Bonjour! ชาว Dek-D ทุกคนค่า~ ถ้านึกถึงภาษาที่มีเสน่ห์ ฟังแล้วมีความไพเราะ หลายคนคงนึกถึง “ภาษาฝรั่งเศส” เพราะขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ภาษาที่โรแมนติกที่สุดในโลก’ ซึ่งนอกจากสำเนียงและการออกเสียงที่ไพเราะแล้ว ยังเป็นหนึ่งในภาษาทางการขององค์กรสำคัญระดับโลกเลย เช่น UN, EU, UNESCO, NATO รวมถึงบริษัทระดับโลก อย่าง L'Oréal, Louis Vuitton, Airbus เป็นต้น นอกจากนี้ภาษาฝรั่งเศสก็เป็นอีกภาษาที่ใช้กันมากที่สุดในธุรกิจระหว่างประเทศ จึงไม่แปลกใจเลยค่ะที่ทำไมหลายคนเลือกเรียนภาษานี้เป็นภาษาที่สาม
สำหรับ #ทีมเด็กนอก การที่เรามีสกิลภาษาฝรั่งเศสนั้นเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ไปเรียนที่ต่างประเทศด้วยนะคะ (ยิ่งใครจะสมัครทุน Franco-Thai หรือทุน Erasmus+ แนะนำให้เรียนติดตัวไว้เลย) เพราะว่ามีหลายประเทศเลยที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสในการเรียนการสอน ใครอยากรู้ว่ามีประเทศไหนบ้าง เลื่อนไปอ่านข้างล่างกันเลยค่า~
............
1. ฝรั่งเศส
ประเทศแรกแน่นอนว่าก็ต้องเป็นประเทศแม่อย่าง ‘ฝรั่งเศส’ นั่นเองค่ะ ซึ่งที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดฮิตของใครหลายคน เพราะมีคุณภาพการศึกษาสูงระดับโลกไม่แพ้ที่อื่น แถมค่าเล่าเรียนก็ไม่แพงโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยรัฐ (แต่ค่าครองชีพอาจจะสูงหน่อย) และหลักสูตรส่วนใหญ่โดยเฉพาะ ป.ตรี ก็ใช้ภาษาฝรั่งเศสในการเรียนการสอนเป็นหลักอีกด้วย ยกตัวอย่างไฮไลต์ข้อดีหลักๆ ของการเรียนต่อที่ฝรั่งเศส เช่น
- นักศึกษาที่นี่สามารถทำงานพาร์ตไทม์ได้ 20 ชั่วโมง/สัปดาห์
- หลังเรียนจบสามารถสมัคร APS (Autorisation Provisoire de Séjour) เพื่อหางานในฝรั่งเศสได้ด้วย
- มีโอกาสฝึกงาน & ร่วมงานกับบริษัทระดับโลกมากมาย เช่น L'Oréal, Renault, Airbus, Louis Vuitton เป็นต้น
- หากเรียนจบจากฝรั่งเศสและพูดภาษาฝรั่งเศสได้ โอกาสในการหางานระดับนานาชาติก็จะสูงขึ้นไปอีก
- มีทุนการศึกษาจากรัฐบาลฝรั่งเศสให้สมัคร เช่น Franco-Thai Scholarship, France Excellence Eiffel scholarship เป็นต้น
นอกจากเรื่องการเรียนและการทำงานแล้ว ฝรั่งเศสเป็นประเทศ Rich Culture โดยแท้จริง เพราะว่าเป็นแหล่งรวมศิลปะ วรรณกรรม และดนตรีระดับโลก มีพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง เช่น Louvre, Musée d'Orsay, Centre Pompidou และถ้าพูดถึงเรื่องอาหาร ที่นี่ก็ขึ้นชื่อเรื่องไวน์ เบเกอรี่ และชีส
และที่สำคัญสำหรับสายเที่ยว นอกจากจะมีแลนด์มาร์กและสถานที่ดังๆ ในประเทศให้เช็กอินแล้ว ด้วยความที่ฝรั่งเศสตั้งอยู่ใจกลางยุโรป เราสามารถเดินทางไปเยอรมนี อิตาลี สเปน สวิตเซอร์แลนด์ ได้ง่ายเลย และที่นี่ยังมีระบบขนส่งที่ทันสมัย เช่น TGV (รถไฟความเร็วสูง) ที่เดินทางไปเมืองต่างๆ ได้รวดเร็วด้วย // เรียกได้ว่าใครมาเรียนที่นี่จะต้องได้ความทรงจำดีๆ ที่มากกว่าการเรียนกลับไปแน่นอนค่า
Good to Know!
