เด็กจบใหม่เช็กเลย! Au Pair อเมริกา & Caregiver แคนาดา ไปโครงการไหนดีนะ? #TeamUSA VS #TeamCA

สวัสดีค่าชาว Dek-D ทุกคน ไหนมีใครเป็นเด็กจบใหม่บ้างคะขอเสียงหน่อยย~ รอบก่อนพี่แอลได้มาสรุปความต่างของโครงการ Work and Travel สหรัฐอเมริกา และ Work and Holiday ออสเตรเลีย ไปแล้ว รอบนี้เลยขอมาสรุปอีก 2 โครงการที่น่าสนใจไม่แพ้กันอย่าง Au Pair USA และ Caregiver Canada บอกเลยว่าเด็กจบใหม่  หรือน้องๆ ปี3 ปี4 ที่สนใจอยากหาข้อมูลเก็บไว้เป็นตัวเลือกในอนาคต รีบหยิบปากกาเตรียมจดข้อมูลด่วนๆ ถ้าอยากรู้แล้วว่าทั้ง 2 โครงการนี้ดียังไง แล้วเราจะเหมาะกับโครงการไหน ก็ตามมาดูรายละเอียดกันได้เล้ยย~

Note: 

จริงๆ แล้วโครงการ Au Pair และ Caregiver นั้นมีหลายประเทศเลยค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และประเทศโซนยุโรปก็มีเช่นกันค่ะ โดยแต่ละประเทศก็จะมีเงื่อนไขเรื่องอายุ ระยะเวลาโครงการ คะแนนภาษา รวมถึงข้อกำหนดอื่นๆ ที่อาจแตกต่างกันไป ส่วนในบทความนี้พี่แอลขอเน้นไปที่สหรัฐอเมริกาและแคนาดาเป็นหลัก เพราะ 2 ประเทศนี้เรียกได้ว่าเป็นปลายทางที่ฮอตฮิตสุดๆ สำหรับน้องๆ ชาวไทย (กระซิบว่าที่แคนาดาเขาก็มีออแพร์เหมือนกันนะ) และสำหรับใครที่อยากศึกษภาพรวมโครงการ และความน่าสนใจของประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปอ่านในบทความนี้ได้เลยค่า

Au pair USA VS Caregiver Canada

Au Pair USA

‘Au Pair’ หรือ ออแพร์ คือโครงการที่เปิดโอกาสให้นักเรียนไทยได้ไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่สหรัฐอเมริกา เป็นระยะเวลา 1-2 ปี โดยน้องๆ จะได้ซึมซับวัฒนธรรมอเมริกันแบบแท้ๆ ผ่านการใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวชาวอเมริกัน และหน้าที่หลักของออแพร์ก็คือการเลี้ยงดูเด็กในครอบครัวนั่นเองค่ะ ในระหว่างโครงการน้องๆ จะไ้ด้รับค่าตอบแทนเป็นรายสัปดาห์ ได้ท่องเที่ยวในวันหยุดพักร้อน และยังสามารถสมัครเรียนคอร์สระยะสั้นเพื่อพัฒนาทักษะอื่นๆ เพิ่มเติมได้ด้วย

Picture Credit: Newswire (Website)
Picture Credit: Newswire (Website)

Caregiver Canada

‘Caregiver’ คือโครงการที่เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติ รวมถึงชาวไทยได้เข้าไปทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก (Home Child Care Provider Pilot) หรือ ดูแลผู้สูงอายุ (Home Support Worker Pilot) ที่ประเทศแคนาดา  โดยมีนายจ้างในแคนาดาเป็นผู้สนับสนุน และโครงการนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสามารถยื่นขอเป็นผู้อยู่อาศัยถาวร (PR) หลังจากทำงานครบตามเงื่อนไขที่กำหนดได้อีกด้วย

Picture Credit: HEREBY Canadian Immigration (Website)
Picture Credit: HEREBY Canadian Immigration (Website)

เปรียบเทียบข้อดีของแต่ละโครงการ

Au Pair USA

  • ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมแบบเต็มรูปแบบ เพราะได้ใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวชาวอเมริกัน
  • มีรายได้ระหว่างโครงการเป็นรายสัปดาห์ (ประมาณ $215) สามารถเก็บออมเงินหรือนำไปใช้จ่ายส่วนตัวได้
  • ได้วันหยุดพักร้อน มีเวลาท่องเที่ยว
  • สามารถลงเรียนคอร์สระยะสั้น มีโอกาสพัฒนาทักษะอื่นๆ เพิ่มเติม โดยมี Host Family ช่วยสปอนเซอร์ให้
  • ได้ฝึกภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษาในชีวิตประจำวันแบบ 24/7

