ช่วยแต่งพรรณนาเกี่ยวกับป่าใหญ่ให้หน่อนคะ
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
9 ความคิดเห็น
เดินไปดูในป่าสิ
ยากนะคะ ไม่ใช่ว่าเขียนยากนะ แต่ให้แต่งให้นี่ล่ะค่ะที่ยาก
ลองหานิยายที่มีฉากป่าอ่านดูไหมคะ หรืออย่างที่เม้นท์บนว่า ลองเข้าป่าแล้วใช้ประสาทสัมผัสทั้งหมดดู คิดว่าน่าจะพอให้นึกบรรยากาศออกได้ค่ะ
การบรรยายฉากแต่ละฉากนี่แต่ละคนมีวิธีการเขียนและการบรรยายที่ไม่เหมือนกัน ลองหาอ่านแต่ละแบบดูแล้วลองเขียนเองอาจช่วยสร้างแบบของตัวเองขึ้นมาได้นะคะ
วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า
ฉันเจอนกตัวหนึ่ง
มันถามฉันว่าจะไปไหน
ฉันจึงตอบอยากไปให้ไกล
ไกลเกินกว่าที่ฉันเคยไ... เดี๋ยวสิไม่ใช่ละ :v
งั้นแนะนำละกันน่อ
การพรรณานาเกี่ยวกับป่าส่วนใหญ่จะมีองค์ประกอบประมาณนี้ครับ
- จินตนาการว่าเราอยู่ในป่าแห่งนั้น แล้วเลือกเอาว่าจะมีองค์ประกอบอะไรบ้าง
- เสียงของสัตว์ เช่น เสียงนก เสียงลิง ค่าง วัว ชะนี หมาป่า ตุ๊กแก บลาๆ
- เสียงของธรรมชาติ เช่น เสียงน้ำไหล เสียงลมที่กระทบใบไม้ เสียงเดินป่ากรอบแกรบ(หรือบางที่จะเป็นเสียงหญ้าแซกๆ)
- ความรกและลักษณะต้นไม้และพืชพรรณ เช่น ป่าที่ใบไม้หนาแน่นมากจนแสงแทบไม่ตกถึงพื้น เปลือกไม้หนาสีดำมืดที่กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม
- อาจบรรยายเกี่ยวกับบรรยากาศและกลิ่นของป่า เช่น ความชื้น ความอบอ้าว
ซึ่งในแต่ละส่วนนี้ก็อาจจะแตกต่างกันไปตามลักษณะของป่าด้วยครับ เพราะป่าไม้มันมีอยู่หลายรูปแบบ
เช่น... สมมติผมจะเอาป่าที่แห้งแล้งมากๆ ก็จะได้ประมาณนี้
"ข้าพเจ้าลืมตาตื่นขึ้น พร้อมกับความรู้สึกขาดน้ำและแสบแห้งไปทั่วทั้งลำคอ ก่อนจะรู้ตัวว่าร่างนั้นกำลังนอนแผ่อยู่บนกลุ่มหญ้าสีเหลืองแห้ง
ท่ามกลางป่าโปร่งซึ่งแวดล้อมกายที่นอนนิ่ง บรรยากาศโดยรอบนั้นเงียบกริบ แสงแดดแผดเผาจากฟ้าได้ลอดผ่านช่องว่างของไม้ยืนต้นเตี้ยๆที่ใบลีบผอมและแผ่กระจายความร้อยระอุไปทั่วผืนป่าไม่เว้นแม้แต่ใบหน้าของข้าพเจ้าเอง
พอตั้งใจฟังเสียงอื่นท่ามกลางความเงียบก็จะได้ยินกลุ่มกระบือป่าร้องแว่วมาแต่ไกล มีนกน้อยตัวเล็กๆที่มองไม่เห็นส่งเสียงเป็นระยะ จิ๊ก จิ๊ก แต่เสียงเหล่านั้นก็ไม่อาจจะบรรเทาความง่วงเหงาที่บังเกิดขึ้นในใจข้าพเจ้าอันเนื่องจากสภาพแวดล้อมอันไร้ชีวิตชีวาเช่นนี้ได้เลย"
