เปิดไฮไลต์! ส่อง 5 เหตุผลเริ่ดๆ ที่ทำให้ ‘เยอรมนี’ เป็นตัวตึงด้านวิศวกรรมระดับโลก

Hallo! สวัสดีชาว Dek-D ทุกคนค่า~ ถ้าพูดถึงประเทศที่มีชื่อเสียงในด้าน ‘วิศวกรรม’  แน่นอนว่าประเทศเยอรมนี ต้องขึ้นมาอยู่ในภาพจำเป็นอันดับต้นๆ ของใครหลายๆ คนแน่นอน เห็นได้จากแบรนด์รถยนต์ชั้นนำ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมาย หรือบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังอย่าง Siemens ก็ล้วนมีต้นกำเนิดจากประเทศนี้ ดังนั้นถ้าใครได้เรียนต่อสาย Engineering ที่เยอรมนีก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน!
             ว่าแต่น้องๆ อยากรู้มั้ยว่าอะไรคือเบื้องหลังที่ทำให้เยอรมนีเป็นดาวเด่นในสายวิศวะฯ จนติดอันดับโลก วันนี้พี่ลูกหมูเลยได้รวบรวม 5 เหตุผลเริ่ดๆ มาให้แล้วค่ะ ใครที่สนใจหรือหาข้อมูลกำลังจะไปเรียนต่ออยู่พอดี ตามไปไขคำตอบพร้อมกันเล้ยย~

1. ประวัติศาสตร์ยาวนานในอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี

หลายคนอาจได้ทราบมาบ้างว่าประเทศเยอรมนีนั้นผ่านเรื่องราวทางประวัติศาสตร์แต่ละยุคมาอย่างยาวนานและเข้มข้นมากๆ และก็เพิ่งรวมเป็นประเทศได้เมื่อปี ค.ศ. 1990 ซึ่งถือว่าช้ากว่าประเทศอื่นๆ ในยุโรป แต่ต้องบอกว่าเค้ามีการวางรากฐานอุตสาหกรรมให้แข็งแกร่งมาอย่างยาวนานตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม (Industrial Revolution) แล้วค่ะ (อย่างบริษัท Siemens ก็เริ่มตั้งแต่ปี 1847 แล้ว) 

จากนั้นเยอรมนีก็พัฒนามาเรื่อยๆ จนก้าวกระโดดเป็นผู้นำโลก โดยมุ่งเน้นอุตสาหกรรมหนัก (Heavy Industry) และการผลิตที่ต้องการความแม่นยำสูง ซึ่งนำไปสู่การเกิดขึ้นของอุตสาหกรรมหลักของประเทศ เช่น เหล็ก เครื่องจักรกล เคมี ไฟฟ้า อุปกรณ์โครงสร้างหรือยานยนต์ เป็นต้น 

โรงงานเครื่องจักรของ Friedrich Harkort (นักอุตสาหกรรมชาวเยอรมันที่โดดเด่นในยุคแรกๆ)
โรงงานเครื่องจักรของ Friedrich Harkort (นักอุตสาหกรรมชาวเยอรมันที่โดดเด่นในยุคแรกๆ)
Photo Credit: MeisterDrucke (webiste) 

ตลอดประวัติศาสตร์ เยอรมนีได้ผลิตนักประดิษฐ์ วิศวกร รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมากมาย และยังเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลังๆ ด้วย ยกตัวอย่างเช่น 

  • Carl Benz และ Gottlieb Daimler ผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมยานยนต์
  • Rudolf Diesel ผู้คิดค้นเครื่องยนต์ดีเซล
  • Werner von Siemens ผู้สร้างนวัตกรรมด้านวิศวกรรมไฟฟ้า
  • Johann Carl Friedrich Gauß เจ้าชายแห่งคณิตศาสตร์
  • Max Planck นักฟิสิกส์ผู้บุกเบิกทฤษฎีควอนตัม
  • Albert Einstein นักฟิสิกส์ทฤษฎีคนสำคัญของโลก
ผู้สร้างและผลิตรถยนต์มาอย่างต่อเนื่อง
ผู้สร้างและผลิตรถยนต์มาอย่างต่อเนื่อง
Photo Credit: Autocar Professional (Website)  

น้องๆ รู้หรือเปล่าว่าเยอรมนีเป็นผู้นำในแนวคิด "อุตสาหกรรม 4.0" และกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ชาติระยะยาว 10-15 ปี ซึ่งเป็นการบูรณาการระหว่างวิศวกรรม ระบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสร้างระบบการผลิตที่ชาญฉลาด เป้าหมายคือรักษาการเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมการผลิตและก้าวเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี ซึ่งทั้งหมดทั้งมวบนี้จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมวิศวกรรมในระดับโลกนั่นเองค่ะ  

...................

2. ระบบการศึกษาและการฝึกอบรมที่แข็งแกร่ง

แน่นอนว่าถ้าพูดถึงคณะทางด้านวิศวกรรม หลายๆ คนจะต้องนึกถึงเยอรมนีเป็นอันดับต้นๆ เพราะมีมหาวิทยาลัยและสถาบันเทคนิคชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลกเยอะมากๆ เช่น Technical University of Munich ที่ติดท็อป 20 ของโลก ด้านสาขาวิศวกรรมและเทคโนโลยี (จากการจัดอันดับโดย QS University Ranking 2024 by Subject 2024) อีกทั้งมหาวิทยาลัยในเยอรมนีมีหลักสูตรด้านวิศวกรรมหลากหลายให้เลือก ตั้งแต่วิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมพลังงาน วิศวกรรมวัสดุ วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม วิศวกรรมชีวการแพทย์ วิศวกรรมอุตสาหการ วิศวกรรมพลังงาน วิศวกรรมการบินและอวกาศ และวิศวกรรมยานยนต์ (ซึ่งเราจะพูดถึงในหัวข้อด้านล่าง) ซึ่งระบบการศึกษาที่แข็งแกร่งนี่ก็มีการวางรากฐานอย่างแน่นตั้งแต่ช่วงหลังปฏิวัติอุตสาหกรรมนั่นเองค่ะ  

นอกจากทางรัฐจะเน้นด้านศึกษาให้มีคุณภาพสูงแล้ว ค่าเล่าเรียนมหาวิทยาลัยของรัฐก็ไม่สูงมาก ทำให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย (บางที่ให้เรียนฟรีทั้งคนเยอรมนีและชาวต่างชาติเลยค่ะ) และในฐานะนักเรียนต่างชาติแบบเราๆ ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ ทุนสนับสนุนจากรัฐบาลเยอรมนี DAAD-EPOS ซึ่งยกเว้นค่าเล่าเรียน (ถ้ามี) และซัปพอร์ตค่าใช้จ่ายอื่นๆ อย่างครบครัน และครอบคลุมหลายสาขาเลยทีเดียว โดยเฉพาะด้านวิศวกรรม ใครที่อยากต่อสายนี้ที่เยอรมนี ห้ามพลาดทุน DAAD เลยค่ะ // แอบกระซิบว่ามีคนไทยได้รับทุนนี้ทุกปี! 

เรียนฟรี ชีวิตดีมาก! เปิด 10 เหตุผลเจ๋งๆ ของการเรียนต่อ ‘เยอรมนี’ มีดียังไงบ้าง?

อย่างที่เล่าไปข้างต้นว่าทางรัฐนั้นสนับสนุนด้านวิศวกรรมมากๆ และได้เข้ามาเป็นตัวกลางเชื่อมโยงอุตสาหกรรมในเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาด้านการศึกษา จนทำให้มีการออกแบบการเรียนสอนระบบ "Dual Education System" หรือก็คือการผสมผสานการเรียนเชิงทฤษฎีในมหาวิทยาลัยเข้ากับการฝึกปฏิบัติในสถานประกอบการ ทำให้นักศึกษามีประสบการณ์ตรงจากอุตสาหกรรม ซึ่งการที่สถาบันการศึกษาต่างๆ ทำงานร่วมกับบริษัทวิศวกรรมชั้นนำ  ก็ทำให้นักศึกษาได้มีโอกาสได้ฝึกงาน เข้าถึงโครงการจริงระหว่างเรียน และนำไปพัฒนาหรือวิจัยโครงการอื่นๆ ในอนาคตต่อได้ และที่สำคัญเลยก็คือเครือข่ายนี้ช่วยพัฒนาทักษะผู้เรียนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานและอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าคนที่เรียนจบปริญญาสายวิศวกรรมจากเยอรมนีล้วนเป็นที่ยอมรับในระดับโลก

Note: สำหรับใครที่อยากรู้ว่ามีมหาวิทยาลัยเปิดสอนในเยอรมนีบ้าง สามารถค้นหาที่เว็บไซต์ https://www.myguide.de/en/ ซึ่งเป็นช่องทางสำหรับค้นหาหลักสูตรเรียนต่อระดับปริญญาตรีและปริญญาโทในประเทศเยอรมนีได้เลยค่ะ 

น่าเรียนแบบตะโกน! หลักสูตร ป.โท พร้อมทำงานกับ ‘Audi’ แบรนด์รถหรูที่เยอรมนี

...................

3. การลงทุนในงานวิจัยและพัฒนา (R&D)

นอกจากระบบการศึกษาที่เข้มข้นสุดๆ แล้ว เยอรมนีเป็นหนึ่งในประเทศที่ลงทุนในงานวิจัยและพัฒนามากที่สุดในโลกอีกด้วย โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และวิศวกรรม ที่ทางภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมเข้ามาช่วยกันผลักดันและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างเต็มที่ยกตัวอย่างสถาบันวิจัยชั้นนำ เช่น Fraunhofer-Gesellschaft และ Max Planck Institute เป็นต้น 

นอกจากนี้มาตรฐานการออกแบบและการผลิตสินค้าของเยอรมนี เช่น DIN (Deutsches Institut für Normung) หรือที่น้องๆ หลายคนน่าจะได้ยินบ่อยๆ อย่างมาตรฐาน ISO (International Organization for Standardization) ก็มาจากเยอรมนีและได้รับการยอมรับในระดับสากลอีกด้วย จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอุตสาหกรรมต่างๆ จากประเทศนี้มีชื่อเสียงในด้าน "ความแม่นยำ" และ "คุณภาพ" เพราะว่ารากฐานที่แข็งแกร่งนี้ได้ฝังอยู่ในวัฒนธรรมการทำงาน การวิจัย และการพัฒนาเทคโนโลยีมาอย่างเข้มข้นนั่นเอง

Good to know!

  • Fraunhofer-Gesellschaft หรือชื่อเต็มๆ คือ Fraunhofer-Gesellschaft zur Förderung der angewandten Forschung e.V. เป็นสถาบันวิจัยที่เกิดจากความร่วมมือจากทางภาครัฐและอุตสาหรกรรม มีศูนย์วิจัยมากกว่า 76 สถาบัน กระจายตัวทั่วเยอรมนี โดยทำการวิจัยหลากหลายสาขา เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ วิศวกรรมและเทคโนโลยีการผลิต วัสดุศาสตร์ เป็นต้น ตัวอย่างผลงานเด่น เช่น MP3 Technology H.264/AVC Video Compression (เทคโนโลยีการบีบอัดวิดีโอที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมสื่อ)
  • Max Planck Institute เป็นสถาบันวิจัยชั้นนำในประเทศเยอรมนี ที่เน้นการวิจัยขั้นสูงที่เน้นใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ วิทยาศาสตร์มนุษย์และสังคม และวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต ตัวอย่างผลงานเด่น เช่น การศึกษาหลุมดำและการเกิดจักรวาล เป็นต้น

...................

4. ตลาดแรงงานด้านวิศวกรรมที่แข็งแกร่ง

Photo Credit:  Unsplash
Photo Credit:  Unsplash

อย่างที่เกริ่นไปว่าเยอรมนีนั้นมีการพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมอย่างไม่หยุดหย่อน จึงทำให้หลากหลายบริษัทต้องการวิศวกรที่มีคุณภาพสูงเข้าไปร่วมงานด้วย โดยเฉพาะในสาขาเครื่องกล ยานยนต์ พลังงาน และเทคโนโลยีดิจิทัล ที่กลายเป็นเศรษฐกิจหลักของประเทศ เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น พี่ขอลิสต์ตัวอย่างรายชื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกสัญชาติเยอรมันมาให้น้องๆ ได้รู้จักกันสักหน่อย (บริษัทรถยนต์จะพูดถึงในหัวข้อถัดไปนะคะ)

  • thyssenkrupp Steel – บริษัทเหล็กยักษ์ใหญ่
  • Deutsche Telekom - ผู้นำบริการด้านโทรคมนาคม
  • SAP - บริษัทซอฟต์แวร์เบอร์หนึ่งของยุโรป
  • MAN Energy Solutions - บริษัทผลิตเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ เทคโนโลยีพลังงาน และโซลูชันสำหรับการเดินเรือและอุตสาหกรรม
  • MTU Aero Engines - บริษัทที่ผลิตและพัฒนาเครื่องยนต์สำหรับอุตสาหกรรมการบิน

 นอกจากจะเน้นผลิตบุคลากรผู้เชี่ยวชาญจากในประเทศแล้ว เยอรมนีก็เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติได้มาเรียนรู้ ฝึกฝนประสบการณ์ และมอบโอกาสการทำงานหลังเรียนจบ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ การขอวีซ่าเพื่ออยู่หางานทำ (Job Seeker Visa) ที่จะอนุญาตให้เราหางานในเยอรมนีต่อไปได้อีก 18 เดือน และหากน้องๆ ได้งานที่ตรงกับสายที่เรียนมาและทำสัญญาจ้างเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเปลี่ยนรูปแบบวีซ่าไปเป็นวีซ่าทำงาน เพื่ออยู่ทำงานที่นั่นต่อได้อีกยาวๆ เลยค่ะ  แอบกระซิบว่าสาย R&D นั้นเป็นที่ต้องการของตลาดงานมากๆ เนื่องจากบริษัทในเยอรมนีจำนวนมากมีส่วนร่วมในการวิจัยและพัฒนาที่ล้ำสมัยอยู่เสมอ (แถมรายได้ดีด้วยน้า) ดังนั้นใครจบวิศวกรรมจากที่นี่ และมีความเชี่ยวชาญในด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และเทคโนโลยี บอกเลยว่าหางานได้ไม่ยากแน่นอนค่า

...................

5. นึกถึงวิศวกรรมยานยนต์ นึกถึงเยอรมนี

Photo Credit: Cool Things Collection (website)
Photo Credit: Cool Things Collection (website) 

ถ้าพูดถึงประเทศที่เป็นจุดกำเนิดแบรนด์รถหรูระดับโลกอย่าง BMW, Benz, AUDI, Volkswagen หรือ Porsche แน่นอนว่าต้องนึกถึงประเทศเยอรมนี เรียกว่าแต่ละแบรนด์นั้นมีจุดกำเนิดที่ยาวนานเลยทีเดียว และมีคุณภาพสูงจนครองใจผู้คนทั่วโลก ซึ่งเบื้องหลังของความสำเร็จนี้ก็มาจากอุตสาหกรรมวิศวกรรมยานยนต์ที่แข็งแกร่งมากๆ  และเยอรมนียังเป็นศูนย์กลางในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EVs) และระบบการขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Driving) อีกด้วยนะคะ นอกจากนี้ยังมีมีบริษัทวิศวกรรมระดับโลกอื่นๆ เช่น Siemens, Bosch เป็นต้น ซึ่งแสดงถึงความเป็นผู้นำด้านการผลิตเครื่องจักร อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์อีกด้วยนั่นเองค่า

ว่าแล้วก็ขอปิดท้ายด้วยลิสต์รายชื่อบริษัทปังๆ สัญชาติเยอรมันกันอีกสักหน่อย แต่ละที่รับรองว่าน้องๆ อาจคุ้นเคยแน่นอน!

  • Siemens - หนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก เชี่ยวชาญด้านระบบอัตโนมัติ อุตสาหกรรมไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ เช่น ระบบควบคุมอุตสาหกรรม เครื่องมือทางการแพทย์ ระบบขนส่ง (เช่น รถไฟ) และโครงข่ายไฟฟ้า  // รถไฟฟ้า BTS บ้านเราก็ใช้ตัวรถจากบริษัทนี้นะ
  • Bosch - มีชื่อเสียงในด้านการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เช่น ระบบเบรก หัวฉีดน้ำมัน และเซ็นเซอร์ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เช่น เครื่องซักผ้า ตู้เย็น และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เช่น ระบบอัตโนมัติและโซลูชันพลังงาน
  • Volkswagen - หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลก มีแบรนด์ย่อยที่เป็นที่รู้จัก เช่น Audi, Porsche, Lamborghini, และ Bugatti
  • Mercedes-Benz / BMW - แน่นอนว่า 2 แบรนด์นี้ทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว เพราะเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หรูที่มีชื่อเสียงระดับโลกนั่นเอง
  • Lufthansa - สายการบินแห่งชาติของเยอรมนี และเป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอีกด้วยค่ะ
  • Leica - ผู้บุกเบิกวงการกล้องฟิล์ม 35 มม. มีชื่อเสียงอย่างมากในหมู่ช่างภาพมืออาชีพและคนรักการถ่ายภาพแบบคลาสสิก // ใครชอบถ่ายภาพโทนฟิล์มต้องรู้จักแบรนด์นี้แน่นอนค่า

  นี่เป็นแค่เพียงเหตุผลส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ ซึ่งต้องบอกว่ากว่าที่ด้านวิศวกรรมของเยอรมนีจะก้าวเป็นผู้นำระดับโลกได้อย่างทุกวันนี้ ก็มีการพัฒนามาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยปฏิวัติอุตสาหกรรม จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมประเทศนี้ถึงมีนักวิศวกร นักประดิษฐ์ และนักวิทยาศาสตร์ระดับตำนาน จนส่งผลมาถึงปัจจุบันทำให้มีบริษัทขึ้นชื่อเป็นแบรนด์ดังๆ ด้านอุตสาหกรรมการผลิตมากมาย 

และที่สำคัญคือระบบการศึกษาที่ได้รับการส่งเสริมทั้งจากภาครัฐและเอกชนอย่างเต็มที่ (เรียนและฝึกงานกับบริษัทชั้นนำ) จึงทำให้เยอรมนีเป็นที่ต้องตาต้องใจของนักเรียนทั่วโลกที่จะเข้ามาเรียนทางด้านนี้นั่นเองค่า น้องๆ คนไหนที่สนใจอยากจะไปเรียนทางด้านนี้และอยากขอทุน สามารถติดตามอัปเดตจากทาง DAAD Thailand ได้เลยนะคะ จะได้เตรียมตัวให้พร้อม เพื่อจะไปเป็น #ทีมเยอรมัน กันค่า

...................

 

Study Guide ไปเรียนต่อนอกกันเถอะ
Study Guide ไปเรียนต่อนอกกันเถอะ

สำหรับใครที่มองหาโอกาสโกอินเตอร์ ตอนนี้มีหลายทุนกำลังเปิดรับสมัคร
ตามไปเช็กกันต่อได้เลยที่ "โปรแกรมค้นหาทุนเรียนต่อนอก by Dek-D

  แหล่งที่มาข้อมูลhttps://www.gisma.com/blog/7-reasons-to-study-an-engineering-masters-in-germanyhttps://ischoolconnect.com/blog/top-reasons-why-germany-is-famous-for-mechanical-engineering/https://piu.ftpi.or.th/wp-content/uploads/2018/06/Germany.pdfhttps://hmong.in.th/wiki/Friedrich_Harkorthttps://www.ipm.fraunhofer.de/en/about-Fraunhofer-IPM/new-building-fraunhofer-ipm.html

 

พี่ลูกหมู
พี่ลูกหมู - Columnist Lost Girl from Neverland ชอบไปในต่างแดน​ มีชีวิตอยู่เพื่อกิน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น