Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[VARSITY] แปลบทสัมภาษณ์หนุ่มๆจาก Atstar1

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
























แปลบทสัมภาษณ์ของหนุ่มๆจาก Atstar1
ตรงพาดหัวที่แปลว่า อาบน้ำนั้น มันมาจาก 씻다 แปลว่า ล้าง เช็ด ความหมายก็เกี่ยวกับล้างๆเช็ดๆนี่แหละค่ะ แต่บ้าน SG ทรานส์เป็นอิ้งค์แปลว่า “อาบน้ำ” เพราะฉะนั้นถ้าผิดพลาดขออภัยด้วยนะคะ
          Varsity คือไอดอลกรุ๊ปหน้าใหม่ เป็นโปรเจ็คความร่วมมือระหว่างจีนและเกาหลี ชื่อวงต้องการสื่อถึงการเป็นตัวแทนกลุ่มไอดอลในระดับสากล ประกอบด้วยเมมเบอร์ชาวเกาหลี ได้แก่ บูลเล็ท(22ปี),รีโฮ(19ปี),ยุนโฮ(17ปี),คิดส์(22ปี),ซึงโบ(20ปี),ซีวอล(21ปี)และดาวอน(17ปี) เมมเบอร์ชาวจีน ได้แก่ เดม่อน(22ปี),ซิน(21ปี),แจบิน(20ปี),แมนนี่(16ปี)และชาวจีนสัญชาติอเมริกันแอนโทนี่(19ปี) แต่ละคนมีสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป ทั้ง 12 คน ได้เปิดตัวในการเดบิวต์โชว์เคสในวันที่ 2 มกราคม 2017 ที่ผ่านมา “Varsity” เป็นชื่อที่มีความหมายแสดงถึงความปรารถนาที่จะเป็นที่รู้จักทั้งในเกาหลีและในระดับเอเชีย
          ต่อไปเป็นบทสัมภาษณ์นะคะ ^^
 
Q : เพลงเดบิวต์คือเพลงอะไร ?
(บูลเล็ท) : เพลงเดบิวต์ของเรามีชื่อว่า ‘U R My Only One’ เป็นเพลงที่แสดงถึงความเสียใจหลังจากที่ได้รักผู้หญิงคนหนึ่งไปแล้ว มันเป็นเพลงที่มีเนื้อหาสื่อถึงความคิดของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังกระวนกระวายและหวั่นไหว มีการออกแบบท่าเต้นเป็นสไตล์อะโครบาติก แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงในแบบผู้ชายในการแสดงของพวกเรา ไตเติ้ลแทร็กของพวกเราจะปล่อยออกมาในวันที่ 5 ม.ค. นี้เวลาเที่ยงคืนครับ

Q : ตอนนี้รู้สึกอย่างไรที่จะได้เดบิวต์ ?
(คิดส์) : ผมใช้ชีวิตเป็นเด็กฝึกหัดมา 6 ปีแล้วครับ ผมบรรยายออกมาไม่ถูกเลยเพราะว่าความฝันของผมกำลังจะเป็นจริงในเร็วๆนี้แล้ว มันเป็นการเดบิวต์ของพวกเราจริงๆ
(เดม่อน) : เวลาผ่านไปเร็วมากๆครับ ผมรู้สึกใจเต้นหวิวๆแล้วก็รู้สึกแปลกๆ ผมจะแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการและภาพลักษณ์ที่ดียิ่งๆขึ้นไปนะครับ

