Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เรียนคณะวิทยาศาสตร์ สาขาเคมี ได้อะไรกว่าที่คิดเลยแหละ.....

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดี เด็กดีทุกๆครับ........................................................
คนที่เข้ามาอ่านนี้ผมขอเรียกว่าน้องๆก็แล้วกันนะครับ (น่าจะมีแต่น้องๆแหละที่ สนใจกระทู้นี้เนาะ แฮร่ๆ)
ขอเเนะนำตัวก่อนเลยนะครับ พี่ชื่อ "วิน"  จากสาขาเคมี (หลักสูตร วทบ. 4ปี) มหาวิทยาลัยราชภัฎ....(เอาใว้บอกทีหลังดีกว่าเนาะ อิอิ) ปี2 แล้วนะครับ อิอิ
            เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ก่อนจะจบ ม.6 พี่มีความคิดเห็นว่าไม่ชอบ วิชาอะไรที่เกี่ยวกับ "วิทย์" เลย มันดูยากและน่าเบื่อมาก เรียนไปก็ไม่เข้าใจ แล้วเรียนไปไม่รู้จะเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันอะไร เคมีก็มีแต่ H2O  พี่เลยสงสัยเลยถามคุณครูออกไปว่า
"ครูครับผมจะเรียนเคมีไปทำไมครับ จบ ม.6ไปผมคงไม่ได้เรียนต่อในสายในหรอกครับ" (ตอนนั้น คิดอยากเรียนบริหาร) แล้ว- H2O ผมไปซื้อน้ำถ้าบอกแม่ค้าไปว่า "ป้าๆ เอา H2O 1ขวดครับ ป้าเขาคงได้ปาขวดน้ำใส่หัวผมแน่ๆเลยครับ" 
คุณครูก็บอกพี่ว่า "สักวันเธอจะรู้เองว่า วิชาในสายวิทย์มันสำคัญกับชีวิตเราขนาดไหน"
พอพี่ได้ฟังคุณครูพูดแบบนั้นแล้ว พี่ก็เริ่มอยากรู้ทันทีเลยว่า "เคมี มันคือะไรกันแน่?"
หลังจากนั้นทั้งอาทิตย์ พี่เริ่มค้นหาเกี่ยวกับคำว่า 
-เคมี จบไปแล้วทำงานอะไร
-เคมี เรียนยากไหม
-เคมี ทำอะไรได้บ้าง
-ในชีวิตประจำวันเราใช้เ คมี ทำอะไรบ้าง
ในหัวมีแต่เคมี....................................................................................
จนพี่หาคำตอบให้กับตัวเองได้แล้วว่า เคมี เรียนไปเพื่ออะไร
จนเวลาผ่านไปจากที่เคยลอกการบ้างเคมีเพื่อน (ลอกยัน ม.5เทอม1 อิอิ) พอเข้าใจและได้ศึกษา พี่ก็เริ่มทำเองทุกอย่างท่องตารางธาตุได้เลยนับตั้งแต่นั้นมา ตอนนั้นจำได้ว่า ม.5เทอม2 สอบกลางภาค มี40ข้อ คะแนนเต็ม20 สำหรับวิชาเคมี
พอสอบเสร็จคะแนนออกมา พี่ได้ 19/20 เพื่อนที่เก่งที่สุดในห้องที่พี่และทุกๆคนในห้องเคยลอกเขามา ได้15/20
พี่ภูมิใจในตัวเองมากเลยที่พี่ทำอะไรได้ด้วยตัวเองและศึกษาด้วยตัวเองจนเข้าใจและไม่ต้องลอกใครอีกต่อไป (ห้องพี่เป็นห้องคิงด้วยนะ อิอิ) คือ คนที่ผมลอกนะเก่งสุดในรุ่นแล้วครับ แต่ด้วยวิชาอื่นๆเกรดพี่ก็สู้เขาไม่ได้อยู่ดี แฮร่ๆ
