที่ได้ไปเรียนป.โท ภาคอินเตอร์ 'สาขาการออกแบบแสง' อีกแขนงของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่น่าสนใจและท้าทายมากๆ ค่ะ ต้องใช้ทั้งวิทย์และศิลป์ควบคู่กันเพื่อออกแบบการจัดวางแสงตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ นิทรรศการ ผังเมือง ฯลฯ  เพื่อให้งานออกมาทั้งเริ่ดทั้งแง่ความสวยงามและฟังก์ชัน โดยปัจจุบันพี่คนนี้ทำงานเป็น Lighting Designer และมีประสบการณ์ทำงานมาแล้วทั้งที่ไทยและเยอรมนี  

 สาขานี้จะน่าสนใจและตอบโจทย์เรามั้ย? บรรยากาศการเรียนจะเป็นยังไงบ้าง? ตามไปส่องกันเลยค่ะ!

Cr. www.hs-wismar.de/
Cr. www.hs-wismar.de/

เรียนป.โทแบบฟรีๆ ที่เยอรมนี
(หลักสูตร 2 ปี ภาคอินเตอร์)

สวัสดีค่า ชื่อ 'จิ๋ว' นะคะ เรียนจบป.ตรีสาขาภูมิสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง จากม.ธรรมศาสตร์ หลังจากที่เรียนจบแล้วทำงานเกี่ยวกับการออกแบบแสงมา 3 ปี ก็อยากเรียนต่อด้านนี้โดยเฉพาะ ส่วนใหญ่เราเจอข้อมูลว่าคณะนี้มีที่โซนยุโรปกับอเมริกา แต่ค่าเรียนอเมริกาจะจับต้องยากหน่อย เราเลยเลือกเรียนต่อ  ป.โท สาขา Architectural​ Lighting Design ที่ Hochschule Wismar (หลักสูตรภาษาอังกฤษ) ที่เยอรมนีแทน 

หลักสูตรนี้ไม่เก็บค่าเทอม แต่มีค่าธรรมเนียมประมาณ 70 ยูโรต่อเทอม (~2,700 บาท) + ค่าธรรมเนียมทำบัตรนักศึกษาอีก 20 ยูโร (~787 บาท)  อ้างอิงเรต 1 ยูโร = 39.38 THB อัปเดต ส.ค.64   *แต่ตอนนี้ไม่ใช่ทุกที่ในเยอรมันจะเรียนฟรี อย่างตอนนี้แคว้น Baden-Württemberg (stuttgart ของพี่ก็อยู่ในแคว้นนี้) เค้าเริ่มเก็บค่าเทอมกับนักเรียนต่างชาติแล้ว ต้องเช็กดีๆ ก่อนไปเรียน

 

 Next start: winter semester 2021/2022 
Closing date for application: 31 August 2021 
** ตอนปีพี่จิ๋วเปิดรับ พ.ค. แต่ปีนี้ปิดรับสิ้นเดือนสิงหาคม ต้องเช็กกำหนดการแต่ละปีเผื่อมีการเปลี่ยนแปลงนะคะ (อ้างอิง: https://fg.hs-wismar.de/storages/hs-wismar/_FG/Studiengaenge/Architectural_Lighting_Design/FAQ_MA_ALD.pdf)

ถ้าเป็นมหาลัยอื่นในโซนเดียวกัน จะเป็นหลักสูตร 1 ปี (เรียน  1 เทอม  + ทำธีสิส  1 เทอม) แต่ที่นี่เป็นหลักสูตร 2 ปี แบ่งเป็น 4 เทอม (เรียน 1 ปี + ทำรีเสิร์ช + ฝึกงาน) ตอนสมัครจะใช้ยื่นเอกสารตามใน requirement เช่น ใบรับรองจบการศึกษาป.ตรี, Transcript, ผลสอบ IELTS 6.0 (เราได้ 6.5), Portfolio ฯลฯ แค่ยื่นให้ครบแล้วรอติดต่อกลับ *ไม่มีสัมภาษณ์