แม้ว่าการไปเรียนที่ฝรั่งเศสจะมีค่าครองชีพที่สูง แต่นักศึกษาต่างชาติสามารถสมัคร CAF (เงินช่วยเหลือค่าที่พักจากรัฐบาล) ได้ และมีส่วนลดสำหรับนักศึกษาต่างๆ เช่น ตั๋วรถไฟ ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ และร้านอาหาร และที่ปังสุดก็คือที่นี่มีทุนให้นักศึกษาต่างชาติด้วย ซึ่งทุนยอดฮิตสำหรับนักศึกษาไทย คือ ทุนรัฐบาลฝรั่งเศส ‘Franco-Thai’ นั่นเอง
ตัวอย่างมหาวิทยาลัยชั้นนำ
- Sorbonne University
- École Normale Supérieure (ENS Paris)
- Université PSL (Paris Sciences et Lettres)
- Université Paris-Saclay
- Université Grenoble Alpes
- Grandes Écoles
- HEC Paris
- École Polytechnique (L’X)
............
2. แคนาดา (รัฐควิเบก และบางพื้นที่ในออนแทรีโอ & นิวบรันสวิก)
‘แคนาดา’ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความปลอดภัยและเป็นมิตรที่สุดในโลก คนที่นี่ส่วนใหญ่เปิดกว้างและต้อนรับนักศึกษาต่างชาติ และมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูง และที่บางคนอาจไม่รู้มาก่อนคือบางรัฐในแคนาดาก็มีการใช้ภาษาฝรั่งเศสในการสื่อสารเช่นกันค่ะ ได้แก่ Montreal (มงเทรอาล) , Québec (ควิเบก) , Ottawa (ออตตาวา) รวมถึงบางพื้นที่ใน Ontario (ออนแทรีโอ) และ New Brunswick (นิวบรันสวิก)
ถ้าพูดถึงด้านการศึกษาก็ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะใบปริญญาจากแคนาดาได้รับการยอมรับทั่วโลกเลย นอกจากนี้ยังมีทุนการศึกษาให้นักศึกษาต่างชาติด้วย เช่น ทุนจากรัฐบาลควิเบก, Ontario Graduate Scholarship (OGS) เป็นต้น หรือถ้าใครเป็นวัยมหา’ลัยอย่างไปลองเปิดประสบการณ์ระยะสั้น จะมีทุน “Canada-ASEAN (SEED)” มอบให้โควตาให้คนไทยทุกปีด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์น่าสนใจอีกเช่น
- นักศึกษาต่างชาติยังสามารถทำงานพาร์ตไทม์ได้ 20 ชั่วโมง/สัปดาห์ ระหว่างเรียนด้วย
- เมื่อเรียนจบก็สามารถยื่นขอ Post-Graduation Work Permit (PGWP) ที่ให้สิทธิ์ทำงานในแคนาดาได้สูงสุด 3 ปี หลังเรียนจบ
- เศรษฐกิจของประเทศนี้จัดว่าแข็งแกร่ง แถมมีบริษัทระดับโลกมากมาย เช่น Shopify, Bombardier, RBC, Air Canada เป็นต้น
- มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม เช่น อุทยานแห่งชาติ Banff, ทะเลสาบ Moraine, น้ำตกไนแองการา เป็นต้น
Good to Know!
