สาวโรงงาน อ่านเยอะ เปย์หนัก ขอแต่งนิยายสักเรื่องก็แล้วกัน! เป็นเรื่องราวของ “เบลล์” หรือ “ซองแดงหนึ่งร้อยหยวน” นักอ่านสายเปย์ผู้แต่งนิยายเรื่อง “ย้อนไปในยุค 80s กับระบบร้านค้าออนไลน์”
เบลล์ เล่าว่า ตัวเองเป็นสาวโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง เธอมักใช้เวลาว่างมาอ่านนิยายหลายพันตอน และในระหว่างที่อ่านนั้น เธอก็มักจะขัดใจกับเรื่องราวในนิยายบ่อยๆ ถึงขั้นลงมือเขียนพล็อตใหม่ลงบนกระดาษเอสี่เก็บไว้อ่านเองเลยทีเดียว
กระทั่งวันหนึ่ง เบลล์ติดโควิด ต้องพักรักษาตัวอยู่ในห้องคนเดียว เธอเลยลองหยิบพล็อตในกระดาษเอสี่ที่เคยเขียนเก็บไว้ มาพิมพ์เล่นๆ ในโทรศัพท์ และตัดสินใจอัปลงบนเว็บเด็กดีให้คนอื่นได้ลองอ่านกันดู แต่ผลตอบรับกลับดีเกินคาด นักอ่านชอบนิยายที่เธอเขียนมาก จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมา 4 เดือนแล้ว ที่เธอใช้เวลาว่างมาแต่งนิยาย จนมีรายได้มาซื้อคอมใหม่เพื่อพิมพ์นิยายโดยเฉพาะ!
เรื่องราวของเธอในวันนี้ น่าจะเป็นแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับนักอ่าน และนักเขียนได้ไม่น้อย เพราะนี่คือ เรื่องราวของนักเขียนมือใหม่ ที่มีจุดเริ่มต้นง่ายๆ มาจากการเป็นนักอ่าน ตามมาดูกันว่าเธอมีวิธีคิดและวิธีเขียนนิยายอย่างไร
สาวโรงงาน อ่านเยอะ เปย์หนัก ขอจัดสักเรื่อง !
สวัสดีค่ะพี่ๆ น้องๆ ชาวเด็กดี ซองแดงหนึ่งร้อยหยวนเองค่ะ! เรียกสั้นๆ ว่าเบลล์ก็ได้นะคะ! ในที่สุดก็ถึงวันนี้ที่รอยคอ เอ๊ย! รอคอย… วันที่เราได้เวียนมาทำความรู้จักกัน ฮิฮิ! จริงๆ แล้วตัวเบลล์เองทำงานประจำเป็นพนักงานออฟฟิตอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งค่ะ เรียกได้ว่าเป็นสาวโรงงานเลยก็ว่าได้…
ส่วนตัวแล้วเบลล์ก็เป็นนักอ่านสายเปย์มาก่อน เดือนๆ หนึ่ง เราเสียเงินตรงนี้หลายร้อยเลยล่ะค่ะ ฮ่าๆๆ… ส่วนตัวไม่เคยคิดฝันเลยค่ะว่าเราจะมาเป็นนักเขียน แต่มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่เราติดอ่านนิยายแปลจีนมากๆ อ่านแบบไม่หลับไม่นอน 1-2 พันตอน ก็พร้อมเปย์ค่ะ
ด้วยความที่อ่านเยอะมากๆ มันเลยจะมีความหงุดหงิดเล็กน้อยเวลาตัวละครที่เราชอบเราติดตามไม่ได้ดั่งใจ เบลล์ก็เลยแก้ความวุ่นวายใจนั้นโดยการเขียนในสิ่งที่เราอยากให้เป็นขึ้นมา เป็นพล็อตง่ายๆ เพียงหน้ากระดาษเดียว กระดาษแผ่นนั้นถูกวางทิ้งไว้อยู่เป็นเดือนค่ะ กว่าจะหยิบมาเริ่มแต่งนิยายได้ก็ตอนที่ติดโควิด 19 เพราะว่างมากๆ ไม่ได้ทำงานเลยหยิบมาแต่งแล้วอัพลงเว็ปเด็กดีเล่นๆ ดูค่ะ ถ้านับจากนิยายเรื่องแรก ก็เข้าเดือนที่ 4 แล้วที่เริ่มต้นเขียนนิยายมา…
ถ้าไม่ได้เป็นนักอ่านมาก่อน คงเขียนนิยายไม่ได้ !
