Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

บันทึก...ชีวิตการเรียน จากบ้านไปรร. จบรร.ต่อมหา'ลัย

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีจ้า กระทู้นี้เป็นบันทึกประสบการณ์ต่างๆในโรงเรียน ซึ่งพี่จะเน้นไปที่ด้านการเรียนนะ

ตอนนี้จบม.6 แล้ว บันทึกนี้ก็เก็บเอาไว้อ่านเองด้วย แล้วก็มาแบ่งปันน้องๆ ที่ยังเรียนในโรงเรียนกันอยู่ด้วย

พี่ต้องบอกก่อนเลยนะ สิ่งที่พี่เล่าต่อไปนี้เป็นวิธีการเรียนที่พี่ถูกหล่อหลอมมา ดังนั้นเลือกที่เหมาะกับตัวเองไปลองปรับใช้ดูนะ️

รวมๆแล้วมีดังนี้ (ดูจากอิโมจิได้)
1.ชีวิตประจำวันรวมๆ,การเรียนในห้องและนอกห้องเรียน
2.วิธีการเรียนแบบฉบับพี่เอง️

เริ่มกันที่..
ชีวิตประจำวันรวมๆ การเรียนในห้องและนอกห้อง

พี่ออกจะเป็นเด็กเรียนอยู่หน่อยๆล่ะนะ เป็นเด็กทั่วๆไปที่ เรียน กลับบ้าน ทำการบ้าน นอน วนloop แต่ว่าก็ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ สำคัญเลยคือการแบ่งเวลา
สิ่งหนึ่งเลยที่ติดตัวมา คือ การจดการบ้าน พี่มองว่าเรื่องนี้สำคัญสำหรับพี่อยู่นะ เพราะขี้ลืม พี่จะจดการบ้าน จดวันสอบ จดสิ่งที่ต้องเตรียมมา จำได้ว่าตอนนั้นจดว่า "ตัดเล็บ" ด้วย พี่จดเป็นคำพูดตัวเอง ไม่ต้องทางการ แล้วเขียนวันdeadline เอาไว้ ซึ่งการจดการบ้าน สะดวกมากตอนจะทำการบ้านที่บ้าน พี่ใช้1แผ่น/อาทิตย์ ตอนที่สะใจมาก คือทำการบ้านเสร็จแล้วไปขีดฆ่ายาวๆ อีกอย่างคือ พี่จะรู้ว่าต้องทำวันไหน อันไหนสำคัญไม่สำคัญ ชีวิตเราจะได้ไม่รวน ไม่กังวล
ในเวลาเรียนพี่ก็มีเเอบนั่งหลับบ้าง แต่ว่าส่วนมากก็จะตั้งใจเรียนล่ะนะ การตั้งใจเรียนในห้องสำคัญมากๆเลยก็ว่าได้ เพราะคนที่ออกข้อสอบคือครูที่สอนเราในห้อง สิ่งที่ครูบอกเราเน้นเรา หาที่ไหนไม่ได้แล้ว การตั้งใจเรียนไปพร้อมครูจะไม่ทำให้เราเหนื่อยตอนมาทบทวน หรือถ้ายังไม่เข้าใจเราก็รู้ว่าตรงไหนที่เราเริ่มไม่เข้าใจ เราไม่ต้องเสียเวลาอีกครั้งมานั่งอ่านเองใหม่หมด ตอนที่พี่เรียนพี่จะ️จดในสิ่งที่ไม่รู้ในหนังสือ สำคัญว่าต้องเป็นคำพูดของเราไม่ต้องจดทุกคำพูด พี่จะไม่เอาวิชาอื่นขึ้นมาทำ เพราะเป็นการให้เกียรติครูและเพื่อตัวเราเองด้วย ถ้าเพื่อนคนอื่นเอาขึ้นมาทำเราเองก็ไม่ต้องใส่ใจ เพราะสิ่งที่เราได้ย่อมมากกว่า ️พี่จะมีปากกาไฮไลต์3สี (ชมพู ส้ม เหลือง แบบแสบตา)ไฮไล์สามสีใช้แตกต่างกัน เริ่มจากหัวข้อใหญ่ไปหัวข้อย่อย และเนื้อหารายละเอียด รวมทั้งเขียนสัญลักษณ์ต่างๆที่กำหนดเอง ทำไว้ตรงที่สำคัญ