พอ ม.6 เทอม2 พี่ต้องเลือกแล้วพี่จะลงเรียนอะไรต่อในระดับมหาวิทยาลัย ตอนนั้นพี่ยังมั่นใจในตัวเองว่าจะเลือก สาขาบริหารธุรกิจ พี่ลงสอบคัดเลืกของ ม.สารคาม ผลสรุปว่าติด แต่.............พี่ชายอยากให้ไปอยู่ที่ กทม. ด้วย พี่บอกจะได้ดูแลกันและกันด้วย
พี่เลย "เออ!!! ไปก็ไป" พอ มหาลัยแถว กทม. เริ่มเปิด ที่เเรกที่พี่ลงคือ ราชมงคลกรุงเทพ สาขาที่ลงคือ การจัดการ 
ผลสอบออกมาคือ ไม่ผ่านนนนนนนนนนนนนนน พี่ งง ตัวเองมากคือ ข้อสอบไม่ได้ยากเท่า ม.สรคามเลยนะ แต่ทำไมพี่ไม่ผ่าน ตอนสอบมั่นใจมากเลย
หลังจากนั้นก็เริ่ม ศึกษาสาขาที่เกี่ยวกับการบริหารต่างๆนาๆ และได้เริ่มต้นสอบใหม่ที่ ม.ราชภัฎบ้านสมเด็จ ที่ฝั่งธน ในสาขา บัญชี ประเภทความสามารถพิเศษด้านดนตรี (พี่เป็นนักดนตรีประจำ ร.ร.ด้วยนะ เล่นได้ทั้งคีย์บอร์ดและกีต้าร์ได้รางวัลมาหลายงานและเป็นตัวแทนจังหวัดไปแข่งระดับภาคด้วยแหละ) และได้ลง สอบใน ครุวิทย์ทั่วไปด้วย ที่ ม.ราชภัฎธนบุรี ฝั่งธน (อันนี้ลงไปเฉยๆเพราะป้าบอกอยากให้ลองเรียนครูดู)
ผลออกมาคือ ติดแค่บัญชี ม.ราชภัฎบ้านสมเด็จ ได้ทุนฟรี ประเภทความสามรถพิเศษด้านดนตรี แต่ด้วยความคิดว่าการที่ได้ทุนนี้ ต้องทำกิจกรรมอะไรให้กับมหาลัยแน่ๆ ในความที่ตัวเองกลัวว่าความสามารถจะเทียบกับระดับคนที่เรียนมาไม่ได้ เพราะดนตรีที่พี่เล่นคือ เล่นเองไม่ได้ศึกษาทฤษฎีมาเลย เอาแต่ปฏิบัติอย่างเดียว พี่เลยตัดสินในว่าไม่ขอรับดีกว่า 
เลยลงสอบใหม่ ที่ ม.ราชภัฎบ้านมเด็จนี้และที่เดิม เพราะถูกฉะตากับมอนี้เอามากๆ คราวนี้พี่บอกให้ลงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ เพราะหมดตังกับค่าเดินทางขึ้นมาสอบหลายบาทแล้ว (พี่ยุที่ อำนาจเจริญต้องขึ้นมาสอบที่ กทม. ค่ารถไปกลับก็ 1,000บาทละ) พี่เลยลงรอบคัดเลือกครั้งที่2ไปใน สาขาวิชา เคมี (วทบ.) (ตอนนั้นคิดว่า สาขาต่างๆที่คิดว่าจะได้เรียนลองมาก็เกือบหมดละที่ไม่ได้เรียนน่าจะเป็นเพราะโชคชะตาเราไม่นำพามั้ง เลยลองสาขานี้ดูเผื่อโชคชะตาจะนำพาให้เราเรียนสาขานี้จริงๆ)
ผลที่ออกมาคือ ผ่านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
โครตดีใจเรียนมีที่เรียนก่อนจบ ม.6 แล้ว (เป็นคนแรกในรุ่นที่ได้ที่เรียนในสายวิทย์ด้วยแหละ)
หลังจากนั้นพี่ก็เริ่มศึกษาว่า "เคมี ระดับมหาวิทยาลัย" ต้องเรียนอะไรบ้าง เลยเข้าไปเจอเว็บๆนึง สรุปมาให้เลยว่า ปี1 2 3 4 เรียนวิชานี้ๆ พี่เลยพูดกับตัวเองว่า "โอ้วววววววววววววววววววววเปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมเนี่ย" 