ในหลักสูตรจะมีคลาสภาษาอังกฤษให้ แต่จะเน้นไปที่ technical terms สำหรับ lighting designer ดังนั้นการจะเรียนไหวภาษาอังกฤษไม่ต้องถึงขั้นดีมาก แต่อย่างน้อยต้องสามารถเขียนได้ เพราะเค้าไม่มีการสอนแกรมมาร์เพิ่มเติม  แล้วเราก็ควรจะต้องฟังออก พูดได้เพราะเวลาทำงานกลุ่มต้องคุยกับเพื่อน สู้เพื่อเสนอไอเดียของเรา และมีพรีเซนต์หน้าห้องด้วย (ปีเรามีเอเชียกับยุโรปอย่างละครึ่งๆ คนฟิลิปปินส์กับอินเดียภาษาอังกฤษดีมากกก)  เราเองก็ไปพร้อมพื้นภาษาอังกฤษระดับกลางๆ มีบ้างที่คนพูดมาหรือฟังเลกเชอร์แล้วหลุดๆ ไม่เข้าใจ แต่สักพักจะชินและปรับตัวได้

แต่ถ้าในแง่การใช้ชีวิต ถ้าไม่ได้ภาษาเยอรมันเลยจะใช้ชีิวิตลำบากมากมากกกบอกเลย ก่อนเดินทางเราเรียนภาษาเผื่อไว้จบแค่ระดับ A1 (ขั้นเบสิกสุด) กำลังจะเรียน A2 แล้วก็บินไปเลย คิดว่ายังไงก็หลักสูตรภาษาอังกฤษ100% อยู่แล้ว ไม่ได้ตั้งใจว่าจะทำงานที่นั่นด้วย แต่ปรากฏว่าเมืองที่ไปคือ Wismar เป็นเมืองเล็ก มีผู้สูงอายุเยอะ และคนไม่ค่อยได้ภาษาอังกฤษกัน เวลาเราไปซื้อของแล้วถาม เค้าอาจจะฟังไม่ออกหรือตอบกลับเป็นเยอรมัน 

Hochschule Wismar
Hochschule Wismar
Hochschule Wismar
Hochschule Wismar
โรงอาหารที่ Wismar
โรงอาหารที่ Wismar

เล่าก่อนว่า "นักออกแบบแสงสว่าง" คืออะไร? 

นักออกแบบแสงสว่าง (Lighting Designer) ทำงานร่วมกับสถาปนิกและนักออกแบบภายในโดยโฟกัสเรื่องแสงสว่างโดยเฉพาะ อย่างเช่นในโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร อาคารสำนักงาน สวน ถนนในโครงการ หรือสถานที่ใดก็ตามที่เน้นฟังก์ชันและต้องการความสวยงามไปพร้อมๆ กัน  สเกลใหญ่สุดคือระดับผังเมือง ทำงานร่วมกับนักออกแบบผังเมือง 

นอกจากนี้การออกแบบแสงยังประยุกต์ได้หลายอย่างมาก เช่น  Art Installation (=ศิลปะจัดวาง เป็นแบบ 3D และตั้งเฉพาะจุด) งานผลิตภัณฑ์ตามโรงงานผลิตโคมไฟต่างๆ หรืิออย่างเพื่อนเรามีคนจบด้านเวทีละครแล้วมาเรียน เพราะแสงก็คือองค์ประกอบสำคัญบนเวทีเหมือนกันค่ะ

ตัวอย่างของงาน lighting design ในระดับเมือง 
ตัวอย่างของงาน lighting design ในระดับเมือง 
Cr. Elevation.maplogs.com
ตัวอย่างของงาน light installtion ผลงานของ James Turrell
ตัวอย่างของงาน light installtion ผลงานของ James Turrell
Cr. https://www.ignant.com/

