ทนายความ กับ สถาปนิก อันไหนดีกว่ากันคะ
ตั้งกระทู้ใหม่
(อีกอันที่ชอบมากๆคือหมอค่ะ น่าสนุกดี แต่ก็น่าจะหนักหนาสาหัสอยู่เหมือนกัน )
หนูเป็นเด็กม.3 ค่ะ แต่ยังไม่รู้อะไรเลยว่าจะเรียนต่อสายอะไรดีถ้าขึ้นม.4 ที่คิดๆไว้ก็ วิทย์-คณิต แบบเบสิคทั่วไป
หนูไม่รู้ว่าถ้าขึ้นมหาวิทยาลัยไปจะไปต่อยังไงดี อังกฤษหนูเก่งอยู่ระดับนึง คณิตพอใช้ได้ ศิลปะค่อนข้างดี วิทย์พอได้
อยากรู้ว่าถ้าจะเป็นทนายความ/สถาปนิก ต้องเน้นอะไร หนูจะได้ตั้งใจศึกษาตั้งแต่ตอนนี้ อนาคตจะได้ไม่เด้ทสมอเร่ และก็อยากรู้ว่าอันไหนดีกว่ากันค่ะ
ปล. เราไม่รู้ว่าลงถามในนี้ได้รึเปล่านะคะ เพราะเรารู้จักอะไรที่ลงกระทู้แบบนี้ได้นอกจาก pantip ก็มีแอพ เด็กดี นี่แหละค่ะ สต.ไม่ค่อยอยากลงถามใน pantip สักเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยได้คำตอบที่ต้องการเลย บางทีลงเรื่องปัญหาส่วนตัว แทนที่จะได้คำแนะนำกลับได้คำด่ามาแทน แง้
7 ความคิดเห็น
มันก็สนุกหมดแหละ ถ้าเจอบรรยากาศทำงานที่ดี บางทีงานชอบ แต่เจ้านายไม่ดี เพื่อนร่วมงานไม่ดี มันก็ไม่มีอะไรสนุกเลย เศร้ามาก
ไม่มีอะไรดีกว่าอะไร อยู่ที่หนูชอบอะไร สองอาชีพมีข้อดีข้อเสียของตัวเอง และแนวงานต่างกันสิ้นเชิง ดังนั้นเอามาเปรียบเทียบว่าอะไรดีกว่าไม่ได้เพราะมันไม่เหมือนกัน อยู่ที่เราว่าชอบหรือถนัดแบบไหน โอเคกับสายงานแบบไหนมากกว่า ทนายความต้องคุยเก่งโน้มน้าวเก่งหน่อยนะคะ ต้องพูดเก่งมีวาทศิลป์การพูด รวมถึงชอบอ่านและศึกษาข้อกฏหมาย มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และมีไหวพริบ สถาปัตย์เน้นใช้ฝีมือมากกว่า เนื้องานไม่ค่อยต้องพูดมากนัก แต่นอกจากจะชอบวาดแล้ว ต้องมีหัวทางศิลป์ มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะการคำนวณที่ดีพอสมควรนะคะ เพราะต้องคำนวนพวกสัดส่วน โครงสร้าง น้ำหนัก ความสมดุล อันนี้ขึ้นกับสาขาด้วย เลือกอันที่เราชอบค่ะ
คำว่าดีกว่าคืออะไรล่ะ ต้องชัดเจนตรงนี้ก่อนนะ
ทั้งสองอาชีพมีทั้งข้อดีข้อเสีย
ขึ้นอยู่กับมุมมองในการใช้ชีวิตของแต่ละคน
เช่น ทนายความ หรือเรียกว่าอาชีพค้าความ
มีโอกาสทำบาปประจำสูง เพราะเป็นอาชีพที่ต้องใช้ปากประจำ
มีโอกาสพูดจาให้ร้าย ส่อเสียด หรือทะเลาะ กับคนอื่นบ่อย คนที่ชอบความสงบเรียบง่ายในชีวิต
และใส่ใจเรื่องบาปบุญคุณโทษ ไม่เหมาะกับอาชีพนี้ เป็นต้น
สถาปัตย์ ผสมผสานระหว่างการออกแบบ กับ การคำนวณ
ใช้ความสามารถออกแบบ 90 คำนวณ 10
เรียนหนักกว่านิติ แต่รายได้สูง ถ้ามีความสามารถที่แท้จริง
ขอตอบในฐานะทนายความนะครับ
ทนายความต้องเรียนจบ ป.ตรี คณะนิติศาสตร์และสอบได้ใบอนุญาตว่าความซึ่ง
