Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[ HOT !! ] ความเจ็บปวดที่ต้องปิดบังอยู่ภายใต้รอยยิ้มของไอดอลเกาหลี

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
หากคนที่ไม่เคยติดตามวงการเพลงเกาหลี คงจะมองว่าภาพลักษณ์อันหล่อเหลา หรือสวยงามราวกับตุ๊กตา รวมถึงการแสดงบนเวทีนั้นคือสิ่งที่สร้างภาพ ไร้สาระ รวมถึงมองว่า แฟนคลับหรือที่คนทั่วไปเรียกว่า "ติ่งเกาหลี" นั้นออกจะหน้ามืดตามัว และดูเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง แต่ถ้าหากคุณได้รู้ K-POP จริงๆสักครั้ง อาจทำให้คุณเปลี่ยนความคิดไปตลอดชีวิต
 
จากกระแสเกาหลีที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยตลอดเวลาหลายปีมานี้ อาจจะทำให้ใครหลายคนอยากจะรู้จักกับวัฒนธรรม K-POP กันให้มากขึ้น เราจึงอยากให้คุณอ่านบทความนี้ให้จบ

  ประเทศเกาหลีใต้ เป็นประเทศที่ส่งออกอุตสาหกรรมบันเทิงเป็นอันดับต้นๆของโลก ไม่ว่าจะเป็นภาพยนต์ รายการวาไรตี้ ซีรี่ส์ เพลง หรือแม้แต่ตัวศิลปินเอง โดยรวมที่ถูกเรียกว่า K-POP สิ่งเหล่านี้แทรกซึมวัฒนธรรมเกาหลีออกไปขายทั่วโลก กลายเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมาย และสร้างเม็ดเงินมหาศาลให้กับประเทศเกาหลีใต้ อุตสาหกรรมบันเทิงทุกสิ่งถูกสนับสนุนอย่างจริงจังโดยรัฐบาล ทุกอย่างจึงมีการแข่งขันที่สูงลิบ เข้มข้น และจริงจัง
 
นักร้องหรือที่ชาวเกาหลีเรียกว่าไอดอล จึงกลายเป็น 1 ในความฝันของวัยรุ่นเกาหลี เพราะมันนำมาซึ่งชื่อเสียง เงินทอง และการยอมรับจากคนรอบข้าง และด้วยการแข่งขันที่เข้มข้นนี้ จึงทำให้มีโรงเรียนสำหรับการฝึกเพื่อเป็นศิลปินโดยเฉพาะ โดยรวมจะเรียกว่า "โรงเรียนสอนศิลปะ" หรือบางคนเรียกว่า "โรงเรียนไอดอล" มีค่าเทอมที่แพงลิบเทียบได้กับโรงเรียนนานาชาติบ้านเรา แต่ทุกคนที่เข้าเรียนยอมแลกเพื่อความหวังที่จะได้เป็นศิลปินหลังจากเรียนจบ หรือเพื่อจะได้ไปเติบโตในสายงานศิลปะแขนงต่างๆตามที่ตนใฝ่ฝัน เรียกว่าเทรนกันตั้งแต่โรงเรียนเลยทีเดียว
 
เด็กวัยรุ่นเกาหลีที่มีความฝันที่จะเป็นไอดอลนั้นมีมากมายเกินกว่าที่คุณจะนึกถึง รวมถึงเด็กที่ไม่ได้มีต้นทุนมากพอที่จะเรียนในโรงเรียนศิลปะ ค่ายเพลงในเกาหลีใต้จึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มีตั้งแต่ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ ไปจนถึงค่ายเพลงตึกแถวที่ไม่มีแม้แต่เครื่องปรับอากาศ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนที่มีความฝันถอยร่นกลับไป แต่ยังคงถาโถมเข้ามาสู่เส้นทางนี้มากมาย แต่จะมีเพียงกี่คนที่จะได้ไปถึงฝันที่วาดไว้
 
ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ในเกาหลีใต้ มีภาษีที่ได้เปรียบและสามารถดันเด็กโนเนมให้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ได้ในชั่วข้ามคืน ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่เหล่านี้จึงเป็นเป้าหมายที่ทุกคนต้องการเข้าไปเพื่อเป็นเด็กฝึกหัด เป็นบันไดขั้นต่อไปในการเป็นศิลปิน แต่การที่จะได้เข้าไปเป็นเด็กฝึกหัดในค่ายยักษ์ใหญ่นั้นถือว่าเป็นงานหิน ค่ายจะคัดเลือกเด็กจากการแข่งขันต่างๆตามงานประกวดหรือตามสถานที่ต่างๆโดยทีมแคสติ้งของค่ายนั้นๆ (หรือที่บ้านเราเรียกว่าแมวมองนั่นแหละ) หรือบางคนที่คิดว่าตัวเองมีความสามารถก็เลือกที่จะเดินเข้ามาสมัคร(Audition) ด้วยตัวเองก็มี
 
แต่การที่ได้เข้ามาในค่ายแล้วก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะได้ออกอัลบั้มเป็นศิลปิน!! ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในค่ายเพลง ทุกคนจะต้องมีการฝึกร้อง ฝึกเต้น ฝึกภาษา และอื่นๆอีกมากมาย แต่การฝึกที่เราบอกคุณไม่ได้เหมือนกับการไปโรงเรียนแล้วกลับบ้าน การฝึกฝนจะเป็นไปอย่างเข้มข้น เด็กฝึกที่เดินทางมาไกลจะต้องอยู่หอพักที่ทางค่ายจัดเตรียมไว้ให้ร่วมกับเด็กฝึกคนอื่นๆ กินนอนและใช้ชีวิตร่วมกัน ทุกคนที่มีสถานะเป็นเด็กฝึกหัดจะต้องทำตามกฎอย่างเคร่งครัด และถูกห้ามมีแฟนอย่างเด็ดขาด ทุกคนจะมีตารางการฝึกที่ตายตัว ระยะเวลาในแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 8-10 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้นสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐาน วนอยู่อย่างนี้ตลอด 6 วันใน 1 สัปดาห์ ในการฝึกคุณยังจะมีคู่แข่งซึ่งเป็นเด็กฝึกด้วยกันอีกเป็นสิบๆคน ค่ายเพลงจะมีการประเมินคุณภาพของเด็กฝึกทุกๆสัปดาห์ ทุกๆเดือน เด็กที่หอบความฝันมาแต่ไม่สามารถผ่านมาตรฐานและการประเมินก็แปลว่าต้องกลับบ้านไป นั่นหมายความว่า "จะต้องผ่านการประเมินเท่านั้น" จึงจะมีโอกาสได้อยู่เป็นเด็กฝึกหัดต่อไป
 
ในการที่จะผ่านการประเมินสุดหินได้นั้น การซ้อม ซ้อม และซ้อม อย่างเอาเป็นเอาตายจึงเป็นเรื่องปกติของเด็กฝึกหัดในค่ายเพลงต่างๆ
 
เด็กบางคนที่เดินทางมาไกลจากต่างจังหวัด บางคนมาจากต่างประเทศ จึงจำเป็นต้องทำให้ได้เพื่อไม่ให้การเดินทางมาไกลของตนนั้นสูญเปล่า การซ้อมอย่างหนักเท่านั้นจึงเป็นคำตอบ การซ้อมนั้นแสนสาหัสเกินกว่าที่คนนอกจะรู้ เด็กฝึกบางคน ฝึกหนักจนถึงเช้าและไปโรงเรียนต่อในวันรุ่งขึ้น บางคนฝึกหนักจนเกินขีดจำกัดของร่างกายต้องหามส่งโรงพยาบาลกันเป็นเรื่องปกติ หรือเกิดอาการบาดเจ็บเรื้อรังจนไม่สามารถเป็นเด็กฝึกหัดได้อีกต่อไป หลายๆคนจำเป็นต้องดร็อปเรียนหรือลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาทุ่มเทเวลาให้กับการฝึกซ้อมในแต่ละวัน ที่โหดร้ายกว่านั้นคือ ถึงต่อให้ผ่านการประเมินจนระยะเวลาผ่านไปหลายปีก็อาจจะไม่ได้เดบิวต์เป็นศิลปินก็เป็นได้ จนทำให้หลายๆคนยอมแพ้กับความฝันบนเส้นทางสายนี้และท้ายที่สุดก็หลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่คน
 