สำหรับที่ Hochschule Wismar  จะมีเปิดภาคอินเตอร์แค่บางหลักสูตร หนึ่งในนั้นคือสาขา  Architectural​ lighting design ที่เราเรียน ในรุ่นมี 21 คน มีคนเยอรมันแค่ 2 คนนอกนั้นต่างชาติหมด (แล้วแต่ปี แต่ละปีไม่เหมือนกัน) *ที่ Hochschule Wismar มีในโปรแกรมทุน Erasmus ด้วยนะคะ ถ้าใครลงแล้วอยากแลกเปลี่ยนสามารถเลือกเรียนที่นี่ได้ แต่เป็นสาขา Architect

อย่างที่บอกว่าเป็นหลักสูตร 2 ปี แบ่งเรียนเป็น 4 เทอม มีทั้งวิชาบังคับและ slot ให้เราเลือกลงได้ตามความสนใจ มีทั้งเรียนแบบฟังเลกเชอร์แล้วทำการบ้าน และวิชาปฏิบัติ เป็นพวกการดีไซน์และเวิร์กชอป

Hochschule Wismar 
Hochschule Wismar 
ตึกเรียนของคณะสถาปัตยกรรม
บรรยากาศในคลาส
บรรยากาศในคลาส
บรรยากาศในคลาส
บรรยากาศในคลาส

ตัวอย่างวิชาเรียน
ตั้งแต่วิทย์จ๋าไปถึงศิลปะ

อย่างเช่นวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแสง เช่น แสงคืออะไร การทำงานของตา เมื่อจอประสาทตารับแสงแล้วจะมีกระบวนการอะไรเกิดขึ้นบ้าง อันนี้เป็นเบสิกๆ เรียนแบบเลกเชอร์ และ วิชาทฤษฎีเกี่ยวกับโคมไฟ เช่น วิวัฒนาการ เทคโนโลยี ประเภท ฯลฯ มีเชิญ Supplier บริษัททำโคมไฟมาพูดให้ความรู้เชิงลึกวิชาที่เราจะต้องทำโคมไฟเป็นของตัวเอง คิดตั้งแต่ concept เลือกวัสดุ ชิป LED ที่เค้ามีให้ ถ้ากำลังไฟมาหรือน้อยไปจะต้องใช้ตัวต้านทานมาช่วยลด

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายวิชา Strategic Management / Project Management / Design and Economics /  Light and Health / Light and Materials

ส่วนที่สำคัญที่สุดคือในแต่ละเทอมเราจะต้องทำ Project Design 1 งาน เป็นงานกลุ่ม ซึ่งเราจะทำทั้งเทอม + Workshops  2 งาน ตัวอย่างเวิร์กชอปอย่างเช่นเวลามหาลัย/คณะ/ภาควิชามีจัดปาร์ตี้หรืองานเปิดตัว นักเรียนภาคนี้จะเข้าไปดูแลเรื่องการจัดแสงให้  หรือไปจัดไฟที่เมืองอื่น ซึ่งมันจะแตกต่างกันไปในแต่ละปี เราว่ามันคือหนึ่งในความสนุกสุดๆ ของชีวิตป.โท เพราะบางอันเราได้ไปทำนอกสถานที่ เลยได้เปิดโลกกับเห็นสถาปัตยกรรมของเมืองอื่นๆ ด้วย เวลาไปทีก็ไปกันครึ่งคลาสหรือยกคลาสนั่นแหละ เลยยิ่งสนุกไปอีก กับอีกตอนที่ชอบเหมือนกันคือไปดูงานตามโรงงานผลิตไฟ เพื่อนในรุ่นแบ่งกลุ่มกันเช่ารถขับข้ามเมืองเลยจ้าา ไปสามวันดูเป็นสิบโรงงาน โรงงานหลังๆ สติหลุดแล้ว 55555