Caregiver Canada

  • รายได้สูงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ ($880 - $1,100 ต่อเดือน)
  • เมื่อทำงานครบ 1-2 ปี* สามารถยื่นขอ PR ได้หลังจากทำงานครบตามเงื่อนไข (*เงื่อนไขอาจเปลี่ยนแปลงได้)
  • ระยะโครงการยาวนานกว่า ไม่จำกัดเพศ และขอบเขตการจำกัดอายุกว้างกว่า
  • สามารถเลือกได้ว่าจะอยู่กับนายจ้าง หรือออกมาอยู่ด้วยตัวเองได้
  • สามารถพาครอบครัวไปอยู่พร้อมกันได้

โครงการไหนเหมาะกับใครบ้าง?

Au Pair USACaregiver Canada
เหมาะกับนักศึกษาจบใหม่ หรือบุคคลทั่วไปที่มีอายุ 18-26 ปี (ไม่เกิน 27 ปีก่อนการเดินทาง)เหมาะกับนักศึกษาจบใหม่ หรือบุคคลทั่วไปที่มีอายุ 18-45 ปี
คนที่อยากหาประสบการณ์ 1-2 ปีในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในต่างประเทศที่มีค่าตอบแทนคนที่มองหาโอกาสในการโยกย้ายไปทำงานหรืออาศัยในแคนาดา
คนที่อยากพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ และเก็บประสบการณ์เพื่อสมัครโครงการ Caregiver ในอนาคตคนที่มองหางานรายได้สูง
คนที่รักเด็ก สามารถดูแลเด็กได้คนที่สามารถดูแลเด็กหรือผู้สูงอายุได้ และควรมีประสบการณ์มาก่อน

ความเป็นอยู่ที่ USA VS Canada

อีกหนึ่งปัจจัยหลักที่เราต้องพิจารณาเมื่อต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศเป็นเวลานานๆ จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจาก ความเป็นอยู่ รูปแบบการใช้ชีวิต รวมถึงวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ พี่แอลเลยขอลิสต์ความแตกต่างระหว่าง สหรัฐอเมริกา และ แคนาดา ออกมามาให้ทุกคนได้ดูและนำไปเป็นอีกตัวช่วยในการตัดสินใจค่า

 USACanada
วัฒนธรรม 
& วิถีชีวิต

- วัฒนธรรมในอเมริกาจะเน้นความเป็นอิสระ มีความผสมผสาน และมีชุมชนที่หลากหลาย เช่น ไชน่าทาวน์ ลิตเติ้ลอิตาลี และเขตละติน

- ในเมืองใหญ่ๆ อย่างนิวยอร์ก และ ลอสแอนเจลิส มีการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างเร่งรีบ

- มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม 
เน้นความเป็นมิตรและการช่วยเหลือกัน

- ส่วนมากผู้คนมีการต้อนรับและให้เกียรติผู้อื่น

สภาพแวดล้อม & อากาศ

- อากาศแตกต่างกันมากในแต่ละพื้นที่ เมืองทางตอนเหนือจะค่อนข้างหนาว ต่างกับทางตอนใต้ที่จะอุ่นกว่า

- มีธรรมชาติที่หลากหลาย ตั้งแต่ทะเลทราย จนถึงภูเขาน้ำแข็ง

- อากาศค่อนข้างเย็น โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว บางพื้นที่อาจมีหิมะตกเกือบตลอดทั้งปี อากาศเย็นสบายในฤดูร้อน ทำให้เหมาะสำหรับคนที่ชอบอากาศเย็น

- แคนาดามีสภาพแวดล้อมที่สวยงาม มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติค่อนข้างเยอะ เช่น อุทยาน

ความปลอดภัย

- ระดับความปลอดภัยแตกต่างกันไปในแต่ละเมือง (ควรระวังในบางพื้นที่ที่มีอัตราการเกิดอาชญากรรมสูง)

- ค่าบริการทางสุขภาพค่อนข้างสูง (ควรมีประกันติดไว้)

- มีอัตราอาชญากรรมที่ต่ำกว่าอเมริกาและถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลก

-  มีระบบ สาธารณสุข และ การเข้าถึงบริการสุขภาพ ค่อนข้างง่าย

ค่าใช้จ่าย & ค่าครองชีพ

- ค่าใช้จ่ายในอเมริกาแตกต่างกันไปตามแต่ละรัฐ เมืองใหญ่อย่างนิวยอร์กหรือลอสแอนเจลิสจะมีค่าครองชีพที่สูง ส่วนเมืองเล็กๆ หรือชนบทอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า

- มีวัฒนธรรมการให้ทิป โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 15-20% ของค่าอาหาร

- ค่าครองชีพในแคนาดาก็สูงเช่นกัน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ อย่างโตรอนโตและแวนคูเวอร์ แต่ค่าใช้จ่ายในบางเมืองเล็กๆ จะค่อนข้างเหมาะสม การขนส่งสาธารณะและค่าประกันสุขภาพในแคนาดามักจะถูกกว่าในอเมริกา

- มีวัฒนธรรมการให้ทิปเช่นเดียวกัน โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 15-20% ของค่าอาหาร

ภาษาและการสื่อสาร-  ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก มีสำเนียงอเมริกัน ฟังง่าย- มีสองภาษาหลักคือ อังกฤษ และ ฝรั่งเศส โดยเฉพาะในควิเบกที่พูดภาษาฝรั่งเศสมากกว่าภาษาอังกฤษ
อาหาร & การกิน

- มีความหลากหลาย เรียกได้ว่าแหล่งรวมอาหารนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็น เม็กซิกัน อิตาเลียน ญี่ปุ่น ไทย

- มี Fast Food เยอะ หาทานง่าย ราคาไม่ค่อยสูง

- มีความหลากหลายเช่นกัน แต่อาหารดั้งเดิมจะเน้นไปที่เนื้อสัตว์ เช่น หมู, วัว, ไก่ และการทานอาหารเม็กซิกันหรืออาหารเอเชียก็เป็นที่นิยม
Picture Credit: Unsplash (Website)
Picture Credit: Unsplash (Website)
Picture Credit: Unsplash (Website)
Picture Credit: Unsplash (Website)

รับสมัครช่วงไหนบ้าง?

Au Pair USA

  • เปิดรับสมัครตลอดทั้งปี

Note:

ช่วงเวลาที่นายจ้างต้องการคนมากที่สุดมักอยู่ในช่วงต้นปีและฤดูร้อน (ม.ค. - มี.ค.)

Caregiver Canada

  • มีการเปิดรับสมัครเป็นรอบๆ โดยรอบถัดไปจะเปิดรับสมัครในวันที่ 31 มีนาคม 2025

Note:

เนื่องจากช่วงเวลาการเปิดรับสมัครอาจเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละปี ควรตรวจสอบข้อมูลจากเว็ปไชต์ทางการของรัฐบาลแคนาดาโดยตรง

จำนวนที่เปิดรับสมัคร

Au Pair USA

  • ไม่จำกัดจำนวนรับสมัคร

Note:

แม้ว่าจะไม่มีการจำกัดจำนวนผู้สมัคร แต่กระบวนการสมัครอาจใช้เวลา ควรเตรียมตัวล่วงหน้าและตรวจสอบคุณสมบัติที่จำเป็นก่อนการสมัคร

Caregiver Canada

  • จำกัดจำนวนรับสมัครสูงสุด 2,750 คน ต่อปี

Note:

เนื่องจากข้อมูลจำนวนการรับสมัครอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ทางการของรัฐบาลแคนาดาโดยตรง

คุณสมบัติของผู้สมัคร

Au Pair USA

  • เพศหญิง สัญชาติไทย อายุ 18-26 ปี (ไม่เกิน 27 ปีก่อนการเดินทาง)
  • สถานภาพโสด และไม่เคยมีบุตรหรือหย่าร้าง
  • กำลังศึกษา หรือจบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป
  • สามารถอาศัยอยู่ในอเมริกาได้ตลอดโครงการ (อย่างน้อย 12 เดือน)
  • สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้
  • ไม่มีประวัติอาชญากรรม
  • สุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบี หรือโรคประจำตัว
  • รักในการทำงานกับเด็ก สามารถดูแลเด็กได้
  • สามารถขับรถได้และมีใบขับขี่รถยนต์ (สามารถทำหลังจากเข้าร่วมโครงการได้)
  • สามารถว่ายน้ำได้ (สามารถฝึกหัดหลังจากเข้าร่วมโครงการได้)
  • มีประสบการณ์ดูแลเด็กอย่างน้อย 2 ประสบการณ์ รวมแล้วไม่น้อยกว่า 500 ชั่วโมง ประกอบด้วยประสบการณ์ดูแลเด็กอายุ 0-2 ขวบ อย่างน้อย 200 ชั่วโมง และประสบการณ์ดูแลเด็กอายุ 2 ขวบขึ้นไป (ไม่จำเป็นต้องมี ณ วันที่สมัคร)