แต่นั่นคือชีวิตของเด็กฝึกที่มีค่ายเพลงยักษ์ใหญ่เป็นนายทุน แล้วชีวิตของเด็กฝึกค่ายเล็กๆล่ะ? ให้ลองเอาความลำบากทั้งหมดที่พูดไปนั้นคูณสิบ เพราะทั้งหมดนั้นพวกเขาจะต้องดิ้นรณด้วยตัวเองแทบทั้งหมด ค่ายเล็กๆไม่มีทุนมากพอจะเช่าหอพักไว้สำหรับเด็กฝึก ถึงมีก็เป็นเพียงอพาร์ทเม้นท์เล็กๆที่แสนอึดอัดไม่ต่างอะไรจากหอพักนักศึกษา รายจ่ายเรื่องการเดินทางและอาหารการกินพวกเขาจะต้องดูแลตัวเอง เด็กหลายคนที่ครอบครัวไม่สนับสนุนก็ต้องดิ้นรณหารายได้เสริมมาเพื่อความฝันของตน การฝึกซ้อมในห้องเล็กๆกับใจที่มีความฝันยิ่งใหญ่นั้นมันช่างแสนเจ็บปวด
 
แต่สำหรับคนที่ผ่านการประเมิณสุดโหดจนสามารถยืนหยัดอยู่ได้ รางวััลตอบแทนนั่นคือการได้รับเลือกให้เป็นศิลปินคนต่อไปของค่าย หรืออาจจะเป็นคนแรก! บางคนที่อดทนรอมานานถึง 7 ปี บางคน 10 ปี เป็นความยาวนานที่คุณคิดไม่ถึงใช่ไหมล่ะ? ต่่่่อไปนี้เส้นทางของการเป็นเด็กฝึกกะโปโลในค่ายเพลงก็สิ้นสุดลงและประตูแห่งชื่่อเสีีียงก็เปิดขึ้น
 
เมื่อประตูแห่งชื่อเสียงเปิดแล้ว หน้าที่ของศิลปินหน้าใหม่คือต้องคว้าโอกาสนั้นไว้ให้ได้!! ศิลปินเกาหลีมีเยอะจนจำชื่อไม่หมด ค่ายเพลงน้อยใหญ่ต่างปล่อยศิลปินของตัวเองออกมาฟาดฟันกันในสนามแข่งไม่เว้นแต่ละวัน เรียกว่ามีศิลปินหน้าใหม่เกิดขึ้นแทบจะทุกสัปดาห์ก็ว่าได้ และแน่นอน ในสนามของการแข่งขันก็จะต้องมีผู้ที่แพ้ และผู้ชนะ
 
สำหรับประเทศเกาหลีใต้แล้ว รายการเพลงคือหัวใจสำคัญที่เป็นตัวขับเคลื่อนวงการเพลง รายการเพลงนั้นจะให้ศิลปินทุกคนได้ขึ้นแสดงซึ่งมีมากมายหลายรายการ มีการแข่งขันกันทางยอดขายอัลบั้ม ยอดดิจิตอลดาวน์โหลด ยอดโหวตต่างๆจากแฟนเพลง และวัดกันสัปดาห์ต่อสัปดาห์ เป็นยอดที่เรียกว่าชี้ชะตาของศิลปินคนนั้นว่าจะปังหรือแป้ก โดยศิลปินจะสลับสับเปลี่ยนไปทุกสัปดาห์ จนเกิดการแข่งขันสุดโหดในรายการเพลงที่ศิลปินถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในสัปดาห์ที่ตัวเองโปรโมท ทุกอย่างจะถูกเก็บเป็นสถิติและชี้วัดระดับชื่อเสียงของพวกเขา แน่นอนว่าทั้งหมดจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ หากศิลปินเหล่านั้นไม่ได้รับการสนับสนุนจากแฟนๆของพวกเขา ดังนั้นสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งนั่นก็คือ "แฟนคลับ" การจะทำอย่างไรให้คนเหล่านั้นมาเป็นแฟนเพลงและติดตามผลงานของพวกเขา ทำอย่างไรให้คนทั่วๆไปมีความรักและผูกพันต่อพวกเขาจนกลายมาเป็นแฟนคลับในที่สุด
 