ในชั้น ป.ตรี ปี1 จะเรียนวิชาทั่วไปซึ่งเหมือนกับวิชาตอนม.4-6 ตรงนี้ใครมีพื้นฐานมากก็จะได้เปรียบคนพื้นฐานน้อยกว่า แนะนำให้เรียนภาษามากๆ เรียนให้เก่งภาษามากกว่า 1 ภาษา เช่น จีน ญี่ปุ่น จะได้เปรียบตอนทำงานมากๆๆๆๆๆ
แต่ในชั้น ปีที่2-4 จะเรียนวิชาก็กฎหมายซึ่งไม่เคยมีการเรียนการสอนในม.ปลาย แบ่งหลักๆออกเป็น 4 กลุ่มวิชาหลักหรือที่เรียกว่ากฎหมาย 4 มุมเมือง ได้แก่ แพ่ง อาญา วิ.แพ่ง วิ.อาญา ตรงนี้ไม่มีใครได้เปรียบใครต้องมาเริ่มต้นใหม่เหมือนๆกัน แต่หากใครเรียนพื้นฐานดีอนาคตจะไปต่อสบายมากถึงระดับสอบผู้พิพากษา อัยการได้เลย
แนะนำตอนนี้ ม.ราม มีโครงการ Pre-degree น้องสามารถเรียนนิติได้ตั้งแต่ม.3-ม.6 หากเรียนจะได้เปรียบเพื่อนคนอื่นๆมากครับ
ขึ้น ม.4 ม.5 ค่อยคิดค่ะ ไปลองเรียนดูก่อนว่าตัวเองจะไปไหวหรือชอบมั้ย ถ้าเรียนสายวิทย์ ยังไงก็สอบเข้าได้เกือบทุกสาขา เพียงแต่สถาปัตย์ต้องไปเรียนพื้นฐานเพิ่มเติมข้างนอกค่ะ เพราะโรงเรียนไม่มีสอน เรียนอะไรก็หนักหมดถ้าเราไม่ชอบและไม่ถนัด
ขอตอบในฐานะที่ใกล้จะเรียนจบนิติฯแล้วนะครับ ผมว่าคำตอบมันคล้ายๆการหาอิคิไกของตัวเองเลยครับ
สิ่งที่จะตอบขอบเขตอยู่ที่ผมไม่รู้ด้านสถาปนิกหรือหมอนะครับ
การตัดสินใจว่าจะเรียนอะไรแล้วไปทำงานอะไร มันใช้ปัจจัยต่างๆในการคิดเพื่อตัดสินใจว่า งานประเภทส่วนใหญ่ของสายวิชาชีพนั้น มันเหมาะกับชีวิตของเรามากน้อยแค่ไหนด้วยครับ
อย่างเราที่เลือก “เรียน” นิติฯ ก็เพราะชอบวิชาสังคมและภาษา
แต่หลังจากเข้ามหาลัย ตอนต้องลองตัดสินใจ “เลือกทำงาน” / ลองตั้งความสนใจของเราไปใน “งาน“ แบบไหน
มันจะมีคำถามประเภทนี้ลอยเข้ามาครับ เช่น
1. เราอยากมีชีวิตที่ทำงานแล้วเหลือเวลามากน้อยแค่ไหนในการพัก
- เรื่องค่าตอบแทน
- เรื่องเวลาที่เราต้องทำงานไป
2. เราชอบงานประเภท/สาย/และทำงานแบบไหน
- เอกชน/ภาครัฐ
- จดทะเบียนเอกสาร/ สัญญา/ ฟ้องร้องคดีความ
- สายปกครอง/ สายอาญา/ สายพาณิชย์และธุรกิจ/ สายครอบครัวและมรดก/ ฯลฯ
ลองเอาไปปรับใช้ในการคิดในส่วนของวิชาชีพสถาปัต/ วิชาชีพอื่นได้นะครับ
ขอให้คอมเม้นนี้ให้สาระอะไรแก่จขกท.และผู้เข้ามาอ่านนะครับ
สถาปนิก= ไม่รวย ที่เห็นรวยนั่นคือ บ้านรวยมาก่อนแล้ว ต้องเรียนสายวิทย์ ไม่จำเป็นต้องวาดรูปเก่ง แต่ต้องวาดรู้เรื่องและสมจริง เราไม่วาดบ้านเบี้ยว ขาโต๊ะไม่ต่อกันอะไรแบบนั้น ร่างกายต้องกึ่งอมตะ นอนดึก (เพราะดึกๆ อากาศเย็น เงียบๆ คิดงานลื่นกว่า แถมค่าไฟก็ถูกกว่าด้วย) แต่ซักกลางๆ สามสิบร่างกายจะประท้วงหนักมาก ป่วยเป็นอะไรซักอย่างกันทุกคน ในหัวจะวู้บว้าบ บลิงค์ๆๆๆ เจิด ตลอดเวลา
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?