การที่เราจด หรือไฮไลต์ตาม จะทำให้เราไม่ง่วง (นอกจากอดหลับมา=การนอนให้เป็นเวลาก็สำคัญ)
พอกลับบ้านมาพี่จะทำกิจวัตรต่างๆให้เสร็จ แล้วก็มาทำการบ้าน อ่านหนังสือ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้ทำตลอดติดๆกันก็มีพักบ้าง แล้วพี่ก็จะนอนตอน4ทุ่ม-4ทุ่มครึ่ง เพราะต้องตื่นเช้า ไปรร.(บ้านไกลจากรร.) ตอนเช้า อาหารเช้าสำคัญมาก ไม่เคยเลยที่จะละเลยอาหารเช้าไป เพราะ เราต้องใช้หมองในการเรียน (กินอิ่ม นอนหลับ(เอ๊อะไม่ใช่ละ) สมองทำงานได้เต็มที่)
ช่วงประถม พี่ก็ไม่ค่อยอ่านหนังสือมาก ตั้งใจเรียนในห้อง จัดการกับสิ่งที่ไม่เข้าใจ และเน้นทำการบ้าน ออกไปเล่น แต่พอช่วงมัธยมก็จะเปลี่ยนไป ต้องมีงานเพิ่มขึ้น จำนวนวิชาเพิ่มขึ้นพี่ก็มีตัวช่วยเพิ่มขึ้น ยิ่งช่วงสอบเข้าก็จะเน้นเรียน มีตัวช่วยดังนี้
-อัดเสียงด้วยโทรศัพท์ ในวิชาที่ฟังไม่ค่อยทัน รายละเอียดเยอะ เช่น ฟิสิกส์ เเล้วเอามาทบทวนทำสรุป
-ท่องศัพท์ พี่ไม่ได้ท่องกับแม่เหมือนตอนเด็กๆแล้ว โตขึ้นก็ท่องกับตัวเอง มีหนังสือเล่มนึงเขาเล่าถึงเด็กคนนึงที่ลงรถไฟก่อนถึงบ้านตัวเอง1สถานี พี่ก็ทำตามแต่ไม่ใช่ขึ้นรถไฟนะพี่เปลี่ยนเป็นเดินเข้าหมู่บ้านเอง แล้วก็ท่องศัพท์ไปด้วย เพลินดี ได้ออกกำลังกายด้วย
ศัพท์ที่เอามาท่องก็มาจากแบบฝึกหัดที่เคยทำ(จดใส่สมุดเล็กๆพกง่าย จดศัพท์-หน้าที่คำ-ความหมาย เพราะเวลาเรารู้หน้าที่ของคำเราจะนำไปใช้ได้ถูก (:พี่ได้มาจากการเรียน Angkriz) กับศัพท์ครูสมศรี 4หน้า
-ทำสรุปเป็นภาษาตัวเอง สรุปที่เราทำเองย่อมดีกว่าสรุปของคนอื่น(ไม่ใช่ของคนอื่นไม่ดีนะ) เพราะ เรารู้ว่าตรงไหนเราต้องเน้นเพิ่ม เราอ่านเองเข้าใจ เวลาสอบก็เอาสรุปนี้มาอ่าน ช่วยลดเวลาลงเยอะเลย
-ถ้าไม่เข้าใจให้หาความรู้เพิ่ม หรือถามครู และอันไหนอยากให้คล่องก็ไปซื้อแบบฝึกมาเพิ่ม
-กำลังใจสำคัญเหมือนกัน จะได้ไม่ท้อ พี่มักหาหนังสือพัฒนาตัวเองอ่าน และหาคนที่เป็นกำลังใจของเรา