การมีแฟนคลับ นั่นหมายถึงการที่จะมีคนคอยซัพพอร์ทและทุ่มเทให้พวกเขามากมาย ยอดอัลบั้มที่พวกเขาต้องการ ยอดโหวต ยอดดาวน์โหลดต่างๆ จะหลั่งไหลมาหาพวกเขา รวมถึงชื่อเสียง เงินทอง สิ่งต่างๆล้วนบันดาลได้หากมีแฟนคลับ
 
แน่นอนว่าเมื่อเกิดการแข่งขันขึ้น สำหรับศิลปินนั้นจึงต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล ทั้งจากค่ายเพลง และจากแฟนคลับ
 
สำหรับไอดอลที่มีชื่อเสียงก็ใช่ว่าจะมีความสุขอยู่่่่่ตลอดเวลา ชื่อเสียงของพวกเขานำพาสิ่งดีๆเข้าหา รวมถึงดึงดูดสิิ่งที่ไม่น่าเข้าหามาเช่นกััน ชื่อเสียงของพวกเขานั้นต้้้้้้องแลกมาด้วยชีวิตส่วนตัวที่่่่่่หายไปเรียกว่าเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ พวกเขามีเวลาส่วนตัวเพียงแค่เวลานอนเท่านั้น แฟนคลับต่่่างพากัันอยากรูู้ในทุกๆก้้้าวที่เขาเดินไป อยากรู้ทุกๆอย่างเกี่ยวกับพวกเขาตลอดเวลา นั่นจึงแลกมาด้วยความสุขส่วนตััวที่พวกเขาได้เลือกที่จะสละมันไปแล้วนับตั้งแต่เดินบนเส้นทางนี้...

  ไอดอลที่ดังเป็นพลุแตก จะมีตารางงานที่ยาวเหยียดในทุกๆวันนับตั้งแต่ลืมตาตื่น ในแต่ละวันการใช้ชีวิตส่วนมากของพวกเขาคือการอยู่บนรถตู้ บนเครื่องบิน ไม่ว่าจะกิน งีบหลับ หรือแต่งหน้าแต่งตัว เสร็จจากงานก็ใช่ว่าจะได้กลับบ้าน พวกเขาต้องตรงดิ่งไปห้องซ้อมเพลงต่อตามตาราง จนร่างกายเหนื่อยล้าเต็มทีจึงได้กลับที่พัก อย่างเช่นกลุ่มไอดอลชื่อดังเคยให้สัมภาษณ์ว่าตลอดเวลา 4 ปีที่ผ่านมาเพิ่งจะมีเวลาหยุดอย่างจริงจังเมื่อไม่นานมานี้ สภาพร่างกายของพวกเขาถูกใช้งานอย่างหนักทุกๆวันตลอดเวลาหลายเดือนในการทัวร์คอนเสิร์ตหรือเดินสายโปรโมท
 
สำหรับการรักษาความปลอดภัยของพวกเขานั้นก็สุดแสนจะเข้มงวด พวกเขาจะมีผู้จัดการคอยติดตามและคอยประกบอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งบอดี้การ์ดอีกจำนวนหนึ่ง ทุกๆครั้งที่พวกเขาปรากฏตัว กลุ่มแฟนคลับจำนวนมากจะพากันรุมล้อมพวกเขาราวกับเป็นซอมบี้ที่ไล่ล่ามนุษย์อย่างหิวโหย คุณจึงมักจะเห็นบอดี้การ์ดจำนวนมากในงานคอนเสิร์ตของศิลปินเกาหลี หรือไม่ก็เห็นพวกเขาสวมหน้ากากเพื่อปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวและปกปิดใบหน้าที่ไม่ต้องการให้ใครมองเห็นในยามที่พวกเขาไร้เครื่องสำอางค์
 
แต่ถ้าหากใครอ่านมาถึงตรงนี้ แล้วยังมีความสงสัยอยู่ว่า แล้วทำไม...แฟนคลับเหล่านั้นจึงได้หลงไหลในตัวศิลปินคนนั้นถึงเพียงนี้ เรากำลังจะบอกคุณในบรรทัดต่อไป...
 