ซึ่งมันดูหนักมากๆ แต่ก็คิดว่า "ไม่เป็นไรไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ และไม่มีอะไรเกินความสามารถของเราหรอก"
เลยตัดสินใจจ่ายค่าเทอมแรกไป (หมื่นต้นๆ)
                 พอจบ ม.6 ก็เข้าสู่มหาวิทยาลัย อยากรู้ว่าเพื่อนในสาขาเยอะไหม (คิดในใจคงเยอะน่าดู เวลารับน้องคงจะสนุกเหมือนในหนังน่าดู) ทุกอย่างไม่เหมือนที่คิดใว้เลยครับ รุ่นผมทั้งเอกมีกันอยู่แค่ 16 คนในตอนนั้น (น้อยมากนะสำหรับผมถ้าเปรียบกับเอกอื่นแล้ว เอกผมผมน้อยเป็นอันดับ2 รองจากเคมีอุตสาาหกรรมที่ ม.ของผมนะมีกันแค่3-4คนเอง) ว้าววววววววววววววน่าอบอุ่นดีคน้อยๆจำชื่อกันได้ไม่ยากไม่วุ่นวายด้วย นี้แหละดีเลย
ถึงตอนรับน้อง ถึงเอกพี่จะน้อยแต่ก็ สนุก และ เวลาบูมเข้มแข็งพร้อมเพียงเสียงดัง ไม่แพ้ใคร (ฉายาตอนนั้นของพวกเราคือ "คนน้อยแต่100%" อิอิ) เรารับน้องกันเเบบครอบครัว อบอุ่มเอามากๆเลยนะขอบอก หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วแบบนี้
                   หลังจากรับน้องเสร็จพี่ก็เริ่มเข้าสู่การเรียนซึ่งตอนนั้นพี่ยุ ปี1 เข้าเริ่มเปลี่ยนหลักสูตรใหม่
ปี1 เทอมแรกก็เจอ เคมี1 แคลคูลัส1 แลปเคมี1 วิชาเลือกอีก2 แค่นี้เอง ไม่ค่อยยากเท่าไหร่
ปี1 เทอม2 ก็ เคมี2 แคลคูลัส2 แลปเคมี2 วิชาเลือกอีก2 ก็แค่นี้เหมือนกัน
(ปี1ส่วนมากจะกิจกรรมเยอะมากๆเลยต้องเก็บกิจกรรมกันวุ่น ตอนเทอม2 พี่ประกวดเดือนด้วยนะ อิอิ จนต้องขาดเรียนบางวิชาไปประกวดตั้ง2สัปดาห์แนะ)
พอมาปี2 เทอมแรก เริ่มหนักหน่อย เจอ เคมีอินทรีย์1 แลปเคมีอินทรีย์1 เคมีวิเคราะห์1 แลปเคมีวิเคราะห์1 ฟิสิกส์1 แลปฟิสิกส์1 ชีวะ1 แลปชีวะ1 วิชาเลือกอีก2 จากปี1 ที่มีเวลาว่าง1วัน ปี2มา เรียน3วิชาไม่มีพักเที่ยงเลยทีนี้
ปี2 เทอม2 เคมีอินทรีย์2 แลปเคมีอินทรีย์2 เคมีอนินทย์ทรี เครื่องมือ แลปเครื่องมือ ฟิสิกส์2 แลปฟิสิกส์2 วิชาเลือกอีก2 อันนี้ก็หนักเช่นกัน โดยเฉพาะเครื่องมือ เราต้องจำศัพท์เยอะแยะมากมาย (แต่พี่ชอบนะเพราะ พี่คิดว่าใครได้เครื่องมือคนนั้นคือสบายในสายงานแน่ๆ แต่ด้วยความที่สบายต้องแรกมาด้วยความยากเสมอ พี่จึงพยายามฦึกมันไปเรื่อยๆให้ชิน)
นี้ยังเหลือ เคมีชีวะ เคมีฟิสิกส์ พอลิเมอร์ เครื่องมือ2 เคมีวิเคราะห์2 เทคนิคการแยกการสกัด เทคนิคต่างๆ และวิจัย อะไรเยอะแยะมากมายอีกที่ยังต้องเจอ 
