เรื่องนี้โรงเรียนไม่ได้สอน : วิวัฒนาการ ‘การสอบเข้ามหาวิทยาลัย’ ของเด็กไทย

ย้อนดูไทม์ไลน์การเปลี่ยนแปลงในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เด็กรุ่นไหน? ต้องเจอกับระบบอะไรบ้าง?

การสอบเข้ามหาวิทยาลัยถือว่าเป็นด่านหิน ด่านสุดโหดของชีวิตเด็กไทยทุกยุค ทุกสมัย เพราะกว่าจะสอบติดคณะที่ชอบ มหาวิทยาลัยในฝันไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ความพยายาม มุ่งมั่น ตั้งใจ และผ่านการสอบต่างๆ มากมาย วันนี้จะพาไปดูกันว่า การสอบเข้ามหาวิทยาลัยแต่ละรุ่นต้องเจอกับอะไรกันบ้าง?

ในยุคแรกเริ่มที่ประเทศไทยมีมหาวิทยาลัย การรับนักศึกษาเข้ามาเรียนจะเป็นวิธีการ ‘รับตรง’ ที่แต่ละสถาบันจะเปิดสอบของตัวเอง มีหลักเกณฑ์ของตัวเองในการคัดเลือกเด็กเข้าไปเรียน 

ปี 2504 - 2515 เอ็นทรานซ์ (ยุคแรก)

ในปี 2504 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (มหาวิทยาลัยมหิดล) จัดสอบร่วมกัน โดยมีสภาการศึกษาแห่งชาติเป็นผู้ประสานงาน ในปีถัดมาก็มีอีก 4 สถาบันเข้าสู่ระบบสอบร่วมกัน ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาลัยเทคนิคธนบุรี (เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี) ต่อมาก็มี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ขอนแก่น) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และวิทยาลัยโทรคมนาคมนนทบุรี (สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง) เข้าร่วมในภายหลัง

ปี 2516 - 2541 เอ็นทรานซ์ (ทบวงมหาวิทยาลัย)

เกิด “ทบวงมหาวิทยาลัย” ขึ้นมาเพื่อดำเนินงานสอบคัดเลือก เป็นระบบการสอบเอ็นทรานซ์ ที่จะมีการสอบ 1 ครั้งต่อปี และมีสิทธิ์เลือกคณะได้ 6 อันดับ   


ปี 2542 - 2548 เอ็นทรานซ์ (ยุคใหม่)

“ทบวงมหาวิทยาลัย” ได้ตั้ง “คณะกรรมการศึกษา ตรวจสอบ และพัฒนาการ” นำเกรดเฉลี่ยนม.ปลาย มาใช้ร่วมกับคะแนนสอบเอ็นทรานซ์ จึงเกิดเป็นระบบเอ็นทรานซ์แบบใหม่ คือ

  • เกรดเฉลี่ย GPA 10%
  • คะแนนสอบ 90%
  • สามารถสอบได้ปีละ 2 ครั้ง และนำคะแนนที่ดีที่สุดมาคำนวณเลือกคณะได้ 4 อันดับ  

ปี 2549 - 2552 แอดมิชชั่น (O-NET/A-NET)

เปลี่ยนระบบจาก “เอ็นทรานซ์” มาเป็น “แอดมิชชั่น”  หรือ “ระบบคัดเลือกเข้าอุดมศึกษากลาง” โดยมี สกอ. และ ทปอ. เป็นผู้ดูแล โดยมี

  • สอบ “O-NET” (แบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน) 
  • สอบ “A-NET” (แบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง) 
  • GPAX, GPA 30%
  • นำคะแนนแต่ละวิชามาคำนวณตามสัดส่วนที่คณะกำหนด และสามารถเลือกได้ 4 อันดับ

ปี 2553 - 2560 แอดมิชชั่น (GAT/PAT)

ยกเลิกการสอบ "A-NET" เปลี่ยนเป็นการสอบ "GAT/PAT" แทน โดย GAT ก็คือการทดสอบวิชาความถนัดทั่วไป และ PAT คือการสอบวัดความถนัดเฉพาะวิชาการและวิชาชีพ 

  • GPAX 20%
  • O-NET 30%
  • GAT / PAT 
  • นำคะแนนแต่ละวิชามาคำนวณตามสัดส่วนที่คณะกำหนดและสามารถเลือกได้ 4 อันดับ 

นอกจากนี้หลายๆ มหาวิทยาลัยยังเปิดรับตรงมากขึ้น รวมถึงกลุ่มสถาบันการแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) จัดสอบสอบวิชาการ 7 วิชา และเป็น 9 วิชาสามัญในภายหลัง 