ศิลปินเกาหลีถูกจำกัดความด้วยคำว่า "ไอดอล" ซึ่งแปลตรงตัวก็คือ สิ่งที่จับต้องไม่ได้ จับต้องยาก หรือเทพบุตร เทพธิดา อะไรทำนองนั้น พวกเขาถูกฝึกอย่างหนักตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อการมาเป็นไอดอลโดยเฉพาะ ไม่ใช่สิ่งที่ใครก็ทำได้ นอกจากพวกเขาจะมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามราวกับรูปปั้น ความสามารถและความอดทนของพวกเขายังถูกชื่นชมราวกับว่าบุคคลเหล่านี้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นไอดอลเท่านั้น การจะได้ถ่ายรูปกับพวกเขานั้นจะต้องมีการซื้ออัลบั้มจำนวนมากเพื่อแลกกับสิทธิ์ที่จะได้เข้าร่วมงานแจกลายเซนต์หรือได้ถ่ายรูปร่วมกับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงมีมูลค่ามากในแง่ของธุรกิจ และก็มีคุณค่ามากเช่นกันสำหรับแฟนๆของพวกเขา
 
อย่างที่เราได้บอกไป ว่าการจะได้เข้าถึงตัวศิลปินเกาหลีนั้นเป็นเรื่องที่ยาก ทุกอย่างต้องแลกมาด้วยการซื้อหรือเงินของคุณ ทุกอย่างถูกจัดการอย่างเป็นระบบโดยค่ายเพลงต้นสังกัด นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมแฟนคลับจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเข้าถึงตัวพวกเขาทันทีที่มีโอกาส
 
การเข้มงวดต่อความเป็นส่วนตัวของศิลปินนั้นไม่ได้ถูกใช้แค่กับเฉพาะแฟนคลับเท่านั้น สำหรับตัวศิลปินเองก็เช่นกัน พวกเขาจะถูกสั่งห้ามออกไปข้างนอกโดยไม่มีผู้ติดตามไปด้วย ไม่ว่าจะไปกินข้าว ช้อปปิ้ง ผู้จัดการจะอยู่กับพวกเขาเกือบตลอด 24 ชั่วโมง คุณจะไม่มีทางได้เห็นไอดอลเกาหลีชื่อดังเดินช้อปปิ้งอยู่ที่เมียงดงเหมือนเห็นมาริโอ้ที่สยามพารากอนแน่ๆ อีกข้อที่เป็นประเด็นที่สำคัญก็คือ การห้ามมีแฟนหรือห้ามเดทโดยเด็ดขาด ถึงขนาดกับทางค่ายเพลงมีการตั้งกฏเหล็กไว้เลยทีเดียว บางค่ายถึงกับมีการลงโทษหากจับได้ว่ามีการเดทกันเกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้หมายถึงชีวิตที่ถูกตีกรอบและถูกจำกัดในทุกๆด้านของคนๆหนึ่ง
 
การถูกจำกัดความอิสระในการใช้ชีวิตต่างๆ รวมถึงการถูกกดดันจากแฟนคลับและคนรอบข้างนั้นก็สร้างความอึดอัดอย่างมากให้กับศิลปินอยู่แล้ว พวกเขายังต้องแบกความคาดหวังอันสูงลิบของค่ายเพลง ในแง่ของธุรกิจพวกเขาต้องทำกำไรเท่านั้นจึงอยู่รอด หากไม่ได้ตามที่คาดหวังแล้ว สิ่งที่ตามมาคือการถูกโจมตีและกระแสมากมายที่ถาโถมเข้ามาซ้ำเติมพวกเขา หากคิดตามแล้ว มันคงจะเป็นเรื่องที่หนักหนาไม่น้อยที่คนๆหนึ่งจะต้องแบกรับ
 
ความเครียดและความกดดันที่ถูกสะสมมานานหลายปี จนดำเนินไปสู่โรคซึมเศร้าหรืออาการทางจิตอื่นๆที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขา
 