พอถึงช่วงเก็บคะแนนในห้อง ครูจะบอกก่อนล่วงหน้า ซึ่งพี่เป็นคนนึงเลยที่กังวล แต่เวลาอ่านหนังสือมาแล้วทำข้อสอบเราจะรู้สึกเลยว่าเอ้ยใจเย็นๆ ไม่ยากเกินไป เราพอทำได้ พอทำได้ไปมากๆครั้งเข้าก็จะสบายใจขึ้น ความกังวลส่วนหนึ่งมาจากที่เราคาดหวังกับคะแนน การทำลายความกังวลคือการทบทวนอ่านหนังสือ เตรียมตัวให้พร้อม พออยู่ม.ปลายเข้ายิ่งม.6นะ ความกังกลแทบไม่มี เพราะมันชิน แล้วก็กังวลกับการสอบเข้ามากกว่า เราจะได้รู้ว่าสิ่งที่เราผ่านมาเป็นจุดเล็กๆ(หนังสือ"วิชาความฝันเค้าไม่สอนกันในโรงเรียน"บอกว่าการสอบก็เหมือนการวัดว่าเราเข้าใจในเนื้อหานั้นมากน้อยแค่ไหน เราจะได้นำมาปรับปรุง)


การเรียนพิเศษ
ช่วงประถม-ม.2 พี่ไม่ได้ไปเรียนพิเศษเพิ่มเลย ตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยบูมด้วย พี่เรียนแค่คุมอง(คณิต) ที่แม่พาไปลงตอนเล็กๆ คุมองช่วยพื้นฐานคณิตจริงๆ ได้ทำการบ้านทุกวัน ฝึกจับเวลา ฝึกวินัยด้วย ทำให้พี่มีพื้นฐานที่ดี เวลาเรียนคณิตในห้องก็สามารถเข้าใจได้เร็ว
วัยนี้เน้นเล่นให้เต็มที่ ในห้องก็ตั้งใจเข้าไว้

ช่วงม.3-ม.6 พี่จะลงเรียนแค่ที่อยากเพิ่มความรู้ ในห้องเรียนแล้วยังไม่เข้าใจถ่องแท้ แล้วก็เรียนเพิ่มความสนุก พี่เรียนเคมี(เพราะไม่ค่อยเข้าใจ,อยากรู้ต้นตอจริงๆ) กับอังกฤษ(เพราะความชอบ) แล้วก็ดูเอาในyoutube

พี่ก็ได้รับรางวัลจากความพยายาม คือความภูมิใจในตัวเอง เกรดที่น่าพอใจ(ถึงแม้ว่าเกรดจะเป็นแค่ตัวเลขแต่มันก็บอกถึงความใส่ใจของเราล่ะนะ พี่เชื่อ ซึ่งบางคนอาจจะพยายามสุดๆแล้วแต่เกรดยังไม่ดี แต่เชื่อเลยว่า นั่นแหละคือสิ่งที่เราภูมิใจ นิสัยและความพยายามที่เราทำมาจะติดตัวเราไปตลอดแน่นอน)


สุดท้ายนี้ อยากฝากน้องๆว่าช่วงวัยเรียนเรามีครั้งเดียว เล่นให้เต็มที่ เรียนก็ให้เต็มที่ (พี่เน้นเรียนมากไป ต้องบาลานซ์ ให้พอๆกัน) ทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ ออกไปแข่งหาประสบการณ์ ทุกอย่างไม่มีคำว่าสาย
ลองลงมือทำให้เต็มที่สุดๆก่อน พ่อแม่เราทำงานหนักเเล้วก็เหนื่อย หาเงินมาให้เราเรียน ก็ตั้งใจเข้านะ

"อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ
ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก
สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก
จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย"
-เพลงยาวถวายโอวาท

FB:จีจี้ อาหย่อยจัง (ทักมาคุยถามได้นะ)

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น