Q : มีเมมเบอร์สองประเทศ มีการจัดการอย่างไรเกี่ยวกับความแตกต่างทางวัฒนธรรมและการสื่อสาร ?
(บูลเล็ท) : การสื่อสารที่ง่ายที่สุดคือใช้ร่างกายในการสื่อสารครับ แอนโทนี่กับแจบินช่วยผมได้มากๆเลยครับในยามจำเป็นต้องสื่อสารกับเมมเบอร์คนอื่นๆ ในบรรดาเมมเบอร์ชาวเกาหลีซึงโบสามารถพูดได้ทั้งภาษาอังกฤษและจีน เขาจึงเป็นล่ามให้พวกเราทำให้การสื่อสารระหว่างเมมเบอร์ง่ายขึ้นครับ
(แอนโทนี่) : มีบางอย่างในทั้งภาษาและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ผมพูดคุยกับเมมเบอร์คนอื่นๆด้วยภาษาอังกฤษ ผมคิดว่าถึงพวกเราจะมีที่มาแตกต่างกัน แต่พวกเราก็พยายามอย่างหนักที่จะลดช่องแคบระหว่างภาษาและวัฒนธรรมลง
(ซิน) : ผมไม่สามารถพูดได้ทั้งเกาหลีและอังกฤษ ดังนั้นผมจึงใช้ส่วนต่างๆของร่างกายเพื่อสื่อสารกับเมมเบอร์ว่าผมต้องการอะไร ผมสร้างประโยคง่ายๆได้ในขณะเรียนภาษาเกาหลี แล้วก็เรียนภาษาอังกฤษผ่านอินเตอร์เน็ต การใช้แอพแปลภาษาก็ดีเหมือนกันครับ ผมคิดว่าการใช้ชีวิตและภาษาของแต่ละประเทศก็แตกต่างกันไป เมื่อพวกเราตระหนักได้ถึงตรงนี้ก็ทำให้เข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้นครับ

Q : หลังจากเดบิวต์แล้วอยากลองทำอะไร ?
(รีโฮ) : แฟนไซน์ครับ ผมอยากแจกลายเซ็นให้กับแฟนๆหลังจากเดบิวต์ครับ
(คิดส์) : ผมอยากเข้าร่วม Mnet Asian Music Awards กับ Super Seoul Dream Concert ครับ ผมชอบรุ่นพี่ G-Dargon มากเลยล่ะครับ ถ้ามีโอกาสผมก็อยากยืนอยู่บนเวทีนั้นสักครั้งครับ
(ยุนโฮ) : เดบิวต์แล้วผมอยากไปรายการ Weekly Idol ครับ แล้วโชว์ในเวทีงานสิ้นปีด้วยครับ

Q : อยากทำอะไรที่ไม่ใช่การร้องเพลงบ้างมั้ย ?
(รีโฮ) : เมื่อตอนยังเด็กผมเคยปรากฏตัวใน The Clinic for Married Couples: Love and War ของช่อง KBS2 ตอนนั้นผมคิดว่ามันยังไม่สามารถเติมเต็มความฝันของผมได้ ผมอยากจะลองทำอีกครั้ง ผมชอบดนตรี ชอบแสดงละคร ละครเวที หรือภาพยนตร์ เป็นเหมือนความฝันของผมเลยครับ อยากจะลองทำทุกอย่างเลย
(ดาวอน) : ผมอยากไปรายการ Running Man ช่อง SBS แล้วก็รายการ We Got Married กับรุ่นพี่ดาฮยอน วง TWICE ครับ ผมเป็นแฟนบอยของรุ่นพี่ดาฮยอนนะ ฮ่าๆ

Q : (ถามสมาชิกชาวจีน) มีนักร้องเกาหลีที่ชื่นชอบหรืออยากพบบ้างหรือเปล่า ?
(แจบิน) : ผมอยากเจอรุ่นพี่โอฮยอกครับ เขาเป็นคนที่มีเนื้อเสียงดีมากเลยครับผมชอบเสียงของเขา พอได้ฟังเสียงรุ่นพี่โอฮยอกแล้วผมก็รู้ทันทีเลยว่าเป็นเสียงของเขา ผมรู้สึกอิจฉาเสียงของรุ่นพี่มากเลย ผมอยากมีเสียงแบบรุ่นพี่โอฮยอกครับ
(ซิน) : ผมอยากเจอฮวังชียอลครับ เขาปรากฏตัวในรายการของจีนแล้วก็มีชื่อเสียงมากๆ รุ่นพี่เป็นคนที่ดูดีมากเลยล่ะครับแล้วเสียงของเขาก็อบอุ่นแล้วก็นุ่มนวลมากๆ ผมรู้สึกทึ่งในวิธีการร้องเพลงของเขาครับ