ต่อนะ
พออ่านจบก็จะเห็นได้ว่าในเนื้อหามีอะไรที่แตกต่างไปจากที่ผมแนะนำข้างต้นบ้าง "มันคือการบรรยายความรู้สึกตัวละครนั่นเอง" ซึ่งในขณะเดียวกันคนอื่นๆอาจจะไม่บรรยายเข้าไปในความคิดของตัวละคร และอธิบายให้เห็นภาพรวมเลยดีกว่า บ้างก็มีบางคนที่บรรยายถึงความคิดของสัตว์ต่างๆที่เฝ้าดูตัวละครในฉากอย่างเงียบๆด้วยก็มี ก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนและความเหมาะสมกันไปครับ ซึ่งหมายความว่าเวลาเราแต่งนิยายก็ใช่ว่ามันจะมีกฏที่ตายตัว ดังนั้นการจะให้คนอื่นแต่งให้เลยมันจะทำให้เราไม่ได้ฝึกซ้อม ถึงแม้ว่าเราจะใช้ฉากนั้นบ่อยหรือไม่ก็ตาม ลองฝึกและแต่งเองดู ผลลัพธ์อาจจะดูไม่ถูกใจบ้าง แต่ขอให้รู้ว่าคุณกำลังเก่งขึ้นครับผม สู้ๆเด้อ
ในป่าที่กว้างขวางและมีสีเขียวขจีของใบไม้นานาพรรณช่างดูสบายตา ล้อบรอบไปทั่ว สีของท้องนภาวันนี้ช่างดูสดใสราวกลับกำลังอวดความสวยของตนเอง ต่นไม้นานาชนิดขึ้นประปรายกันไปต่างมีต้นที่โตเต็มที่และเพิ่งจะขึ้นใบ อากาศอันบริสุทธิ์ที่ต้นไม้เหล่านี้ผลิตออกมา ราวกลับได้อยู่ในสรวงสรรค์ เสียงนกขับขานบทเพลง ราวกลับจะกล่อมให้เข้าสู่ห้วงนิทรา ลมช่างเป็นใจพัดมาแผ่วๆ เสียงน้ำลำธารที่กำลังขับกล่อมไปพร้อมกับเสียงนก และเสียงเสียดสีของใบไม้เขียวขจี ราวกลับจะกล่อมให้เข้าสู่ห้วงนิทรา(ซักพักนกขะขี้เข้าปาก555)
พรรณางี้หรอคะ=w=
ลองเอาไปปรับเปลี่ยนดูเนอะ เติมเองดูค่ะ
ช่วยแต่งให้สมบูรณ์หน่อยสิไม่ใช่เอาคำที่ไม่เหมาะสมมาแต่งพอผู้้อื่นอ่านมันไม่ไพเราะ
คำมันไม่เหมาะสมยังแต่งอีกเอาคำที่เหมาะสมกว่านี้ถามจริงเถอะว่าแจ้งเกี่ยวกับธรรมชาติหรือแต่งอะไรไม่รู้เรื่องเลยค่ะเขาให้แต่งเกี่ยวกับธรรมชาติ
เราพรรณนาไม่ค่อยเก่งแต่จะพยายามนะ...
..รอบกายรายล้อมไปด้วยพืชพันธุ์หลากหลายชนิด ต้นไม้สีเขียวขจีขึ้นรกทึบทั่วเขตแดนป่า
พระพายพัดกลิ่นหอมอ่อนๆของธรรมชาติ
ผืนดินที่เหยียบย้ำถูกปกคลุมด้วยหญ้าที่มียอดสีเขียวอ่อน..บรรยากาศอันเงียบสงบนี้บางทีอาจทำให้ดูวังเวงสำหรับหลายๆคน
แต่สำหรับผู้ที่คุ้นชินแล้วไซร้นี้แลความสงบสุขที่เเท้จริง...