                    เรียนเคมีได้อะไรดีๆกว่าที่เราคิดนะ เราคือสายที่สาขาอื่นๆต้องมาศึกษาเรา เช่น วิศวะ วิทย์แวด เกษตร เทคนิคการแพทย์ ชีวะ สาธารณะสุข อิเล็กทรอนิค คณิต ทุกอย่างในคณะวิทย์ก็ต้องศึกษาวิชาเคมี แต่จะมากจะน้อยนั้นขึ้นอยู่กับหลักสูตรของแต่ละสาขา เช่น วิศวะอาจแค่ศึกษาเคมีพื้นฐาน  เทคนิคการแพทย์ศึกษาลึกยันเครื่องมือ เพราะเครื่องมือทางเคมีมีอยู่ทุกที่ทำงาน เช่น โรงพยาบาล ปตท. โรงงานผลิตทั้งเครื่องอุปโภค บริโภค ทุกอย่างต้องใช้เครื่องมือเคมีในการตวจหาสารปนเปื้อน ความชื้น การดูดกลืน นั้นนี่ 
พี่ยกตัวอย่าง เช่น ขนมที่เรากินเนี่ยก็ต้องผ่านเครื่องสแกนความชื้นก่อนว่า มีความชื้นเท่าไหร่? สามารถใสถุงนำออกจำหน่ายได้ไหม? แล้วถ้าออกจำหน่ายจะอยู่ได้กี่วัน? เนี่ยคือต้องใช้เครื่องวิเคราะห์ในทางเคมีหมดเลย หรือไม่ว่าจะเป็น ในน้ำชายี่ห่อต่างๆเนี่ย มีตะกั่วในน้ำไหม มีเหล็กในน้ำไหม ทำยังไงให้เหล็กหรือตะกั่วหมด แล้วออกจำหน่ายอยู่ได้ที่อุณภูมิเท่าไหร่ อยู่ได้กี่วัน ควรเก็บรักษาอย่างไร
หรือใครชอบแนวบู๊ๆก็ไปอยู่กองพิสูจน์หลักฐานครับ แนวธรรมชาติๆทำการวิจัยเกี่ยวกับเกษตรใทำยังไงให้ข้าวหอมดีตลอดทุกรุ่น(อันนี้จะออกแนวเคมีชีวะหน่อยนะ)พวกนี้คือกระบวนการทางเคมีหมดเลยนะ
เราศึกษาจากสากกระเบือยันเรือรบ อะครับ บอกได้เลยว่าใครที่ตัดสินใจจะเรียนสาขานี้มีงานทำแน่นอนล้านเปอร์เซ็นไม่ตกลงงาน เป็นครูก็ได้ครับถ้าชอบสอน (แต่อาจจะเจอนักเรียนแบบผมถามก็ได้นะว่าเรียนไปทำไม55)
                            อยากให้น้องนะครับที่กำลังจะตัดสินในที่คิดจะเรียนสายวิทย์ "ลองมองย้อนไปในวันที่มีความสุข ลองคิดทบทวนเรื่องราวที่เราเคยผ่าน" (คนละเรื่องละๆ) ว่าเราชอบสไตไหน ชอบงานสบายหรืองานบู๊ เคมีเรามีให้ครบ หรือชอบอยู่เงียบๆคนเดียว (อันนี้มีแน่นอน) ถ้าอ่านกระทู้นี้แล้วลองพิจารณาดูครับว่า "เคมี คืออะไร" "จบไปจะมีงานทำไหม" "เราต้องการอะไรจากสาขานี้" 
                             ถ้าน้องๆมีความตั้งใจรับลองว่าไม่ยากเกินความสามรถของน้องๆครับ พี่ก็เคยว่ามันยากเหมือนกัน แค่ข้อง่ายๆพี่ก็ยังทำไม่ได้เลย อะไรก็ไม่รู้เรียนไปไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไร เรียนเพื่อบอกแม่ค้าว่า "ป้าๆเอาH2O 1ขวด" "ลุงๆมี NaCl ไหมครับ?" แบบนั้นมีหวังไม่ได้ดื่มน้ำ ไม่ได้มีเกลือใว้ทำกับข้าวกันพอดี 
                             แต่พี่พยายามครับ พยายามที่จะไม่เดินตามรอยเท้าใครอีกต่อไป พี่อยากมีรอยเท้าเป็นของตัวเอง ถึงมันจะเป็นรอยเท้าเล็กๆแต่ก็สามารถเติบโตในวันข้างหน้าได้เช่นกัน...............................