ดูคอร์สเรียนทั้งหมดได้ที่นี่

เรียนจบจะมีโคมไฟเป็นของตัวเอง~

โคมไฟที่ทำ เทอม 1
โคมไฟที่ทำ เทอม 1
โคมไฟที่ทำ เทอม 1และเทอม 2
โคมไฟที่ทำ เทอม 1และเทอม 2
ทำ Model ของวิชาดีไซน์
ทำ Model ของวิชาดีไซน์
ทำโมเดลทดสอบเรื่องทิศทางกับองศาของแสงอาทิตย์
ทำโมเดลทดสอบเรื่องทิศทางกับองศาของแสงอาทิตย์
ทำโมเดลทดสอบเรื่องแสงอาทิตย์กับช่องเปิดของอาคาร/หลังคาในวันและเวลาต่างๆ
ทำโมเดลทดสอบเรื่องแสงอาทิตย์กับช่องเปิดของอาคาร/หลังคาในวันและเวลาต่างๆ
Workshop ที่เมือง Neuruppin
Workshop ที่เมือง Neuruppin
 Workshop จัดไฟให้งานเลี้ยง dinner ของคณะ
 Workshop จัดไฟให้งานเลี้ยง dinner ของคณะ
Workshop จัดไฟให้งานเลี้ยง dinner ของคณะ ก่อนและหลังจัดไฟ
Workshop จัดไฟให้งานเลี้ยง dinner ของคณะ ก่อนและหลังจัดไฟ

เลือกทำ thesis ได้ 2 แบบ

  1. ทำ Research
  2. ทำ Project Design **เราเลือกอันนี้ ได้นำเสนอแนวทางออกแบบแสงสว่างของ  The Archaeological Museum ของเมือง Beirut ที่ประเทศเลบานอน เพราะในช่วงฝึกงานแล้วออฟฟิศมีโปรเจกต์นี้อยู่พอดี เลยได้นั่งคิดว่าถ้าเกิดต้องออกแบบไฟให้ที่นี่ เราจะทำอะไรได้บ้าง (เป็นขั้นที่บริษัทยังไม่เริ่มดีไซน์ก็เลยทำได้ค่ะ)

เราคิดว่าการเรียนป.โทชิลล์กว่าป.ตรีอีกนะ แต่ขึ้นอยู่กับการบริหารเวลา เราเองเจอช่วงหนักๆ คือตอนเทอม 2 วิชาที่ลงเรียนไว้มีงานส่งทุกวัน งานกลุ่มเยอะมาก กับอีกช่วงคือตอนที่ฝึกงานพร้อมทำธีสิสไปด้วย

Thesis
Thesis
ภาพบางส่วนจาก Thesis
ภาพบางส่วนจาก Thesis
ภาพบางส่วนจาก Thesis
ภาพบางส่วนจาก Thesis
ภาพบางส่วนจาก Thesis
ภาพบางส่วนจาก Thesis

(ตัวอย่างผลงานเด็กไลท์ติ้งของม.นี้)

ไม่มีพื้นฐาน/ประสบการณ์ เรียนได้มั้ย?

เรียนได้ แต่ถ้าให้ดีควรจะอ่านแบบเป็น ไม่ควร blank มาเลย อย่างคนในคลาสเราไม่ใช่ทุกคนที่จบสถาปัตย์ฯ มา บางคนจบ Product Design ซึ่งปกติจะต้องดูแบบของผลิตภัณฑ์อยู่แล้ว เค้าเลยมีพื้นฐาน ส่วนคนที่ไม่มีประสบการณ์ก็เรียนได้เหมือนกัน สมมติเรียนจบป.ตรี(อันนี้พูดถึงคนที่จบสถาปัตย์มาโดยตรง) ก็สามารถเอาโปรเจกต์ที่ทำแต่ละปีตอนเรียนมาใส่ Portfolio ยื่นสมัครเรียนได้

ศึกษาข้อมูลเต็มๆ ที่เว็บไซต์คณะ

ช่องทางหลักคณะ

ทำงานด้านแสงมา 2 ประเทศ
มีจุดเหมือนต่างยังไงบ้าง?