ช่วยแต่งเกี่ยวกับใบไม้หน่อยค่ะ (ใบจันผา)
จะลองแต่งดูน่ะค่ะ
...เมื่อเท้าเก้าเข้าไปยังในเขตป่า สายลมเย็นก็พัดมาทักทายแถมหอบพาเอากลิ่นไอดินชื้นๆและกลิ่นของใบไม้แห้งมาโชยแตะปลายจมูกจนต้องสูดดมเข้าไปเต็มปอด
...สดชื่น. สบายใจ
เหมือนกับว่าร่างกายได้เติมอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มถัง
ยิ่งเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆสภาพแวดล้อมรอบกายเริ่มมีต้นไม้ขึ้นแน่นขนัด บางที่ที่เดินผ่านก็รกจนต้องอ้อมเลี้ยงไป บางทีก็มีต้นไม้ใหญ่ล้มขวางทางจนต้องปีนข้ามไปอย่างทุลักทุเล. บรรยายเย็นชื้นขึ้นจนสัมผัสได้ แมกไม้เริ่มหนาตาจนบทบังแสงแดดยามสายของวัน
กระเถาไม้เลื้อยเกี่ยวพันต้นมะกอกดูแล้วคล้ายๆกับสตรีที่นุ้งผ้าสะไบบางช่างเพลินตา
ต้นกล้วยไม้ป่าออกดอกบางสะพรั่งมันอิงแอบลำต้นกับต้นพยุงสูงใหญ่เพื่ออาศัยฝังรากดูดน้ำจากต้นไม้ใหญ่
เสียงนกร้องมาแต่ไกลๆก้องกังวาลทั่วผืนป่า จิ้งหรีดก็ร้องจ้าขานรับไม่ขาดสาย ทำให้ตลอดเส้นทางลัดเลาะไม่เงียบเหงา
พืชพันธุ์หลากหลายชนิดขึ้นเรียงรายแต่ใช่ว่าจะเป็นแถวเป็นแนวเสียที่เดียว
ยิ่งเดินลึกเข้าไปๆๆ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รอบตัวยิ่งเคว้งคว้างร้างเสียงสรรพสัตว์เป็นเพื่อนเดิน จนต้องหยุดมองรอบๆที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ พอแหงนมองเบื้องบนก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะใบไม้ปิดทึบจนแสงแทบลอดออกมาไม่ถึงพื้น
พอกับมามองรอบกายก็ชัดจะเริ่มสับสนกับตัวเองว่าทางที่เดินเข้ามามันคือทิศอะไร ยิ่งมองยิ่งทำให้มึนงงราวกับเมาม้าหมุนในสวนสนุก จับทิศจับทางไม้ถูกว่าจะต้องเดินไปทางไหนต่อเพราะกลัวพลัดหลงออกนอกเขตเส้นทาง สายลมยังคงพัดเอื้อยๆอย่างเกลียดคร้านวูบไปวูบมาอยู่เสมอ โชคดีที่ยังมีอากาศถ่ายเทอยู่บ้างมิเช่นนั่นคงอึดอัดหายใจไม่ออกเป็นแน่
เพราะต้องการเข้ามาสำรวจทรัพย์พยากรณ์ทางธรรมชาติที่หายากอย่างต้นว่านเพชรหึง ที่ว่ากันว่าเป็นกล้วยไม้ป่าราคาแสนแพงและหายากมากๆชนิดหนึ่ง อย่างน้อยก็อยากเห็นซักครั้งก่อนมันจะสูญพันธ์
ยืนอยู่นานจนนึกถึงเนื้อร้องของบทเพลงท่อนหนึ่งขึ้นมา 'ชีวิตมันต้องเดินตามหาความฝัน...' ตูน บอดี้แสลม จนเผลอยิ้มร่าแล้วนึกในใจ
...เอาว่ะ! พี่ตูนบอกให้เดินก็เดิน
และตัดสินใจมุ้งตรงไปข้างหน้าเลือกโดยไม่ลังเลว่าทางที่ไปจะทำให้ตัวเองหลงป่าหรือไม่ แต่เลือกตามที่ใจคิดว่าทางนี้แหละใช่เลย....
บริบรูณ.....
ช่วยแต่งพรรณนาเกี่ยวกับวันนึงฉันตื่นขึ้นมาหน่อยคั
เราต้องดูก่อนฮะว่าต้องการป่าแบบไหนมีอะไร อันตรายไหน แล้วสถานการณ์เป็นอย่างไร
ป่าดิบชื้น? ป่าที่ต้นไม้หนาจนมืดน่าวังเวง? หรือป่าธรรมดาๆที่อุดมสมบูรณ์? อะไรปบบนนี้ฮะ
แล้วหบังจากนั้นก็คิดว่าถ้าตัวเอกแยู่ในป่าจะเห็นจะเจอจะรู้สึกอย่างไรบ้างประมาณนี้ฮะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?