การเป็นนักอ่านมาก่อนช่วยในเรื่องการเขียนได้มากเลยค่ะ ทั้งเรื่องคำศัพท์ สำนวน รูปประโยค รวมไปถึงความรู้รอบตัวที่สอดแทรกอยู่ภายในมากมาย ถ้าหากเบลล์ไม่ได้เป็นนักอ่านมาก่อน วันนี้เบลล์ก็คงเขียนนิยายไม่ได้
นิยายเรื่องแรกของเบลล์คือ “จางจิ่วหลินหยกวิเศษพลิกชะตา” เป็นเรื่องแรกที่เขียนและเป็นนิยายที่ติดท็อปเช่นเดียวกัน… ผลตอบรับของนิยายเรื่องนี้ก็ถือว่าดีเลยทีเดียวค่ะ ยอดวิวรวมๆ ตอนนี้ก็หลักแสนแล้ว ตอนนี้เบลล์พักอัพเรื่องนี้เอาไว้ก่อนเพราะทนรับคอมเมนต์แย่ๆ เกี่ยวกับตัวละครที่เรารักไม่ได้ แต่ว่าเบลล์ไม่ทิ้งนะคะ นิยายเรื่องนี้เบลล์จะกลับไปแต่งต่อแน่นอนเพราะว่ามันเป็นเรื่องแรกของเรา และเป็นเรื่องที่เรารักในตัวละครเลยแต่งขึ้นมาค่ะ
ตอนนี้นามปากกาที่ใช้อยู่ก็มีสองอันคือ “Tinkbellz” กับ “ซองแดงหนึ่งร้อยหยวน” ซึ่งเบลล์มองว่าสีแดงในความเป็นจีนหมายถึง ‘ความรวย, ความมงคล’ แล้วด้วยบุคคลิกของนางเอกในเรื่อง “ย้อนไปในยุค 80s กับระบบร้านค้าออนไลน์” ที่มักจะแก้ปัญหาด้วยเงิน เบลล์เลยมองว่านามปากกาซองแดงหนึ่งร้อยหยวนนั้นเหมาะกับเรื่องนี้มากๆ ค่ะ
นิยายเรื่องนี้ ‘ย้อนไปในยุค 80s กับระบบร้านค้าออนไลน์’ ก็มีที่มาจากการที่เราอ่านแล้วไม่ได้ดั่งใจจากนิยายเรื่องอื่น เลยเอามาคิดพล็อตของตัวเองเหมือนเดิมเลยค่ะ เวลาเขียน เบลล์จะเขียนพล็อตเรื่องเอาไว้ก่อนแต่งในกระดาษ A4 แผ่นเดียว ในนั้นเขียนแค่ เปิดเรื่องยังไง ตัวละครสำคัญๆ อะไรบ้าง จบยังไงแค่นี้ค่ะ นอกจากนั้นเป็นการด้นสดล้วนๆ เลยค่ะ!
หลังจากลงนิยายไป ก็ต้องกล่าวได้เลยว่า ‘โอ้โห!!’ เพียงวันเดียวหลังจากลงนิยายไปเพียงแค่สองตอนก็เริ่มมีคนมาติดตามเป็นร้อยค่ะ คอมเมนต์เดือดมาก พอๆ กับยอดวิวเลยค่ะ เพราะเปิดมาตัวนางเอกก็ถูกซ้อมเลย รีดเดอร์น่าจะอินกับเนื้อเรื่องเอามากๆ จนทำให้มาเร่งเราให้ลงตอนต่อ
เราไม่เคยคิดว่าเราแต่งนิยายได้เลยจนกระทั้งวันที่นิยายเราติดท็อป… ความรู้สึกก็คือภูมิใจมากค่ะ ภาพแคปหน้าจอเกี่ยวกับยอดวิว ยอดกดไลค์แน่นโทรศัพท์ไปหมดเลยค่ะ ‘ก็คนมันภูมิใจอะเน๊อะ!! ^^’
ความขยันและความมีวินัยก็สำคัญไม่แพ้กัน !
สองสามเดือนที่ผ่านมาเป็นเดือนที่หนักสำหรับเบลล์อยู่เหมือนกันค่ะ เพราะต้องทำงานประจำไปด้วยแต่งนิยายไปด้วย อาจเพราะความไม่ได้มีตอนนิยายสต็อคไว้เลย ทำให้ตัวเราเองต้องแต่งนิยายใหม่ๆ สดๆ ทุกวัน
เบลล์ทำงานประจำเลิกงานเวลาประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง กว่าจะกลับถึงห้องก็ปาเข้าไป 2-3 ทุ่มแล้ว ดังนั้นส่วนใหญ่เบลล์จะใช้เวลาช่วงพักเที่ยง/หลังเลิกงานในการแต่งนิยายค่ะ โดยที่นิยายหนึ่งตอน เบลล์จะใช้เวลาเฉลี่ยอยู่ประมาณ 2-3 ชั่วโมงต่อตอน ถ้านักอ่านที่ติดตามอยู่จะเห็นว่านิยายของเบลล์จะอัพตอนในช่วง 4-5 ทุ่มเสมอๆ เลยค่ะ บางวันเที่ยงคืนพึ่งจะแต่งเสร็จ นอนน้อยมากๆ เลยค่ะช่วงนี้ ตาดำไปหมดแล้ว!
ส่วนตัวเบลล์คิดว่าตั้งแต่มาเขียนนิยายชีวิตของเบลล์ก็เปลี่ยนไปเยอะมากเลยค่ะ… ใครบอกว่าการเขียนนิยายมันง่าย เบลล์ขอยกมือเถียงตรงนี้เลยค่ะ เพราะว่ากว่าจะแต่งนิยายออกมาได้แต่ละตอน เบลล์ใช้เวลามากกว่า 2-3 ชั่วโมงเสมอ ดังนั้นเราจะเสียเวลาพักผ่อนในส่วนนี้ไปเยอะเลยค่ะ แต่… เบลล์ก็ไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีนะคะ เพราะสิ่งที่เราเอาเวลาไปแลกมาคือความสุขในการแต่งนิยาย และเม็ดเงินค่าขนมค่ากาแฟเล็กๆ น้อยๆ นี่แหละค่ะ
เปย์คนอื่นมาตลอด จนวันที่ถูกเปย์ถึงเข้าใจว่าคำว่า นักอ่านสนับสนุน !
ตอนแรกที่แต่งนิยายไม่ได้มีความคิดจะติดเหรียญเลยค่ะ แต่เพราะมีนักอ่านบางคนที่มาชอบ มาติดตามผลงานเรา เขาแนะนำให้ติดเหรียญแล้วลงตอนเยอะๆ เขาพร้อมเปย์ เราเลยลองติดเหรียญดูค่ะ แล้วก็ไม่คิดว่ามันจะขายได้จริงๆ ด้วย แล้วเราเป็นนักอ่านมาก่อน จึงเข้าใจว่าในสังคมนักอ่านจะต้องมีนักอ่านสายฟรีรวมอยู่ในนั้นเหมือนกัน ทำให้เราทำข้อตกลงกับนักอ่านในเรื่องการเปิดตอนฟรีในช่วงเวลาหนึ่งก่อนจะกลับไปติดเหรียญค่ะ
ตอนนั้นเราแทบจะไม่ได้คาดหวังเลยค่ะ เพราะตัวเราเองก็ไม่ใช่นักเขียนอาชีพ การจะแต่งนิยายให้ถูกใจคนส่วนมากทำให้เกิดความกดดันค่ะ เราเลยเลือกที่จะไม่โฟกัสเรื่องเงินมากนัก แต่แรงสนับสนุนของนักอ่านเป็นแรงใจให้เราจริงๆ ค่ะ
ตอนแรกก็คิดว่ารายได้ตรงนี้เป็นค่าขนมค่ากาแฟ เพราะเดือนแรกๆ ที่ลงขายนิยายเราได้เงินไม่ถึงพันบาทเลยด้วยซ้ำค่ะ พอมานิยายเรื่องที่สองไม่รู้เพราะความปังของนางเอก หรือเพราะความรวย นักอ่านที่ติดตามเลยเปย์จนในที่สุดเราก็ออกคอมพิวเตอร์ได้เครื่องหนึ่งค่ะ (ก่อนหน้านี้ใช้โทรศัพท์พิมพ์มาโดยตลอด จนเกือบจะมีปัญหานิ้วล็อคค่ะ ฮ่าๆ) ตอนนี้หลักๆ คือเงินในส่วนนี้เราเก็บเป็นเงินทุนสำรองไว้ค่ะ
เป้าหมายต่อจากนี้ก็อาจจะเป็นในเรื่องของรายได้ค่ะ ยิ่งช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีทำให้การมีเงินทุนสำรองในชีวิตมากเป็นเรื่องที่ดี ตอนนี้เราก็มีความคิดอยากจะเป็นนักเขียนอาชีพอยู่นะคะ แต่ต้องรอดูเรื่องที่สอง ที่สามก่อน ว่าเราจะเหมาะกับเส้นทางเดินนี้จริงๆ ไหม
อยากเป็นนักเขียน ก็แค่ลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ !
ใครอยากเขียนนิยาย เริ่มเลยค่ะ ตั้งแต่ตอนนี้!! จิตนาการสำคัญกว่าความคิดค่ะ มัวแต่คิดระวังจะพลาดเส้นทางการเป็นนักเขียนเอาได้นะคะ!!
คือจริงๆ เราจะได้ยินจากนักเขียนทุกคน แนะนำให้เราอ่านมากๆ ก่อนจะแต่งนิยาย เรื่องนี้ไม่เกินจริงนะคะ… เพราะการที่เราอ่านมากๆ มันเหมือนเป็นการเติมคำศัพท์และความรู้ในคลังสมองของเราอย่างไม่รู้ตัวค่ะ ดังนั้นสิ่งที่อยากแนะนำให้ทำเลยก็คืออ่านให้มากค่ะ! นอกจากการอ่านแล้วเบลล์ก็อยากแนะนำให้เราฟังค่ะ เรื่องเล่า/ข่าวสาร มักจะทำให้เราเกิดไอเดียแปลกๆ ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
เบลล์มองว่านักเขียนก็คือนักเล่าเรื่องราว ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดของนักเขียนสำหรับเบลล์ก็คือ ความสม่ำเสมอค่ะ เราจะไม่สามารถเขียนนิยายได้เลยถ้าขาดความสม่ำเสมอ หากเราแต่งนิยายไม่สม่ำเสมอก็จะทำให้มีปัญหาในเรื่องการลืมรายละเอียดต่างๆ ที่เคยเขียนเอาไว้ด้วยค่ะ ดังนั้น หากทุกคนอยากจะเป็นนักเขียน ก็อยากจะฝากในเรื่องความสม่ำเสมอเอาไว้ด้วยนะคะ
สุดท้ายนี้ เบลล์อยากฝากทุกคนติดตาม “ซองแดงหนึ่งร้อยหยวน” ด้วยนะคะ… เพราะนิยายของเราราคาเป็นมิตรมากจริงๆ! เพียงตอนละ 1 บาทเท่านั้นเอง! รีบอ่านก่อนจบนะคะ เพราะจบแล้วจะไม่เห็นราคานี้แล้วค่ะ รักรีดทุกคนค่า! <3
อ่านจบแล้ว ได้คำตอบกันแล้วใช่ไหมว่า ทำไมนักเขียนมือใหม่คนนี้ ถึงเขียนนิยายออกมาได้ปัง จนนักอ่านช่วยกันสนับสนุนมากมายขนาดนี้...
สิ่งหนึ่งที่เราจะมองข้ามไม่ได้เลย นั่นก็คือ การลงมือทำ และความสม่ำเสมอ หากเรามีจินตนาการ มีความคิด มีความฝันอยากแต่งนิยายสักเรื่องหนึ่ง เราอาจจะเริ่มต้นง่ายๆ จากการเขียนพล็อต เขียนไอเดียลงในกระดาษก่อน พอมีเวลาว่าง จะได้เริ่มแต่งนิยายของเราได้ง่ายขึ้น เหมือนที่นักเขียนคนนี้ทำในตอนที่เธอติดโควิดอยู่นั่นเอง
หวังว่าเรื่องราวที่นักเขียนนำมาแชร์ในวันนี้ จะเป็นกำลังใจดีๆ ให้ชาวเด็กดีทุกคนได้นะคะ ^^
เริ่มเขียนนิยายพี่แนนนี่เพน
อ่านนิยายของ “ซองแดงหนึ่งร้อยหยวน”
ช่องทางติดตามนักเขียน
- Luksamon.tinkbell@gmail.com
- IG : tinkbellz
0 ความคิดเห็น