เราไปฝึกงานบริษัทที่เยอรมนีที่รับออกแบบทั้งภายในภายนอก แต่ดังเรื่องการออกแบบไฟให้พิพิธภัณฑ์ เราโชคดีไปอยู่พาร์ตนี้พอดี ตอนฝึกงานเค้าให้เราช่วยเขียนแบบ เลือกไฟ ทำสเปคไฟ แล้วมีพาไปนอกสถานที่ด้วย ดูจนถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการปรับไฟที่หน้างานเพื่อให้แสงลงที่วัตถุที่โชว์ และปรับความสว่าง 

เรารู้สึกออฟฟิศที่เยอรมนีจะเปิดกว้างและสนุกกับการเล่นสีมากกว่า เค้ามีความ colorful ดูมีชีวิตชีวา แต่อาจเพราะที่เราทำเป็นงาน museum ด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็มีกฎที่กำหนดชัดเจนและเราต้องทำตาม เช่น ค่าความสว่างต่างๆ มาตรฐานของโคมไฟ แต่ตอนอยู่ไทยเราได้ทำแต่แนวโรงแรมกับร้านอาหาร ไฟที่ใช้ก็ค่อนข้างไปในทางคุมโทน กลมกลืนไปกับงานสถาปัตยกรรม แต่ก็แล้วแต่ประเภทและโจทย์ด้วยแหละ ถ้าเกิดเจ้าของอยากได้อะไรหวือหวาเราก็จะนำเสนอไอเดียได้มากหน่อย อีกเรื่องหนึ่งคือเวลาทำงาน ที่เยอรมนีเวลาเลิกงานจะค่อนข้างตรงเวลา ไม่มีการทำโอทีโดยไม่จำเป็น ซึ่งแตกต่างจากที่ไทยมากกก  

ที่สำคัญคือเรารู้สึกว่าที่เยอรมนีเค้าให้ความสำคัญกับงานศิลปะกับงานดีไซน์จริงๆ หรืออย่างน้อยๆก็เรื่อง museum เห็นได้จากการที่แต่ละเมืองมี museum เยอะมาก ทำให้เราได้มีโอกาสทำงานที่หลากหลาย และเห็นตัวอย่างมากมายจากที่อื่นๆ

โดยรวมงานออกแบบแสงจะต้องอาศัยวิทย์กับศิลป์เข้าด้วยกัน เราต้องจินตนาการภาพสำเร็จเอาไว้ว่าจะให้ออกมาประมาณไหน ตอนเราวางผังว่าจะมีไฟอะไรตรงไหน จะต้องเลือกชนิดของโคมไฟของไฟที่จะใช้ไปด้วย // ดังนั้นเลยไม่แปลกที่เวลาไปไหนมาไหน เราจะคอยเงยหน้ามองโคมไฟตลอดว่าเค้าใช้แบบไหน อยู่ตำแหน่งไหนบ้าง คอยสังเกตแล้วเก็บเป็น reference ไว้  555

*สิ่งที่ต้องระวังสำหรับงานนี้คืออุบัติเหตุเวลาเราต้องปีนขึ้นไปปรับไฟ แล้วสมมติเป็นงาน museum เราจะต้องใส่ไฟในราง (Track Light) ปกติจะขยับเลื่อนเปลี่ยนตำแหน่งตามที่ต้องการได้ เสร็จแล้วล็อกไฟไว้ ซึ่งถ้าล็อกไม่ดีแล้วไฟในรางนี้ตกใส่ของเข้าคือซวยมาก!  หรือบางทีเราออกแบบไว้ แต่พอหน้างานพบว่าของมาแบบเล็กไปใหญ่ไป ส่องไม่โดนของที่โชว์ ก็ต้องมาคอยแก้ปัญหาหน้างาน