Q : (ถามสมาชิกชาวจีน) อะไรที่ทำให้ตัดสินใจมาเป็นไอดอลที่เกาหลี ?
(แมนนี่) : ผมอยากเป็นนักร้อง แล้วมันก็เป็นความฝันของผมที่จะลองพยายามมาเป็นไอดอลที่เกาหลี
(เดม่อน) : วัฒนธรรมฮิพฮอพของเกาหลีมีชื่อเสียงในระดับโลก อยากเรียนรู้เกี่ยวกับฮิพฮอพในเกาหลีเพื่อการเดบิวต์ของผมครับ
(ซิน) : ตั้งแต่เด็กๆผมก็ฝันอยากจะเป็นนักร้องมาตลอดครับ ผมสนใจการเป็นนักร้องของเกาหลีและตัดสินใจที่จะมาเป็นนักร้องที่เกาหลีครับ
(แจบิน) : ผมสนใจและชื่นชอบในกระแสของวัฒนธรรมเกาหลีครับ(ฮันรยู) ดังนั้นพอผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่เกาหลี พบว่าขณะนั้นมีค่ายเพลงที่กำลังจะเดบิวต์ไอดอล แล้วก็โชคดีที่ผมสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของค่ายนี้ได้ครับ

Q : แล้วเมมเบอร์ชาวเกาหลีล่ะ อะไรที่ทำให้ตัดสินใจมาเป็นส่วนหนึ่งของ VARSITY ?
(บูลเล็ท) : ตอนแรกผมไม่ได้ฝันอยากจะเป็นไอดอล ผมชอบฮิพฮอพและการแร็พ ก็เลยมีความคิดที่อยากจะลองดู เลยเข้ามาที่ค่ายแล้วก็ฝึกฝนมันอย่างจริงจังครับ ผมได้เรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วก็ได้รับโอกาสรับเลือกให้เป็น
ส่วนหนึ่งของ VARSITY
(ซึงโบ) : ผมมีความฝันอยากจะเป็นไอดอลหลังจากที่ได้ดูรายการเพลงครับ ผมอาศัยอยู่ที่ดูไบ 10 ปี ตั้งแต่อายุ 10 ขวบครับ ผมกลุ้มใจตลอดว่าต้องทำยังไงถึงจะได้เป็นไอดอล ตอนมี K-CON ที่อาบูดาบี ผมโชคดีได้มีโอกาสทำหน้าที่เป็นล่ามภาษาอังกฤษ ผมได้เป็นล่ามให้คนจากค่ายเพลง เขาถามผมว่า “ไม่มีความคิดที่จะเป็นไอดอลบ้างเหรอ” ผมก็เลยให้วีดีโอที่ผมร้องเพลงเป็นวีดีโอที่ใช้แคสติ้งกับเขา

Q : อะไรคือความประทับใจแรกระหว่างเมมเบอร์ที่น่าจดจำที่สุด ?
(รีโฮ) : ครั้งแรกที่ผมได้เจอกับคิดส์ฮยอง ผมรู้สึกกลัวนิดๆกับคาริสม่าฮยองครับ ฮ่าๆ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเวลาผ่านไปผมรู้สึกได้ว่าฮยองเป็นพี่ชายที่ดีครับ ดีมากจริงๆ
(คิดส์) : มัน... หน้าของผมออกจะเกินกว่าอายุจริงน่ะครับ ฮ่าๆ (คงหมายถึงเพราะตัวเองดูเป็นผู้ใหญ่มากๆรีโฮก็เลยรู้สึกเกร็งๆมั้งนะคะ) ดังนั้นก็เลยยิ้มเยอะๆเพื่อสร้างความประทับใจครับ
(เดม่อน) : ครั้งแรกที่ผมเจอแจบิน เขาสูงแล้วก็น่ารักมากเลย ผมอยากรู้เกี่ยวกับความสามารถของเขามากๆ เมื่อได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเขาทำให้ผมหัวเราะมากขึ้นเลยล่ะครับ แจบินเขาชอบเต้นเกิลส์กรุ๊ป แแม้แต่ตอนเราซ้อมกันอยู่เขาก็ยังเต้นเซ็กส์ซี่แดนซ์บ่อยๆด้วยครับ
(แอนโทนี่) : ผมคิดว่าซินเป็นเมมเบอร์ชาวเกาหลี เขามีชีวิตชีวาแล้วก็ร้องเพลงดีมากๆครับ ในสายตาผมว่าเขาโดดเด่น แล้วก็มักจะมีน้ำใจกับคนอื่นๆเสมอ หัวใจของเขาอบอุ่นมากๆครับ