ประเทศแคนาดามีนโยบายดึงดูดแรงงานต่างชาติ เช่น Express Entry, Provincial Nominee Program (PNP) เป็นต้น ถ้าได้ทำงานที่แคนาดาไปนานๆ หรือทำอาชีพที่ขาดแคลน เช่น พยาบาล (ที่นี่ขาดแคลนมาก), งานด้าน IT ก็มีโอกาสได้ Permanent Residency (PR) สูงกว่าหลายประเทศ // ใครที่เล็งอยากย้ายถิ่นฐาน ที่นี่ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจเลยค่ะ
ตัวอย่างมหาวิทยาลัยชั้นนำ
- Université de Montréal
- McGill University
- Université Laval
............
3. เบลเยียม
ใครที่อยากไปเรียนยุโรปแบบงบไม่บานปลาย ต้องที่นี่เลย ‘เบลเยี่ยม’ หนึ่งในประเทศที่เหมาะสำหรับการเรียนต่อในยุโรป ด้วยคุณภาพการศึกษาสูง หลักสูตรที่เปิดสอนเป็น ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส ดัตช์ และเยอรมัน รวมถึงค่าครองชีพในเบลเยียมถูกกว่าในฝรั่งเศส เยอรมนี หรือเนเธอร์แลนด์ และทำเลที่ตั้งดีเยี่ยม (ตั้งอยู่ระหว่าง ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก)
โดยเมืองหลวงของเบลเยียมอย่าง ‘กรุงบรัสเซลส์’ เป็นศูนย์กลางของสหภาพยุโรป (EU) และองค์กรระหว่างประเทศมากมาย เช่น NATO, European Commission, European Parliament รวมถึงมีบริษัทข้ามชาติ เช่น ING, Deloitte, Solvay, UCB ซึ่งถ้าเราจบจากที่นี่ เราสามารถขอ Post-Study Work Visa ที่ช่วยให้นักศึกษาต่างชาติสามารถหางานทำหลังเรียนจบด้วยค่ะ ที่สำคัญที่นี่ยังมีระบบขนส่งดีเยี่ยม เช่น Eurostar และ Thalys ที่สามารถเดินทางไป ปารีส ลอนดอน อัมสเตอร์ดัม ได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง หรือถ้าใครไม่อยากออกนอกประเทศ ที่นี่ก็มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เช่น Grand Place, Bruges, Atomium รวมถึงมีเทศกาลระดับโลกปังๆ เช่น Tomorrowland, Gentse Feesten
ใครอยากมาเรียนหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตสูง มีระบบสวัสดิการดี เช่น ประกันสุขภาพและที่พักราคาถูกสำหรับนักศึกษา เซฟที่นี่เข้าลิสต์ไว้ได้เลยน้า~
ตัวอย่างมหาวิทยาลัยชั้นนำ
- KU Leuven
- Université libre de Bruxelles (ULB)
- Ghent University
- Université catholique de Louvain (UCLouvain)
- Vrije Universiteit Brussel (VUB)
............
4. สวิตเซอร์แลนด์
เชื่อว่า ‘สวิตเซอร์แลนด์’ เป็นดินแดนในฝันของใครหลายๆ คนเลยค่ะ เพราะว่ามีคุณภาพการศึกษาดีมาก พร้อมทั้งมีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย มาตรฐานชีวิตสูง (+ค่าครองชีพก็สูงด้วยค่า 555) ดังนั้นสำหรับใครที่ได้ภาษาฝรั่งเศสแนะนำให้เล็งเก็บในลิสต์ได้เลย เพราะว่าภาษาฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในภาษาราชการของสวิตเซอร์แลนด์นั่นเอง ยกตัวอย่างเมืองดังๆ เช่น เจนีวา (Geneva), โลซานน์ (Lausanne), นียง (Nyon), มงเทรอซ์ (Montreux) เป็นต้น
แม้ว่าค่าเล่าเรียนจะสูง แต่ว่าสวิตเซอร์แลนด์ก็มีทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนต่างชาติให้ด้วย เช่น Swiss Government Excellence Scholarships รวมถึงมีทุนจากสถาบันต่างๆ ที่มีโควตาสำหรับนักเรียนต่างชาติ ว่าแล้วตามมาดูไฮไลต์น่าสนใจอื่นๆ กันต่อดีกว่า
- นักศึกษาต่างชาติสามารถทำงานพาร์ตไทม์ 15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (ค่าตอบแทนค่อนข้างสูงเลยค่ะ)
- เมื่อเรียนจบก็สามารถอยู่ต่อ 6 เดือน เพื่อหางานในสวิตเซอร์แลนด์ได้ด้วย
- เป็นที่ตั้งขององค์กรระดับโลก เช่น United Nations (UN), World Health Organization (WHO), World Economic Forum (WEF) รวมถึงมีบริษัทชั้นนำ เช่น Nestlé, Novartis, Roche, UBS, Credit Suisse เป็นต้น
ปิดท้ายด้วยด้านคุณภาพชีวิต สวิตเซอร์แลนด์ติดอันดับประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลก มีระบบสวัสดิการสุขภาพที่ยอดเยี่ยม อากาศบริสุทธิ์ เมืองสะอาด และหลายคนรู้กันดีว่าธรรมชาติที่นี่สวยงามมากก มีภูเขา ‘Swiss Alps’ ที่เหมาะสำหรับ สกี ปีนเขา และเดินป่า มีทะเลสาบสวยงาม เช่น Lake Geneva, Lake Lucerne บรรยากาศดี เหมาะกับการเรียนและใช้ชีวิตขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยค่ะว่าทำไมประเทศนี้ถึงเป็นสถานที่ในฝันของใครหลายๆ คน~
ตัวอย่างมหาวิทยาลัยชั้นนำ
- Université de Genève
- EPFL (École Polytechnique Fédérale de Lausanne)
- Université de Lausanne
- ETH Zurich
- University of Zurich
- University of Geneva
- University of Basel
............
5. ลักเซมเบิร์ก
อีกหนึ่งประเทศเล็กๆ แต่ทรงอิทธิพลในยุโรป (และรวยติดอันดับโลก) ก็คือ ‘ลักเซมเบิร์ก’ ซึ่งที่นี่ใช้ ภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน และลักเซมเบิร์กเป็นภาษาราชการ โดยที่นี่การศึกษาก็จัดว่ามีคุณภาพ และยังเป็นศูนย์กลางทางการเงินอันดับต้น ๆ ของยุโรปเลย อย่างบริษัทข้ามชาติและองค์กรระดับโลกอย่าง Amazon EU, PwC, Deloitte, European Investment Bank (EIB), UBS, J.P. Morgan ก็มีสำนักงานตั้งอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์น่าสนใจ ยกตัวอย่างเช่น
- มีทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติ เช่น Guillaume Dupaix Scholarship รวมถึงนักศึกษาสามารถสมัครขอรับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพจากรัฐบาลลักเซมเบิร์กได้ด้วย
- ถ้าใครอยากทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย ที่นี่ก็อนุญาตให้นักศึกษาสามารถทำงานพาร์ตไทม์ได้ 15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เลย
- หลังเรียนจบสามารถขอใบอนุญาตทำงานในลักเซมเบิร์กหรือประเทศยุโรปอื่นๆ ได้ด้วย // และถ้าเราได้งานประจำที่นี่ ก็สามารถสมัครขอ ถิ่นที่อยู่ถาวร (Permanent Residency - PR) ได้ด้วยนะคะ
นอกจากนี้ลักเซมเบิร์กยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลกเลย ด้วยบ้านเมืองที่สะอาด มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีระบบขนส่งสาธารณะฟรีสำหรับทุกคน รวมถึงนักเรียนต่างชาติด้วย! ด้านโลเคชั่นก็ปังไม่ไหว เพราะตั้งอยู่ระหว่างฝรั่งเศส เยอรมนี และเบลเยียม ทำให้การเดินทางไปประเทศอื่นนั้นแสนจะง่ายดาย นับว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าสนใจสำหรับใครที่อยากไปเรียนที่ยุโรปเลยก็ว่าได้
ตัวอย่างมหาวิทยาลัยชั้นนำ
- Université du Luxembourg
............