ออฟฟิศฝึกงาน @ Stuttgart
ออฟฟิศฝึกงาน @ Stuttgart

รีวิวชีวิตใน Wismar
เมืองเล็กที่มีกลิ่นอายสแกนดิเนเวีย

เล่าเรื่องเมืองบ้าง เมือง Wismar มีติดหนึ่งในในลิสต์ของ UNESCO ด้วยนะ ที่นี่เป็นเมืองท่าเรือเล็กๆ บรรยากาศจะเงียบๆ หนาวๆ อยู่ทางตอนเหนือของเยอรมนี  // ตึกน่ารักมากกกก เวลาเดินเล่นที่เขตเมืองเก่ากับแถวท่าเรืออาจจะรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่ในเยอรมนีเพราะเมื่อก่อนเมืองนี้เคยตกอยู่ใต้อาณานิคมของสแกนดิเนเวีย ทำให้ได้รับอิทธิพลด้านสถาปัตยกรรมมาเยอะ แล้วด้วยความเป็นเมืองเล็ก ก็จะมีแค่รถบัส 2-3 สาย มาทุกครึ่งชั่วโมง ไม่เหมือนเมืองใหญ่ที่มีแทรม เหมือน MRT ที่ไทย ดังนั้นแทบจะทุกคนจะมีจักรยานของตัวเอง  พวกร้านค้าจะปิดเร็วและปิดวันอาทิตย์ คาเฟ่ไม่เยอะ มีเมนูเฉพาะคือแซนด์วิชกับปลาแฮร์ริ่งรมควัน มีขายที่ท่าเรือเท่านั้น (ซึ่งไม่อร่อยสำหรับเรา 555)

ด้วยความที่เป็นเมืองเล็กๆ เงียบๆ ใครที่ชอบแสงสี หรือกิจกรรมทำนู่นทำนี่ ชอปปิง ดูหนัง ไปคาเฟ่ อาจจะไม่ชอบ Wismar เพราะเมืองมันไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ กิจกรรมส่วนใหญ่นอกจากเรียนก็จะเป็นแฮงก์เอาท์กับเพื่อนๆ ทำอาหารกินกัน ไปเที่ยวเมืองใกล้ๆ และบางทีทางมหาลัยก็มีจัดปาร์ตี้บ้าง

Wismar
Wismar
Wismar (เขตเมืองเก่า)
Wismar (เขตเมืองเก่า)
Wismar (เขตเมืองเก่า)
Wismar (เขตเมืองเก่า)
Wismar วิวระหว่างเดินจากมหาลัยไปเขตเมืองเก่า
Wismar วิวระหว่างเดินจากมหาลัยไปเขตเมืองเก่า
ท่าเรือของ Wismar 
ท่าเรือของ Wismar 
ช่วงหน้าร้อนมีให้นั่งเรือเที่ยวด้วย
ร้านขายอาหารที่ท่าเรือ
ร้านขายอาหารที่ท่าเรือ

ค่าครองชีพ 

ปกติเวลาจะไปเรียนที่เยอรมนี เค้าจะบังคับให้เราเปิดบัญชีชื่อ Blocked account และเราต้องใส่เงินเข้าไปในบัญชีนั้นสำหรับอย่างน้อย 1 ปี และเค้าจะเฉลี่ยให้เราถอนมาใช้ได้ทุกเดือนจนครบปี โดยทางเยอรมนีจะกำหนดมาให้เลยว่าขั้นต่ำเท่าไหร่ เช่นตอนพี่ไปต้องใส่ในบัญชี 8640 ยูโร และถอนมาใช้ได้ 720 ยูโรต่อเดือน เป็นยังงี้ 1 ปี  แต่เร็วๆ นี้จะขึ้นเป็น 10,236 ยูโรแล้ว

Note: ขณะที่เรียน เราจะใช้เงินจาก Blocked account ตามที่อธิบายไปตะกี้ หรือถ้าอยากทำงาน mini job ก็ทำได้ แต่ต้องไม่ให้เกินชั่วโมงที่กำหนดไว้ในวีซ่านักเรียน และถ้าอยากทำงานระหว่างเรียนที่ wismar ต้องสามารถพูดเยอรมันได้  พอมาฝึกงานเราจะได้เงินเดือนนิดหน่อย จะพอใช้มั้ยอันนี้ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทให้เราเท่าไหร่ และหลักๆ คือที่พักแพงมั้ย แล้วตอนทำงานถึงจะได้เงินเดือนเต็มๆ ที่ตอนแรกๆ อาจจะพอแค่ค่ากินค่าอยู่เท่านั้น แต่ก็แล้วแต่อีกทีว่าบริษัทที่เราทำจ่ายมากแค่ไหน