ในวงการบันเทิงเกาหลีใต้มีการแข่งขันที่สูงมาก ในอีกมุมหนึ่ง ธรรมชาติสังคมของประเทศเกาหลีใต้เป็นสังคมที่ค่อนขางจริงจังและเคร่งเครียด จึงทำให้นักแสดงและไอดอลหลายคนในวงการบันเทิงต้องเผชิญกับปัญหาโรคซึมเศร้า จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ ไม่ใช่แค่อาชีพไอดอลและนักแสดงเท่านั้น แต่ประชากรเกาหลีบางส่วนต่างก็มีภาวะซึมเศร้านี้จนเกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้าขึ้นอยู่บ่อยครั้ง
 
อาชีพของพวกเขาที่ต้องฝากชีวิตไว้กับแฟนคลับและชื่อเสียง จึงยิ่งเพิ่มความเครียดขึ้นไปอีกระดับ เพราะเมื่อใหร่ที่มีศิลปินวงใหม่เกิดขึ้นแฟนๆบางส่วนก็อาจจะเปลี่ยนใจไปชื่นชอบวงใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ ดังที่มีคนเคยพูดไว้ว่า "แฟนคลับนั้นอยู่ได้หากไม่มีศิลปิน แต่ศิลปินนั้นอยู่ไม่ได้หากไม่มีแฟนคลับ" นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้วงการเพลงเกาหลีนั้นแข่งขันกันอย่างดุเดือด ศิลปินต้องแบกรับทุกอย่างไว้บนบ่า และไม่ว่าในใจของพวกเขากำลังเจ็บปวดด้วยเรื่องใด สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้นั่นก็คือยิ้มให้กับแฟนๆของพวกเขา เพื่อกลบความอัดอั้นในใจนั้นเอาไว้
 
สำหรับไอดอลที่่่่่่ประสบความสำเร็จและทำกำไรนั้นอาจจะแบกรับเพียงความกดดันเรื่องงานซึึ่งมีีีคนพร้้้อมจะแนะนำและซัพพอร์ท แต่ไอดอลบางกลุ่มที่ไม่ประสบความสำเร็จนั้นจะยิ่งทวีคูณความกดดันอันแสนสาหัสเอาไว้ ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงนี้คุณอาจจะนึกไม่ถึง...
 
ศิลปินที่อยู่ในค่ายเพลงขนาดเล็กถึงเล็กมาก มักจะไม่มีทุนพอในการสนับสนุนหรือดันเด็กให้ถึงฝั่งฝัน ความดิ้นรณจึงมาตกอยู่ที่ตัวของศิลปิน ค่ายเพลงที่ทุนน้อยบางค่ายไม่มีแม้แต่เงินในการจ้างช่างแต่งหน้ามาให้ศิลปิน ไม่มีแม้แต่รถรับส่ง ไม่มีผู้จัดการคอยดูแลความเรียบร้อย เรียกได้ว่าเป็นค่ายที่มีเพียงห้องซ้อมให้เท่านั่น ศิลปินเหล่านี้จำเป็นต้องดิ้นรณทุกวิถีทางเพื่อหางานแสดง งานโชว์ตัวต่างๆเพื่อเอาเงินมาใช้จ่ายและหล่อเลี้ยงความฝันของพวกเขา ถึงแม้มันจะเป็นเพียงงานแสดงริมถนนเล็กๆก็ต้องไป เพื่อทำให้มีคนจำหน้าและรู้จักให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
 
คุณอาจจะถามถึงค่าใช้จ่ายในการจ้างช่างแต่งหน้า(บางคนก็เลือกที่จะแต่งเอง) จ้างรถรับส่ง ใช่แล้ว...พวกเขาก็จะต้องออกกันเองทั้งหมด และนำรายได้มาหักแบ่งกันในภายหลัง แฟนเพลงของพวกเขาที่มีอยู่ก็น้อยนิดไม่สามารถซัพพอร์ทพวกเขาได้มากเท่าที่ควร พวกเขาจึงต้องพยายามอย่างหนัก
 
สำหรับค่ายเล็กๆที่พอจะมีทุนอยู่บ้าง ก็อาจจะมีทุนสนับสนุนต่างๆ มีเงินเช่าหอพักให้ มีเงินทำ MV ให้ มีทุนพอจะให้เด็กฝึกได้ทำศัลยกรรมใบหน้า แต่สิ่งเหล่านี้จะถูกถอนทุนคืนทั้งหมดทันทีที่ได้เดบิวต์เป็นศิลปินเต็มตัว รายได้ของพวกเขาจะถูกหักออกเป็นรายจ่ายนับตั้งแต่ค่าเช่าหอ ค่าทำหน้า และค่าอื่นๆอีกมากมายตลอดเวลาที่ค่ายลงทุนไปกับพวกเขา ในบางวงที่ทำรายได้น้อยก็คงไม่ต้องพูดถึงรายรับ เพราะมันไม่มี!! พวกเขาอาจไม่เคยได้รับเงินค่าเหนื่อยของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ บางคนอาจจะเรียกได้ว่าติดลบ เพราะไม่ดังสักที รายได้จึงไม่พอแต่ก็โดนหักค่าใช้จ่ายไปจนหมด แต่สำหรับวงไหนที่พอจะมีชื่อเสียงหน่อยก็อาจจะเหลือรายได้หลักจากหักทุกอย่างแล้วนิดหน่อยให้พอติดบัญชี
 
ไอดอลชายอาจจะสู้ชีวิตไม่ต่างอะไรกับรายการไมค์ปลดหนี้ของบ้านเรา แต่ไอดอลหญิงคือสิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นมาก กลุ่มไอดอลหญิงบางกลุ่มต้องหันเข้าสู่เส้นทางที่ขายความเซ็กซี่ ชนิดที่เกินเซ็กซี่ไปมาก ท่าเต้นที่ยั่วยวน เสื้อผ้าน้อยชิ้นนั้นทำให้มีคนหันมาสนใจพวกเธอ เพลงที่สื่อถึงเรื่องเพศผสมกับท่าเต้นสุดยั่วยวน แถมมีเนื่อหาที่ล่อแหลมทำให้กลุ่มแฟนคลับผู้ชายให้ความสนับสนุนและยอมเสียเงินซื้อตั๋วเข้ามาดูการแสดงของพวกเธอ
 
ที่เลวร้ายกว่านั้นคือพวกเธออาจต้องเผชิญกับการถูกคุกคามทางเพศ การพยายามล่วงละเมิดจากนายทุนหรือสปอนเซอร์ต่างๆ บางคนถูกบีบบังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับนายทุนหรือโปรดิวเซอร์ เพื่อแลกกับอนาคตในวงการและเพื่อสมาชิกคนอื่นๆในวง โดยที่เราไม่รู้เลยว่าในใจของพวกเธอนั้นอยากทำสิ่งนี้หรือไม่ หรือเพียงเพราะที่ยืนในวงการไอดอลมันน้อยเกินไปจนต้องยอมแลก
 
สิ่งเหล่านี้คือด้านมืดของวงการบันเทิงเกาหลี หากจะว่าไปก็คงจะมีอยู่ในทุกประเทศ หรือแม้แต่บ้านเรา
 
ทั้งหมดนี้คือสิ่งเราอยากจะบอกกับคุณ ที่พวกเขาต้องเผชิญหรืออาจเป็นแค่ส่วนหนึ่งกับความเจ็บปวดที่ต้องปิดบังไว้ภายใต้รอยยิ้มของพวกเขา หากไม่ใช่แฟนคลับแล้วคงจะมีคนนอกเพียงไม่กี่คนที่มองพวกเขาด้วยใจที่ปราศจากอัคติ และหากจะว่าไปพวกเขาก็คือคนธรรมดาคนหนึ่งที่เพียงได้ทำตามความฝันของพวกเขา บทความนี้อาจจะทำให้คุณได้มองเห็นอีกแง่มุมหนึ่งของวงการ K-POP มากขึ้น หรืออาจทำให้หลายคนได้ทำความรู้จักกับอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น
 

แสดงความคิดเห็น