Caregiver Canada

  • อายุ 18-45 ปี (ไม่จำกัดเพศ ศาสนา เชื้อชาติและสถานภาพการสมรส)
  • สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมปลาย
  • สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้
  • ไม่มีประวัติอาชญากรรม
  • สุขภาพแข็งแรง
  • สามารถขับรถได้และมีใบขับขี่รถยนต์ (สามารถทำหลังจากเข้าร่วมโครงการได้)
  • รักในการทำงานกับเด็ก สามารถดูแลเด็กได้
  • มีความเป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบ ปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ง่าย มีความกระตือรือร้น มีบุคลิกและเจตคติที่ดีในการเป็นตัวอย่างแก่เด็กๆ
  • มีประสบการณ์ทำงานเต็มเวลาเกี่ยวกับเด็ก คนป่วย ผู้สูงอายุ อย่างน้อย 1 ปี เช่น ครู พยาบาล ออแพร์ พี่เลี้ยงเด็ก ผู้ดูแลคนชราหรือผู้ป่วย (ตำแหน่งผู้ช่วยไม่สามรถนำมาใช้ได้)

เอกสารที่ต้องใช้ในการสมัครแบบคร่าวๆ

Au Pair USA

  • สำเนาพาสปอร์ต (มีอายุเหลืออย่างน้อย 2 ปี)
  • สำเนาใบรับรองการศึกษา
  • ใบรับรองประสบการณ์การดูแลเด็ก (เอกสารยืนยันการดูแลเด็กอย่างน้อย 200 ชั่วโมง)
  • ใบรับรองแพทย์
  • สำเนาใบขับขี่รถยนต์
  • ใบรับรองประวัติอาชญากรรม
  • รูปถ่ายขนาด 2x2 นิ้ว

Caregiver Canada

  • ใบสมัครออนไลน์
  • สำเนาพาสปอร์ตที่ยังไม่หมดอายุ
  • สำเนาใบรับรองการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือสูงกว่า
  • ผลการทดสอบภาษาอังกฤษหรือฝรั่งเศสที่ได้รับการยอมรับ (IELTS 5.0 หรือ CLB ตามที่กำหนด)
  • ใบรับรองประสบการณ์การทำงาน (เอกสารยืนยันประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 1 ปี)
  • ใบรับรองประวัติอาชญากรรม
  • ใบรับรองแพทย์
  • จดหมายเสนอการจ้างงานจากนายจ้างที่ได้รับการยืนยัน

สมัครยังไง

Au Pair USACaregiver Canada
สมัครผ่านเอเจนซีที่ได้รับการรับรอง เช่น Engenius Internationalสมัครเองผ่านเว็บไซต์รัฐบาลแคนาดา หรือสมัครผ่านเอเจนซีที่ได้รับการรับรอง
Picture Credit: Unsplash (Website)
Picture Credit: Unsplash (Website)
Picture Credit: Unsplash (Website)
Picture Credit: Unsplash (Website)

……………

ก่อนปิดท้ายกันไป พี่แอลมีรีวิวของคนไทยที่ผ่านประสบการณ์ Au Pair ที่อเมริกา และ Caregiver ที่แคนาดามาให้ทุกคนได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมกันค่ะ บอกเลยว่ามีประโยชน์มากๆ

เป็นยังไงกันบ้างคะทุกคน น่าสนใจกันทั้ง 2 โครงการเลยใช่ไหมคะ ไม่ว่าจะ #TeamUSA หรือ #TeamCA ก็อย่าลืมวางแผนและศึกษาหาข้อมูลให้ดีกันด้วยน้า และหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับน้องๆ ที่กำลังตัดสินใจอยู่นะคะ สำหรับคราวหน้า Dek-D Study Abroad จะมีข้อมูลเรียนต่อนอกอะไรมาอัปเดต ก็อย่าลืมติดตามกันด้วยล่ะ!

 

Sources:http://www.aupairthailand.org/caregiver-in-canada.html https://www.servicelinks.ca/page/live-in-caregiver-work-permit?lang=th https://www.american-learning.com/au-pair/about-au-pair/ https://www.engenius.co.th/au-pair/ https://edudee.co.th/ขั้นตอนการสมัครเข้าร่ว/ 
พี่แอล
พี่แอล - Columnist Certified concert hopper, Japanese food lover, and anime binge-watcher.

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น