เราคิดว่าโดยรวมมันสมเหตุสมผลกับค่าครองชีพ เงินเดือนเริ่มต้นก็พอค่าเช่าห้องและค่าอาหารอยู่แล้ว อาจต้องทำกินเองบ้างบางมื้อ ถ้าเป็นมื้อง่ายๆ ถูกๆ ตก 4-5 ยูโร (ส่วนใหญ่เป็นเคบับ ฟาสต์ฟู้ด ไส้กรอก ฯลฯ)  ส่วนที่พักตอนเรียนเราอยู่หอในมหาลัย ตก 200-250 ยูโรต่อเดือน ส่วนใหญ่เป็นยูนิตนึง แชร์ห้องน้ำห้องครัวกัน แต่ช่วงไปฝึกงานที่เมือง ชตุทท์การ์ท (Stuttgart) ค่าหอจะอยู่ช่วง 350-600 ยูโร (เมืองใหญ่กว่า Wismar เยอะ หอเต็มตลอด) หรือถ้าจะเช่าห้องสตูดิโออยู่คนเดียวก็ประมาณ 600 ยูโรได้

หรือถ้าอยากซื้อรถอ่ะไม่แพง (ปกติคนที่นั่นจะขับ Volkswagen) แต่ที่แพงมากคือใบขับขี่ 5555 ถ้าจะลงเรียนเพื่อสอบใบขับขี่จนจบคอร์สจะประมาณ 2,000 ยูโร หรือจะเอาใบขับขี่ที่ไทยไปเปลี่ยนก็ได้ แต่พี่ไม่รู้ว่าเสียกี่ร้อยยูโร แล้วที่ Wismar จะไม่มีบริการเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าอยู่ Wismar คือซื้อจักรยาน ถ้าอยู่ Stuttgart ระบบขนส่งมันค่อนข้างครอบคลุมอยุ่แล้ว  ถ้าทำงานไปซักพักค่อยมีเงินเก็บพอซื้อรถ **ทั้งนี้ กฎหมายที่นั่นคือถ้ารถเก่าเกิน 7 ปีต้องเปลี่ยน ห้ามขับในเขตเมืองเพราะเหตุผลเรื่องมลพิษด้วยค่ะ

หอพัก
หอพัก

 

รอบๆ หอพัก
รอบๆ หอพัก
Hang out กับเพื่อนๆ
Hang out กับเพื่อนๆ
Hang out กับเพื่อนๆ
Hang out กับเพื่อนๆ

ทัวร์เมือง Stuttgart ปิดท้าย!

.
.
.

[ชวนอ่านต่อ]

รวมลิสต์ 5 ทุนเรียนต่อ "เยอรมนี" มอบให้เต็มจำนวน-ไม่ต้องใช้ทุน! (update พ.ค. 2021) 

https://www.dek-d.com/studyabroad/57739/ 

เคลียร์ข้อสงสัย! แนะนำการเรียนต่อ "เยอรมนี" สำหรับทุกคนทุกระดับ

https://www.dek-d.com/studyabroad/45846/ 

รวมมาให้แล้ว! ประเทศไหนในยุโรปให้ "เรียนฟรี" บ้าง?

https://www.dek-d.com/studyabroad/40336/ 

14 คำถามกับ ‘พี่ว่าน-รัชชุ’ เล่าชีวิตเด็ก ป.โทสาขา 'ภูมิสถาปัตย์' & ทำงานเป็นภูมิสถาปนิกที่อเมริกา

https://www.dek-d.com/studyabroad/57313/ 

พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

kookkaii :3 Columnist 13 พ.ค. 65 13:32 น. 1-1
แนะนำให้ลองตรวจสอบ requirements ของหลักสูตรใน ม.ที่เราอยากสมัครเพื่อความชัวร์นะคะ แต่ทั้งนี้ พี่จิ๋วแนะนำว่าถ้าเป็น ม.นี้ จะกำหนดให้เราส่ง Portfolio ที่เกี่ยวข้องกับงานดีไซน์ด้วยค่ะ ^^
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด