สวัสดีค่ะชาว Dek-D ช่วงนี้หลายคนคงเริ่มได้ยินชื่อทุน Erasmus Mundus กันบ่อยขึ้น เพราะเป็นโครงการที่มหาวิทยาลัยที่มีจุดแข็งด้านต่างๆ ในยุโรป (หรืออาจมีพาร์ตเนอร์จากภายนอก) ได้มาร่วมมือกันเปิดสอนโปรแกรมระดับปริญญาโท ซึ่งมีให้เลือกสมัครหลากหลายและน่าสนใจมากตั้งแต่ชื่อสาขาเลยค่ะ! เอกลักษณ์ของทุนนี้คือได้ย้ายประเทศทุกเทอม เริ่มต้นที่ 2 ประเทศขึ้นไป แต่จะไปที่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าโปรแกรมนั้นเกิดจากความร่วมมือของสถาบันใดบ้างนั่นเอง การปรับตัวเพื่อเรียนและใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมใหม่จึงเป็นสิ่งที่น่าสนุกและท้าทายในเวลาเดียวกัน
และวันนี้เราจะพาไปรู้จัก "พี่มิ้นท์-ภัครมัย คูหาชัยสกุล" เด็กทุน ERASMUS+ คนไทยคนแรกของโปรแกรม ป.โท Euro-Asian Master in Medical Technology and Healthcare Business (EMMaH) ซึ่งจะได้ไปเรียนที่เยอรมนี ฝรั่งเศส โปรตุเกส และสามารถเลือกไปฝึกงาน + ทำธีสิสที่มหาวิทยาลัยที่โดดเด่นด้านการแพทย์ของไต้หวันได้เช่นกัน
เริ่มจากที่มาที่ไป การเตรียมตัวสมัครทุน รีวิววิชาเรียนที่กำลังเจอ และ #รีวิวเยอรมนี เล็กๆ น้อยๆ ตามไปเก็บข้อมูลกันเลยค่าา
เหตุเกิดจากเครื่องวัดความดัน
มันทำงานยังไงนะ?
ต้องเล่าย้อนไปตอนเด็กเลยค่ะ มิ้นท์เคยไปโรงพยาบาลกับพ่อแม่ แล้วก็เริ่มสงสัยตั้งแต่เครื่องวัดความดันว่าการทำงานเป็นแบบไหน อะไรอยู่เบื้องหลังการทำงานของเครื่องมือแพทย์แต่ละอย่าง ทีนี้ช่วงที่เรียน ม.6 (สายวิทย์) เรายังไม่แน่ใจเลยค่ะว่าจะต่อ ป.ตรี คณะไหน แต่ที่บ้านซัปพอร์ตมากๆ ช่วยไปหางาน Open House จนได้รู้จักกับสาขา Biomedical Engineering ที่มีเปิดสอนในอเมริกา แล้วเขาแชร์มาให้ตอนที่เรากำลังไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกา

ความรู้สึกตอนนั้นคือ เฮ้ย สาขานี้มันว้าวนะ! ตอนนั้นยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในไทย แต่กำลังมาแรงในต่างประเทศ เราก็เก็บไว้ในใจก่อน แล้วเรียนต่อ ป.ตรี สาขา สาขาวิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.มหิดลค่ะ
ตลอด 4 ปีที่มหิดลคือการเรียนแบบเข้มข้นสุดๆ ช่วงปี 1-2 เจอวิชาพื้นฐานของทั้งฝั่ง Engineering + Medical รวมๆ กัน 10 วิชา และต้องสอบเกือบทั้งหมด ทั้งเยอะและเจอช่วงโควิด-19 ที่ต้องเรียนออนไลน์ด้วย พอปี 3 ก็ผ่อนคลายขึ้นเพราะวิชาเรียนน้อยลง เจาะเรื่องเครื่องมือแพทย์ และเน้น Practical มากขึ้น ได้เริ่มมาเรียนคลาสจริง เจอเพื่อนๆ แล้วยังได้ไปฝึกงานที่ออสเตรเลียด้วย พอขึ้นปี 4 เราสามารถเลือกได้ว่าจะลงลึกสาขาไหน ตอนนั้นมิ้นท์เลือกไบโอเซนเซอร์และอุปกรณ์การแพทย์
"ตอนแรกยังไม่คิดจะเรียนต่อ ป.โท
เพราะเพิ่งผ่านการเรียนหนักๆ มา 4 ปี"
แต่ปรากฏว่าเราเห็นเพื่อนส่วนมากในคณะ ตัดสินใจเรียนต่อเพื่อนำความรู้ไปจับกับศาสตร์อื่นๆ เพื่อให้ตัวเลือกการทำงานมีมากขึ้น เพราะสำหรับงานที่ตรงสายในไทย ส่วนมากจะอยู่ในห้องแล็บ โรงพยาบาล หรือมหาวิทยาลัย จุดนั้นมิ้นท์ตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ และเลือกโซนยุโรปเพราะความก้าวหน้าของวิทยากรและเทคโนโลยี แล้วพยายามหาทุนเรื่อยๆ จนมาเจอทุน ERASMUS+ ของสหภาพยุโรป
ทุน ERASMUS+ เป็นทุนเต็มจำนวน (Fully-funded Scholarship) ครอบคลุมค่าเรียนและมีเงินเดือนให้ ได้ย้ายมหาวิทยาลัยที่เรียนทุกเทอม ไม่ต้องใช้ทุนหลังจบ และไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ทำงานมาก่อนก็สมัครได้
พอรู้จักทุนแล้ว มิ้นท์ก็มาเปิดดูโปรแกรมทั้งหมดจาก [Erasmus Mundus Catalogue] จนมาเจอชื่อสาขานึงที่ตรงใจมากก นั่นคือ Medical Technology and Healthcare Business ซึ่งเป็นหลักสูตรสหสาขาวิชาชีพ ที่มุ่งเน้นการศึกษาด้านเทคโนโลยีการแพทย์ผ่านหลากหลายสาขา ได้แก่ วิศวกรรมชีวการแพทย์ เวชศาสตร์คลินิก และธุรกิจ Healthcare เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายของอุตสาหกรรม MedTech ที่เติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (อ้างอิง: https://master-emmah.eu/)
โปรแกรมนี้เลยได้ประยุกต์ความรู้พื้นฐานจากตอน ป.ตรี แล้วเสริมเรื่องธุรกิจเข้าไป จึงตอบโจทย์เป้าหมายอาชีพสูงสุดของเราที่อยากพัฒนาและทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ค่ะ เท่าที่เห็นรุ่นพี่ส่วนใหญ่ จบไปทำงานสาย Project/Product Manager หรือ Engineer โดยเฉพาะ R&D ค่ะ

รีวิวสมัครทุน Erasmus+
- โปรแกรมนี้กำหนดภาษาอังกฤษระดับ B2 ขึ้นไป (ดูเกี่ยวกับ CEFR ที่นี่)
- หากเรียนจบ ป.ตรี จากสาขา Biomedical Engineering, Medical Tech, Radiology หรือที่เกี่ยวข้อง จะได้รับพิจารณาเป็นพิเศษ
- ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ทำงานมาก่อน
ตอนนั้นมิ้นท์ยื่นคะแนน IELTS 7.5 กับ GPA ตอน ป.ตรี ประมาณ 3.7 กว่าๆ กรณีมิ้นท์คือจบ Biomedical Engineering มาโดยตรง ส่วนประสบการณ์อื่นๆ ที่หยิบมานำเสนอด้วยคือตอนปี 2017-2018 ไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกา และปี 2023 ได้ไปฝึกงานที่ Monash University, Australia ผ่านโครงการความร่วมมือของมหาวิทยาลัยค่ะ
ทั้งนี้ เกณฑ์การคัดเลือกแต่ละปีอาจไม่เหมือนกัน แต่ของปีนี้มี Online Application 40% ประกอบด้วย Academic 30% + Experience 5% + Motivation 5% นอกนั้นเป็น Online interview 60% ตอนสัมภาษณ์มิ้นท์ไม่เจอคำถามเฉพาะทางเลย ส่วนตัวคิดว่าอาจารย์ที่สัมภาษณ์มิ้นท์อยากวัดระดับภาษาอังกฤษว่าจะเรียนไหวไหม และมีถามเราจาก CV กับ Motivation Letter ที่เรายื่นส่งไปตอนสมัคร ดังนั้นการรู้จักตัวเองสำคัญมากๆ ค่ะ
ศึกษาเกี่ยวกับทุน Erasmus Mundusโปรแกรม EMMaH เรียนที่ไหนบ้าง?
ต้องบอกว่าจริงๆ โปรแกรมนี้มีมาน่าจะเกือบ 10 ปีแล้ว เมื่อก่อนเป็นความร่วมมือของ 3 สถาบันที่เยอรมนี โปรตุเกส กับฝรั่งเศส แต่ช่วง 2 ปีหลังมานี้เพิ่งมีสถาบันมาเพิ่มอีก 1 แห่งคือ Taipei Medical University (TMU) ไต้หวัน ทำให้ชื่อโปรแกรมมีคำว่า Asian เพิ่มขึ้นมาด้วย
- เทอมที่ 1 : HAW-Hamburg ประเทศเยอรมนี
- เทอมที่ 2 : P.PORTO ประเทศโปรตุเกส
- เทอมที่ 3 : Université de Lille ประเทศฝรั่งเศส
- เทอมที่ 4 : มีตัวเลือกคือ (1) ทำวิทยานิพนธ์อย่างเดียว (2) ฝึกงานแล้วกลับมาเขียนวิทยานิพนธ์ ไม่ได้กำหนดว่าต้องฝึกงานที่ไหน แต่เขาแนะนำให้ฝึกภายในเยอรมนี โปรตุเกส ฝรั่งเศส หรือไต้หวัน เพื่อจะได้ติดต่อกับอาจารย์ที่ปรึกษาได้ง่ายค่ะ

ตอนนี้กำลังเรียนเทอม 1 ที่เยอรมนี
ตอนนี้มิ้นท์เพิ่งมาเริ่มเรียนเทอมแรกที่ Hamburg University of Applied Sciences มาจากภาษาเยอรมันว่า Hochschule für Angewandte Wissenschaften Hamburg ดังนั้นเลยเป็นตัวย่อ HAW-Hamburg มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ที่ "เมืองฮัมบวร์ค" (Hamburg) เป็นเมืองท่าขนาดใหญ่ที่คนอยู่เยอะเป็นอันดับต้นๆ ในเยอรมนี บรรยากาศคึกคักมีชีวิตชีวาคล้ายกับกรุงเทพฯ ในขณะเดียวกันก็ยังคงมีกลิ่นอายของเมืองเก่า เราสามารถเห็นโบสถ์หรือซากปรักหักพังที่ผ่านการบูรณะมาแล้ว แต่ยังคงมีร่องรอยประวัติศาสตร์ให้เห็น


ด้วยความที่เยอรมนีเป็นประเทศที่สตรองในสาย Engineer แถม HAW-Hamburg ยังเป็นมหาวิทยาลัยกลุ่ม University of Applied Scienes ดังนั้นต่อให้เป็นวิชาที่เคยเรียนตอน ป.ตรี ก็ยากขึ้นแบบก้าวกระโดดเหมือนเป็นเรื่องใหม่ พื้นฐานต้องแน่นพอสมควรถึงจะเรียนตามทัน
ยิ่งไปกว่านั้นคือนอกจากเพื่อนร่วมรุ่น 19 คนแล้ว บางวิชาเรายังได้้เรียนกับเด็ก ป.โท Biomedical Engineering ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่คนที่จบ ป.โท มักจะจบ ป.ตรี จากเยอรมนี สภาพแวดล้อมเลยทำให้เรารู้สึกต้องยิ่งขยันขึ้นอีกค่ะ!

แต่ละเทอมเรียนอะไรบ้าง?
(อ้างอิงข้อมูล 10 พ.ย. 2024)
วิชาเรียนเทอม 1 |
ถ้าเป็นวิชา Lecture-based ก็จะมี Numerical Mathematics, Advanced Control Systems และ Modelling Medical Systems อาจารย์จะมีสอนเล็กน้อยแล้วตั้งคำถาม ถ้าตอบผิดเขาจะอธิบาย แต่อย่างน้อยต้องตอบคลาสถึงจะดำเนินต่อค่ะ
นอกนั้นจะเป็นวิชา Project-based และส่วนใหญ่เป็นงานกลุ่ม ถ้าเป็นแนวนี้จะเปิดมาด้วยอาจารย์ให้กำหนด คำถามวิจัย หรือบางวิชาก็กำหนดหัวข้อให้แต่ละกลุ่มเลือกทำแบบไม่ซ้ำกัน อาจมีไกด์ไลน์และเปเปอร์ให้เราไปศึกษา ถ้ามีคำถามคุยกับอาจารย์ได้ แต่หลักๆ คือค้นคว้านอกห้องเอง


เท่าที่เรียนมา มิ้นท์ว่าที่นี่ค่อนข้างมีเครื่องมือพร้อม อย่างในวิชา Project Seminar in Engineering เราจะทำได้โพรเจ็กต์เกี่ยวกับ AR (Augmented reality) หรือเทคโนโลยีที่ผสานโลกความจริงเข้ากับข้อมูลเสมือน แล้วจะต้องใช้ แว่นอัจฉริยะ (HoloLens) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับสร้างภาพ Hologram ของวัตถุตรงหน้า เขาก็มีแจกให้เราให้นักศึกษายืมใช้กลุ่มละอันเลยค่ะ
วิชาเรียนเทอม 2 |
วิชาเรียนเทอม 3 |
เทอมสุดท้าย เลือกจบได้ 2 วิธี
|
ขอยกให้เรื่องนี้ท้าทายสุด!
ถึงมิ้นท์จะเคยแลกเปลี่ยนที่อเมริกาและฝึกงานที่ออสเตรเลีย แต่ทั้งคู่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ ในขณะที่โปรแกรม EMMaH ที่ให้ไปเรียนที่เยอรมนี ฝรั่งเศส โปรตุเกส และไต้หวัน ไม่มีที่ไหนใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักเลยค่ะ ถ้าเกิดไม่มีพื้นภาษานั้นๆ มาก่อนจะใช้ชีวิตยากขึ้นแน่นอน ช่วงแรกๆ อาจต้องพึ่ง Google Map กับ Google Translate ตลอดเวลา
จริงๆ คนเยอรมันส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้นะ แต่เขาจะพยายามคุยเป็นเยอรมันก่อน เราอาจเป็นฝ่ายเริ่มขอให้เขาคุยเป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้นแนะนำว่าถ้าใครพอมีเวลา + แผนนิ่งแล้วว่าต้องไปเรียนที่ไหน อยากให้เตรียมเรียนภาษาของประเทศนั้นเตรียมไว้ดีกว่า (ตอนนี้มิ้นท์เพิ่งกำลังเริ่มเรียนภาษาเยอรมันค่ะ)

อยากเรียนต่อเอมม่าติดตามไว้
สำหรับน้องๆ ที่อยากติดตามข่าวสารการรับสมัคร หรือบรรยากาศการเรียน การทำงานกิจกรรม แนะนำให้ติดตาม Instagram ช่องทางหลักของโปรแกรมนี้ emmah.euroasian_master อัปเดตเรื่องการรับสมัคร และข่าวสารกับกิจกรรมของเด็ก EMMaH ของรุ่นก่อน (ตอนนี้อยู่ฝรั่งเศส) และรุ่นมิ้นท์ (กำลังเรียนเทอมแรกที่เยอรมนี)

และตอนนี้มิ้นท์มีโอกาสมาเป็นผู้ดูแล IG อีกแอกเคานต์คือ emmah.cohort24_26 ตั้งใจจะแชร์เกี่ยวกับชีวิตนักศึกษาแต่ละวันว่าได้ทำอะไรบ้าง เรียนกันยังไง ฯลฯ ถ้าใครกำลังเก็บข้อมูลประกอบการตัดสินใจ แวะมาเดินเล่นก่อนที่ไอจีนี้ได้นะคะ <3
1 ความคิดเห็น
สวัสดีค่ะ สงสัยว่าต้องสมัครตอนจบปริญญาตรี หรือตอนปี4เทอม2หรอคะ พี่สมัครตอนไหนหรอคะ? Khob khun mak ka