ปี 2561 - 2564 TCAS (ยุคแรก)

อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงระบบครั้งใหญ่คือเปลี่ยนจาก "แอดมิชชั่น" เป็น "TCAS" แบ่งออกเป็นทั้งหมด 5 รอบ 

  •           รอบที่ 1 แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) เป็นการสมัครโดยตรงกับมหาวิทยาลัย
  •           รอบที่ 2 โควตา สมัครที่มหาวิทยาลัย เน้นการใช้คะแนนกลาง (O-NET, GAT PAT, วิชาสามัญ) แต่สามารถจัดสอบวิชาเฉพาะเพิ่มเองได้
  •           รอบที่ 3 รับตรงร่วมกัน เป็นการรับตรงทั่วประเทศ
  •           รอบที่ 4 แอดมิชชั่น ใช้คะแนน GAT/PAT, O-NET, GPAX และสามารถเลือกได้เลือกได้ 4 อันดับ
  •           รอบที่ 5 รับตรงอิสระ

ทั้งนี้ในแต่ละรอบถ้าสอบติดในรอบไหนแล้ว ก็จะไม่สามารถสมัครในรอบต่อไปได้

ปี 2565 TCAS (ยุคสอง)

ชื่อเหมือนเดิม แต่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมคือ ยกเลิกการใช้คะแนน O-NET และมีการคัดเลือก 4 รอบ

  • รอบที่ 1 Portfolio  ไม่ใช้คะแนนสอบ ใช้แค่แฟ้มสะสมผลงาน สมัครโดยตรงกับเว็บมหาวิทยาลัย 
  • รอบที่ 2 โควตา มีการใช้คะแนนสอบ (แล้วแต่คณะ) สมัครโดยตรงกับเว็บมหาวิทยาลัย 
  • รอบที่ 3 แอดมิชชั่น ใช้คะแนน GAT/PAT, วิชาสามัญ, GPAX โดยเลือกได้สูงสุด 10 อันดับ
  • รอบที่ 4 Direct Admission สมัครโดยตรงกับเว็บมหาวิทยาลัย 

เพิ่มขั้นตอนการยืนยันสิทธิ์ในระบบ myTCAS หลังสอบติดด้วย หากสอบติดแล้วไม่เข้าไปยืนยันสิทธิ์ ก็จะถือว่าไม่มีสิทธิ์เข้าศึกษา

ปี 2566 - 2568 TCAS (ยุคปัจจุบัน)

การเปลี่ยนแปลงสำคัญคือเปลี่ยนการสอบ "GAT/PAT" เป็น "TGAT/TPAT" โดยจะเปิดรับสมัคร 4 รอบ

  • รอบที่ 1 Portfolio  ใช้แฟ้มสะสมผลงาน รวมถึงอาจใช้คะแนนวัดความถนัด เช่น GPAX, TGAT, TPAT สมัครโดยตรงกับเว็บมหาวิทยาลัย 
  • รอบที่ 2 โควตา มีการใช้คะแนนสอบ ส่วนกลาง/มหาวิทยาลัยจัดขึ้นเอง เช่น GPAX, TGAT, TPAT, A-Level มหาวิทยาลัยดำเนินการรับสมัคร
  • รอบที่ 3 แอดมิชชั่น ใช้คะแนน GPAX, TGAT, TPAT, A-Level ยื่นสมัครได้สูงสุด 10 อันดับ สามารถประมวลผลการคัดเลือกได้
  • รอบที่ 4 Direct Admission มหาวิทยาลัยมีอิสระในการกำหนดเกณฑ์การคัดเลือก ใช้คะแนน GPAX, TGAT, TPAT, A-Level

ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแต่ละยุคไม่เคยง่ายเลยสำหรับนักเรียน ต้องใช้ความมุ่งมั่น ตั้งใจ และความพยายามอย่างมาก ในแต่ละการเปลี่ยนแปลงก็เชื่อว่าจะพัฒนาให้ระบบดีขึ้นเรื่อยๆ สำหรับ Dek68 ในปีนี้ก็ขอเป็นกำลังใจนะคะ ขอให้น้องๆ ชาว Dek-D สอบติดคณะที่ใช่ มหาวิทยาลัยที่ชอบ สู้ๆ 

ที่มา  https://www.dek-d.com/tcas/60197/https://www.dek-d.com/tcas/45837/https://www.dek-d.com/tcas/58455/https://www.dek-d.com/tcas/281/https://workpointtoday.com/

 

พี่แพม
พี่แพม - Columnist คอลัมนิสต์สายติ่งเกาหลี นอนน้อยเพราะดูซีรีส์ สาระไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น