                              ฝากถึงน้องๆนะครับ สาขานี้น่าเรียนและน่าสนใจครับ ไม่ต้องไปมหาลัยดังๆหรอกครับ เรียนที่ไหนก็มีค่าเท่ากันหมด มันอยู่ที่ตัวเราต่างหากว่าจะตั้งใจมากน้อยแค่ไหน พี่คนนึงแหละจบจาก ร.ร.ประจำตำบล ที่มีนักเรียนทั้ง ร.ร. แค่ 250-300ต่อปีเอง พี่มาเรียนมหาลัย เพื่อนๆจบจาก ร.ร. ประจำอำเภอกันทั้งนั้น นักรียน ร.ร.พวกเขานี้โอ้วโห้ววววววว800-1,000ขึ้น แต่พอมาเรียนมหาลัยเดียวกันกับพี่ก็ไม่ต่างจากพวกเขาไปมากหรอกครับ 
บอกตรงๆมาปี1พี่ไม่รู้จักแม้กระทั้ง "บีกเกอร์" 555 (ร.ร.พี่อุปกรณ์เขาไม่ค่อยมี เขาเลยไม่ได้สอนครับ เรียนแค่ทฤษฎี)
แต่มันอยู่ที่เราครับ พอพี่รู้ว่ามาเรียนมหาลัยพี่ตามหลังเพื่อนเขาไปมาก พี่ก็เลยเริ่มศึกษาอุปกรณ์ทุกอย่างเลยครับทีนี้
จนพี่รู้เท่าๆเขา เผลอรุ้กว่าเขาอีก55 
                              อย่าลืมนะครับ สาขาเคมี ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จ อบอุ่นเป็นกันเอง เหมือนครอบครัว มีพี่ให้ปรึกษาอยู่ตลอดเวลา(การบงการบ้านถามพี่ๆได้พี่ๆจะติวให้จนเข้าใจ และหนังสือไม่ต้องซื้อครับขอพี่รหัสก็ได้แล้ว อิอิ) และอาจารย์นี้เหมือนลุงป้าน้าอาเลยครับเข้าหาได้ตลอดเวลา มีไรสงสัยไปถามได้เลยอาจารย์แกใจดี๊ใจดีสุดๆ พี่ก็เล่นกันเหมือนพี่น้องกันจริงๆ(ยามว่างเอกผมจะชอบเล่นเกมกัน เอกผมมีผู้ชาย ทั้งเอกปี1-4แค่8คนเอง จะชอบตั้งวงเล่นเกมกันก่อนกลับห้องตลอด555 อารมณ์คล้ายๆแบบว่า "พี่ๆเข้าเกมส์" ถ้าพี่ไม่ว่างพี่ก็จะรีบทำงานแล้วบอกว่า "เล่นรอพี่แปปเดะพี่เข้า" อะไรประมานนี้ครับ สนุกๆ ผู้หญิงก็เล่นด้วยแหละ) ไม่รู้จะบอกยังไงดี
เอาเป็นว่าต้องมาเจอกับตัวเองครับ เอกนี้ มอนี้ มีแต่เสียงหัวเราะ (มีอย่างที่ไหนอาจารย์ให้นักศึกษากินข้าวไปเรียนไป กลัวนักศึกษาหิว55) 
***ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขอโทษขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
               อย่าลืมนะครับ!!!!! คณะวิทยาศาตร์และเทคโนโลยี สาขาเคมี มหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา 
#ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ #ขอให้สอบติด #มหาลัยที่ฝันใว้ทุกๆคนครับ สาธุๆ

แสดงความคิดเห็น

1 ความคิดเห็น

1544 1 มิ.ย. 62 เวลา 22:44 น. 1

กำลังจะขึ้นปี1 เรียนวิทย์เคมี แต่ความรู้ไม่แน่นกลัวไม่รอดมากๆเลยย

1
Rxw 19 มี.ค. 67 เวลา 23:27 น. 1-1

ตอนนี้พี่เป็นไงมั่งคับ ผมเด็ก67 สนใจสาขานี้เช่น

กัน

0