Q : คำถามนี้สำหรับลีดเดอร์บูลเล็ท คิดว่าการมีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบเมมเบอร์ 12 คน คิดว่าหนักเกินไปหรือเปล่า ?
(บูลเล็ท) : พูดแบบเปิดใจเลยนะครับ ผมรู้สึกกดดันตลอดเวลา ผมต้องวางตัวให้ดีเสมอเพื่อเมมเบอร์จะได้เชื่อถือและไว้วางใจผม ในความเป็นจริงก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่ที่จะทำให้น้องๆทุกคนจะเชื่อฟังผม แต่ในเมื่อสมาชิกมีจำนวนมากมันต้องใช้เวลาสักหน่อยไม่ว่าจะเป็นการซักผ้า อาบน้ำหรือเตรียมตัวในเรื่องอื่นๆ (เอาใส่ทั้งซักผ้าอาบน้ำเลยเพราะใช้คำว่า 씻다 แปลว่า ล้าง เช็ด ความหมายก็เกี่ยวกับล้างๆเช็ดๆนี่แหละค่ะ)
 
Q : การมีจำนวนมากมีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง ?
(บูลเล็ท) : ผมไม่เห็นปัญหาในการทำการแสดงของเรา แต่ข้อเสียคือเวลาเตรียมตัวแต่งหน้าทำผมก่อนขึ้นแสดงครับ จะใช้เวลาในการเตรียมตัวนานมาก แล้วก็ต้องใช้เวลาเกือบ2ชั่วโมงในการเตรียมอาหารเช้าที่หอพัก
(ซีวอล) : การมีจำนวนเมมเบอร์เยอะๆผมชอบนะ ข้อเสียคือเวลาเราจะเดินทางไปไหนก็ต้องเพิ่มจำนวนพาหนะมากขึ้น บางครั้งก็มีปัญหาเมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกัน
(ซิน) : มันดีมากๆที่เราทั้งหมดได้อยู่ด้วยกัน ถึงแม้ว่าผมจะเหนื่อยแค่ไหน แต่บรรยากาศก็จะคึกคักแล้วก็สนุกสนานตลอดเวลา ผมคิดว่าเมมเบอร์ทั้ง 12 คน คือครอบครัวของผม มันเป็นเรื่องดีมากที่ได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันแบบนี้ ได้ช่วยกันระดมความคิดในการทำงาน

Q : มีการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตอย่างไรบ้าง ?
(ยุนโฮ) : ผมต้องการจะแสดงให้ทุกๆคนเห็นถึงการเจริญเติบโตของพวกเราครับ แล้วก็ต้องการได้ที่ 1 ในรายการเพลงด้วย
(คิดส์) : เวลานี้มันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น เราจะทำงานกันอย่างหนักเพื่อเป็นกรุ๊ปที่ดีที่สุดครับ
 



Thai Trans : @Varsity_TH
Eng นิดหน่อยจาก : @VARSITY_SG
นำออกไปกรุณาให้เครดิตทั้งหมดด้วยนะคะ ^^




 

แสดงความคิดเห็น