สาวๆ ใช้เวลานานแค่ไหนก่อนออกจากบ้าน

ทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอนพื้นฐานในการแต่งหน้าของสาวญี่ปุ่นค่ะ ซึ่งก็จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นปกติทุกวันก่อนก้าวขาออกจากบ้านไปไหนต่อไหน หากน้องๆ สังเกตกันจะรู้ว่า สาวๆ ญี่ปุ่นนี่แหละที่นำเทรนด์การแต่งหน้าจัดจ้าน (และแน่นอนว่าสวยใสไฮโซ) แล้วเทรนด์ที่ว่าก็ฮิตมาถึงแถวบ้านเราด้วย แล้วพี่จูนก็เชื่อว่า ทุกวันนี้แม้สาวๆ จะไม่ได้แต่งหน้าอลังการปานนั้น แต่อย่างน้อยก็ขาดลิปกลอสกับแป้งฝุ่นไม่ได้เนอะ เพราะเกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบากแค่จะออกไปซื้อขนมยังต้องสวยไว้ก่อน 55

จะว่าไปก็เคยมีการสำรวจพบว่า ผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนใหญ่ใช้เวลาแต่งหน้าในตอนเช้าอยู่ที่ 20 นาทีขึ้นไป
โดยผู้หญิงญี่ปุ่นกลุ่มที่ใช้เวลานานที่สุด คือ กลุ่มอายุ 20-24 ปี ที่ใช้เวลาประมาณ 29 นาที
รองลงมาคือ ผู้หญิงญี่ปุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี ที่ใช้เวลาประมาณ 25 นาที
อันดับต่อมา คือ ผู้หญิงญี่ปุ่นอายุ 25-29 ปี ที่ใช้เวลาประมาณ 24 นาที
และเวลาที่ใช้จะค่อยๆ ลดลง เมื่ออายุขึ้นเลขสาม!

เฮ้...นี่หมายความว่าพออายุเริ่มมากขึ้น ผู้หญิงญี่ปุ่นก็ใส่ใจตัวเองและความงามน้อยลงงั้นเรอะ?!

อาจจะจริง แต่ถ้ามองในแง่ดี ก็จะอธิบายได้ว่า เมื่อสาวๆ เริ่มโตขึ้น (เวลาพูดกับผู้หญิงควรเลี่ยงคำว่าอายุมากนะคะน้องๆ) ผู้หญิงในช่วงนี้มีความเชี่ยวชาญและชำนาญการเสริมแต่งความงามของตัวเองมากขึ้น จึงใช้เวลาน้อยลงไปด้วย แต่ไม่ว่าจะใช้เวลามากน้อยเพียงไหน ก็ต้องยอมรับว่า ผู้หญิงจำนวนมากรู้สึกว่า “การแต่งหน้า” เป็นการเสริมเพื่อความงามและความมั่นใจให้กับตัวเอง หลายคนรู้สึกว่าการแต่งหน้าช่วยดึงข้อดีและจุดเด่นบนใบหน้าออกมา ในขณะที่บางคนก็รู้สึกว่าเป็นการช่วยปกปิดและซ่อนเร้นความไม่สวยงามหรือสิ่งซึ่งไม่ปรารถนาให้เด่นออกชัดมาบนใบหน้า

ทั้งหมดนี้ ไม่เพียงเฉพาะสาวๆ ญี่ปุ่นเท่านั้น แต่พี่จูนเชื่อว่าผู้หญิงทั้งโลกต่างก็มีอาการเดียวกันหมด โดยการตื่นเช้าเป็นพิเศษอาจเป็นเรื่องยากสำหรับสาวๆ บางคน (ที่จริงก็ทั้งหนุ่มๆ สาวๆ นั่นแหละ) แต่เพื่อความงามแล้ว หลายคนทำได้อย่างน่าเหลือเชื่อ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเอง ทั้งหมดที่พี่จูนเล่าให้ฟังนี้ ยังไม่รวม เสื้อผ้า ทรงผม นะคะ ซึ่งถ้ารวมเข้าไปด้วย กว่าที่เสื้อผ้า หน้า ผม จะเริ่ดพร้อมรบ คงใช้เวลาไม่น้อยกว่า 40 นาทีแน่นอน น้องๆ ว่าจริงมั้ยล่ะ?

แล้วสาวๆ Dek-D ล่ะคะ ใช้เวลากันนานแค่ไหน แล้วต้องทำอะไรกันบ้างเอ่ย?

พี่จูนขอขอบคุณข้อมูลประกอบจากผู้จัดการออนไลน์
และภาพประกอบจาก www.wikipedia.com