6. ประเทศในแอฟริกาที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส
สุดท้ายนี้ใครที่อยากแหวกแนว หาประสบการณ์ใหม่ๆ ต้องลองเลือกประเทศในแอฟริกาเลยค่ะ ที่นี่บางประเทศใช้ภาษาฝรั่งเศสในการสื่อสาร เช่น โมร็อกโก, ตูนิเซีย, แอลจีเรีย, เซเนกัล, ไอวอรีโคสต์ เป็นต้น และที่สำคัญค่าเล่าเรียนในแอฟริกาถูกกว่าประเทศตะวันตกหลายเท่าเลย ยิ่งค่าครองชีพก็ค่อนข้างถูก และยังมีทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติให้ด้วย เช่น African Union Scholarships, Mastercard Foundation Scholarships // เรียกได้ว่าอาจจะประหยัดงบลงไปได้เยอะเลย
แอฟริกาเป็นทวีปที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย และโอกาสเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่สำคัญ มีเทศกาลที่น่าสนใจ เช่น Festival au Désert (มาลี), Lake of Stars (มาลาวี), Timkat (เอธิโอเปีย) มีอาหารที่ขึ้นชื่อ เช่น Nshima จากแซมเบีย, Jollof Rice จากไนจีเรีย/กานา), Bunny Chow จากแอฟริกาใต้
และถ้าใครเป็นสายเที่ยว ทวีปนี้ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก เช่น ซาฟารีในเคนยาและแทนซาเนีย, อุทยานแห่งชาติ Kruger ในแอฟริกาใต้, ทะเลสาบวิกตอเรีย ในยูกันดา/แทนซาเนีย/เคนยา รวมถึงมหาพีระมิดแห่งกิซ่า ที่อียิปต์ หรือถ้าใครอยากพักสมองจากการเรียนก็มีกิจกรรมสายผจญภัย เช่น เดินป่า ดำน้ำ ปีนเขา และซาฟารี เรียกได้ว่าถ้าใครต้องการประสบการณ์การเรียนแบบแอดเวนเจอร์ที่ไม่เหมือนใคร การเลือกเรียนในประเทศที่แอฟริกาอาจเป็นปลายทางที่คุ้มค่าเลยค่ะ!
ตัวอย่างมหาวิทยาลัยชั้นนำ
- Université Mohammed V (โมร็อกโก)
- Université de Tunis (ตูนิเซีย)
ใครที่มีสกิลภาษาฝรั่งเศส เก็บรายชื่อประเทศเหล่านี้เข้าลิสต์ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นโซนยุโรป แคนาดา รวมถึงแอฟริกาก็น่าเรียนทั้งนั้น แถมมีเส้นทางโอกาสต่อยอดหลังเรียนจบอีกด้วย สำหรับใครอยากเรียนต่อนอก อย่าลืมกดติดตามไว้เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความและสาระดีๆ ที่จะมาขยันเสิร์ฟกันค่ะ Au revoir~
...........
สำหรับใครที่มองหาโอกาสโกอินเตอร์ ตอนนี้มีหลายทุนกำลังเปิดรับสมัคร
ตามไปเช็กกันต่อได้เลยที่ "โปรแกรมค้นหาทุนเรียนต่อนอก by Dek-D"
ติดตามทุนต่อนอกง่ายๆ กับ Dek-D
- Website: www.dek-d.com/studyabroad
- X: @tornokandcourse
- IG: @tornokandcourse
- Facebook: Study Abroad เรียนต่อนอก by Dek-D
- Facebook: Study Guide ไปเรียนต่อนอกกันเถอะ
- TikTok: @tornokandcourse
0 ความคิดเห็น